📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ตอนที่ 321

บทที่ 321 - หลุมพราง
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ภายในห้องโถงที่รองรับแขก สวี่ชีอันนั่งบนเก้าอี้ ในมือถือถ้วยชาที่สาวใช้รินไว้ ที่เท้ามีกระสอบสูงประมาณเข่าตั้งอยู่

เขานั่งเงียบๆ อยู่สองสามนาที ใบหูก็ขยับเล็กน้อยและได้ยินเสียงของเกล็ดเกราะแกว่งไปมา จากนั้นเขาก็เห็นฉู่เซียงหลงข้ามธรณีประตูและเดินตรงเข้ามาข้างใน

“ขอบคุณแม่ทัพฉู่กับเฉากั๋วกงที่ยื่นมือช่วยเหลือ”

คำพูดของสวี่ชีอันนี้ไม่จริงใจ เพราะเขาไม่แม้แต่จะลุกขึ้นและยังพูดไปพลางจิบชาไปพลาง

ฉู่เซียงหลงไม่ได้สนใจและมองพินิจเขา จากนั้นสายตาก็ตกไปอยู่ที่กระสอบที่เท้าของสวี่ชีอันและกล่าวว่า “ของล่ะ”

สวี่ชีอันวางถ้วยน้ำชาลงและเปิดกระสอบ เผยให้เห็นพระพุทธรูปหินแกะสลัก งานมีดนั้นแย่มาก เทียบกับมือใหม่ไม่ได้

แววตาของฉู่เซียงหลงลุกวาวทันที เขาจ้องมองพระพุทธรูปด้วยสายตาเป็นประกาย แม้ว่ามันจะแกะสลักหยาบๆ ใบหน้ามีเพียงเค้าโครง แต่พุทธสัมผัสที่คล้ายมีคล้ายไม่มี กลับทำให้ผู้คนตระหนักได้ถึงความไม่ธรรมดาของมัน

“ข้าบันทึกเคล็ดลับพลังเทพวชิระระดับเพชรไว้ในพระพุทธรูปแล้ว ส่วนจะฝึกสำเร็จหรือไม่ นี่เป็นเรื่องของท่านแม่ทัพ” สวี่ชีอันกล่าว

“แน่นอน”

ฉู่เซียงหลงถอนสายตากลับ เขามองสวี่ชีอันและพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “เจ้าเป็นคนที่มีความน่าเชื่อถือ”

เฮอะ หากข้าไม่มีความน่าเชื่อถือ เจ้าคงพูดว่า ฆ้องเงินตัวเล็กๆ เช่นเจ้ากล้ากลับคำพูด แม้แต่เว่ยเยวียนก็ไม่อาจปกป้องเจ้าได้!

สวี่ชีอันยิ้มเย็นในใจ แต่ใบหน้ายังคงสงบเยือกเย็น “อันที่จริงเคล็ดวิชานี้ไม่เสียเงิน หากแม่ทัพฉู่สนใจ ข้าจะขายให้ในราคาห้าร้อยตำลึงเงิน ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากเช่นนั้น”

ฉู่เซียงหลงเดินเข้ามา ใช้กระสอบห่อพระพุทธรูปและถือไว้ในมือ สีหน้าเยาะเย้ยกับเย้ยหยัน

“ของที่ได้มาด้วยการใช้เล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อย ข้ารู้สึกว่าไม่คุ้มค่ากับการเสียเงินห้าร้อยตำลึง แน่นอนว่าร่างทองของสำนักพุทธไม่อาจซื้อได้ด้วยเงิน ฆ้องเงินสวี่เดินทางปลอดภัย ขอไม่ส่ง”

ร่างทองของสำนักพุทธไม่อาจซื้อได้ด้วยเงิน เพราะข้าไม่คู่ควรให้เจ้าจ่ายเงิน…สวี่ชีอันไม่โกรธและยิ้ม “ภูเขาสูงตระหง่าน สายน้ำมิไหลกลับ”

เขาหันหลังกลับและเดินจากไป

ทันทีที่เดินมาถึงลานบ้าน เขาก็เห็นสาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบและพูดว่า “ท่านคือ ฆ้องเงินสวี่ สวี่ชีอันใช่หรือไม่”

“ใช่แล้ว ข้าเอง” สวี่ชีอันพยักหน้า

“พระมเหสีของข้าอยากพบเจ้า” สาวใช้กล่าว

พระมเหสีในอ๋องสยบแดนเหนือต้องการพบข้าหรือ หญิงงามอันดับหนึ่งของต้าฟ่งต้องการพบข้าหรือ นี่จะมี…สวี่ชีอันอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับหญิงสาวที่มีชื่อเสียงคนนั้นมาก

อย่างไรเสียก็แค่เจอหน้า ไม่ใช่เรื่องใหญ่…สวี่ชีอันยิ้ม “พี่สาว โปรดนำทาง”

สาวใช้พาสวี่ชีอันเลียบตามทางเดินที่คดเคี้ยว ผ่านลานบ้านกับสวน เมื่อเดินมาหนึ่งเค่อก็ถึงจุดหมาย ซึ่งเป็นศาลาที่แขวนผ้าม่านไว้ทุกด้าน

เขามองเห็นร่างอรชรนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาว ในมือถือม้วนตำรารางๆ

สวี่ชีอันพยายามมองหน้าตาของนางให้ชัดเจน แต่กลับพบว่าหลังผ้าม่านยังมีผ้าคลุมหน้าอีกชั้นหนึ่ง

“เจ้าคือสวี่ชีอันหรือ”

ภายในผ้าม่าน เสียงของหญิงสาวที่โตเต็มวัยดังขึ้น ในความเย็นชามีเสน่ห์น่าดึงดูดอยู่

แม้จะมองเห็นหน้าตาไม่ชัด แต่เสียงไพเราะมาก…สวี่ชีอันประสานหมัด “พระมเหสีเรียกข้ามามีเรื่องอันใดหรือขอรับ”

หญิงสาวในศาลาเอ่ยเสียงเย็น “ข้าได้ยินมาว่าที่ประตูอู่เหมิน เจ้าขวางเจ้าหน้าที่นับร้อยด้วยตัวคนเดียวและแต่งกวีเยาะเย้ย มีเรื่องเช่นนี้หรือไม่”

สวี่ชีอันตอบว่า “เด็กหนุ่มบ้าระห่ำ หุนหันพลันแล่น น่าละอายใจๆ”

‘เจ้าละอายใจหรือ ถุย!’ หญิงสาวในศาลาเงียบไปครู่หนึ่งและเอ่ยเสียงเรียบ “ส่งแขก”

แค่นี้หรือ สวี่ชีอันมองหญิงสาวในศาลาอย่างมึนงง หันหลังกลับและตามหลังสาวใช้ไป

ในเวลานี้เอง จู่ๆ ก็มีวัตถุสีเหลืองส้มถูกโยนออกมาจากศาลาและกระแทกที่หลังของสวี่ชีอันดังตุ้บ

“เหตุใดพระมเหสีถึงทุบตีข้า”

สวี่ชีอันหันกลับมาและก้มหน้ามองทองคำบนพื้น เขาไม่ได้รับการเตือนถึงอันตรายจากจิตเทพ นี่หมายความว่าเมื่อครู่นี้ไม่มีวิกฤต แต่เขาก็โกรธเล็กน้อย

หญิงสาวในศาลาไม่สนใจเขา

ความสงสัยปรากฏขึ้นในดวงตาของสวี่ชีอัน เมื่อเห็นว่าพระมเหสีไม่อธิบาย เขาจึงเอนตัวไปเก็บทองคำขึ้นมาและใส่ในกระเป๋าของตัวเองอย่างไม่สะดุ้งสะเทือน

“ครั้งต่อไปหากพระมเหสีต้องการทุบตีข้า อย่าลืมใช้อิฐทองคำ”

สวี่ชีอันเยาะเย้ยและตามสาวใช้ออกไป

ในห้องนอนที่เงียบสงบ ฉู่เซียงหลงปิดประตูกับหน้าต่างอย่างแน่นหนา เขาวางพระพุทธรูปหินแกะสลักลงบนโต๊ะและสังเกตอย่างตั้งใจอยู่นาน เขาเพียงแค่รู้สึกว่ามันมีพุทธสัมผัสหลั่งไหลออกมา ซึ่งเลิศล้ำเกินบรรยาย

แต่ไม่ว่าเขาจะตระหนักรู้ได้อย่างไร เขาก็ไม่อาจซึมซับเคล็ดวิชาจากมันได้

“พลังเทพวชิระระดับเพชรไร้พ่ายของสำนักพุทธต้องการโอกาสที่แน่นอนและรากฐานของพุทธศาสนา สวี่ชีอันสามารถฝึกฝนจนกลายเป็นระดับเพชรไร้พ่ายได้ มีพรสวรรค์นิดหน่อยจริงๆ แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นเพียงสามัญชนที่ไม่มีรากฐาน ใช้เล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อยก็ทำให้เขายอมจำนนอย่างเชื่อฟัง”

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉู่เซียงหลงก็หัวเราะเยาะ เขาทั้งพึงพอใจและดูถูกเหยียดหยาม

‘จอมยุทธ์อัจฉริยะอะไร พรสวรรค์อะไรจะเทียบได้กับอ๋องสยบแดนเหนือ หากไม่มีท่านโหราจารย์แอบช่วยเหลือ เขาจะสู้กับพระอรหันต์แห่งสำนักพุทธได้อย่างไร’

ในบรรดาข่าวลือที่คุยโวโอ้อวดเรื่องเขาในเมืองหลวง สิ่งที่ฉู่เซียงหลงไม่พอใจและเกลียดที่สุดคือการเอาเขามาเปรียบเทียบกับท่านอ๋อง

ฆ้องเงินที่มาจากมือปราบ ชายผู้ต่ำต้อยที่มาจากครอบครัวทหาร เขาคู่ควรหรือ

“นอกจากพลังเทพวชิระระดับเพชร ผลประโยชน์ที่รีดจากเด็กคนนี้ออกมาได้ช่างน้อยจนน่าสมเพช มิฉะนั้นในคดีฉ้อโกงการสอบคัดเลือกเป็นข้าราชการ คุณค่าทั้งหมดของเขาคงถูกสูบจนแห้งในครั้งเดียว”

ฉู่เซียงหลงกับเฉากั๋วกงวางแผนชิงพลังเทพวชิระระดับเพชรย่อมมีเหตุผล ด้วยสถานะ ตำแหน่งและความรู้ของพวกเขา พวกเขาจะไม่รู้ถึงความลึกลับของพลังเทพวชิระระดับเพชรได้อย่างไร

ฉู่เซียงหลงรับราชการทหารตั้งแต่ยังเด็ก ในช่วงปีแรกๆ เมื่อเขาติดตามกองทัพไปปิดล้อมและปราบปรามโจรเร่ร่อน เขาได้พบกับนักพรตที่มาจากดินแดนประจิมทิศคนหนึ่ง

นักพรตคนนั้นพยายามใช้พุทธศาสนาโน้มน้าวโจรเร่ร่อนที่หิวโหย แต่กลับถูกโจรเร่ร่อนมัดไว้และต้องการทำเป็นอาหาร

ฉู่เซียงหลงจึงช่วยชีวิตนักพรต เพื่อตอบแทนความใจดีของเขา นักพรตมอบเครื่องรางทองแดงให้เขา เครื่องรางนี้สลักตัวอักษรพุทธไว้และมีพุทธสัมผัสหลั่งไหลออกมา ทุกครั้งที่สวมติดตัว เขาจะรู้สึกจิตใจสงบ จิตชั่วร้ายสลายไปหมดและเข้าสู่สภาวะที่คล้ายกับการตรัสรู้

หลังจากการต่อสู้ในสนามรบทุกครั้ง ฉู่เซียงหลงจะสวมมันไว้ที่ตัวเพื่อปัดเป่าจิตชั่วร้ายและตระหนักรู้ถึงพุทธศาสนาที่ลึกลับอย่างยิ่ง

‘ครืด…’

เขาเปิดตู้ข้างเตียง หยิบกล่องไม้จันทน์ใบเล็กออกมาและเปิดฝากล่อง ข้างในมีผ้าไหมสีแดงห่อเครื่องรางทองแดงขนาดเท่าฝ่ามือไว้

“แม้ว่าข้าจะไม่ใช่คนในสำนักพุทธ แต่เครื่องรางนี้ทั้งลึกลับและมีมนต์ขลัง มันสามารถช่วยให้ข้าเข้าสู่สภาวะตรัสรู้บางอย่างได้และอาจจะถือโอกาสนี้ตระหนักรู้ความลึกลับของพลังเทพวชิระระดับเพชรได้ หากข้าฝึกฝนจนกลายเป็นระดับเพชรไร้พ่าย พลังการต่อสู้ก็จะเพิ่มขึ้นมากกว่าหนึ่งระดับ กุญแจสำคัญคือ ร่างกายที่เหนือกว่าทหารทั่วไปจะช่วยให้ข้าอยู่รอดบนสนามรบได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ หากข้าสามารถอาศัยเครื่องรางทองแดงฝึกฝนพลังเทพวชิระระดับเพชรได้ ท่านอ๋องก็สามารถทำได้อย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นท่านอ๋องต้องตบรางวัลให้ข้าอย่างหนักแน่”

เมื่อคิดถึงตรงนี้ นัยน์ตาของฉู่เซียงหลงก็ลุกวาว เขาแทบอยากจะสัมผัสพระพุทธรูปในทันที

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และใช้เวลาหนึ่งถ้วยชาเพื่อสงบสติอารมณ์ ทำให้จิตใจสงบและไม่ให้เกิดความหวั่นไหว

จากนั้นเขาก็ถือเครื่องรางทองแดงและเริ่มทำสมาธิ

เขาค่อยๆ รู้สึกถึงกลิ่นอายอันกว้างใหญ่และอ่อนโยน จิตใจแจ่มใสขึ้น เขาพินิจเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาอย่างใจเย็นและไม่ถูกความคิดฟุ้งซ่านรบกวนอีก

หลังจากเข้าสู่สภาวะนี้ ฉู่เซียงหลงก็ลืมตาขึ้นและสังเกตพุทธสัมผัสบนรูปปั้นหินอย่างตั้งอกตั้งใจโนiวลกูดอทคอม

ครั้งนี้เขาเห็นพระพุทธรูปเคลื่อนไหวและเปลี่ยนเป็นอิริยาบถต่างๆ อย่างชัดเจน แต่ละอิริยาบถล้วนตามมาด้วยวิธีการขับเคลื่อนลมปราณที่แตกต่างกัน

‘ทำได้จริงๆ…’ ฉู่เซียงหลงรู้สึกปีติยินดีจนแทบจะคงสภาวะ ‘กำเนิดอย่างเฉยเมย’ ไว้ไม่ได้

เขาพยายามลอกเลียนแบบท่าทางบนรูปปั้นหินโดยไม่รู้ตัวและลอกเลียนแบบวิธีการขับเคลื่อนลมปราณอันเป็นเอกลักษณ์นั่น

แผ่นทองตรงระหว่างคิ้วสว่างขึ้นและปกคลุมครึ่งร่างของเขาอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้น…พลังปราณภายในร่างกายก็ได้รับผลกระทบ ราวกับภูเขาไฟปะทุ โจมตีเส้นลมปราณกับตันเถียนของเขา

“อึก!”

ฉู่เซียงหลงกระอักเลือดออกมา เส้นเลือดบนผิวกายแต่ละเส้นแตก ตันเถียนก็ถูกพลังปราณรุนแรงทำลาย เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส

ใบหน้าของเขาแดงก่ำทันที หยาดเหงื่อขนาดเท่าเม็ดถั่วหยดลงมา เขาก้มหน้าลงสำรวจตัวเอง แผ่นทองบนแขนค่อยๆ สลายไปทีละน้อย

‘เป็นไปได้อย่างไร เครื่องรางทองแดงก็ใช้การไม่ได้หรือ…’ ความคิดของฉู่เซียงหลงวาบขึ้นมา ดวงตาของเขากลอกไปมาและหมดสติไป

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม คนสนิทของฉู่เซียงหลงก็มาหาเขาและพบเขาที่หมดสติและกำลังจะตายในที่สุด

“มีผู้ลอบสังหาร มีผู้ลอบสังหาร…”

เมื่อพระมเหสีในอ๋องสยบแดนเหนือฟังทหารรักษาพระองค์รายงานจบ นางก็ทรงระงับความยินดีในใจไว้และถามว่า “ฝึกฝนจนธาตุไฟเข้าแทรกหรือ อยู่ดีๆ เหตุใดถึงธาตุไฟเข้าแทรก”

ทหารรักษาพระองค์ส่ายหน้า “ข้าน้อยก็มิทราบขอรับ”

พระมเหสีในอ๋องสยบแดนเหนือเอ่ยอย่างมีความสุข “ตายแล้วหรือยัง”

ทหารรักษาพระองค์ส่ายหน้าอีกครั้ง “ชีวิตปลอดภัย แต่ได้รับบาดเจ็บสาหัส โหรของสำนักโหราจารย์บอกว่า ต้องนอนบนเตียงนานเป็นเวลาหนึ่งเดือนถึงจะฟื้นกลับมาเป็นปกติ นอกจากนี้ หากพบช้าเกินไป พลังปราณจะย้อนกลับ เส้นลมปราณก็จะฉีกขาดทั้งหมด เป็นไปได้มากว่าจะไม่หายขาด”

พระมเหสีในอ๋องสยบแดนเหนือผิดหวังทันที

“แต่ข้าน้อยได้ยินมาว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับพระพุทธรูปที่ฆ้องเงินสวี่มอบให้” ทหารรักษาพระองค์ลังเลเล็กน้อยและพูดออกมา

‘เกี่ยวข้องกับเขาหรือ เจ้าเด็กน่ารำคาญนี่ทำเรื่องดีๆ ที่น่ายินดี…’ พระมเหสีในอ๋องสยบแดนเหนือคิดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ทางบนเขาที่ขรุขระ หลี่เมี่ยวเจินที่สวมชุดคลุมเต๋าและมัดผมด้วยรัดเกล้าหยกสะพายดาบยาวอาวุธเวทมนตร์ที่อาจารย์มอบให้และเดินไปอย่างช้าๆ

ดอกไม้ป่าริมทางมีสีสันสดใส แสงอาทิตย์เจิดจ้า ทัศนียภาพงดงาม นางเดินไปชมไปอย่างมีความสุข

ร่มกระดาษน้ำมันสีแดงสดตามอยู่เคียงข้างนาง ใต้ร่มนั้นคือซูซูสาวงามล่มเมือง ดวงตาของนางเงางาม ริมฝีปากสีแดงสด ผิวเนียนขาวราวหิมะและสวมชุดกระโปรงยาวที่ดูซับซ้อนงดงาม

หลี่เมี่ยวเจินสวยมาก แต่กิริยาท่าทางก้าวร้าวเกินไป

ในทางกลับกันซูซูแต่งตัวเป็นบุตรีของตระกูลร่ำรวยที่สง่างาม ดวงตาเป็นประกาย ท่าทางเย้ายวนและมีเสน่ห์อย่างที่อธิบายไม่ได้

“อีกแปดสิบลี้จะถึงเมืองหลวง นายท่าน พวกเราพักที่เมืองหลวงสักครู่หนึ่ง ดีหรือไม่” ซูซูมองไปทางทิศใต้และเต็มไปด้วยความคาดหวัง

“ข้าไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับสำนักโหราจารย์ สวี่ชีอันก็เสียชีวิตไปแล้ว หากไม่มีหน้าตาของเขา ซ่งชิงจะสนใจเจ้าสิแปลก” หลี่เมี่ยวเจินเบะปากและโจมตีอย่างไร้ความปรานี

“นั่น…”

ซูซูกลอกตาและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ข้าจะบอกว่าข้าเป็นภรรยาที่ยังไม่แต่งเข้าบ้านของสวี่ชีอัน”

หลี่เมี่ยวเจินยิ้มเย็น “พอดีเลย ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเมตตาเจ้าและขอให้เจ้าไปอยู่กับเขา”

ซูซูหันกลับมาอย่างโกรธเคือง นางยืนอยู่ข้างทางและกล่าวอย่างฉุนเฉียว “ข้าไม่ไปแล้ว ข้าจะกลับนิกายสวรรค์ ข้าจะกลับนิกายสวรรค์”

ท่าทางแสร้งทำเป็นโกรธสามารถกระตุ้นความอ่อนโยนที่อยากทะนุถนอมสตรีของผู้ชายได้อย่างมาก

ทว่าน่าเสียดายที่หลี่เมี่ยวเจินไม่ใช่ผู้ชาย นางจึงพลิกมือจะตบหลังหัวของซูซู “จะไปหรือไม่ไป”

ซูซูที่จะถูกทุบตีเชื่อฟังทันที “ไอหยา อย่าตีหัวข้า ข้าถูกนายท่านทุบตีจนยับเยินแล้ว”

เวลานี้ หลี่เมี่ยวเจินสูดจมูกและเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ข้าได้กลิ่นเลือด”

นางมองไปรอบๆ ครู่หนึ่งและมุ่งความสนใจไปที่พุ่มไม้ข้างหน้า

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Nightwatcher, Dafeng's Night Squad, Great Feng's Nightwatchers The Nightwatchers of Feng 大奉打更人, วิถียุทธ์คนเคาะยามแห่งต้าเฟิ่ง(siaminter), Guardians Of The Dafeng(ซีรีส์)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , , ต้นฉบับ: 951 Chapters (จบแล้ว)
สวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน….. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset