📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ตอนที่ 96

บทที่ 96 - พิธีบวงสรวงบรรพบุรุษ
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ขณะนี้เป็นเวลาก่อนรุ่งสาง ท้องฟ้ายังคงมืดสนิท

ลมหนาวยามรุ่งอรุณกระทบใบหน้าราวกับใบมีดกรีด สวี่ชีอันสูดอากาศเย็นเข้าปอด กระตุ้นจิตใจให้กระปรี้กระเปร่า

ห่างออกไปสิบกว่าเมตร ซ่งถิงเฟิงกล่าว “หลังจากพิธีบวงสรวงบรรพบุรุษเสร็จสิ้น พวกเราไปสำนักสังคีตกันดีไหม”

จูกว่างเสี้ยวที่อยู่อีกฝั่ง เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็มีปฏิกิริยาออกมา

จูกว่างเสี้ยวผู้เงียบขรึมถึงกับทนไม่ได้ ต้องประณามความคิดบัดสีผิดครรลองคลองธรรมเช่นนี้อย่างเกรี้ยวกราด

เสร็จเรื่องก่อนแล้วค่อยว่ากัน เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งฟุ้งซ่าน

“ค่อยว่ากัน” สวี่ชีอันกล่าว

“เจ้ามันน่าเบื่อจริง” ซ่งถิงเฟิงกล่าวอย่างไม่พอใจ

“ข้าเป็นเจ้ามือได้นะ” สวี่ชีอันกล่าว

“ไม่ได้ เจ้าก็ต้องมาเล่นสนุกด้วยกัน ถึงจะพิสูจน์ความแน่นแฟ้นของเราได้” ซ่งถิงเฟิงปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง

“เขาอยากให้เจ้าพร่ำเรียกชื่อแม่นางฝูเซียง” จูกว่างเสี้ยวเปิดเผยความคิดอันแสนสกปรกของสหายที่คบกันมาหลายปีดีดัก

ในขณะที่สนทนากันอยู่นั้น ซ่งถิงเฟิงก็ขมวดคิ้ว “เจ้าเอาแต่มองทะเลสาบข้างหน้าอยู่นั่น มองอะไรหรือ”

สวี่ชีอันตอบตามความจริง “รู้สึกว่าทะเลสาบซังผอดูมืดมน มันทำให้ข้ารู้สึกอึดอัดยังไงชอบกล”

“หุบปากเสีย!” ซ่งถิงเฟิงกระซิบ “เจ้าถูกลมพัดใส่จนหนาวสั่นแล้วน่ะสิ ซังผอเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ของต้าฟ่ง และยังเป็นสถานที่ที่องค์จักรพรรดิผู้สถาปนาตรัสรู้ อย่าพูดจาไร้สาระ”

จูกว่างเสี้ยวกล่าวเตือนอีกเสียง “พวกทหารยอดฝีมือหูไวตาไว หากได้ยินคำพูดของเจ้าเข้า เจ้าต้องถูกลงโทษ”

สวี่ชีอันนิ่งเงียบทันที

ในตอนนั้นเองเสียงระฆังและกลองหนักๆ ก็ดังขึ้น กึกก้องในโสตประสาทของทุกคน บรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ หลั่งไหลเข้ามา

พวกหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลที่เคยพูดคุยกันอย่างสบายใจก่อนหน้านี้ เงียบเสียงลงทันใด และชักสีหน้าขึงขัง

ท่ามกลางเสียงดนตรีบรรเลงสำหรับงานบวงสรวง ขบวนอันยิ่งใหญ่เคลื่อนตัวจากเขตพระราชฐานมุ่งหน้าสู่ซังผอ

ไม่มีการเดินทางด้วยม้าหรือรถม้า ทุกคนล้วนเดินเท้า

ในขบวนผู้เข้าร่วมการบวงสรวงบรรพบุรุษ คับคั่งด้วยสมาชิกราชวงศ์ รวมทั้งขุนนางและทหารทุกระดับ เป็นจำนวนหลายร้อยคน

ดูเหมือนว่ามหาอำนาจแห่งราชวงศ์ต้าฟ่งแทบจะรวมตัวกันในขบวนนี้ที่เดียว

นำโดยจักรพรรดิหยวนจิ่งซึ่งสวมเสื้อคลุมลัทธิเต๋าเรียบง่าย พระเกศาดำสนิทถูกเกล้าขึ้นและปักด้วยปิ่นไม้ พระองค์มีพระชนมายุห้าสิบกว่าพรรษา ไว้เครายาวไหวๆ พระพักตร์หล่อเหลา วางตนสูงส่งและสมณะ ตามแบบฉบับผู้บำเพ็ญเพียรในลัทธิเต๋า

ตามหลังมาด้วยฮองเฮาผู้สง่างามและพระสนมรูปร่างอวบอัดเดินเคียงกันมา

ตามด้วยพระราชโอรสและพระราชธิดา

จักรพรรดิหยวนจิ่งมีทายาทหลายพระองค์ มีพระราชโอรสสิบสองพระองค์ ทว่ามีพระราชธิดาเพียงสี่พระองค์เท่านั้น ปีนี้องค์หญิงใหญ่ทรงเจริญพระชันษาได้ยี่สิบห้าพรรษา ซึ่งห่างจากองค์รัชทายาทประมาณสิบปี

องค์หญิงใหญ่ผู้เป็นที่รู้จักในเมืองหลวงทั้งในด้านพรสวรรค์และรูปลักษณ์อันงดงาม ดวงตาส่องประกายราวกับสระน้ำ ใบหน้าขาวใส บุคลิกเยือกเย็น ทรงดำเนินไปตามขบวนอย่างเงียบงัน

ขบวนพิธีบวงสรวงบรรพบุรุษเคลื่อนมาถึงยังหน้ากระโจมสีเหลืองสว่างสดใส ท่ามกลางเสียงดนตรีบรรเลง จักรพรรดิหยวนจิ่งผู้มีจิตอันสูงส่งและสมณะนำสองขันทีผู้ยิ่งใหญ่เข้าไปยังกระโจมของพระองค์

ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือรออยู่ข้างนอก

บรรดาอัครมหาเสนาบดีที่รับผิดชอบการบวงสรวงต่างยุ่งวุ่นวายอยู่กับการอัญเชิญทวยเทพ และจัดแถว เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการบวงสรวงบรรพบุรุษขององค์จักรพรรดิในลำดับถัดไป

สวี่ชีอันยังคงนิ่งไม่ไหวติง พยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะหันหัวไป และลอบมองพิธีบวงสรวงจากหางตา

เขาเห็นขบวนแถวกำลังถือป้ายบูชาผู้ล่วงลับที่คลุมไปด้วยผ้าไหมสีเหลืองเดินไปตามทางเหนือผิวน้ำอันคดเคี้ยวขึ้นไปยังแท่นศิลาสูง เพื่อวางป้ายบูชาผู้ล่วงลับไว้บนโต๊ะบูชาตัวใหญ่หน้าพระอาราม

เมื่อขบวนนี้กลับมา อีกขบวนหนึ่งนำโดยข้าราชบริพารแห่งวัดไท่ชางก็นำเครื่องเซ่นไหว้และสังเวยต่างๆ ไปบวงสรวง มีเครื่องเซ่นไหว้มากมายหลายประเภท จำนวนอย่างต่ำสองถึงสามร้อยอย่าง

เมื่อทุกอย่างเสร็จสรรพ ข้าราชบริพารระดับสูงของวัดไท่ชางที่อยู่นอกกระโจมขององค์จักรพรรดิจึงตะโกนเสียงดังขึ้น “เสร็จสิ้นการสงบจิต ขอเดชะฝ่าพระบาท”

พระราชโอรส พระราชธิดา ขุนนางเหล่าทัพ รวมทั้งอัครมหาเสนาบดีคุกเข่าลงโดยพร้อมเพรียง

ขันทีผู้ยิ่งใหญ่เปิดม่านออก จากนั้นจักรพรรดิหยวนจิ่งในชุดสีเหลืองอร่ามก็ปรากฏกายต่อหน้าทุกคนด้วยท่าทางอันเคร่งขรึม

ณ เวลานี้ พระองค์สลัดคราบสมถะของผู้บำเพ็ญเต๋า เหลือเพียงภาพจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เหนือมนุษย์

“ท่าทางแบบนี้ ดูศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าประชุมสุดยอดผู้นำในชาติที่แล้วเสียอีก…การเดินทางครั้งนี้ถือว่าไม่สูญเปล่า…” ขณะที่สวี่ชีอันกำลังเพลิดเพลินกับการรับชม หัวใจเขาก็สั่นไหว เนื่องจากมีคนในกลุ่มหนังสือปฐพีกำลังส่งข้อความมา

เขารออยู่ครู่หนึ่งเพื่อให้กลุ่มลาดตระเวนผ่านไป จากนั้นสอดมือเข้าไปในอกเสื้อและหยิบกระจกหยกออกมาแค่ครึ่งอัน แอบอ่านผ่านๆ ไม่ให้ใครจับได้

‘สอง: ข้าจำได้ว่าวันนี้เป็นวันบวงสรวงบรรพบุรุษของราชวงศ์ต้าฟ่ง ใช่หรือไม่ หมายเลขหนึ่ง หมายเลขสาม’

‘สี่: ลองมานับเวลาดูแล้ว วันนี้น่าจะเป็นวันบวงสรวงบรรพบุรุษอย่างเจ้าว่าจริงๆ เมื่อก่อนข้าก็เคยเข้าร่วมพิธีบวงสรวงบรรพบุรุษด้วยนะ’

‘สอง: เมื่อก่อนงั้นหรือ หมายเลขสี่ เมื่อก่อนเจ้าเคยเป็นขุนนาง และมียศพอตัวเลยใช่ไหม’

‘สี่: อืม’

หมายเลขสี่เคยเป็นขุนนางมาก่อน…สวี่ชีอันตกตะลึง หมายเลขสี่มีสัมพันธ์ฉันมิตรกับราชครูหญิงแห่งนิกายมนุษย์หรือไม่

อืม เรื่องนี้มีความเป็นไปได้ เพราะเขาเคยเป็นขุนนางมาก่อน อาจจะรู้จักมักจี่กับราชครูหญิงก็เป็นได้

ดูท่าหมายเลขสี่คงจะเป็นคนมีอดีตเหมือนกันโนเวลกูดอทคอม

สวี่ชีอันรู้สึกว่าน่าสนใจมากทีเดียว ผู้ครอบครองชิ้นส่วนหนังสือปฐพีล้วนไม่ใช่บุคคลธรรมดาทั่วไป ตัวตนของพวกเขานั้นลึกลับ และมีพื้นฐานวรยุทธ์แข็งแกร่ง

การคบค้าสมาคมกับพวกเขาเปรียบเหมือนการเล่นเกม ที่ค่อยๆ เผยความลับของพวกเขาออกมาทีละน้อย

‘สอง: น่าสนใจ แต่หมายเลขหนึ่งและหมายเลขสามยังไม่ตอบกลับเลย’

ไอ้ผีเจาะปากมาพูดนี่… มุมปากของสวี่ชีอันกระตุกเมื่อถูกจับได้

เห็นๆ กันอยู่ว่าที่หมายเลขสองส่งสารมาในตอนนี้ ไม่ใช่เพราะสนใจงานบวงสรวงบรรพบุรุษของราชวงศ์จริงๆ ทว่าต้องการหยั่งเชิงเพื่อทดสอบตัวตนของหมายเลขสามและหมายเลขหนึ่งเท่านั้น

เนื่องจากมีการเชื่อมต่อระหว่างหนังสือปฐพีกับตัวผู้ถือครอง ดังนั้นต่อให้หลับอยู่ก็ถูกปลุกให้ตื่นได้ จึงไม่มีเหตุการณ์ลืมตอบข้อความเพราะมัวแต่หลับอย่างแน่นอน

เว้นแต่จะมีเหตุฉุกเฉินที่ทำให้ตอบกลับไม่ได้

อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเกิดเรื่องฉุกเฉินกับหมายเลขหนึ่งและหมายเลขสามพร้อมกัน หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็แสดงว่าทั้งคู่มีส่วนร่วมในงานบวงสรวง และไม่สามารถหยิบชิ้นส่วนหนังสือปฐพีขึ้นมาตอบข้อความท่ามกลางสายตาของสาธารณชนได้

พฤติกรรมของสวี่ชีอันในตอนนี้ดึงความสนใจของซ่งถิงเฟิง

เขาค่อยๆ ปล่อยมือและดันกระจกหยกที่โผล่ออกครึ่งหนึ่งกลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ

“ตั้งใจหน่อย อย่าทำตัวหยุกหยิก” ซ่งถิงเฟิงขมวดคิ้วและกล่าวเตือน

“รู้แล้ว รู้แล้ว” สวี่ชีอันตอบพอเป็นพิธี

แย่แล้ว ข้าเป็นศิษย์สำนักอวิ๋นลู่ ไม่มีทั้งเหตุผลและคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมการบวงสรวงบรรพบุรุษของราชวงศ์… คราวนี้ตัวตนถูกเปิดเผยแน่…ให้ตายสิ คนของพรรคฟ้าดินเจ้าเล่ห์กันจริงๆ

แต่ว่า หมายเลขหนึ่งก็ยังไม่ตอบเหมือนกัน…อืม เขา (หรือนาง) ก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ เป็นใครกันแน่นะ

ขณะที่ความคิดของสวี่ชีอันกำลังแปรปรวน สมาชิกทั้งหมดของพรรคฟ้าดินและผู้ครอบครองชิ้นส่วนหนังสือปฐพีก็กำลังไตร่ตรองถึงประเด็นเดียวกัน

หมายเลขสามเป็นลูกศิษย์ของสำนักอวิ๋นลู่ไม่ใช่หรือ ทุกคนรู้ดีว่าสำนักอวิ๋นลู่แทบจะตัดขาดจากเส้นทางข้าราชการ หรือแม้ว่าจะมีตำแหน่งในราชสำนัก แต่ก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วมพิธีบวงสรวงบรรพบุรุษของราชวงศ์

และหากพิจารณาตั้งแต่ภาพลักษณ์ของหมายเลขสามที่เป็นศิษย์ของสำนักอวิ๋นลู่ นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าร่วมพิธีบวงสรวงบรรพบุรุษ

หรือว่าหมายเลขสามอาจจะไม่ใช่ลูกศิษย์ของสำนักอวิ๋นลู่?

ไม่สิ หากเป็นเช่นนั้น จะอธิบายเรื่องที่ผ่านมาได้อย่างไร

นอกเสียจากว่าเขาจะเข้าร่วมพิธีบวงสรวงบรรพบุรุษในฐานะอื่น ใช่แล้ว สำนักอวิ๋นลู่สั่งให้คนแฝงตัวเข้าไปอยู่ในหน่วยงานต่างๆ ของราชสำนักนี่?

เช่นนั้นจะอยู่ในกรมกองใด ตำแหน่งใดกันแน่?

ในทางกลับกัน พวกเขาไม่แปลกใจกับตัวตนของหมายเลขหนึ่งอยู่แล้ว เพราะรู้มานานแล้วว่าหมายเลขหนึ่งเป็นคนของราชสำนักและยังมีตำแหน่งสูงเสียด้วย

‘สอง: หมายเลขสี่ เจ้าเคยเป็นขุนนางมาก่อน เช่นนั้นเจ้าลองพิจารณาสถานการณ์ของหมายเลขสามดูซิ’

‘สี่: ข้ามีข้อสันนิษฐานในใจแล้ว แต่ทำไมข้าต้องบอกเจ้าล่ะ’

‘หก: หมายเลขสอง เจ้าไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวง รู้ตัวตนของหมายเลขสามและหมายเลขหนึ่งไปแล้วจะทำอะไรได้’

ทั้งหมายเลขสี่และหมายเลขหกลุกขึ้นมาตอบโต้แทนหมายเลขสามอย่างมีเลศนัย

สวี่ชีอันยังคงนิ่งเฉย ไม่ได้อ่านข้อความ

หลังจากเฝ้าดูพิธีบวงสรวงบรรพบุรุษอยู่ครู่หนึ่ง ความรู้สึกแปลกๆ ผุดขึ้นในใจของสวี่ชีอัน

เขารู้สึกอยู่เสมอว่าซังผอดูอึมครึม อบอวลด้วยลางร้ายบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้

ทันใดนั้นสวี่ชีอันได้ยินเสียงแปลกๆ ลอยมาตามเสียงดนตรีในพิธีบวงสรวง

เสียงนั้นพูดว่า ‘ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย…’

สวี่ชีอันตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพยายามตั้งใจฟัง ทว่าเสียงนั้นกลับหายไปเสียแล้ว

“ถิงเฟิง กว่างเสี้ยว พวกเจ้าได้ยินเสียงแปลกๆ บ้างหรือไม่” สวี่ชีอันถามสหายร่วมหน่วยทั้งสองที่อยู่ไม่ไกล

“เจ้าหมายถึงเสียงดนตรีพิธีบวงสรวงหรือ อันที่จริงก็แอบ…เสียงดังแสบแก้วหูไปหน่อย” ซ่งถิงเฟิงกลับคำพูดด้วยความรักตัวกลัวตายอย่างแรงกล้า เขาอยากจะบอกว่าเสียงมันห่วยแตกเสียด้วยซ้ำ

จูกว่างเสี้ยวส่ายหัว

ในขณะที่สวี่ชีอันกำลังจะพูด ก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขาได้ยินอย่างชัดเจนและเสียงนั้นมาจากทะเลสาบซังผอ

‘ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย…’

น้ำเสียงอันเยือกเย็นและโศกเศร้า น่าขนลุกจนไม่มีอะไรเทียบได้ เสมือนวิญญาณร้ายกำลังกระซิบอยู่ข้างหู

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Nightwatcher, Dafeng's Night Squad, Great Feng's Nightwatchers The Nightwatchers of Feng 大奉打更人, วิถียุทธ์คนเคาะยามแห่งต้าเฟิ่ง(siaminter), Guardians Of The Dafeng(ซีรีส์)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , , ต้นฉบับ: 951 Chapters (จบแล้ว)
สวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน….. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset