📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ตอนที่ 94

บทที่ 94 - คดีฆาตกรรม
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

สวี่ชีอันที่ตื่นแต่เช้าและเพิ่งมาถึงยังห้องโถงด้านหลัง เขาได้ยินสวี่หลิงอินกรีดร้องเสียงดังลั่น

ตุ่มแดงผุดขึ้นอยู่บนใบหน้าขาวกระจ่างใสนวลเนียน พอบีบก็รู้สึกเจ็บ

อาสะใภ้หลอกว่าเพราะหน้าของนางมีหนอนและตัวหนอนกำลังกัดกินเนื้อหนังบนใบหน้าอยู่ พรุ่งนี้นางจะเสียโฉมและอาจไม่สามารถออกเรือนได้ในภายภาคหน้า

สวี่หลิงอินไม่สนใจว่านางจะได้แต่งงานหรือไม่ ทว่านางมักคิดอยู่เสมอว่าตัวเองเป็นเด็กที่น่ารักน่าชัง ในอนาคตนางจะงดงามเหมือนท่านแม่กับท่านพี่และกลายเป็นตัวก่อปัญหาที่ยอดเยี่ยม

เมื่อได้ฟังท่านแม่พูดเช่นนั้น นางจึงรู้สึกเศร้าจนอยากร้องไห้

อาสะใภ้ก็เป็นคนนิสัยเสีย แม้แต่ลูกสาวคนเล็กของนางเองก็ยังหลอกลวงและหัวเราะเยาะได้อย่างเลือดเย็น

“พี่ใหญ่…” สวี่หลิงอินส่ายก้นเล็กๆ ของนางและวิ่งไปหาพี่ใหญ่ นางหยุดกะทันหันและเบือนหน้าหนีด้วยความเอียงอาย นิ้วสั้นๆ จิ้มลงไปที่แก้มพร้อมกับมุ่ยปาก “ข้ากำลังจะเสียโฉมแล้ว”

“เจ้ายังไม่เสียโฉมสักหน่อย” สวี่ชีอันแตะศีรษะของนาง “เจ้ายังสวยฟรุ้งฟริ้งเหมือนเดิม”

“สวยฟรุ้งฟริ้งคืออะไรหรือเจ้าคะ”

“ก็คือในอนาคตเจ้าจะงดงามกว่าท่านแม่และท่านพี่ของเจ้าเสียอีก”

สวี่หลิงอินเชื่อและรู้สึกร่าเริงขึ้นมาในทันใด ทำให้นางกินโจ๊กมื้อเช้าไปถึงสามถ้วย

เมื่อมาถึงที่ทำการหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล สวี่ชีอัน ซ่งถิงเฟิงและจูกว่างเสี้ยวรับผิดชอบงานลาดตระเวนกลางวัน ทั้งสามเดินเล่นไปด้วยกันไปตามท้องถนน

“กระบี่ของเจ้าเล่มนี้ดูไม่เลวนี่” ซ่งถิงเฟิงสังเกตเห็นกระบี่ของสวี่ชีอันที่แขวนอยู่บนหลังของเขา ซึ่งได้เปลี่ยนรูปแบบไป

สวี่ชีอันใช้มือข้างหนึ่งจับกระบี่ และใช้นิ้วโป้งดันออก เผยให้เห็นกระบี่เล่มสีดำทองที่โผล่ออกมาจากปลอกประมาณสามนิ้ว จากนั้นเขาจึงดึงกระบี่เก็บเข้าปลอกอย่างรวดเร็วและยิ้มอย่างภูมิใจ

“สำนักโหราจารย์มอบให้ข้า”

เขาไม่ได้บอกว่าท่านโหราจารย์มอบให้ เพราะคงไม่มีผู้ใดเชื่อ หากเชื่อขึ้นมา และถูกนำไปพูดต่อคงจะเข้าหูคนโลภเข้า

“อาวุธเวทมนตร์งั้นหรือ” ดวงตาของซ่งถิงเฟิงและจูกว่างเสี้ยวเป็นประกาย

สวี่ชีอันส่ายหัว มันไม่ใช่อาวุธเวทมนตร์และไม่มีรูปแบบที่จารึกไว้ คุณสมบัติอย่างเดียวคือความแข็งแกร่ง

ซึ่งข้อนี้ตรงกับสวี่ชีอันอย่างมาก

ถนนในเมืองชั้นในกว้างขวางและแผ่ออกไปยังทุกทิศทุกทาง สวี่ชีอันซื้อขนมมามากมายและแจกจ่ายให้กับสหายร่วมหน่วยทั้งสองคนที่กำลังเดินไปพลางกินไปพลาง

ข้อดีของการลาดตระเวนกลางวัน คือนอกจากหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลแล้ว ยังมีกองดาบที่คอยลาดตระเวนในเมืองรวมถึงมือปราบของที่ว่าการเมือง เป็นต้น ซึ่งทำให้แรงกดดันในการทำงานของหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลลดลงอย่างมาก จึงมีเวลาอู้งาน หากเดินจนเหน็ดเหนื่อยแล้วก็แวะพักโรงน้ำชาดื่มด่ำกับการฟังเรื่องราว และยังสามารถไปฟังเพลงที่หอคณิกาได้อีกด้วย

ในขณะที่สวี่ชีอันกำลังเดินอยู่นั้น เขาเหยียบเข้ากับก้อนแข็งๆ ใต้ฝ่าเท้า สายตาเขายังคงมองไปข้างหน้า จากนั้นเขาจึงก้มหยิบมันขึ้นมา

การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างธรรมชาติราบรื่นรวมถึงสีหน้าท่าทางที่ยังสงบนิ่ง จนทำให้ซ่งถิงเฟิงกับจูกว่างเสี้ยวคิดว่าเขาแค่เคลื่อนไหวตามปกติ เช่น ‘แตะขากางเกง’ หรือ ‘ปัดรองเท้า’

โดยไม่รู้เลยว่าสหายร่วมหน่วยใหม่คนนี้เพิ่งจะเจอเงินสามตำลึง

สวี่ชีอันกำเงินและเสนอ “ไปฟังเพลงที่หอคณิกากันไหม”

ซ่งถิงเฟิงและจูกว่างเสี้ยวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “เช่นนั้นก็ได้”

ทั้งสามชำนาญลู่ทางที่ไปยังหอคณิกาเป็นอย่างดี เมื่อมาถึงห้องส่วนตัวบนชั้นสอง โต๊ะถูกวางไว้ข้างราวระเบียง แขกสามารถดื่มชาและเหล้าในขณะที่รับชมการแสดงบนเวทีจากโถงรับแขก

ละครเพลงกำลังแสดงอยู่บนเวที

“วันมะรืนเป็นวันบวงสรวงบรรพบุรุษขององค์ฝ่าบาท พวกเจ้าคงมีประสบการณ์มาบ้างแล้วสินะ” สวี่ชีอันเปิดประเด็นถามสหายร่วมหน่วยทั้งสองเพื่อขอคำชี้แนะ

“พวกเราแค่อารักขาบริเวณข้างซังผอ พิธีบวงสรวงบรรพบุรุษจะจัดขึ้นที่ซังผอ เจ้าก็รู้นี่” ซ่งถิงเฟิงเคี้ยวถั่วลิสงพร้อมกับจิบเหล้า

สวี่ชีอันพยักหน้า ซังผอเป็นทะเลสาบขนาดเล็กนอกเขตพระราชฐาน และบังเอิญอยู่ภายใต้การดูแลของค่ายกองพันทหารที่ห้าของเมืองหลวงอีกด้วย

งานของหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลนั้นแสนจะง่ายดาย นั่นคือการรักษาความสงบเรียบร้อยและคุ้มครองความปลอดภัยของเหล่าเชื้อพระวงศ์

วัดไท่ชางและกรมพิธีการมีหน้าที่รับผิดชอบในกระบวนการบวงสรวงบรรพบุรุษ บริเวณโดยรอบมีทั้งกองดาบ องครักษ์คุ้มกันส่วนพระองค์และทหารรักษาวังของเขตพระราชฐานคอยลาดตระเวนอยู่

หลังจากชมละครเพลงจบ ซ่งถิงเฟิงรู้สึกเบื่อ จึงตะโกนเรียกแม่เล้า สักครู่หนึ่งก็มีสาวงามกลุ่มหนึ่งแต่งตัวสวยเพริศพริ้งเดินเข้ามา

พวกนางยืนอยู่ในแถวพร้อมกับรอยยิ้มและขยิบตาให้แขกผู้มีเกียรติทั้งสามคน

เครื่องแบบของหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลบนร่างของสวี่ชีอันและทั้งสามคน ยังคงเป็นการขู่ให้ผู้อื่นเกรงกลัว

ในเวลาสามวันสวี่ชีอันต้องละเว้นจากการสัมผัสผู้หญิง ทหารในระดับหลอมปราณไม่จำเป็นต้องบำเพ็ญตบะ ทว่าเขาต้องหักห้ามใจและไม่หลงระเริงจนเกินไป

“พวกเจ้าฟังข้า…” เขากวักมือเรียกและกระซิบที่หูของสหายร่วมหน่วยสองคน

ซ่งถิงเฟิงกับจูกว่างเสี้ยวจ้องไปที่เขาเพราะมันยากที่จะเชื่อ ราวกับจะบอกว่า ‘เจ้าเป็นสัตว์เดรัจฉานหรือ’

หลังจากเลือกสาวสวยสองคนแล้ว ทั้งสองไม่ได้ออกจากห้องส่วนตัว ทว่ากลับเข้าไปยังห้องด้านในแทน ซึ่งแน่นอนว่ามาถึงสถานที่อย่างหอคณิกาทั้งที คงไม่มานั่งฟังเพลงอย่างเดียวหรอก เวลาส่วนใหญ่จะใช้ไปกับการฟังบทเพลงพร้อมกับทำกิจถ่ายทอดชีวิตให้เสร็จสรรพไปด้วยกันต่างหาก

หากเปรียบหอคณิกากับอดีตชาติคงเท่ากับคอนเสิร์ตบวกคณะละครสัตว์ ที่มีลูกเล่นเยอะแยะและน่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก สวี่ชีอันกำลังดื่มเหล้าพร้อมกับทานอาหารคำเล็กๆ อย่างเปรมปรีดิ์

ใกล้เวลาเที่ยง ทั้งสามไปจากหอคณิกาเพราะในท้องเต็มอิ่มไปด้วยขนมอบ น้ำชา ของว่างและเหล้า ไม่จำเป็นต้องทานมื้อเที่ยงอีก

“วันนี้ได้เที่ยวเล่นจนอิ่มหนำสำราญทีเดียว” ซ่งถิงเฟิงหรี่ตาอย่างพอใจ

“ก็ไม่เท่าไรนี่นา” สวี่ชีอันบุ้ยปาก

สีหน้าของซ่งถิงเฟิงแปลกไป และยังดูสนอกสนใจในคราวเดียวกัน “อะไรหรือ”

“ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” สวี่ชีอันยักไหล่ ท้ายที่สุดมีแค่คนรวยเท่านั้นที่จะสามารถเล่นเกมนี้ได้

สีหน้าซ่งถิงเฟิงบ่งบอกว่า ‘เจ้าล้อข้าเล่นอยู่แน่’ “เช่นนั้นเจ้าก็บอกข้ามาสิ’

สวี่ชีอันจนปัญญา

ในขณะที่เดินคุยกันอยู่ ทันใดนั้นก็เห็นกลุ่มมือปราบของที่ว่าการเมืองในชุดเครื่องแบบสาธารณะ ควบม้าเร็วผ่านไปอย่างเร่งรีบ

นำโดยหญิงสาวรูปร่างสูง หน้าตาสะสวยและมีคิ้วหนากว่าผู้หญิงทั่วไป แลดูกระฉับกระเฉง

หลี่ว์ชิงเห็นทั้งสามคนในชั่วพริบตา อย่างไรเสียความหล่อเหลาของหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลก็สะดุดตา จนทำให้นางต้องหยุดบังเหียนม้าในทันใด ขณะที่ม้ายกกีบเท้าหน้าขึ้นสูง ก็มีเสียงใสกังวานก็ดังขึ้น

“คุณชายสวี่ เจอกันอีกแล้ว…ท่านทั้งสองสบายดีหรือไม่”

เรียกเขาว่าคุณชายสวี่ ส่วนพวกเราเป็นแค่ “ท่านทั้งสอง” ‘ข้าและกว่างเสี้ยวเป็นเพียงตัวประกอบด้อยค่าไม่มีชื่อให้จดจำสินะ’ …ซ่งถิงเฟิงยิ้มออกมาพร้อมกับหรี่ตาและทักทาย

“ไม่เจอกันหลายวัน หัวหน้ามือปราบหลี่ว์ดูกล้าหาญและสุขุมขึ้นมากนะขอรับ”nᴏveʟɢᴜ.cᴏᴍ

หลี่ว์ชิงหัวเราะอย่างอ่อนโยน จากนั้นนางจึงนึกขึ้นได้และกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “คดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นบนถนนซานสุ่ยยังอยู่ในขอบเขตการสืบสวนของพวกเจ้า ในเมื่อพบกันแล้ว เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเลยดีหรือไม่

‘เกิดคดีฆาตกรรม’…สีหน้าของซ่งถิงเฟิงเคร่งขรึม “ได้ขอรับ หัวหน้ามือปราบหลี่ว์ท่านนำไปก่อน พวกเราจะตามไป”

สวี่ชีอันและสหายร่วมหน่วยเร่งรุดไปยังถนนซานสุ่ย เขาเห็นม้ามือปราบของที่ว่าการเมืองผูกอยู่ข้างทางเดินหน้าประตูบ้าน

เมื่อเดินผ่านประตูเข้าไปสู่ลานบ้าน จึงเห็นมือปราบของที่ว่าการเมืองการสองสามคนกำลังทำการสอบสวนกันอยู่ เหล่าสมาชิกผู้หญิงในครอบครัวมีดวงตาแดงก่ำจากการร้องไห้

ไร้วี่แววของหลี่ว์ชิงตรงลานบ้าน นางคงยังอยู่ภายในตัวบ้าน

สวี่ชีอันพินิจมองนายหญิงผู้สะสวยและกล่าวว่า “ผู้ตายคือสามีของท่านหรือ”

นายหญิงมองไปยังเครื่องแบบที่แตกต่างของหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล นางพยักหน้าอย่างแผ่วเบาในขณะที่กำลังเช็ดน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้า

สวี่ชีอันกวาดสายตามองไปยังรูปร่างอันแสนงดงามของนางและกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “เรียกลูกชายของท่านออกมา”

นายหญิงไม่เข้าใจความคิดของฆ้องทองแดงผู้นี้ นางจึงส่งคนรับใช้ไปและหลังจากนั้นไม่กี่นาทีคนรับใช้ก็นำเด็กน้อยอายุประมาณสิบขวบออกมา

“ยังมีอีกหรือไม่” สวี่ชีอันถาม

“…มีเพียงคนเดียว” นายหญิงดึงเด็กน้อยเข้าไปไว้ในอ้อมแขน

ข้าคงคิดมากไปเอง! สวี่ชีอันพยักหน้าอย่างมั่นใจและเดินผ่านทุกคนเข้าไปยังตัวบ้านพร้อมกับสหายร่วมหน่วยทั้งสองคน

นี่เป็นห้องทำงาน ผู้ตายฟุบตัวลงบนโต๊ะยาว เลือดแห้งกรังครอบคลุมพื้นที่ครึ่งหนึ่งของโต๊ะจากการเสียเลือดมาก

เพียงแค่มองสวี่ชีอันก็สามารถคาดการณ์ได้ว่าอีกฝ่ายถูกปาดที่ลำคอ

หลี่ว์ชิงให้มือปราบของที่ว่าการเมืองสองนายไปตรวจดูทุกซอกทุกมุมของห้องทำงาน ประตู หน้าต่างและคานบ้าน

สวี่อันถาม “หาอะไรเจอบ้างหรือไม่”

หลี่ว์ชิงส่ายหัว “ทุกที่ยังอยู่ดี ไม่มีร่องรอยของการงัดแงะและยังไม่พบรอยเท้าตรงรอบหน้าต่างหรือแม้แต่คานบ้าน”

สวี่ชีอันกล่าว “คนลงมือต้องเป็นคนใกล้ตัว”

‘ตัดสินได้เร็วขนาดนั้นเชียวหรือ’

ทุกคนรู้ว่าสวี่ชีอันเป็นคนเก่ง พวกเขาไม่เอ่ยแย้ง ได้แต่มองไปที่เขาเพื่อรอคำอธิบาย

“ประตูหน้าต่างยังอยู่ดี ส่วนคานบ้านไม่พบรอยเท้าใดๆ จึงสามารถตัดข้อสันนิษฐานที่ว่าคนร้ายบุกเข้าไปกระทำการฆาตกรรมในห้องทำงานไปได้เลย” สวี่ชีอันเดินไปรอบๆ ผู้ตาย

“ผู้ตายนั่งตัวตรงและหากดูจากองศาของการฟุบตัวลงบนโต๊ะ เขาเสียชีวิตในทันทีโดยไม่มีการขัดขืนนี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายกับฆาตกรเป็นคนรู้จักกัน ไม่เพียงแค่รู้จัก แต่เป็นคนที่ทำให้เขาเคารพนับถือหรือเกรงกลัวเป็นอย่างมาก”

“เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นล่ะ” หลี่ว์ชิงขอคำชี้แนะอย่างนอบน้อม

“ผู้ตายไม่ใช่ปัญญาชนสินะ” สวี่ชีอันถาม

หลี่ว์ชิงไม่เข้าใจถึงความหมายที่เขาสื่อ จึงตอบออกมา “เจ้าหน้าที่ถือธงตำแหน่งชั้นผู้น้อยของหน่วยองครักษ์คุ้มกันส่วนพระองค์”

สวี่ชีอันพยักหน้า “คนปกติที่กำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานที่บ้านควรรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจ ไม่ควรเป็นท่านั่งหลังตรงอย่างจริงจัง เว้นเสียแต่คนที่เขาเผชิญหน้าด้วยนั้นทำให้เขาต้องปฏิบัติด้วยความเคารพ นอกจากนี้ มองแวบแรกสาเหตุการตายคือการปาดคอ แต่ข้าเดาว่าสาเหตุการตายที่แท้จริงคือนี่ต่างหาก…” สวี่ชีอันคว้าผมของผู้ตายและยกใบหน้าอันขาวซีดขึ้น

ทุกคนในห้องมองเห็นร่องตื้นๆ ตรงกลางหน้าผากของผู้ตาย

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Nightwatcher, Dafeng's Night Squad, Great Feng's Nightwatchers The Nightwatchers of Feng 大奉打更人, วิถียุทธ์คนเคาะยามแห่งต้าเฟิ่ง(siaminter), Guardians Of The Dafeng(ซีรีส์)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , , ต้นฉบับ: 951 Chapters (จบแล้ว)
สวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน….. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset