📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ตอนที่ 238

บทที่ 238 - สวี่ผิงจื้อ ‘พวกเจ้าสองคนรอข้าก่อน’
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

“เพียงหนึ่งปี ไม่รู้ว่าเหตุใดเสด็จพ่อถึงโกรธได้เพียงนี้ เขาขังเสด็จแม่ไว้ในตำหนักเย็น ถึงขั้นจะปลดฮองเฮา แต่ก็ถูกเหล่าข้าราชบริพารตักเตือน เวลานั้นข้ายังจำความไม่ได้” องค์หญิงฮว๋ายชิ่งกล่าวอย่างจนใจ

“แม้ว่าปีต่อมาเสด็จแม่จะออกจากตำหนักเย็น แต่เสด็จพ่อก็ไม่เคยเสด็จไปยังห้องบรรทมของเสด็จแม่อีกเลย เสด็จพี่สี่ก็เจอกับการปฏิบัติอย่างเย็นชา ส่วนข้าก็ไม่เคยได้รับความรักจากเสด็จพ่อมาตั้งแต่เด็ก ความจริงเฉินกุ้ยเฟยเป็นคนขี้อิจฉาและจิตใจคับแคบ แม้ว่าต่อมาพระราชโอรสองค์โตจะถูกแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท แต่นางก็ยังไม่วางใจและมองว่าข้ากับเสด็จพี่สี่เป็นศัตรูเสมอ นี่ไม่ใช่มุมมองที่คับแคบของข้า อีกอย่าง เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดหลินอันถึงไม่ถูกกับข้า”

สวี่ชีอันฉุกคิดขึ้นในใจ “เฉินกุ้ยเฟยยุยงหรือ”

ฮว๋ายชิ่งพยักหน้าช้าๆ “หลินอันได้รับความโปรดปรานจากเสด็จพ่อและทรงตามใจนางในทุกๆ ด้าน ในช่วงสองสามปีแรก เฉินกุ้ยเฟยกังวลว่าตำแหน่งองค์รัชทายาทจะไม่มั่นคง จึงมักจะยุยงหลินอันให้ท้าดวลกับข้าเพื่อทำให้ข้าอับอาย”

หลินอันผู้น่าสงสารต้องถูกเจ้ารังแกอย่างหนักเป็นแน่…แม้ว่าหลินอันจะเป็นคนท้าดวล แต่สวี่ชีอันก็ยังรู้สึกเสียใจกับหลินอัน ไม่ใช่เพราะชื่นชอบยายตัวร้าย ภรรยาหลวงภรรยาน้อย คนนั้นก็ลูก คนนี้ก็ลูก

เพียงแค่รู้สึกว่าด้วยตำแหน่งของยายตัวร้าย นางคงถูกฮว๋ายชิ่งรังแกจนตาย

คิดอีกที นี่อาจจะเป็นสิ่งที่เฉินกุ้ยเฟยต้องการ ยิ่งนางรู้จักลูกสาวของตัวเอง ก็ยิ่งทำให้นางไปยั่วยุ นี่ถึงจะบรรลุผล

ลองคิดดูว่า จักรพรรดิหยวนจิ่งโปรดปรานหลินอัน แต่นางถูกฮว๋ายชิ่งรังแกจนร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จักรพรรดิหยวนจิ่งจะไม่เกลียดชังฮว๋ายชิ่งหรือ

“เหตุผลที่ฝ่าบาทจะปลดฮองเฮาคืออะไรหรือ” สวี่ชีอันถาม

“ไม่มีเหตุผล ด้วยเหตุนี้ท่านจึงถูกกลุ่มขุนนางตักเตือน” ฮว๋ายชิ่งส่ายหน้า

การปลดฮองเฮากับการปลดองค์รัชทายาทเหมือนกัน เป็นทั้งเรื่องในครอบครัวของจักรพรรดิและเรื่องใหญ่ระดับชาติ ชนชั้นทหารไม่อาจหย่าร้างกับภรรยาได้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นถึงฮองเฮา พระมารดาของแผ่นดินอีก

ไม่มีเหตุผล เหล่าข้าราชบริพารจะยินยอมให้จักรพรรดิหยวนจิ่งปลดฮองเฮาได้อย่างไร

แต่หากไม่มีเหตุผล จักรพรรดิหยวนจิ่งอยู่ๆ จะโกรธและอยากปลดฮองเฮาหรือ

เบื้องหลังจะต้องมีเงื่อนงำอยู่เป็นแน่

“เรื่องนี้เกิดขึ้นในปีหยวนจิ่งที่เท่าไหร่หรือขอรับ” เมื่อสวี่ชีอันถามจบ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองละลาบละล้วงเกินไปจึงกล่าวเสริมว่า “อาจจะเกี่ยวข้องกับคดีพระสนมฝู…อะ ไม่ใช่นะขอรับ กระหม่อมไม่ได้ตั้งใจจะสงสัยฮองเฮานะขอรับ”

องค์หญิงฮว๋ายชิ่งหันมามองเขาและเอ่ยเรียบๆ “หากเจ้าสงสัยก็ถามมาตรงๆ มีเหตุผลอะไรมากมายเช่นนั้น”

สวี่ชีอันอับอายเล็กน้อย

“ปีหยวนจิ่งที่สิบสาม” ฮว๋ายชิ่งละสายตากลับ นางมองออกไปไกลๆ และกล่าวว่า “ส่วนเหตุผล ข้าไม่รู้เลย แม้ว่าภายหลังข้าจะถามเสด็จแม่อยู่หลายครั้ง แต่ท่านก็ไม่ตอบ”

ปีหยวนจิ่งที่สิบสาม คุ้นหูเล็กน้อย…สวี่ชีอันพยักหน้า “ขอบพระทัยองค์หญิงที่บอกกระหม่อม”

เดิมทีข้าคิดว่าจักรพรรดิหยวนจิ่งไม่แต่งตั้งพระราชโอรสสี่เพราะองค์รัชทายาทค่อนข้างโง่เขลา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเบื้องหลังจะมีเหตุผลที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น จริงสิ แม้ว่าองค์รัชทายาทจะไม่ฉลาดนัก แต่พระราชโอรสสี่จะดีได้สักเพียงใด…อืม ไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่พระราชโอรสสี่จะซ่อนพลังไว้…ค่อยกลับไปถามเว่ยกง ด้วยสายตาอันร้ายกาจของเขา เขากล่าวว่าพระราชโอรสสี่เป็นอย่างไร พระราชโอรสสี่ก็เป็นอย่างนั้น

หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าว จู่ๆ ฮว๋ายชิ่งก็พูดขึ้นมาว่า “เหตุใดวันนี้ถึงรีบจบ ด้วยความสามารถของเจ้า คงไม่ถึงกับต้องกลับบ้านเพื่อ ‘ไตร่ตรอง’ หรอกกระมัง”

สวี่ชีอันรู้สึกว่า ฮว๋ายชิ่งค่อนข้างตรงไปตรงมากับเขา ดังนั้นเขาก็ควรตรงไปตรงมาเช่นกัน จะได้เอื้อต่อการรักษาความสัมพันธ์อันดี

“กระหม่อมเพียงแค่อยากถ่วงเวลาก็เท่านั้น” สวี่ชีอันกล่าว

“ถ่วงเวลาหรือ” ฮว๋ายชิ่งขมวดคิ้ว

“ใช่ขอรับ” สวี่ชีอันได้กลิ่นตัวจางๆ จากองค์หญิงใหญ่และกล่าวอย่างจนใจ

“ข้าน้อยทำให้คนจำนวนมากขุ่นเคืองในคดีซังผอกับคดีอวิ๋นโจว ฝ่าบาทก็ไม่ชอบข้าเช่นกัน เดิมทีฝ่าบาทตั้งใจจะแต่งตั้งข้าให้ดำรงตำแหน่งจื่อ แต่เพราะข้าน้อยฟื้นคืนชีพจึงยกเลิกไป ภายหลัง ฝ่าบาทรับปากว่าขอเพียงข้าตั้งใจสืบสวนคดีของพระสนมฝู ฝ่าบาทก็จะแต่งตั้งข้าให้ดำรงตำแหน่งจื่อแห่งอำเภอฉางเล่ออีกครั้ง”

ข้ายากลำบากจริงๆ

“เจ้าคิดว่าเสด็จพ่อจะผิดคำสัญญาหรือ” องค์หญิงฮว๋ายชิ่งเห็นด้วย “แผนนี้ไม่เลว หากไม่แต่งตั้งบรรดาศักดิ์ เจ้าก็ถ่วงเวลาไปอีกหนึ่งวัน”

สวี่ชีอันมองนางอย่างคาดไม่ถึง สมกับที่เป็นลูกศิษย์ของเว่ยเยวียน ความคิดตรงกันมาก

ที่กล่าวกันว่ากษัตริย์ตรัสคำไหนคำนั้น ไม่ได้หมายความว่าจักรพรรดิจะไม่พูดโกหก แต่เป็นการอธิบายถึงนโยบายแห่งชาติกับพระราชโองการที่จักรพรรดิสั่งลงมา

ดังนั้นหากจักรพรรดิหยวนจิ่งไม่แต่งตั้งบรรดาศักดิ์หนึ่งวัน สวี่ชีอันก็จะถ่วงเวลาไปหนึ่งวัน เพื่อหลีกเลี่ยงจักรพรรดิชั่วไม่รักษาคำพูด

“นี่ก็สายแล้ว กระหม่อมขอตัวกลับจวนก่อน” สวี่ชีอันชำเลืองมองท้องฟ้า กลับจวนตอนนี้ เขาน่าจะยังทันอาหารกลางวัน

“อืม” ฮว๋ายชิ่งพยักหน้า

อีกด้านหนึ่ง ห้องบรรทมของจักรพรรดิหยวนจิ่ง

ก่อนมื้อกลางวันครึ่งชั่วยาม จักรพรรดิหยวนจิ่งที่นั่งสมาธิเสร็จกลับมายังห้องบรรทม คนสนิทวิ่งเข้ามาอย่างชื่นมื่นและกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ฝ่าบาท คดีพระสนมฝูมีความคืบหน้าอย่างใหญ่หลวง มีความคืบหน้าอย่างใหญ่หลวงขอรับ”

จักรพรรดิหยวนจิ่งตกตะลึง เขาแสดงสีหน้าเคร่งขรึมออกมาทันทีและเอ่ยเสียงต่ำ “ว่ามา”

ขันทีชราเล่าข้อมูลที่ขันทีน้อยมารายงานให้จักรพรรดิหยวนจิ่งฟังโดยไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว จักรพรรดิหยวนจิ่งฟังเงียบๆ และไม่ได้แสดงท่าทีใด

“ฝ่าบาท…” ขันทีชราก้มหน้าเชื่อฟัง “กระหม่อมขอบังอาจถามสักประโยค องค์รัชทายาทถือว่าบริสุทธิ์หรือไม่”

จักรพรรดิหยวนจิ่งส่ายหน้าเบาๆ “ยังเร็วเกินไป…เพียงแค่สองวันก็สืบหาบริบทของคดีได้ สวี่ชีอันเป็นคนมีพรสวรรค์จริง แต่วิตกกังวลมากไปหน่อย”

เขาแค่นเสียงเย็นออกมา “ไปเร่งสำนักราชเลขาธิการให้ร่างพระราชกฤษฎีกาโดยเร็วที่สุด ไม่จำเป็นต้องเลือกวันมงคล”

คราวก่อนเขาให้ขันทีชราไปส่งพระราชกฤษฎีกาที่สำนักราชเลขาธิการ สำนักราชเลขาธิการรับไป แต่ก็ใช้เหตุผลว่าช่วงนี้ไม่มีวันมงคลมาถ่วงเวลา

“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”

อารองสวี่ที่รับผิดชอบลาดตระเวนยามกลางวันถือหมวกเกราะกลับมาที่จวน ดาบพกที่แขวนอยู่บนหลังส่ายไปมาตามการก้าวย่างของเขา

ช่วงกลางวันมีเวลาพักผ่อนครึ่งชั่วยาม สวี่ผิงจื้อที่เป็นหัวหน้ากองร้อยจะกลับมารับประทานอาหารที่จวนในเวลานี้และดื่มชาไปด้วย

ในครัวยังคงยุ่งอยู่กับอาหารมื้อกลางวัน อาสะใภ้ปลูกดอกคลีเวียที่ซื้อมาใหม่อยู่ในสวนด้านหลัง นางสวมชุดผ้าแพรสีฟ้าอ่อนและกระโปรงยาวสีเดียวกัน บนกระโปรงปักลวดลายซับซ้อน

เมื่อนางโน้มตัวไปปลูกดอกกล้วยไม้ก็เผยให้เห็นเอวที่เรียวบางและสะโพกที่อวบอิ่ม

อารองสวี่ถือหมวกเกราะยืนอยู่ไม่ไกลและกระแอม “ฮูหยิน ข้าหิวแล้ว เจ้าไปเร่งห้องครัวให้หน่อย”

อาสะใภ้ก้มหน้าก้มตาปลูกดอกไม้และไม่สนใจเขา

“ฮูหยิน”

“ตะโกนทำไม” อาสะใภ้กล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “คืนนี้ใต้เท้าสวี่จะไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานและไม่กลับมิใช่หรือ”

อารองสวี่ชะงัก “ฮูหยินเจ้ากำลังพูดถึงอะไร”

อาสะใภ้ปลูกดอกคลีเวียต้นสุดท้ายและปัดมือ นางเท้าเอวและยิ้มอย่างเย็นชา

“มีคำกล่าวว่าอย่างไรนะ ใช่ เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ หลานชายสุดที่รักของเจ้ารวยแล้วก็ไม่ลืมเจ้า ข้ารู้ว่าเขาแอบยัดเงินให้เจ้า”

อารองสวี่ได้ยินก็ตกตะลึงและคิดในใจว่า ‘เรื่องที่ต้าหลางยัดเงินให้ข้าก็ผ่านมานานมากแล้ว เป็นก่อนที่เขาจะไปอวิ๋นโจว เหตุใดคดีเก่านี้จึงถูกคุ้ยออกมาอีก’

“มีที่ไหนล่ะ เมื่อวานต้าหลางเพิ่งโผล่ออกมาจากโลงศพและออกไปข้างนอกในวันนั้น ดึกดื่นก็ไม่กลับห้อง จะเอาเวลาไหนมายัดเงินให้ข้า”

อารองสวี่ไม่ยอมรับอย่างแน่นอนและก็จะไม่ยอมรับเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเรื่องที่สมมติขึ้นมาอีก

เมื่ออาสะใภ้ได้ยินก็ฉุนเฉียว นางเลิกคิ้วและพูดเสียงดัง

“สวี่ผิงจื้อ เจ้าคิดจะนำเงินส่วนตัวห้าสิบตำลึงแอบไปเที่ยวหอนางโลมจริงๆ สินะ เมื่อเช้านี้เอ้อร์หลางบอกกับข้าว่าสวี่หนิงเยี่ยนแอบยัดเงินห้าสิบตำลึงให้เจ้า ข้าคิดว่าหากเจ้ายอมรับ ข้าก็จะปล่อยไป ไม่นึกว่าเจ้าจะคิดเก็บซ่อนไว้จริงๆ เจ้าไม่ยอมรับสินะ เอ้อร์หลางจะโกหกข้าหรือ สวี่ผิงจื้อเจ้ามันคนไม่มีมโนธรรม ข้าจัดการเรื่องต่างๆ ในบ้านหลังนี้ ทุ่มเททั้งกายและใจและยังเลี้ยงหลานชายผู้โชคร้ายของเจ้าจนโตอีก แต่เจ้าตอบแทนข้าเช่นนี้หรือ”

“เอ้อร์หลางล่ะ บอกให้เขาออกมา” อารองสวี่โกรธเกรี้ยว

“หึ เอ้อร์หลางกำลังนอนพัก เจ้าอย่าไปรบกวนเขาและอย่าเบี่ยงประเด็น เงินห้าสิบตำลึงเจ้าจะมอบให้ข้าหรือไม่”

“ข้าให้ ฮูหยินเจ้าอย่าโกรธเลย” อารองสวี่เข้าไปในห้องนอนด้วยความท้อแท้ใจ เพื่อไม่ให้อาสะใภ้พบที่ซ่อนตั๋วเงิน เขาจึงรีบเดินมาอย่างรวดเร็ว

เมื่อเข้าไปในห้องนอน เขาก็ตรงไปที่ห้องปีกเล็กของสวี่หลิงอินและยกเครื่องนอนของลูกสาวขึ้น ข้างใต้เป็นเงินส่วนตัวทั้งหมดของเขา ซึ่งรวมเป็นเงินแปดสิบตำลึง

อารองสวี่กัดฟันเจ็บใจและหยิบตั๋วเงินยี่สิบตำลึงสองใบกับตั๋วเงินห้าตำลึงสองใบออกมา

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ เขาก็เห็นส้มเขียวหวานถุงหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะเล็กข้างเตียง

ในสายตาของสวี่ผิงจื้อส้มเขียวหวานไม่ใช่ส้มบริสุทธิ์ ด้วยเหตุนี้เขาจึงอ่อนไหวเป็นพิเศษต่อส้มเขียวหวานและเกิดความสงสัยขึ้นในใจทันที

“ส้มเขียวหวานทั้งเปรี้ยวทั้งฝาด ปกติจะใช้เป็นยาเท่านั้น ซื้อมันมาทำอะไรโดยไร้เหตุผล แถมยังวางไว้ในห้องของหลิงอินอีก”

ภายในใจเกิดความสงสัยขึ้น อารองสวี่ออกจากห้องปีก กลับมาที่ลานบ้านและยื่นตั๋วเงินให้อย่างว่าง่าย

สีหน้าของอาสะใภ้บูดบึ้งเล็กน้อย นางส่งเสียงฮึดฮัดและหยิบถุงหอมใบเล็กสวยงามในอ้อมแขนออกมาเก็บตั๋วเงิน

สวี่ผิงจื้อถือโอกาสเอ่ยถาม “เหตุใดบนโต๊ะของหลิงอินถึงมีส้มเขียวหวาน ต้าหลางซื้อมาหรือ”

“เอ้อร์หลางซื้อมา”

เมื่อห้าสิบตำลึงถึงมือ อาสะใภ้ก็พูดอย่างพึงพอใจ

เอ้อร์หลางซื้อ เอ้อร์หลางซื้อของสิ่งนี้มาทำอะไร…จุดประสงค์ที่เขาซื้อส้มเขียวหวานน่าจะต่างกับข้า…ไม่สิ!

อารองสวี่ฉุกคิดขึ้นในใจ “เมื่อคืนเอ้อร์หลางไม่ได้กลับมาทั้งคืนเหมือนต้าหลางใช่หรือไม่”

“เอ้อร์หลางไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนร่วมชั้น ส่วนหลานชายของเจ้า ใครจะรู้ว่าเขาไปเที่ยวเล่นอยู่ที่ไหน” อาสะใภ้กลอกตา

หากไม่ใช่เพราะมีความตายทางสังคมครั้งก่อน สวี่ผิงจื้อคงเห็นด้วยกับคำพูดของภรรยาอย่างยิ่ง แต่ตอนนี้ เขารู้แล้วว่าลูกชายของตัวเองเป็นคนอย่างไร

‘ต้าหลางไม่กลับบ้านทั้งคืน เอ้อร์หลางก็ไม่กลับบ้านทั้งคืนเช่นกัน…ตามความเข้าใจของข้าเกี่ยวกับต้าหลาง กว่าครึ่งเขาไปสำนักสังคีต แต่ส้มเขียวหวานเป็นของที่เอ้อร์หลางซื้อกลับมา…’

“เอ้อร์หลางมีกลิ่นส้มติดตัวใช่หรือไม่” สวี่ผิงจื้อถามด้วยน้ำเสียงสบายๆ

อาสะใภ้พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจและชื่นชมดอกคลีเวียที่ตัวเองปลูก

‘คำตอบชัดเจนมาก…เป็นต้าหลางที่สอนเอ้อร์หลาง หากไม่มีอะไรผิดพลาด ต้าหลางขายข้า ส่วนเอ้อร์หลางแต่งเรื่องเงินส่วนตัวขึ้นมาเพื่อทุบตีข้า…เจ้าพวกสารเลว แม้แต่ข้าพวกเจ้าก็กล้าตลบหลัง’

สวี่ผิงจื้อเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ดูเหมือนพักนี้เอ้อร์หลางจะปวดหัว”

“หืม”

อาสะใภ้มองมาด้วยความงงงวย นางเอาใจใส่ลูกชายมากnᴏveʟɢᴜ.cᴏᴍ

“ส้มเขียวหวานสามารถผ่อนคลายจิตใจกับรักษาอาการปวดหัวได้และยังมีประโยชน์อีกมาก มิเช่นนั้นของที่ทั้งเปรี้ยวทั้งฝาดนี้จะมีคนนำมาขายหรือ” สวี่ผิงจื้อกล่าว

ส้มเขียวหวานมีคุณค่าทางยาจริงๆ แต่เรื่องรักษาอาการปวดหัวเป็นสิ่งที่อารองสวี่แต่งขึ้นมา ถึงอย่างไรภรรยาที่ได้รับการเอาอกเอาใจ เรียนหนังสือไม่มากก็ไม่อาจมองออก

“ต้องเป็นเพราะแรงกดดันจากการสอบคัดเลือกช่วงวสันต์มากเกินไปแน่ๆ” อาสะใภ้รู้สึกทุกข์ใจทันที

“ฮูหยิน เอ้อร์หลางยังไม่ได้แต่งงาน เจ้าเป็นแม่ต้องดูแลอย่างระมัดระวัง อย่ามัวเล่นกับดอกไม้ทั้งวัน” อารองสั่งสอน

“หากนี่เป็นส้มเขียวหวานที่เอ้อร์หลางซื้อกลับมากินเอง เหตุใดเจ้าถึงวางไว้ในห้องของหลิงอิน”

อาสะใภ้ไม่ใช่ผู้หญิงประเภทแม่ผู้อ่อนโยนแบบนั้น อาจเป็นเพราะมั่นใจในความสวยของตนเอง นางจึงเย่อหยิ่งและจู้จี้จุกจิกเป็นพิเศษ ความเอาใจใส่ในตัวลูกๆ ของนางยังห่างไกลจากระดับที่ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบ

ดังนั้นนางจึงมักจะถูกสวี่หลิงอินผู้น่ารำคาญร้องเอะอะใส่อยู่บ่อยครั้ง เมื่อกินข้าว นางก็จะมอบบุตรสาวให้ลวี่เอ๋อดูแล ส่วนตัวเองก็กินข้าวอย่างมีความสุข

“เอ้อร์หลางเป็นคนมอบให้หลิงอินเอง ข้าคิดว่าจะทิ้งก็น่าเสียดาย จึงวางไว้ในห้องของนาง รอกลับจากห้องโถงค่อยกิน” อาสะใภ้อธิบาย

“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว รีบนำส้มเขียวหวานไปที่ห้องครัวและให้พวกแม่ครัวตุ๋นซุปเถอะ เอ้อร์หลางตื่นขึ้นมาจะได้ดื่มเลย จริงสิ ตุ๋นให้ต้าหลางด้วยถ้วยหนึ่ง” เมื่อสวี่ผิงจื้อพูดจบ เขาก็รีบกล่าวเสริมว่า

“ซุปไม่อร่อย ต้าหลางคงไม่ต้องการ อาสะใภ้เช่นเจ้าก็ทนเขาไม่ไหว เจ้าให้หลิงเยวี่ยไปตุ๋นด้วย คืนนี้เขากลับมาก็ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะไม่ดื่ม”

อาสะใภ้พยักหน้าและบิดเอวไปเอาส้มเขียวหวาน

ทันทีที่อาหารมื้อกลางวันในจวนพร้อม สวี่ต้าหลางก็กลับมา เขาถอดฆ้องทองแดงกับดาบพกโยนลงพื้น เดินไปนั่งที่โต๊ะและกล่าวทักทาย

“ตอนนี้อารองกลับมากินอาหารมื้อกลางวันแล้วหรือ”

“หลังจากนี้ข้าก็จะกลับมากิน ข้าเพิ่งได้รับคำสั่งมาเมื่อเช้า นับจากพรุ่งนี้ข้าไม่ต้องไปลาดตระเวนที่เมืองชั้นนอกและเปลี่ยนเป็นเมืองชั้นใน” สวี่ผิงจื้อดื่มซุป ใบหน้าเย็นชา

จากเมืองชั้นนอกเป็นเมืองชั้นใน ตำแหน่งไม่เปลี่ยน แต่ได้เลื่อนขั้นหนึ่งระดับ

“เป็นเรื่องดี เป็นเรื่องดี!”

สวี่ชีอันรับถ้วยกับตะเกียบที่ลวี่เอ๋อส่งมาให้และคิดในใจว่า วันนี้อารองเป็นอะไร ท่าทางดูไม่มีความสุข

ในตอนนี้เอง สวี่เอ้อร์หลางก็เดินออกมาด้วยท่าทางง่วงงุนและมองพี่ใหญ่ สองพี่น้องเข้าใจซึ่งกันและกันโดยปริยาย

“ท่านพ่อ วันนี้ท่านทะเลาะกับท่านแม่หรือ” สวี่เอ้อร์หลางหยั่งเชิง เขานั่งลงพลางพูดประโยคนี้

“หึ แต่ละคนไม่ทำให้ข้าไร้กังวล เอ้อร์หลางยังดี ถึงอย่างไรก็เกิดมาจากท้องของแม่” อาสะใภ้ถลึงตามองอาหลาน

มุมปากของสวี่เอ้อร์หลางกระตุกเล็กน้อย

สวี่ผิงจื้อมองไปทางสาวใช้ส่วนตัวของอาสะใภ้อย่างใจเย็นและพูดว่า “ลวี่เอ๋อ ไปดูที่ห้องครัวหน่อยว่าซุปตุ๋นเสร็จหรือยัง”

ลวี่เอ๋อรับคำอย่างเชื่อฟังและเดินออกจากห้องโถงไป

“ซุปอะไรหรือ”

สวี่ชีอันที่ใช้เงินหมดไปเมื่อคืนถามด้วยความสนใจ

“ซุปให้เจ้ากับเอ้อร์หลางดื่มบำรุงร่างกาย” อาสะใภ้ตอบ

สวี่ชีอันกับสวี่ซินเหนียนมองหน้ากันและรู้สึกว่าไม่ค่อยดีนัก อาสะใภ้/ท่านแม่ รู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาต้องการบำรุงร่างกาย

ไม่นานนัก ลวี่เอ๋อก็ถือซุปถ้วยใหญ่เข้ามาและกลิ่นเปรี้ยวเข้มข้นก็พุ่งมาปะทะใบหน้า

ถ้วยกระเบื้องใบใหญ่ถูกวางลงบนโต๊ะ ในซุปสีส้มมีส้มเขียวหวานฝานบางๆ ลอยอยู่ แม้แต่เปลือกก็ไม่ได้ปอก

อาสะใภ้ตักซุปให้สวี่ซินเหนียนด้วยตัวเองและบ่นว่า “เอ้อร์หลาง เหตุใดเจ้าถึงไม่บอกแม่ว่าปวดหัว เห็นว่ากำลังจะสอบคัดเลือกช่วงวสันต์ เป็นความผิดของแม่เอง แม่ไม่ดูแลเจ้าให้ดี ซุปส้มเขียวหวานนี่แม่ตุ๋นเพื่อเจ้าเป็นพิเศษเลยนะ”

‘ซุปส้มเขียวหวานหรือ?! นี่ นี่ไม่ใช่ส้มเขียวหวานที่ข้าซื้อกลับมาใช่หรือไม่’ สวี่ซินเหนียนมีสีหน้ามึนงงและคิดในใจว่า ‘ส้มเขียวหวานจะตุ๋นซุปได้อย่างไร นี่ไม่ใช่ว่าดื่มแล้วตายหรือ’

“ท่านแม่ ข้าปวดหัวเพราะดื่มสุรามากไป เมื่อคืนข้าไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนร่วมชั้นมา…” สวี่ซินเหนียนมองพี่ใหญ่อย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย

ซุปส้มเขียวหวาน…ใครคิดสูตรดำมืดนี่ออกมากันนะ สวี่ชีอันเกือบจะหัวเราะออกมาและพูดอย่างเอาจริงเอาจัง

“ซุปส้มเขียวหวานบำรุงดี เอ้อร์หลางต้องดื่มเยอะๆ”

“เจ้าก็เช่นกัน” อารองสวี่เอ่ยเรียบๆ “ซุปนี่หลิงเยวี่ยกับอาสะใภ้ของเจ้าตุ๋นอย่างยากลำบาก”

“?”

เครื่องหมายคำถามขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในหัวของสวี่ชีอัน

“ทหารระดับหลอมวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่อย่างข้าต้องการสิ่งนี้ด้วยหรือ” สวี่ชีอันถามกลับ

“พี่ใหญ่!” สวี่หลิงเยวี่ยเอ่ยออกมาเบาๆ “เจ้าก็ดื่มสักถ้วยสิ ข้าตุ๋นนานมาก”

สวี่ชีอันอดมองไปทางน้องชายคนเล็กไม่ได้

น้องชายคนเล็กก็กำลังมองเขาเช่นกัน

สองพี่น้องต่างหวังว่าอีกฝ่ายจะต่อต้าน

“…”

‘อึกๆๆ…’

สุดท้ายพวกเขาสองคนก็ดื่มไปถ้วยใหญ่และกลั้นน้ำตาเอาไว้ ภายในท้องปั่นป่วน

“ฮ่าๆๆ กินข้าว กินข้าว” อารองสวี่จิบสุราและเผยรอยยิ้มเรียบง่ายออกมา

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Nightwatcher, Dafeng's Night Squad, Great Feng's Nightwatchers The Nightwatchers of Feng 大奉打更人, วิถียุทธ์คนเคาะยามแห่งต้าเฟิ่ง(siaminter), Guardians Of The Dafeng(ซีรีส์)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , , ต้นฉบับ: 951 Chapters (จบแล้ว)
สวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน….. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset