📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ตอนที่ 278

บทที่ 278 - บทกวี
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

เมื่อตามหน่วยองครักษ์ราชวัลลภมาถึงสวนเต๋อซิน เขาก็ได้รับแจ้งว่าฮว๋ายชิ่งเพิ่งฝึกดาบเสร็จและกำลังสรงน้ำ สวี่ชีอันจึงรออยู่ข้างนอก

เฮ้อ เจ้าได้ยินว่าข้าจะมาจึงจงใจไปอาบน้ำใช่หรือไม่…สวี่ชีอันตะโกนในใจ

ด้วยเหตุนี้เขาจึงรออยู่ข้างนอกสวนเต๋อซินเป็นเวลาสองเค่อ นางข้าหลวงที่สวมชุดชาววังสีเหลืองอ่อนก้าวข้ามธรณีประตูออกมาและเอ่ยอย่างนุ่มนวล “ใต้เท้าสวี่ องค์หญิงเรียนเชิญ”

เมื่อเข้าไปในตำหนักหรู เขาก็เห็นฮว๋ายชิ่งที่ล้างตัวแล้วในห้องโถงด้านหน้าที่ต้อนรับแขก ใบหน้ารูปไข่อันงดงามล้ำเลิศของนางแดงระเรื่อ ดวงตาเปล่งประกาย

เป็นผู้หญิงที่ดูมีเสน่ห์มากมาย มีเกียรติและสง่างามน้อยกว่า

ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา

แบบนี้ถึงจะมีความเป็นผู้หญิง วันๆ สง่างามและมีเกียรติ ถือความเย่อหยิ่งขององค์หญิงไม่วาง ไม่น่ารักเลยสักนิด…สวี่ชีอันกุมหมัด

“กระหม่อมขอคารวะพระองค์”

ฮว๋ายชิ่งสั่งให้นางข้าหลวงยกน้ำชาเข้ามา เอ่ยด้วยเสียงอันสุขุมไพเราะ “ใต้เท้าสวี่มาหาข้ามีเรื่องอันใดหรือ”

“ญาติผู้น้องของกระหม่อมสอบได้เป็นฮุ่ยหยวน แต่เขามาจากสำนักอวิ๋นลู่ กระหม่อมจึงกังวลเกี่ยวกับอนาคตของเขา” สวี่ชีอันขอคำปรึกษาอย่างจริงใจ

“ไม่ทราบว่าพระองค์มีความคิดอะไรดีๆ หรือไม่”

เรื่องที่ตัวเองคิดไม่ตก การปรึกษาคนฉลาดคือตัวเลือกที่ดีที่สุด ต้องเรียนรู้ที่จะใช้เครื่องมือมนุษย์ทั้งหมดอย่างสมเหตุสมผล หากองค์หญิงใหญ่ไม่มีความคิดเห็น เขาก็จะไปถามเว่ยเยวียน

ดวงตาของฮว๋ายชิ่งเปล่งประกาย นางจิบน้ำชาและเข้าใจความคิดของสวี่ชีอันทันที นี่เป็นเพราะไม่อยากให้สวี่ฉือจิ้วถูกนาบตรา ‘พรรคขันที’

ทางหนีทีไล่ คนฉลาดจะไม่มีวันเอาเบี้ยต่อรองมารวมไว้ในที่เดียว

‘แม้สวี่หนิงเยี่ยนจะเป็นทหาร แต่เขาก็ฉลาดมาก…’ ฮว๋ายชิ่งยิ้ม “เจ้าเคยไปชิงโจวแล้ว เจ้ารู้จักที่นั่นมากน้อยแค่ไหน?”

“การบริหารของเจ้าหน้าที่ ฆราวาสจื่อหยางปกครองชิงโจวอย่างเป็นระเบียบ…”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ สวี่ชีอันก็เข้าใจความคิดของฮว๋ายชิ่งทันที ตอนนี้ในชิงโจว ฆราวาสจื่อหยางเป็นผู้มีสิทธิ์มีเสียงแต่เพียงผู้เดียว การมีเขาอยู่ดูแลชิงโจว หากบัณฑิตของสำนักอวิ๋นลู่ไปดำรงตำแหน่งที่ชิงโจว พวกเขาก็จะแสดงความสามารถได้อย่างเต็มที่และไม่ถูกระงับแน่นอน

“ชิงโจวเป็นสุขาวดีที่สำนักอวิ๋นลู่ก่อตั้งเพื่อเหล่าบัณฑิตของลัทธิขงจื๊อ” องค์หญิงใหญ่ไม่ได้คิดจะอุบไว้

นี่…ข้าก็มีน้องชายที่สืบสกุลคนเดียว ข้าทำใจให้เขาไปที่ชิงโจวไม่ได้ น้องเดินทางไปพันลี้ พี่เป็นห่วง!

สวี่ชีอันถอนหายใจ “กระหม่อมเข้าใจแล้ว”

ช่างเถอะ ให้เอ้อร์หลางดำรงตำแหน่งในเมืองหลวงก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธีทีหลัง บางทีเขาอาจจะหาผู้สนับสนุนได้ด้วยตัวเอง

“จริงสิ ไม่รู้ว่าพระองค์มีความสนใจนิทานหรือนิยายบ้างหรือไม่” สวี่ชีอันเผยเจตนา

“ข้าไม่เคยอ่านของเหล่านั้น”

น้ำเสียงอันเย่อหยิ่งขององค์หญิงฮว๋ายชิ่ง ราวกับสาววุฒิปริญญาเอกคนหนึ่งพูดว่า ‘นวนิยายออนไลน์หรือ เอ่อ ฉันไม่เคยอ่านของแบบนั้นหรอก!’

“กระหม่อมพบหนังสือดีๆ เล่มหนึ่ง พระองค์ทรงลองอ่านดูได้ในยามว่าง…อ้อ ต้องช่วยกระหม่อมเก็บเป็นความลับด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ” สวี่ชีอันหยิบ ‘ราชินีจอมเผด็จการตกหลุมรักข้า’ ออกมาจากหน้าอกและวางไว้บนโต๊ะ

ฮว๋ายชิ่งไม่แม้แต่จะมอง เพียงแค่พยักหน้าตามมารยาทเท่านั้น

หลังจากส่งสวี่ชีอันกลับไป นางก็กำลังจะสั่งให้นางข้าหลวงเอานิยายไปเก็บและจัดการมันด้วยตัวเอง แต่เมื่อกวาดตามองหน้าปก ดวงตาของนางก็หยุดชะงักทันที

ราชินีจอมเผด็จการตกหลุมรักข้า…ราชินี?!

‘เป็นชื่อหนังสือที่อุกอาจมาก…’ ฮว๋ายชิ่งสนใจขึ้นมาทันที จริงๆ นางก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว จะอ่านสักเล็กน้อยก็ไม่เสียหายอะไร

ดังนั้นนางจึงนั่งลงอีกครั้งและเปิดนิยายที่มีชื่อเรื่องอุกอาจเล่มนี้

เรื่องเล่าถึงนักปราชญ์ที่พลาดตกสู่ทางมารคนหนึ่ง เขาเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์และเต็มไปด้วยความรู้ แต่ผู้คนในโลกปีศาจต้องการกินนักปราชญ์ พวกเขาจึงตั้งกระทะเตรียมที่จะทอดเขา

เวลานี้ราชินีก็ปรากฏตัวขึ้น นางเป็นปัญญาชนเพียงคนเดียวในโลกปีศาจ ซึ่งมีสติปัญญากับวัฒนธรรมที่สูงมาก นางช่วยชีวิตนักปราชญ์และเลี้ยงดูเขาในวังหลังของตัวเอง ทั้งสองคนประชันการท่องบทกลอนและหารือกันทุกอย่าง

ระหว่างนั้น นางก็แสดงนิสัยบ้าอำนาจและดุร้ายของตนเองออกมาอย่างเต็มที่ แต่ภายในใจของนางนั้นสนใจนักปราชญ์มาก แต่ไม่รู้ว่าจะแสดงออกอย่างไร คำติดปากที่นางชอบกล่าวที่สุดคือ ‘บุรุษโง่เขลา เจ้ากำลังเล่นกับไฟ’

ฮว๋ายชิ่งไม่เคยเห็นนิยายที่น่าสนใจเช่นนี้มาก่อน มันไม่มีความลึกซึ้งอะไรเลย และไม่สามารถเรียนรู้อะไรได้ เสมือนฟ้ากับเหวเมื่อเทียบกับตำราโบราณที่เข้าใจยากที่นางชอบอ่าน

แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เห็นๆ อยู่ว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต บทสนทนาก็น่าเบื่อ แต่กลับดูเหมือนมีพลังวิเศษ

ทำให้ฮว๋ายชิ่งอดไม่ได้ที่จะอยากเห็นราชินีที่…แสดงความสามารถหลายๆ อย่างออกมา?!

ใช่ การแสดงความสามารถ

เหยียบย่ำบุรุษไว้ใต้ฝ่าเท้า เลี้ยงดูเขาไว้ในวังหลัง ปฏิบัติกับเขาด้วยความบ้าอำนาจและดุร้าย ทว่าแม้นางจะดุร้ายเช่นนี้ ภายในใจก็ยังคงมีความอ่อนโยน

ส่วนนักปราชญ์คนนั้นก็ยอมจำนนต่อราชินีและคิดถึงนางตลอดทุกหนแห่ง เขามักจะโกรธและหึงหวงเพราะนางไปดื่มเหล้ากับเหล่าแม่ทัพแห่งโลกปีศาจ

ไม่ทันไรก็พลบค่ำโดยไม่รู้ตัวแล้ว นางอ่านอยู่นานกว่าสองชั่วยาม

ฮว๋ายชิ่งพบข้อดีของนิยายเรื่องนี้อีกข้อหนึ่งคือ มันไม่จำเป็นต้องใช้สมอง

ความสนใจของนางหมดลง

หลังจากหมดความสนใจ จู่ๆ ฮว๋ายชิ่งก็เกิดความรู้สึกโกรธขึ้นมา ข้าทำอะไรลงไป

‘ข้าอ่านหนังสือที่ไร้ประโยชน์และไม่มีความรู้เช่นนี้เป็นเวลาสองชั่วยาม?! นี่ต่างอะไรกับการเสียเวลาชีวิต ข้าเสียเวลากับพลังงานไปกับสิ่งที่ไร้ซึ่งประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร’

นางรู้สึกผิดอย่างสุดซึ้งกับเรื่องนี้

“ก็แค่หนังสืออ่านนอกเวลาเล่มเดียว…”

ฮว๋ายชิ่งโยนหนังสือไว้ข้างๆ อย่างดูถูก นางลุกขึ้นและเดินออกจากห้องรับรองไป ไม่กี่นาทีต่อมา นางก็ย้อนกลับมาอีกครั้งและซ่อนหนังสือไว้ในแขนเสื้อแล้วนำออกไป

‘ไม่ใช่เพราะจะอ่านทบทวนอีกรอบเมื่อเข้านอนตอนกลางคืน แต่หนังสือเล่มนี้ไม่อาจให้ผู้อื่นเห็นได้เช่นเดียวกับหนังสือลับในห้องสตรีเหล่านั้น มิอาจแพร่งพรายได้…’

ในเวลาเดียวกัน ณ สวนเส้าอิน หลินอันจมอยู่ใน ‘มหากาพย์รักแห่งสวรรค์’ จนโงหัวไม่ขึ้น

“ที่…ที่แท้ชายหญิงรักชอบกันก็เป็นเรื่องเช่นนี้เอง…อ๊ากกก เจ้าสุนัขรับใช้ให้ข้าอ่านของแบบนี้ได้อย่างไร”

หลินอันนอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียง ใบหน้าแดงก่ำ เมื่ออ่านถึงเนื้อหาห้าพันคำที่เทพธิดาจื่อเสียมีอะไรกับหลงเอ้าเทียน นางก็ตะโกนว่า “น่าเกลียดๆ”

พลางอ่านทีละตัวอักษรจนจบและจินตนาการภาพออกมา

จากนั้นนางก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองร้อนรุ่ม ขาสองข้างถูกันเป็นครั้งคราว ใบหน้ากลมมนแดงราวกับแอปเปิลสุก นัยน์ตาดอกท้อเดิมก็มีเสน่ห์อยู่แล้ว หลังจากปกคลุมไปด้วยละอองน้ำ ยิ่งส่งสายตาหวานดุจดั่งเส้นไหมยิ่งดูเย้ายวนมาก

แต่การแต่งเรื่องราวความรักระหว่างชายหญิง แก่นของเรื่องคือเรื่องราวความรักของเทพธิดาจื่อเสียมีอะไรกับหลงเอ้าเทียน

สองในสามตอนต้นเป็นความรักอันหวานชื่น หนึ่งในสามตอนหลังเป็นคมมีด

เมื่ออ่านถึงหลงเอ้าเทียนถูกฉีกผิวหนังหักกระดูก เข้าสู่วังวนการเกิดใหม่เป็นปศุสัตว์ชั่วนิรันดร์ ส่วนเทพธิดาจื่อเสียถูกคุมขังในวังกวงฮานตลอดกาล หลินอันก็พบว่าหมอนเปียก

เธอสูดน้ำมูกและเอ่ยอย่างโกรธเคือง “ทำไมถึงไม่มีต่อจากนี้แล้วล่ะ เจ้าสุนัขรับใช้ ทำไมถึงไม่มีต่อจากนี้แล้ว”

หลังจากก่นดุอย่างขุ่นเคืองเรียบร้อยแล้ว นางก็เรียกนางข้าหลวงเข้ามาและพูดว่า “ข้าจะอาบน้ำ เตรียมน้ำร้อนด้วย”

“?”

นางข้าหลวงพูดด้วยความประหลาดใจ “ใกล้จะเสวยพระกระยาหารแล้ว จะสรงน้ำเวลานี้หรือเพคะ”

ยายตัวร้ายพาลโกรธทันที “บอกให้เจ้าไปก็ไปสิ”

ไม่นานนัก น้ำร้อนก็ถูกต้ม หลังจากนางข้าหลวงปรับอุณหภูมิน้ำเสร็จ นางก็มาปรนนิบัติหลินอันอาบน้ำ

เรือนร่างอันขาวละมุนของนางแช่อยู่ในน้ำ บนผิวน้ำมีกลีบดอกไม้ลอยอยู่ เผยให้เห็นไหล่ที่กลมมนกับเรียวบางและกระดูกไหปลาร้าที่เปราะบาง

“พวกเจ้าว่า ในบรรดาทหารรักษาพระองค์รอบกายข้า ใครหล่อเหลาที่สุด มีความสามารถมากที่สุด น่าสนใจที่สุดและจงรักภักดีต่อข้ามากที่สุด” จู่ๆ หลินอันก็ถามขึ้นมา

“ทุกคนล้วนจงรักภักดีเพคะ ส่วนน่าสนใจกับมีความสามารถ หม่อมฉันก็ไม่ทราบเช่นกัน แต่หากไม่ใช่ทหารรักษาพระองค์ หม่อมฉันก็มีตัวเลือกในใจ”

“ใคร!” ยายตัวร้ายถามทันที

“ใต้เท้าสวี่ ใต้เท้าสวี่หน้าตาหล่อเหลา มีความสามารถและน่าสนใจ เขามักจะทำให้พระองค์มีความสุข แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ทหารรักษาพระองค์ แต่ก็เป็นคนสนิทที่น่าดึงดูดของพระองค์ อีกทั้งยังไม่ใช่ปัญญาชนและเป็นหน่วยลาดตระเวนตรวจการณ์ยามวิกาล จึงยังพอถือว่าเป็นทหารรักษาพระองค์ได้เช่นกัน”

หลินอันกัดริมฝีปากและค่อยๆ คนกลีบดอกไม้ กลีบดอกไม้กระจัดกระจาย นางเห็นใบหน้าของตัวเองสะท้อนอยู่ในคลื่นน้ำที่กระเพื่อมรางๆ นางมีหน้าตางดงาม ใบหน้าแดงก่ำดูเขินอายเล็กน้อย…

เขตพระราชฐาน จวนอ๋อง

ในห้องหนังสือของสมุหราชเลขาธิการหวางเจินเหวิน พระอาทิตย์ตกสีทองแดงสาดแสงเข้ามาจากนอกหน้าต่างลายตาราง สมุหราชเลขาธิการหวางผู้มีอายุมากกว่าห้าสิบปีร่างฎีกาจนเสร็จและกวาดพวกมันไปที่มุม

จากนั้นก็กางกระดาษเซวียนจื่อ กดที่ทับกระดาษ ก่อนจะเริ่มเขียน…เวลานี้ คุณหนูหวางถือซุปโสมเก๋ากี้เข้ามา

สมุหราชเลขาธิการหวางไม่ได้ใส่ใจและถือโอกาสใช้จิตใจกับปณิธานที่ค้ำจุนอยู่ในอกจรดพู่กันเขียน

สาเกขวดทองคำมีมูลค่าหนึ่งหมื่นต่อขวด อาหารอันโอชะในจานหยกก็มีมูลค่าหนึ่งหมื่น…

เดินทางลำบาก เดินทางลำบากมาก ทางแยกก็เยอะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน

แม้ว่าระหว่างทางที่บุคคลผู้หนึ่งพยายามทำเรื่องหนึ่งจะมีความยากลำบากมากมาย แต่วันหนึ่งคนผู้นั้นก็สามารถประสบความสำเร็จได้

คุณหนูหวางวางซุปโสมลงและเดินเข้ามาดู นางไม่อาจละสายตาได้เป็นเวลานาน พึมพำออกมาว่า “ท่านพ่อ ท่านเขียนผลงานชิ้นเอกที่สืบทอดมาแต่โบราณ หากบทกวีบทนี้ของท่านถูกเผยแพร่ออกไป ต้องทำให้ทั้งราชสำนักตกใจเป็นแน่”

ในฐานะหญิงสาวผู้ชื่นชอบวรรณศิลป์ นางยังคงมีความสามารถในการชื่นชม คุณหนูหวางถูกจิตวิญญาณในบทกวีบทนี้โน้มน้าวใจ

สมุหราชเลขาธิการหวางส่ายหน้า เขายกชาโสมขึ้นจิบและพ่นลมหายใจอย่างสบายอกสบายใจ “นี่ไม่ใช่บทกวีที่ข้าเขียน เป็นบทกวีที่ฮุ่ยหยวนคนใหม่คนนั้นเขียน วันนี้เจ้าก็ไปที่สนามสอบไม่ใช่หรือ ไม่ได้เจอหรือ ว่ากันว่าเป็นหนุ่มรูปงามที่มีความสามารถและหาได้ยาก”

“ลูกไม่ได้เจอ ลูกเพียงแค่ไปคอยประสมโรงเท่านั้น” คุณหนูหวางปฏิเสธเสียงแข็ง สายตามองไปที่โต๊ะบ่อยครั้ง

“สมัยนั้นพ่อใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อนำบทกวีกลับมาสู่การสอบคัดเลือกเข้ารับราชการอีกครั้ง ซึ่งก็มีการต่อต้านมากมาย”

สมุหราชเลขาธิการหวางชี้นิ้วไปที่กระดาษ ทำท่าจริงจังและยิ้มอย่างร่าเริง “ตอนนี้มีผลงานชิ้นเอกเช่นนี้ออกมา พ่อก็อิ่มอกอิ่มใจ นับว่าไม่ทำให้ปัญญาชนทั้งใต้หล้าผิดหวัง ไม่ทำให้บรรพบุรุษผิดหวัง และไม่ทำให้บทกวีเสื่อมถอยลงไปโดยสมบูรณ์”

หลังจากรายชื่อออกมา บทกวี ‘การเดินทางอันยากลำบาก’ ของสวี่ซินเหนียนก็แพร่กระจายออกไปในเหล่าผู้ตรวจสอบ ผู้ที่ได้ยินต่างปรบมือให้ เลือดในกายเดือดพล่าน

หลังจากกลั่นกรองอยู่หลายวัน บทกวีบทนี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงและถูกขับร้องอย่างกว้างขวางโนเวลกูดอทคอม

“ได้ยินว่าฮุ่ยหยวนคนนั้นเป็นบัณฑิตของสำนักอวิ๋นลู่” คุณหนูหวางเอ่ยอย่าง ‘ไม่ใส่ใจ’

สมุหราชเลขาธิการหวางบ่นพึมพำอยู่ครู่หนึ่งและถอนหายใจ “ช่างน่าเสียดาย”

ขุนนางบุ๋นในราชสำนักปฏิเสธปัญญาชนของสำนักอวิ๋นลู่ ในฐานะสมุหราชเลขาธิการและแบบอย่างของขุนนางบุ๋น เขาไม่อาจถอยกลับได้ในด้านนี้

ยิ่งสวี่ซินเหนียนมีพรสวรรค์มากเท่าไร สมุหราชเลขาธิการหวางก็ยิ่งต้องระมัดระวังและไม่ใช้งานเขามากเท่านั้น

“ท่านพ่อ!”

คุณหนูหวางช่วยเก็บฎีกาพลางเอ่ยต่อไป “ลูกอยากจัดงานวรรณกรรมที่จวน เชิญนักปราชญ์ที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาเข้าร่วม โดยเรียกรวมด้วยชื่อของท่าน”

ผู้จัดงานวรรณกรรมต้องเป็นผู้อาวุโสที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง คุณหนูหวางไม่มีคุณสมบัตินี้ แต่นางเคยจัดงานวรรณกรรมที่จวนอยู่หลายครั้ง ทุกครั้งล้วนเรียกรวมโดยใช้ชื่อของสมุหราชเลขาธิการหวาง

การสอบคัดเลือกช่วงวสันต์เพิ่งผ่านไป การจะจัดงานวรรณกรรมก็สมเหตุสมผล

สมุหราชเลขาธิการหวางพยักหน้า “ได้”

ภูเขาชิงหยุน สำนักอวิ๋นลู่

ท่ามกลางแสงสายันห์ของพระอาทิตย์ตก บนถนนสายหลัก ม้าตัวหนึ่งควบมาอย่างเร่งรีบ ทำให้เกิดฝุ่นฟุ้งอยู่นาน

เมื่อม้าหยุดลงที่ตีนเขา บัณฑิตที่สวมชุดขงจื๊อก็กระโดดลงจากหลังม้า ถือรายชื่อไว้ในมือและวิ่งขึ้นไปบนยอดเขาอย่างรวดเร็ว

“ข่าวดีๆ…”

เขาตะโกนพลางวิ่งมาอย่างบ้าคลั่งและเข้าใจไปสำนักอย่างรวดเร็ว

ระหว่างทางมีบัณฑิตได้ยินเสียงจึงออกมาตรวจสอบและเอ่ยถามอย่างต่อเนื่อง ทว่าบัณฑิตที่มาแจ้งข่าวไม่สนใจพวกเขาเลยและวิ่งตรงไปที่ห้องหนังสือของปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่จางเซิ่น

จางเซิ่นที่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวรออยู่ด้านนอกห้องหนังสือนานแล้ว เขามองบัณฑิตที่มาแจ้งข่าวด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

“ปัญญาชนต้องมีความสงบเสงี่ยม ความสุขกับความเศร้าไม่อาจสั่นคลอนจิตใจได้”

หลังจากเตือนไปหนึ่งประโยค จางเซิ่นก็เผยรอยยิ้มออกมา “ดูจากสีหน้าของเจ้าแล้ว บัณฑิตที่เข้าร่วมการสอบคัดเลือกช่วงวสันต์ครั้งนี้สอบผ่านสินะ”

“ท่านอาจารย์ขอรับ มันไม่เพียงแค่สอบผ่านเท่านั้น” บัณฑิตที่มาแจ้งข่าวตะโกนอย่างตื่นเต้น “สวี่ฉือจิ้วได้เป็นฮุ่ยหยวน”

จางเซิ่นคิดว่าตัวเองฟังผิดจึงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ฮุ่ยหยวน?!”

บัณฑิตที่มาแจ้งข่าวพยักหน้าอย่างแรง “นี่คือรายชื่อบัณฑิตของสำนักที่ได้รับการเสนอชื่อ สวี่ฉือจิ้วเป็นฮุ่ยหยวนจริง จริงแท้แน่นอน”

จางเซิ่นแย่งรายชื่อมาอย่างตื่นเต้น บนนั้นเขียนชื่อและอันดับของบัณฑิตในสำนักที่เข้าร่วมการสอบคัดเลือกช่วงวสันต์ครั้งนี้ไว้

ชื่อที่อยู่ด้านบนสุดคือ สวี่ฉือจิ้ว อันดับหนึ่ง ฮุ่ยหยวน

จางเซิ่นดูรายชื่ออยู่เป็นเวลานานและจู่ๆ เขาก็ตะโกนออกมา ‘สุดเสียง’ “ท่านเจ้าสำนัก เฉินไท่ หลี่มู่ไป๋…นักเรียนของข้าได้เป็นฮุ่ยหยวน นักเรียนของข้าได้เป็นฮุ่ยหยวน”

บัณฑิตที่มาแจ้งข่าวตกตะลึงอ้าปากค้าง

ไม่นานนัก จ้าวโส่วกับปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่สองคนที่อยู่ในลานก็ถูกรบกวน พวกเขาปรากฏตัวขึ้นด้านนอกห้องหนังสือของจางเซิ่นโดยวิชาคุยโวอย่างไม่สนใจระยะห่าง

เจ้าสำนักจ้าวโส่วที่มีผมสีขาวหงอกเอ่ยถามเป็นคนแรก “เรื่องจริงหรือ บัณฑิตคนนั้นได้เป็นฮุ่ยหยวนหรือ”

“สวี่ฉือจิ้ว!”

จางเซิ่นกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

จ้าวโส่วขมวดคิ้ว ครุ่นคิดและถามขึ้นทันที “ใช่บัณฑิตที่ไม่เคยแพ้การทะเลาะวิวาทคนนั้นหรือไม่”

“นี่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนมีคารมคมคาย” จางเซิ่นกล่าว

“ยินดีด้วย!”

หลี่มู่ไป๋กับเฉินไท่ทั้งยินดีทั้งอิจฉา

บัณฑิตของสำนักอวิ๋นลู่ได้เป็นฮุ่ยหยวนถือเป็นเรื่องน่ายินดี อาจารย์ทุกคนในสำนักต่างก็มีความสุข ถึงขั้นปรบมือเต้นรำและเมามาย

แต่ก็ขัดขวางความอิจฉาของพวกเขาไม่ได้ เพราะสวี่ฉือจิ้วเป็นนักเรียนของจางเซิ่น

เจ้าสำนักจ้าวโส่วขมวดคิ้ว “ตามเหตุผลแล้ว เขาไม่น่าได้เป็นฮุ่ยหยวน ฉือจิ้วแต่งบทความอะไร”

ในการสอบระดับเมืองหลวงปีที่แล้ว รอบนี้จะต้องมีการฉ้อโกงแน่นอน สวี่ฉือจิ้วเป็นบัณฑิตของสำนักอวิ๋นลู่และไม่มีที่สำหรับเขาในการโกง

แต่หากพูดว่าทั้งหมดพึ่งพาความแข็งแกร่งของเขาก็ดูไม่น่าเชื่อเล็กน้อย

จางเซิ่นระงับความปีติยินดีของเขาลงและร้อง ‘อืม’ ออกมา “คำถามด้านการเมืองกับกฎหมายด้านการค้าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของฉือจิ้ว แต่ถ้าให้น่าทึ่งจนปฏิเสธไม่ได้ ยังขาดอะไรไปนิดหน่อย”

แต่หากไม่น่าทึ่งจนปฏิเสธไม่ได้จะทำให้ทางการที่รับผิดชอบสามคนสนับสนุนเขาอย่างน้อยสองคนได้อย่างไร

เมื่อครู่ที่เขาได้ยินบัณฑิตมาแจ้งข่าว เขาก็สงสัยว่าตัวเองฟังผิด

หลี่มู่ไป๋เห็นว่าบัณฑิตที่มาแจ้งข่าวยังอยู่ เขาจึงกวักมือเรียกเขาให้เข้ามาและถามว่า “ทางเมืองหลวงยังมีข่าวอะไรอีกหรือไม่”

เดิมทีเป็นเพียงการถามโดยไม่ตั้งใจ แต่ไม่คิดว่าบัณฑิตที่มาแจ้งข่าวจะพยักหน้าทันที “มีขอรับ หลังจากนักเรียนคัดลอกรายชื่อ ก็รู้สึกว่าการเป็นฮุ่ยหยวนของสวี่ฉือจิ้วผิดปกติเล็กน้อย จึงเชิญผู้ตรวจสอบคนหนึ่งไปกินข้าว ‘เงินค่าอาหาร’ สิบห้าตำลึง นักเรียนกำลังจะมาขอให้สำนักใช้คืนให้”

ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่สามคนพยักหน้า บัณฑิตที่สำนักอวิ๋นลู่ฝึกออกมาล้วนมีความสามารถในการทำงานที่ดีเยี่ยม ไม่ใช่ผู้อาวสุโสที่อวดดีและดื้อรั้น

เมื่อบัณฑิตที่มาแจ้งข่าวพูดจบ เขาก็หยิบกระดาษอีกแผ่นหนึ่งออกมาจากในอกเสื้อและกล่าวว่า “ได้ยินจากใต้เท้าคนนั้นว่า สวี่ฉือจิ้วแต่งบทกวีในสนามที่สาม ซึ่งได้รับการยกย่องจากราชบัณฑิตวิทยาลัยตงเก๋อ ผู้ตรวจสอบคนอื่นๆ ก็พอใจมากเช่นกัน ประกอบกับคะแนนในสอบสองสนามแรกของเขานั้นดีมาก เขาจึงได้เป็นฮุ่ยหยวน”

บทกวีหรือ

ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่สามคนหันมองหน้ากัน

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Nightwatcher, Dafeng's Night Squad, Great Feng's Nightwatchers The Nightwatchers of Feng 大奉打更人, วิถียุทธ์คนเคาะยามแห่งต้าเฟิ่ง(siaminter), Guardians Of The Dafeng(ซีรีส์)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , , ต้นฉบับ: 951 Chapters (จบแล้ว)
สวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน….. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset