📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ตอนที่ 97

บทที่ 97 - การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

เสียงนั้นน่าสยดสยองมากเสียจนทำให้สวี่ชีอันขนลุกซู่ทั้งแผ่นหลังในทันใด และต้องหันกลับไปมองยังทะเลสาบซังผอโดยอัตโนมัติ

หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลที่เฝ้ายามโดยรอบไม่สามารถหันไปมองยังพิธีได้ ทว่าสวี่ชีอันกลับล้ำเส้น

เขามองเห็นจักรพรรดิหยวนจิ่งค่อยๆ เสด็จขึ้นไปยังพระแท่นสามก้าวพร้อมกับคุกเข่าลง พระองค์สวมฉลองพระองค์สีเหลืองอร่ามลายมังกร เห็นขุนนางและนายทหารหลายร้อยนาย รวมทั้งพระราชโอรส พระราชธิดา รวมถึงเว่ยเยวียนกับบุตรชายของเขาทั้งสองกำลังชมพิธีจากริมฝั่ง

เขามองเห็นวิหารตั้งตระหง่าน ทหารรักษาวังและขันที

ชั่วขณะที่เขาหันกลับ เสียงนั้นก็หายไปแล้ว

หูแว่วงั้นหรือ

ข้าไม่ได้เจอฝูเซียงมาสามวันแล้ว ทว่าดวงตายังไม่พร่ามัวนี่หว่า

สวี่ชีอันสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่กล้ามองอีกต่อไป และหันกลับมาถาม “พวกเจ้ารู้จักเรื่องราวที่เกี่ยวกับซังผอมากแค่ไหนหรือ”

จูกว่างเสี้ยวและซ่งถิงเฟิงให้คำตอบ แต่ไม่มีเรื่องสลักสำคัญ มันก็แค่ ‘สถานที่ตรัสรู้ขององค์จักรพรรดิผู้สถาปนา’ ‘กระบี่บรรณาการจากเต่าดำ’ ‘สถานที่บวงสรวงของราชวงศ์’ และอื่นๆ ที่สวี่ชีอันรู้นานแล้ว

‘ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย…’

เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ราวกับมีวิญญาณร้ายเกาะอยู่บนหลังและกระซิบข้างหู

สวี่ชีอันทำคอแข็งค่อยๆ หันกลับไป และมองเห็นฉากการบวงสรวงอีกครั้ง แต่เสียงนั้นก็หายไปในชั่วพริบตาขณะที่เขาหันกลับ

ความหวาดกลัวที่มองไม่เห็นเข้าครอบงำจิตใจของเขาและทำให้ขนลุกไปทั่วร่าง

ทะเลสาบซังผอเป็นที่ที่องค์จักรพรรดิผู้สถาปนาต้าฟ่งตรัสรู้ เป็นสถานที่บวงสรวงบรรพบุรุษของราชวงศ์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา และเสียงร้องขอความช่วยเหลือน่าสยดสยองที่ผ่านเข้าหู…สวี่ชีอันตัวสั่นสะท้านท่ามกลางสายลมอันหนาวเหน็บ

‘ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย…’

‘ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย…’

สวี่ชีอันกลัวจับใจ ขวัญกระเจิงจนอยากวิ่งหนีออกไปให้ไกล เขาข่มตัวเองให้สงบนิ่งและหยิบกระจกหยกออกมาโดยไม่สนใจสหายร่วมหน่วยรอบข้างอีกต่อไป

‘สาม: พวกเจ้ารู้จักซังผอมากแค่ไหน บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ เพราะมันสำคัญมาก’

‘สอง: โอ้ หมายเลขสามตอบแล้วแฮะ เจ้าอยู่ในพิธีบวงสรวงที่ซังผอจริงๆ หรือ’

สวี่ชีอันไม่ได้ใส่ใจกับหมายเลขสอง เขารออยู่ครู่หนึ่งและเห็นข้อความจากหมายเลขสี่

‘สี่: ซังผอเป็นสถานที่ที่องค์จักรพรรดิผู้สถาปนาต้าฟ่งได้ทรงตรัสรู้ หลังจากการสถาปนาต้าฟ่ง ก็ตั้งเมืองหลวงที่ซังผอ อย่างไรก็ตามตำนานเรื่องเล่าของเต่าดำยังไม่มีหลักฐานพิสูจน์ที่ชัดเจนและไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก ทว่ากระบี่เทพมีอยู่จริง ซึ่งกระบี่ที่องค์จักรพรรดิผู้สถาปนาใช้ในตอนนั้นก็ยังคงประดิษฐานอยู่ในพระวิหารบนแท่นศิลาสูงกลางทะเลสาบ’

เมื่อหมายเลขสี่พูดจบ นักบวชเต๋าจินเหลียนจึงกล่าวเสริม

‘เก้า: นั้นเป็นอาวุธวิเศษที่เป็นสัญลักษณ์ชะตากรรมของต้าฟ่งทีเดียว’

‘สี่: แท้จริงแล้วระหว่างการสู้รบที่ด่านซานไห่ในปีนั้น จักรพรรดิหยวนจิ่งเข้าไปอัญเชิญอาวุธวิเศษในพระวิหารและมอบให้แก่อ๋องสยบแดนเหนือด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง ที่เอาชนะในสมรภูมิซานไห่ได้ นอกจากกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งของเว่ยเยวียนแล้ว ก็อย่าลืมความสามารถในการรบของอ๋องสยบแดนเหนือเด็ดขาด’

ในวิหารมีกระบี่เทพงั้นหรือ

หรือเป็นกระบี่เล่มนั้นที่กำลังร้องขอความช่วยเหลือจากข้าอยู่

ก่อนอื่นยังไม่ต้องคิดถึงขั้นที่ว่ากระบี่มีความคิดจิตใจของตัวเองหรือไม่ มันจะขอความช่วยเหลือจากเขาไปเพื่ออะไร

‘ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย…’ น้ำเสียงนั้นทวีความโหยหวนขึ้นทันใด ราวกับไม่พอใจที่สวี่ชีอันเมินเฉย

เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังก้องอยู่ในหู สั่นประสาทของสวี่ชีอัน ทำเอาเขาวิงเวียนเล็กน้อย และเกิดอาการสับสน

เขาหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับพิมพ์ข้อความลงไป ‘สาม: ยังมีอีกหรือไม่ ข้าต้องการข้อมูลที่ครอบคลุมมากกว่านี้ ตราบใดที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ข้าอยากรู้ทั้งหมด ไม่ว่าจริงหรือเท็จ’

หลังจากส่งสารไปแล้ว เขาก็หันกลับไปมองและพยายามทำให้เสียงกระซิบข้างหูนั้นเงียบลงไป

ทว่าครั้งนี้กลับไม่เป็นผล เขาหันกลับไปโดยที่เสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือนั้นยังคงอยู่

‘ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย’

เส้นเลือดบนหน้าผากของสวี่ชีอันปูดขึ้นเพราะเสียงนั้นทิ่มแทงเข้าไปในจิตใจของเขาราวกับเข็มเหล็ก

‘สี่: พอเจ้าพูดขึ้นมาข้าก็นึกถึงตอนที่สังคายนาบันทึกประวัติศาสตร์เมื่อนานมาแล้ว ข้าเคยอ่านเจอบันทึกท่อนหนึ่งที่กล่าวว่า ที่ซังผอได้รับการคุ้มกันจากห้ากองทัพประจำเมืองหลวง มีการป้องกันอย่างแน่นหนาอย่างทุกวันนี้ และห้ามผู้ใดก็ตามเข้าใกล้โดยไม่ได้รับอนุญาต ใช่แล้ว ‘ผู้ใดก็ตาม’ เพราะเมื่อห้าร้อยปีที่แล้ว องค์รัชทายาทในตอนนั้นแล่นเรืออยู่ที่ซังผอ ไม่ทันระวังจึงลงไปในทะเลสาบ หลังจากได้รับการช่วยเหลือจากองครักษ์ พระองค์ก็ประชวรด้วยโรคหวาดผวาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หกเดือนต่อมาก็พบว่าพระองค์สิ้นพระชนม์จากการจมน้ำที่ซังผอ ราชวงศ์เชื่อว่าเป็นเพราะองค์รัชทายาทที่ทำให้วิญญาณของบรรพชนโกรธแค้นจึงถูกลงโทษ และเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก จึงสั่งห้ามเข้าออกซังผอและใช้เป็นสถานที่บวงสรวงบรรพบุรุษเท่านั้น’

องค์รัชทายาทตกลงไปในทะเลสาบจนกลายเป็นโรคหวาดผวา…พระองค์ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือเช่นเดียวกับข้าหรือไม่…ข้าจะก้าวซ้ำรอยเดิมแล้วถูกพบว่าจมน้ำตายในซังผอไหมเนี่ย

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้สวี่ชีอันจึงหน้าซีดราวกับตกอยู่ในโรงเก็บน้ำแข็ง

ซังผอต้องมีความลับบางอย่างที่ทำให้บรรพชนโกรธแค้น ทว่าองค์รัชทายาทผู้โชคร้ายไม่รู้เรื่องนี้ มิฉะนั้นพระองค์คงไม่มีวันลงไปพายเรือในซังผอเป็นแน่

ซึ่งก็สามารถเดาได้ว่าความลับดังกล่าวน่าจะมีเพียงองค์จักรพรรดิในอดีตเท่านั้นที่ล่วงรู้

ทว่าเพราะเหตุใดองค์จักรพรรดิผู้รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังจึงไม่สั่งปิดซังผอ และรอจนเกิดโศกนาฏกรรมกับองค์รัชทายาทขึ้นเสียก่อนถึงจะมีพระราชโองการลงมา

สวี่ชีอันผู้เชี่ยวชาญในการอนุมาน มีข้อสงสัยผุดขึ้นในใจทีละข้อๆ

‘หก: หมายเลขสามเหตุใดจึงถามเช่นนี้’

ตอนนี้สวี่ชีอันไร้เรี่ยวแรงจะตอบคำถามของพวกเขาอีกต่อไป เขาหยิบชิ้นส่วนหนังสือปฐพีเก็บเข้าไปในอกเสื้ออย่างสั่นเทา และคุกเข่าลงบนพื้นอย่างอ่อนแรงพร้อมกับกุมศีรษะด้วยท่าทางเจ็บปวด

‘ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย…’

เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังก้องอยู่ในหูอย่างซ้ำๆ ทำให้สมองของเขาแหลกเหลวเป็นโจ๊ก ราวกับถูกเข็มเจาะเข้าไปในโพรงกะโหลก

ปวดราวกับหัวจะระเบิด

ซ่งถิงเฟิงกับจูกว่างเสี้ยวสังเกตเห็นความผิดปกติของสหายร่วมหน่วย ก็ตกใจกับสีหน้าที่ซีดเผือดของสวี่ชีอัน

“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า อดทนไว้ก่อนได้หรือไม่ อย่าเพิ่งเป็นอะไรตอนนี้นะ ขืนเจ้าขัดจังหวะหรือรบกวนพิธีบวงสรวงบรรพบุรุษของฝ่าบาทเข้า มีโทษถึงประหารชีวิตเชียว” ซ่งถิงเฟิงกังวล

จูกว่างเสี้ยวขยับฝีเท้าเพื่อเข้าไปตรวจดูสถานการณ์novelgu.com

ตอนนี้จักรพรรดิหยวนจิ่งได้เสด็จขึ้นไปยังศิลาสูง เสียงกลองจึงหยุดลง ข้าราชบริพารระดับสูงของวัดไท่ชางคุกเข่าและอ่านคำบูชาบรรพบุรุษและเมื่ออ่านจบเสียงเพลงจึงบรรเลงขึ้น

จักรพรรดิหยวนจิ่งเผาคำบูชาบรรพบุรุษเองกับมือ และทำการคุกเข่าสามครั้ง สักการะเก้าครั้ง

มาถึงขั้นตอนนี้ การบวงสรวงก็เพิ่งจะดำเนินไปได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น

เว่ยเยวียนละสายตาและมองไปยังฮองเฮาที่อยู่ไม่ไกล ท่าทางของพระองค์สง่างามสูงส่งโดยธรรมชาติ

ในฐานะพระมารดาผู้ให้กำเนิดขององค์หญิงใหญ่ หน้าตาของพระมารดาและพระธิดากลับไม่คล้ายคลึงกันสักเท่าไร ทว่าฮองเฮายังคงมีสิริโฉมงดงามหาผู้ใดเปรียบ แม้แต่ตอนนี้พระองค์ก็ยังคงงดงามผ่าเผย

สามารถนึกภาพได้เลยว่าในอดีตพระองค์จะมีพระสิริโฉมงดงามเพียงใด

เพียงแต่กาลเวลาผันผ่าน พัดพาความเยาว์วัยจากไป พระองค์ไม่ใช่สาวน้อยผู้ใสซื่อบริสุทธิ์ ไร้เดียงสาอีกต่อไป

แต่ตัวตนยังคงเป็นดั่งวันวาน เพียบพร้อมตามขนบ

เว่ยเยวียนตกอยู่ในภวังค์

ราวกับมีสัมผัสบางอย่าง ทำให้ฮองเฮาผู้เป็นพระมารดาของแผ่นดินหันไปทอดพระเนตรมองเล็กน้อย และสายตาของทั้งสองก็สบประสานกัน

แววตาของฮองเฮาอ่อนโยนลงครู่หนึ่ง

เว่ยเยวียนละสายตาราวกับโดนไฟฟ้าสถิต รีบโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว อารมณ์ทั้งหมดทั้งมวลดวงตาตกตะกอน เหลือเพียงร่องรอยความผกผันอันลึกซึ้งของชีวิต

“ท่านพ่อบุญธรรม ตรงนั้นมีบางอย่างผิดปกติไปขอรับ” หยางเยี่ยนกล่าวอย่างเคร่งขรึม

เว่ยเยวียนมองตามสายตาของเขาและเห็นฆ้องทองแดงผู้หนึ่งกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น ฆ้องทองแดงสองคนที่อยู่ข้างๆ ชะโงกศีรษะไปพูดอะไรบางอย่างกับเขา

ยอดฝีมือหลายคนสังเกตเห็นสถานการณ์ของสวี่ชีอันเข้า

ตอนนี้ยังไม่มีสถานการณ์อันตราย จึงไม่มีใครเข้าไปยุ่มย่าม ขอแค่ไม่ใช่เหตุลอบสังหาร ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องรอจนกว่าพิธีบวงสรวงบรรพบุรุษของฝ่าบาทเสร็จสิ้นเสียก่อน

รวมทั้งการคิดบัญชีย้อนหลังกับฆ้องทองแดงผู้น้อยคนนี้ด้วยเช่นกัน

เว่ยเยวียนจำได้ตั้งแต่แรกเห็นว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่ตนต้องตาอยู่ จึงพยักพเยิดไป “เจ้าไปดูสถานการณ์แล้วพาเขาออกไปหน่อย”

นี่เป็นการปกป้องสวี่ชีอัน

‘ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย…’

เสียงกรีดร้องราวกับผีร้ายยังคงวนเวียนไม่หยุด ทำเอาจิตวิญญาณของสวี่ชีอันถูกฉีกทึ้งออกเป็นชิ้นๆ ชั่วขณะหนึ่งเขารู้สึกว่าตัวเองเป็นตำรวจอาชญากรรมที่มีชีวิตอยู่ในยุคใหม่ และอีกชั่วขณะหนึ่งก็รู้สึกว่าเป็นคนท้องถิ่นในเมืองหลวงแห่งนี้

เขาปวดหัวตุบๆ และยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นจนใกล้จะระเบิด

ปวดหัวเหลือเกิน หยุดร้อง หยุดร้องสักที ขอร้องล่ะ…สวี่ชีอันปิดหู หยาดเหงื่อเม็ดเป้งไหลริน

ซึ่งอันที่จริงเขามีเหงื่อออกจนแผ่นหลังเปียกชุ่มมานานแล้ว

เสียงร้องขอความช่วยเหลืออันแปลกประหลาดพุ่งเป้าไปที่จิตวิญญาณของเขาแทนกายเนื้อทว่าความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นไม่ได้น้อยไปกว่าการถูกทรมานร่างกายอย่างทารุณ

ในที่สุดสวี่ชีอันก็ล้มตัวลง จากเสียงร้องขอความช่วยเหลืออันแปลกประหลาด เขาไม่สนใจพิธีบวงสรวงบรรพบุรุษขององค์จักรพรรดิ กฎเกณฑ์ที่เข้มงวดและทุกสิ่งทุกอย่างอีกแล้ว

เมื่ออยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังที่ความตายมาเยือนตรงหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่สำคัญอีกต่อไป

เขาใช้กำปั้นทั้งสองทุบเข้าที่พื้นอย่างแรงพร้อมกับแผดเสียงร้องคำราม

“หุบปาก!!”

ทันใดนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นในชั่วพริบตา

วิหารที่ตั้งตระหง่านบนแท่นศิลาสูงกลางทะเลสาบเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ตามมาด้วยการระเบิดของปราณกระบี่สีทอง ทำลายยอดวิหารและทะยานขึ้นท้องฟ้า ตัดผ่านหมู่เมฆไป

เมื่อลำแสงกระบี่พวยพุ่งขึ้นมา คลื่นในทะเลสาบก็ซัดกระหน่ำเป็นระลอกๆ ราวกับว่าซังผอกำลังฟื้นคืนชีพขึ้นมา

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Nightwatcher, Dafeng's Night Squad, Great Feng's Nightwatchers The Nightwatchers of Feng 大奉打更人, วิถียุทธ์คนเคาะยามแห่งต้าเฟิ่ง(siaminter), Guardians Of The Dafeng(ซีรีส์)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , , ต้นฉบับ: 951 Chapters (จบแล้ว)
สวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน….. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset