📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ตอนที่ 99

บทที่ 99 - แบ่งปันข้อมูล
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

และความลับนี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเสียงขอความช่วยเหลือที่ข้าได้ยินมากกว่าครึ่ง ถึงขั้นที่ว่า…ถึงขั้นที่ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นก็เพราะข้า…สวี่ชีอันตกใจในการคาดเดาของตัวเอง

เขาเป็นตำรวจฝ่ายอาชญากรรมผู้เติบใหญ่แล้ว มีตรรกะความคิดละเอียดรอบคอบ จึงไม่ได้เชื่อสนิทใจว่าตนคือ ‘ฆาตกรตัวจริง’ ในทันที แต่กล่าวอย่างเด็ดขาดว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัย

เรื่องราวยังมีความเป็นไปได้อื่นอยู่อีก แม้ว่าจะตรวจสอบจากซ่งถิงเฟิงและจูกว่างเสี้ยวดูแล้วรู้ว่ามีเพียงเขาคนเดียวที่ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือก็ตาม

แต่ยังไม่แน่หรอกว่าจะเป็นตัวเขาที่ทำให้เกิดความวุ่นวายเช่นนี้

ทะเลสาบซังผอมีความลับซ่อนอยู่ อีกอย่างก็เป็นความลับที่มีเพียงจักรพรรดิหยวนจิ่งผู้เดียวที่รู้ เป็นไปได้ว่าความวุ่นวายครั้งนี้อาจจะเกิดขึ้นอยู่แล้ว เพียงแต่เป็นเพราะความพิเศษของตัวเขา จึงได้ยินเสียงที่ไม่ควรได้ยินขึ้นมา

‘ความพิเศษของตัวข้า…น่าจะเป็นความสามารถเก็บเงินได้อย่างน่าประหลาดนี่แหละ’ ความรู้สึกของสวี่ชีอันซับซ้อนยิ่ง มีทั้งความกระหายรู้อย่างแรงกล้าและความกังวลใจที่จะตามหาความจริง เพราะกลัวว่านั่นจะเป็นสิ่งที่ตนในวัยแบบนี้จะทนรับไม่ไหว

ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดพิธีบวงสรวงบรรพบุรุษก็เสร็จสิ้น

ทหารรักษาพระองค์และบุคคลระดับสูงของหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลคุ้มครองเชื้อราชวงศ์และขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งหลายจากไป พวกสวี่ชีอันจึงเลิกงานได้อย่างโล่งอก

“แปลกจริง ที่แท้แล้วมีอะไรอยู่ในวัดหย่งเจิ้นซานเหอกันแน่”

ระหว่างทางกลับ ซ่งถิงเฟิงมีสีหน้าผ่อนคลาย เริ่มซุบซิบนินทาระบายเรื่องที่อยู่ในใจ

“เบิกตาดูทางด้วย หลี่หรงเฮ่า[1]” สวี่ชีอันหัวเราะพลางเล่นมุก พยายามเบี่ยงเบนความสนใจของตนเพื่อให้ใจสงบ

“ผู้ใดคือหลี่หรงเฮ่า” ซ่งถิงเฟิงถามกลับด้วยความสงสัย

สวี่ชีอันไม่สนใจเขา

เหล่าฆ้องทองแดงคนอื่นๆ ก็กำลังพูดถึงความผิดปกติเมื่อครู่เช่นกัน

“เมื่อครู่คือปราณกระบี่ใช่หรือไม่ ข้าไม่เคยเห็นปราณกระบี่ที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อน แม้แต่ฆ้องทองคำจางที่เลี้ยงดูจิตกระบี่ก็ยังเทียบไม่ได้เลย” ฆ้องทองแดงผู้หนึ่งกล่าว

“ตกใจหมด เมื่อครู่ข้าคิดว่าจะมีนักฆ่าเสียแล้ว ข้าว่านักฆ่าที่น่ากลัวขนาดนี้จะเข้ามาในเมืองหลวงได้อย่างไร เมืองหลวงของพวกเขามีทั้งท่านโหราจารย์และท่านราชครูประจำอยู่เชียวนะ”

“พวกเจ้าว่าในวัดนั่นมีอะไรอยู่กันแน่”

คำถามนี้ทำให้เหล่าฆ้องทองแดงต่างมองหน้ากัน ตอบไม่ได้

“มันคือกระบี่ที่องค์จักรพรรดิผู้ก่อตั้งอาณาจักรใช้สู้ศึกในสนามรบเมื่อสมัยนั้น” สวี่ชีอันกล่าว

ทุกคนพากันหันมามอง ท่าทีของพวกฆ้องทองแดงในหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลต่อสวี่ชีอันมีอยู่สองขั้ว

บางคนอยากคบหากับเขา บางคนก็อิจฉาริษยาเขา

ถึงอย่างไรก็เป็นผู้ที่สามารถทำให้ฆ้องทองคำสองคนต่อสู้แข่งกันยกใหญ่ได้ ต่อไปเจ้าหนูนี่จะต้องมีอนาคตไร้ที่สิ้นสุดแน่นอน อย่างน้อยก็ต้องได้เป็นฆ้องเงิน

“เจ้าจะไปรู้อะไร” มีคนเอ่ยเยาะเย้ยขึ้นมา

“ไปถามศิษย์พี่รุ่นก่อนเอาเองสิ” สวี่ชีอันก็ยิ้มเยาะเช่นกัน

คนเหล่านี้ล้วนเป็นฆ้องทองแดงอายุน้อย ไม่ค่อยรู้เรื่องสงครามด่านซานไห่นัก แต่ฆ้องทองแดงและฆ้องเงินคนเก่าๆ น่าจะรู้เรื่องในอดีตที่จักรพรรดิหยวนจิ่งได้อัญเชิญกระบี่เทพออกมามอบให้อ๋องสยบแดนเหนือดี

ที่น่าพูดถึงคืออ๋องสยบแดนเหนือดำรงตำแหน่งชินอ๋อง[2] เป็นน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิหยวนจิ่ง

ราชทินนามที่แท้จริงคือไหวอ๋อง

อ๋องสยบแดนเหนือคือคำเรียกอย่างเคารพของไหวอ๋อง เพราะเขารักษาการณ์อยู่ทางเหนือ คอยสยบชนเผ่าทุ่งหญ้าพวกนั้น

ชินอ๋องมีอยู่มากมาย แต่อ๋องสยบแดนเหนือมีเพียงคนเดียว

เมื่อสังเกตเห็นกลิ่นความขัดแย้งของสวี่ชีอันกับฆ้องทองแดงผู้นั้นแล้ว ฆ้องทองแดงทุกคนก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นอย่างแนบเนียน

พิธีบวงสรวงบรรพบุรุษครั้งนี้น่าตกใจแต่ไม่มีอันตราย เมื่อภารกิจเสร็จลุล่วงด้วยดีแล้ว เหล่าฆ้องทองแดงก็พูดคุยปรึกษากันว่ายามเย็นจะไปที่สำนักสังคีตหรือหอนางโลมที่คุ้นเคยแห่งไหนดี

นี่เป็นยุคสมัยที่แห้งแล้งน่าเบื่ออย่างยิ่ง กิจกรรมบันเทิงและการเข้าสังคมของเหล่าชายหนุ่มนั้น นอกจากจะไปฟังดนตรีที่หอคณิกาแล้ว ก็มีเพียงไปนอนกับผู้หญิงที่หอนางโลมเท่านั้น

น่าเบื่อจริงๆ!

เมื่อกลับมายังที่ว่าการหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล ทันใดนั้นสวี่ชีอันก็ใจสั่น รู้แล้วว่า ‘กลุ่มแชทหนังสือปฐพี’ เกิดการเคลื่อนไหว

เขาอ้างว่าจะไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นจึงหยิบกระจกหยกใบเล็กออกมา มองเห็นนักบวชเต๋าจินเหลียนกำลังเรียกปรึกษาตนกับหมายเลขหนึ่ง

‘เก้า: หมายเลขหนึ่ง หมายเลขสาม พิธีไหว้บรรพบุรุษเสร็จสิ้นแล้วเกิดเรื่องอะไรหรือถึงได้วุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้’

หมายเลขหนึ่งไม่ได้ตอบกลับ แต่เป็นคนอื่นที่มากินเผือกอย่างคึกคักอย่างยิ่งแทน

‘สอง: ท่านนักบวช พูดเช่นนี้หมายความว่าอะไรหรือ จักรพรรดิหยวนจิ่งเจอมือสังหารในพิธีไหว้บรรพบุรุษหรือ ตายหรือยัง ฮ่าๆ’

สวี่ชีอันกล้ายืนยันเลยว่าหมายเลขสองผู้นี้ต้องไม่ใช่คนในราชสำนักแน่นอน นอกจากว่าเขา (นาง) ไม่คิดจะพบหน้าหมายเลขหนึ่งกับตนไปชั่วชีวิต

ถ้าหากวัยรุ่นขี้โมโหหมายเลขสองผู้นี้มีชีวิตอยู่ในยุคสมัยของข้าล่ะก็ คงถูกตำรวจประชาชนตามหาทางอินเทอร์เน็ตแล้วไปเชิญมากินข้าวแดงที่สถานีตำรวจบ่อยๆ แน่

‘เก้า: ข้ากำลังนั่งสมาธิอยู่ แต่จู่ๆ ก็มองเห็นปราณกระบี่สายหนึ่งจากทะเลสาบซังผอพุ่งทะลวงผ่านท้องฟ้าไป เหมือนกับปราณใสทะลวงขึ้นฟ้าของสำนักอวิ๋นลู่ในวันนั้น’

‘สอง: ยอดฝีมือคนไหนมาลอบสังหารล่ะ’

‘เก้า: กระบี่สมบัติประจำอาณาจักรเล่มนั้นคือกระบี่ของจักรพรรดิผู้ก่อตั้งต้าฟ่ง หลังจากต้าฟ่งก่อตั้งอาณาจักรแล้ว มันก็ถูกชำระล้างด้วยโชคชะตาของอาณาจักรทุกวันจนกลายเป็นสมบัติที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับชะตาของอาณาจักรต้าฟ่ง ตามหลักแล้ว อาวุธหนักๆ เช่นนี้ไม่น่าจะเกิดความผิดปกติขึ้นได้’

หลังจากหมายเลขสองพูดจบ นักบวชเต๋าจินเหลียนหมายเลขเก้าก็ส่งข้อความต่อมาติดๆ

หมายเลขสองเห็นว่าตนเขียนแทรกแล้ว จึงไม่ได้เอ่ยอะไรอีก รออยู่สิบกว่าวินาที เมื่อเห็นว่านักบวชเต๋าจินเหลียนพูดจบแล้ว เขา (นาง) จึงส่งข้อความต่อ

‘สอง: ดังนั้นแล้ว ที่แท้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่’

‘สี่: อะไรนะ กระบี่เทพคุ้มเมืองคืนชีพแล้วหรือ มียอดฝีมือระดับหนึ่งไปที่เมืองหลวงแห่งต้าฟ่งแล้วดึงดูดอาวุธเทพชิ้นนั้นใช่หรือไม่ ไม่อย่างนั้น ข้าก็คิดไม่ออกแล้วว่าจะมีเหตุผลอะไรที่ทำให้กระบี่เทพคุ้มเมืองฟื้นคืนมาได้’

เห็นได้ชัดว่าหมายเลขสี่ตกใจมาก เขาเคยเป็นขุนนางในราชสำนัก เข้าใจเรื่องของต้าฟ่งดีไม่น้อยไปกว่าหมายเลขหนึ่งและหมายเลขสาม ถึงขั้นมากยิ่งกว่าด้วยซ้ำ

‘ห้า: ข้าสนใจแค่ว่าจักรพรรดิแห่งต้าฟ่งตายหรือไม่เท่านั้น ถ้าเขาตาย หม่าม้า[3]จะได้เอาไปบอกอาเตี่ย[4]’

แม่จ้าว…หมายเลขห้าเป็นสตรีหรอกเหรอ สวี่ชีอันดวงตาเป็นประกาย

‘สี่: บอกอาเตี่ยของเจ้าหรือ พวกเจ้าคิดจะทำอะไร’

‘ห้า: ย่อมต้องส่งทัพไปตีชายแดนแล้วแย่งเสบียงกับผู้หญิงของต้าฟ่งมาน่ะสิ ว่ะฮ่าๆๆๆ’

ไม่เกินความคาดหมาย หมายเลขห้าเป็นชาวต่างแดนจริงด้วย ไม่อย่างนั้นคงไม่กระจ่างแจ้งเรื่องประวัติศาสตร์ของอาณาจักรหมื่นปีศาจหรอก อืม อาณาจักรหมื่นปีศาจอยู่ที่หนานเจียง เช่นนั้นหมายเลขห้าน่าจะไม่ใช่คนของชนเผ่าทางเหนือ

แล้วเป็นชนเผ่าหมานทางใต้หรือว่าชนเผ่าหมานทางตะวันออกกันล่ะ

ตอนนี้เองหมายเลขหนึ่งก็ออนไลน์แล้วโนเวลกูดoทคอม

‘หนึ่ง: พิธีบวงสรวงบรรพบุรุษเสร็จสิ้นแล้ว การฟื้นคืนชีพของกระบี่เทพภายในวัดหย่งเจิ้นซานเหอทำให้เกิดความวุ่นวายเล็กน้อย ตอนนี้กลับมาสงบอีกครั้งแล้ว จักรพรรดิหยวนจิ่งเสด็จเข้าไปในวัดหนึ่งเค่อ ไม่รู้ว่าทรงไปทำสิ่งใด’

‘เก้า: อา ไม่เกินความคาดหมาย ซังผอมีความลับอยู่จริงๆ เกรงว่าความลับนี้คงมีเพียงราชวงศ์เท่านั้นที่รู้’

‘หนึ่ง: ท่านนักบวชรู้มากแค่ไหนหรือ’

สวี่ชีอันตื่นเต้น

‘เก้า: ตัวข้าเป็นเพียงนักบวช ไม่ได้รู้ความลับอะไรนัก เพียงแต่ก่อนที่ปราณกระบี่จะพุ่งขึ้นฟ้า ข้ามองเห็นว่ามีไอมารรวมตัวอยู่ทางพระราชวัง’

‘หก: อาตมาก็สังเกตเห็นเช่นกัน แต่เกิดอยู่แค่ชั่วครู่ก็หายไป’

ศิษย์สำนักพุทธหมายเลขหกเอ่ยแทรก

นิกายปฐพีฝึกฝนกุศลบุญ คงจะมีเคล็ดวิชาสังเกตปราณที่คล้ายคลึงกับวิชามองปราณอยู่…ข้าไม่ค่อยรู้เรื่องสำนักพุทธนัก แต่ตามหลักเหตุผลทั่วไปแล้ว คิดว่าคงมีสัมผัสไวต่อไอมารไอปีศาจอยู่พอสมควร

สวี่ชีอันเฝ้าจอเงียบๆ

‘สอง: ก็หมายความว่าตอนที่ทำพิธีไหว้บรรพบุรุษมีปีศาจใหญ่หรือบุคคลสายมารเข้ามาใกล้เมืองหลวง ดังนั้นจึงทำให้กระบี่เทพคุ้มเมืองตื่นตัวจนฟื้นขึ้นมา แล้วข่มให้ยอดฝีมือลึกลับผู้นั้นถอยไป’

หมายเลขสองทำการวิเคราะห์

‘สี่: แม้ว่าเมืองหลวงจะมีท่านโหราจารย์ประจำอยู่ แต่ถ้าหากอีกฝ่ายเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดของโลกเช่นกัน เช่นนั้นก็สามารถเข้าใกล้พระราชวังได้ทันที’

‘หก: ยอดฝีมือระดับหนึ่งมีจำนวนนับนิ้วได้ ใครจะมาก่อเรื่องที่เมืองหลวงในเวลาเช่นนี้กัน’

ไม่มีใครพูดอะไรอยู่พักหนึ่ง ทุกคนคงจะเปรียบเทียบอยู่ในใจ มีการคาดเดาของตนเองอยู่

แต่สวี่ชีอันรู้ว่าไม่ใช่ยอดฝีมือระดับหนึ่งมาก่อเรื่องอะไรหรอก ปัญหาน่ะมาจากทะเลสาบซังผอเองต่างหาก

‘สี่: นักบวชเต๋าจินเหลียน ปราณกระบี่พุ่งขึ้นฟ้าเกิดขึ้นเมื่อไหร่หรือ’

‘เก้า: หนึ่งชั่วยามก่อน เจ้าถามไปทำไมหรือ’

เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อน…ตอนที่หมายเลขสามถามหาข้อมูลของทะเลสาบซังผอก็คือหนึ่งชั่วยามก่อนพอดี แทบจะเป็นจังหวะเดียวกัน…

จากท่าทีที่หมายเลขสามแสดงออกมาในตอนนั้น เขาดูอยากจะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับซังผออย่างเร่งด่วนยิ่งนัก

หมายเลขสี่นึกย้อนไปถึงคำถามของหมายเลขสามเมื่อไม่นานมานี้ แล้วเชื่อมโยงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพิธีบวงสรวงบรรพบุรุษ เห็นได้ชัดอย่างยิ่งว่าหมายเลขสามไม่ได้ถามขึ้นมาโดยไร้เหตุผล

หมายเลขสามเป็นศิษย์ของลัทธิขงจื๊อ เชี่ยวชาญด้านหนังสือประวัติศาสตร์อย่างดี ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้ประวัติของซังผอ แล้วเหตุใดถึงต้องมาถามในหนังสือปฐพีโดยไม่จำเป็นด้วยเล่า

ตัวหมายเลขสี่เองก็รู้ประวัติศาสตร์ของซังผอ ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะแทนตัวเองเข้าไปในมุมมองของหมายเลขสาม

‘ถ้าหากข้าได้เข้าร่วมพิธีบวงสรวงบรรพบุรุษของราชวงศ์แล้วเกิดเรื่องนี้ขึ้นกลางคันล่ะก็ ข้าจะต้องทำความเข้าใจสถานการณ์โดยเร็วที่สุด จากนั้นจึงค่อยปรึกษาสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงกับสมาชิกพรรคฟ้าดิน และจะต้องสรุปผลลัพธ์ออกมาว่าอาจมียอดฝีมือระดับหนึ่งมาก่อเรื่องแน่ แต่หมายเลขสามไม่ได้ทำ หมายเลขสามตั้งใจถามเรื่องประวัติของซังผอมาก หมายเลขสามไม่มีทางเป็นคนโง่เง่า กลับกัน เขาเป็นคนฉลาดอย่างยิ่ง’

หมายเลขสี่อนุมานเงียบๆ ว่า ‘เขาเป็นนักเรียนของสำนักอวิ๋นลู่ ไม่น่าจะเอ่ยถามเรื่องพวกนี้ทั้งที่ไม่จำเป็น เว้นแต่ว่าเขาได้พบอะไร ดังนั้นจึงเกิดความสงสัยถึงประวัติศาสตร์ที่ตนเคยร่ำเรียนมาก่อนหน้านี้ สงสัยว่าตนเข้าใจซังผอได้ถูกต้องหรือไม่’

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หมายเลขสี่ก็ตกตะลึง เขาได้ข้อสรุปที่ทำให้ตัวเองต้องประหลาดใจแล้ว

ปัญหาอยู่ที่ซังผอ หมายเลขสามสอดแนมได้เบาะแสบางอย่างและความจริงข้อนี้ก็ทำให้เขาสงสัยในความรู้ของตน

‘สี่: หมายเลขสาม เจ้ารู้เรื่องอะไรบางอย่างใช่หรือไม่ ตอนนั้นเจ้าก็อยู่ในที่เกิดเหตุ หลังจากเจ้าถามเกี่ยวกับเรื่องของซังผอเสร็จแล้ว กระบี่คุ้มเมืองก็เกิดปฏิกิริยาทันทีแล้วทำให้เกิดการเคลื่อนไหวใหญ่โตเช่นนี้ขึ้น นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่’

ข้อความที่หมายเลขสี่ส่งมาทำให้สมาชิกทุกคนของพรรคฟ้าดินมีการตอบสนอง

ที่แท้เมื่อครู่ที่หมายเลขสี่ถามนักบวชเต๋าจินเหลียนถึงเวลาที่ปราณกระบี่พุ่งขึ้นฟ้าก็มีเหตุผลเช่นนี้

ขณะที่ความคิดของเหล่าผู้ถือครองชิ้นส่วนมีหลากหลาย หมายเลขสี่ก็ส่งข้อความต่อ ‘หมายเลขสาม เจ้าเป็นศิษย์ของสำนักอวิ๋นลู่ เจ้าต้องรู้ประวัติของซังผอสิ แม้ว่าสำนักอวิ๋นลู่จะถอนตัวออกจากราชสำนักมาสองร้อยปีแล้ว แต่ก็มีภูมิหลังล้ำลึก บันทึกประวัติศาสตร์ซังผอในหอเก็บตำราของสำนักน่าจะละเอียดกว่าที่ข้าบอกนะ ตอนนั้นข้าก็รู้สึกแปลกๆ แล้วว่าทำไมเจ้าต้องถามเช่นนี้ด้วย’

ไม่ใช่ ข้าไม่รู้จริงๆ…สวี่ชีอันไม่รู้ว่าควรจะอธิบายอย่างไรดี เสียงร้องขอความช่วยเหลือที่น่ากลัวนั่นทำให้เขาสติแตก ภายใต้สถานการณ์แบบนั้น เดิมทีก็ไม่มีทางคิดถึงการรักษาบุคลิกเอาไว้ได้หรอก

‘สี่: เพราะว่าเจ้าเกิดความสงสัยถึงความรู้ของเจ้า เจ้าคิดว่าประวัติซังผอที่เจ้าได้เรียนก่อนหน้านี้เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะไม่ถูกต้องสินะ’

ทุกคนนึกขึ้นได้ทันที ‘ที่แท้ก็เป็นเรื่องเช่นนี้’

สวี่ชีอันนึกขึ้นได้ทันที ที่แท้ข้าก็คิดเช่นนี้

หมายเลขสี่ช่างเป็นนักวิเคราะห์เหตุผลจริงๆ…อืม แม้ว่าจะเดาได้ไม่ถูกต้อง แต่จำต้องยอมรับว่าเขาความรู้สึกไวอย่างยิ่ง เป็นผู้ที่ตอบสนองได้ไวที่สุดในบรรดาคนทั้งหมดเลย ไม่แปลกที่จะเป็นบัณฑิตผู้เคยเข้ารับราชการในราชสำนัก

‘สอง: ช้าก่อน ถ้าพูดอย่างนี้แล้ว ปัญหาก็มาจากซังผอเอง ไม่ได้มียอดฝีมือระดับหนึ่งเข้าไปแทรกแซงอย่างนั้นหรือ’

‘สี่: นี่ต้องถามหมายเลขสามแล้ว’

‘ห้า: หมายเลขสาม เหตุใดไม่กล่าวอะไรเล่า รีบบอกพวกเราสิ’

เมื่ออ่านถึงตรงนี้สวี่ชีอันก็ตัดสินใจจะไม่เงียบอีกต่อไป เขาใช้นิ้วต่างพู่กัน เขียนตัวอักษรลงไปว่า

‘เฮ้อ ข้ารู้เรื่องวงในบางอย่างที่ยังไม่มีใครรู้จริงๆ’

………………………………..

[1] หลี่หรงเฮ่า นักร้องนักแต่งเพลงชาวจีน มีดวงตาเล็กๆ ชั้นเดียวจึงถูกนำไปล้อเลียนบ่อยๆ

[2] ชินอ๋อง เป็นตำแหน่งองค์ชายในพระจักรพรรดิ

[3] หม่าม้า ภาษาจีน แปลว่า แม่ มารดา

[4] อาเตี่ย ภาษาจีน แปลว่า พ่อ บิดา

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Nightwatcher, Dafeng's Night Squad, Great Feng's Nightwatchers The Nightwatchers of Feng 大奉打更人, วิถียุทธ์คนเคาะยามแห่งต้าเฟิ่ง(siaminter), Guardians Of The Dafeng(ซีรีส์)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , , ต้นฉบับ: 951 Chapters (จบแล้ว)
สวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน….. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset