📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ตอนที่ 217

บทที่ 217 - สวี่ชีอัน ‘ข้าโล่งใจแล้ว’
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

สวี่ชีอันก้มหน้ามองกระจก รออยู่พักหนึ่ง ผู้ที่ตอบกลับเป็นคนแรกคือหญิงสาวเอวบางหมายเลขห้าจากซินเจียงตอนใต้

หมายเลขห้า ‘อวิ๋นโจวอยู่ห่างจากพวกเราทางนี้ไกลพอสมควร ข้าคงช่วยเจ้าไม่ได้’

นางคิดว่าหมายเลขสองขอความช่วยเหลือจากในสามมิติงั้นหรือ หมายเลขห้าคงจะนอนละเมอแล้ว ทว่าไอคิวผู้นี้ก็เหลือทนจริงๆ…มุมปากสวี่ชีอันกระตุก

ต่อด้วยหมายเลขหกเหิงหย่วน ‘เกิดอะไรขึ้น ใต้เท้าสวี่ที่อวิ๋นโจวเป็นอย่างไรบ้าง’

หลี่เมี่ยวเจินตอบไปก่อนว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี แต่กลับไม่ได้รีบร้อนประกาศรายละเอียดของคดีราวกับกำลังรอบางสิ่ง

นางกำลังรอข้าหรือว่ารอหมายเลขหนึ่งไม่ก็หมายเลขสี่ ล้วนเป็นไปได้ทั้งสิ้น…พวกรับหน้าที่เป็นมันสมองของกลุ่มไม่เอ่ยอะไร นางก็ไม่เปิดปากหารือรายละเอียดของคดี…สวี่ชีอันเข้าใจความคิดของหมายเลขสอง จึงช่วยเขียนแทนและกรอกข้อมูลลงไป

‘ลองบอกมาว่าคดีของอวิ๋นโจวเป็นอย่างไรบ้างแล้ว’

หลี่เมี่ยวเจินผ่อนลมหายใจ ปลุกเร้าจิตใจ หากมีเพียงหมายเลขห้าและหมายเลขหกตอบกลับ เช่นนั้นนางก็ไม่พร้อมจะพูด

ตอนนี้ข้อความขั้นตอนของคดีทั้งหมดถูกกรอกลงไปในกลุ่มสนทนาหนังสือปฐพีอย่างละเอียด

ข้อมูลมีจำนวนมากเกินไป นางส่งเป็นระยะๆ ผ่านไปประมาณสิบห้านาทีจึงจะเล่าเหตุการณ์ได้กระจ่าง

สิ่งที่ตอบกลับหลี่เมี่ยวเจินคือความเงียบของสวี่ชีอัน ขณะที่นางกังวลและร้อนใจเล็กน้อย ในครั้งนี้หมายเลขหนึ่งที่มักแอบซุ่มก็เป็นฝ่ายส่งข้อความมาก่อน

‘หนีไม่พ้นความเป็นไปได้สองประการ ประการแรก จริงๆ แล้วเหลียงโหย่วผิงไม่ใช่คนของพรรคฉี การที่เขาส่งสมุดบัญชีให้สวี่ชีอันคงมีแผนอื่นแอบแฝง ประการที่สอง เหลียงโหย่วผิงหายตัวไปแล้ว’

เหลียงโหย่วผิงหายตัวไปแล้ว…หลี่เมี่ยวเจินขบคิดคำพูดของหมายเลขหนึ่ง ประการที่สองดังกล่าวเป็นไปได้ว่านางอาจไม่เคยคาดคิดมาก่อน

เมื่อคำนึงถึงความน่าเชื่อถือ นางจึงส่งข้อความบอก ‘เป็นไปได้หรือไม่ที่หยางชวนหนานกับเหลียงโหย่วผิงเป็นพวกเดียวกันและกำลังแสดงกลยุทธ์ทุกข์กาย[1]’

หมายเลขหนึ่ง ‘มีความเป็นไปได้น้อย กฎระเบียบของวงราชการครั้งนี้ไม่ว่าจะทำอย่างไรหยางชวนหนานก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบ อยู่ที่ว่าจะหนักหรือเบาเท่านั้น หากเจ้าเป็นหยางชวนหนาน เจ้าจะกระโดดลงหลุมที่ขุดไว้เองหรือ เหลียงโหย่วผิงสังหารผู้เตรียมการคนก่อน เผาทำลายส่วนที่มีปัญหาในสมุดบัญชี…ข้าเห็นด้วยกับการคาดเดานี้ ดังนั้นเป็นไปได้สูงที่เขาจะเป็นคนของพรรคฉี’

บัดนี้หมายเลขสี่ได้แสดงความเห็นแล้ว ‘ดังนั้นหมายเลขหนึ่งคิดว่าสำนักพ่อมดเข้าสู่ห้วงฝัน สอบปากคำที่อยู่ของเหลียงโหย่วผิงจากสองฆ้องทองแดง มีความเป็นไปได้มากว่าเหลียงโหย่วผิงหายตัวไปแล้ว’

การวิเคราะห์ของหมายเลขหนึ่งได้เปิดลู่ทางความคิดให้สวี่ชีอัน

เหลียงโหย่วผิงได้หายตัวไป ดังนั้นคนของสำนักพ่อมดจึงต้องการหาเขาให้พบโดยเร็วงั้นหรือ เพราะหากเขาตกไปอยู่ในมือของ ‘ศัตรู’ เช่นนั้นคงเผยข้อมูลที่ไม่เป็นประโยชน์กับฝ่ายตนออกไปมากมาย…

ผู้บงการอยู่เบื้องหลังของอวิ๋นโจวผู้นั้นเข้าใจว่าเหลียงโหย่วผิงถูกพวกเราจับกุมแล้ว ดังนั้นจึงสั่งให้คนของสำนักพ่อมดมาสอบปากคำในห้วงฝัน…ข้ากับอาซ่งและอาจูเคยติดต่อกับเหลียงโหย่วผิง ดังนั้นจึงเป็นไปได้มากที่สุดว่าจะเป็นคนจับกุมเหลียงโหย่วผิง เพราะข้าตื่นอยู่ตลอด ดังนั้นจึงทำได้เพียงเข้าสู่ห้วงฝันสอบปากคำซ่งถิงเฟิงกับจูกว่างเสี้ยว…

ทว่าล่วงเลยมาสามวันถึงจะมาสอบปากคำงั้นหรือ?

หลี่เมี่ยวเจินกำกระจกหยกใบเล็กเอาไว้ รออยู่พักหนึ่งก็ไม่เห็นหมายเลขสามแสดงความเห็นสักที เขาเพียงเพิ่งจะเริ่มถามก็ไร้เสียงตอบกลับตามมา สิ่งนี้ทำให้หลี่เมี่ยวเจินร้อนใจเล็กน้อย

หมายเลขสามเป็นคนปราดเปรื่องยิ่ง ความคิดเห็นและมุมมองของเขาไม่เพียงแต่เป็นคำตอบมาตรฐาน ทว่าก็ชี้ทางสว่างให้ผู้คนได้มากพอเช่นกัน

หมายเลขสอง ‘หมายเลขสาม เจ้าหลับอีกแล้วหรือ เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับคดีนี้’

ข้านั่งมองอยู่นี่ไง…สวี่ชีอันพูดแขวะในใจ

เขารู้ว่าสมาชิกคนอื่นในพรรคฟ้าดินก็กำลังรอความเห็นของเขาอยู่เช่นกัน จึงส่งข้อความบอก ‘ข้าก็มีข้อสงสัยเช่นกัน พ่อมดขั้นหกมีพลังในการพยากรณ์โชคชะตา เหตุใดจึงบอกที่อยู่ของเหลียงโหย่วผิงไม่ได้ นอกจากนั้นพ่อมดยังมีพลังสาปสังหาร สมมติว่าเหลียงโหย่วผิงสมคบคิดกับอีกฝ่าย หลังจากที่ได้ยินว่าอีกฝ่ายหายตัวไป อาจจะแพร่งพรายความลับ การฆ่าปิดปากก็เป็นทางเลือกที่แน่นอนที่สุด’

หมายเลขสี่ ‘ข้าจะตอบคำถามนี้เอง วิชาสาปสังหารของพ่อมดทำได้เพียงพุ่งเป้าไปยังเป้าหมายที่มีระดับต่ำกว่าตน จำกัดอยู่ที่ระดับของเหลียงโหย่วผิง น่าจะมีคนปกป้องเขา เป็นผู้ใดก็มิอาจทราบ คนที่ทำแบบนี้ได้มีมากมาย ส่วนพลังในการพยากรณ์โชคชะตา ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในระดับสูงของระบบขั้นสูงล้วนมีวิธีการรับมือกับการพยากรณ์ที่พุ่งเป้ามายังตน ทว่าก็มิอาจคุ้มครองผู้อื่นได้ เว้นเสียแต่ระบบหนึ่ง’

เมื่อกล่าวเช่นนี้หมายเลขสี่ก็ชะงัก ไม่กี่วินาทีต่อมาจึงเอ่ยขึ้น ‘โหรของสำนักโหราจารย์’

ราวกับสายฟ้าผ่าลงกลางใจทุกคน

โหรของสำนักโหราจารย์? สวี่ชีอันตกตะลึง

หมายเลขสอง ‘หมายเลขสี่ เจ้าจะบอกว่าผู้ที่ลักพาตัวเหลียงโหย่วผิงคือโหรของสำนักโหราจารย์งั้นหรือ’

หมายเลขสี่ ‘หึๆ การคาดเดาทั้งหมดนี้ล้วนต้องเป็นข้อสันนิษฐานแรกที่เหลียงโหย่วผิงหายตัวไป’

หมายเลขหนึ่ง ‘หากเหลียงโหย่วผิงถูกโหรของสำนักโหราจารย์จับตัวไปจริง เช่นนั้นเหตุใดผู้ตรวจการจางจึงไม่ทราบ หรือว่าเขาจงใจปิดบังหมายเลขสอง’

หมายเลขสอง ‘ไม่เหมือนปิดบัง พวกเขาน่าจะไม่รู้จริงๆ ’

หมายเลขสี่ ‘นี่ก็ยิ่งควรค่าแก่การพิจารณา ทว่ามีจุดหนึ่งที่พวกเราต้องระมัดระวัง พวกเราคาดเดาจุดนี้ได้ คนของสำนักพ่อมดก็ต้องคิดได้เช่นกัน อย่างไรเสียโหรก็ควบคุมวิชาพยากรณ์และสาปสังหาร ดังนั้นจึงมีการสอบปากคำในห้วงฝันในค่ำคืนนั้น เพื่อลองเชิงว่าเหลียงโหย่วผิงตกไปอยู่ในมือของหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลแล้วหรือยัง การลองเชิงเช่นนี้คงไม่ทำเพียงหนึ่งหรือสองครั้ง พวกเราสามารถซ้อนแผนได้ ตลบหลังผู้บงการเบื้องหลังกลับ เจ้าบอกเรื่องนี้กับผู้ตรวจการจาง เขารู้ว่าควรจะทำอย่างไร’

หมายเลขหนึ่งแสดงความเห็นต่อ ‘ยังมีอีกจุดหนึ่ง ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามมาลองเชิงก็แสดงว่าเตรียมให้เหลียงโหย่วผิงตกไปอยู่ในมือของหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว อย่างน้อยในสายตาของพวกเขา การตกไปอยู่ในมือของโหรสำนักโหราจารย์หรือหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลก็มีค่าเท่ากัน หากเป็นเช่นนี้เห็นจะต้องเตรียมการแผดเผาหยกงามและก้อนกรวดไปพร้อมกัน เอาไว้ให้ดีเสียแล้ว’

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ในใจสวี่ชีอันกับหลี่เมี่ยวเจินก็ตื่นตระหนก

หากเป็นแบบนี้จริงๆ เช่นนั้นมีแต่ต้องลงมือก่อนจึงจะได้เปรียบ จะจับตัวขโมยต้องจับหัวหน้าเสียก่อน…สวี่ชีอันคิดในใจ

ทว่าการวางแผนแก้ปัญหาตรงหน้า จะต้องหาผู้บงการเบื้องหลังให้พบเสียก่อน มิฉะนั้นศัตรูอยู่มุมมืด ข้าอยู่ที่สว่างก็ไร้วี่แวว

บัดนี้หมายเลขหนึ่งเอ่ยถาม ‘แม้คดีนี้จะยุ่งยาก ทว่าด้วยความสามารถของสวี่ชีอันก็คงจะไม่ถึงกับหมดปัญญาสู้เสียหรอก’

หมายเลขหนึ่ง พูดได้ก็พูดให้มากหน่อย ถ้าไม่ได้ก็ไปออกหนังสือสักเล่มเสีย…สวี่ชีอันรู้สึกเหมือนตนถูกเลีย ช่างสบายเสียจริง

หลี่เมี่ยวเจินตอบกลับ ‘เขากำลังปะทะกับระดับหลอมวิญญาณ สภาพค่อนข้างย่ำแย่’

หมายเลขหก ‘ใต้เท้าสวี่ปะทะกับระดับหลอมวิญญาณเร็วเยี่ยงนี้เลยหรือ ก่อนที่จะออกจากเมืองหลวง ยังอยู่ห่างจากจุดสูงสุดของระดับหลอมปราณเล็กน้อย ข้าคิดว่าจะเขาเลื่อนเป็นระดับหลอมวิญญาณก็ต้องต้นฤดูใบไม้ผลิ ช่างเป็นพรสวรรค์ที่น่าทึ่งยิ่ง’

เหตุผลมีเพียงตัวของสวี่ชีอันที่รู้ นับแต่เขาเลื่อนเป็นระดับหลอมปราณ ก็มีปัญหากองใหญ่อยู่ข้างกาย เวลาที่บำเพ็ญเพียรยังมีน้อยอีก

ระหว่างรีบเดินทางไปยังอวิ๋นโจว นอกเสียจากคุยโวกับสหายข้าราชการ เวลาส่วนใหญ่ล้วนน่าเบื่อนัก ทำได้เพียงบำเพ็ญเพียร จึงพัฒนาอย่างรวดเร็วเยี่ยงปาฏิหาริย์

หมายเลขหนึ่ง ‘ไม่สิ พรสวรรค์นี้พอที่จะเรียกได้ว่าสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วประเทศ’

เดิมทีทุกคนมิได้แยแสนัก อย่างไรเสียระดับหลอมวิญญาณขั้นเจ็ดก็ไม่เท่าไร แต่ละคนในพรรคฟ้าดินล้วนเป็นอัจฉริยะ ไอคิวสูง คำพูดคำจาก็น่าฟัง นักรบระดับหลอมวิญญาณมิอาจพัดกระพือลูกคลื่นอะไรได้

ทว่าพอได้ยินหมายเลขหนึ่งกับหมายเลขหกเอ่ยเช่นนี้ จึงแห่กันมาสนใจ รวมถึงหลี่เมี่ยวเจินที่เคยติดต่อกับสวี่ชีอันในสามมิติ

หมายเลขสี่ ‘ฟังน้ำเสียงของเจ้าทั้งสอง ฆ้องทองแดงผู้นี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดา หรือเขาเป็นอัจฉริยะ’

เหิงหย่วนครุ่นคิดก่อนจะตอบกลับ ‘ไม่น่าใช่ ทว่าเขาเคยพบข้ายามที่ออกจากเมืองหลวง สภาพเขาตอนนั้นน่าจะเลื่อนเป็นระดับหลอมวิญญาณในต้นฤดูใบไม้ผลิ ไม่คิดว่าจะเร็วเยี่ยงนี้ หมายเลขหนึ่งน่าจะเข้าใจเขามากกว่า’

หมายเลขหนึ่ง ‘ครั้งก่อนข้าเคยเล่าภูมิหลังของเขา ทว่าตอนนั้นไม่ได้บอกพวกเจ้า สวี่ชีอันคนนี้ยามที่เข้าร่วมหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลก็อยู่แค่ระดับหลอมจิต จนกระทั่งตอนนี้คิดรวมทั้งหมดก็สองเดือน’

ไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรมากมาย ทุกคนล้วนได้ยินข่าวใหญ่ที่แฝงอยู่ในประโยค

สองเดือนก้าวข้ามไปหนึ่งระดับ ไม่ว่าจะอยู่ระบบใดหรือพลังแบบใดก็ล้วนเป็นอัจฉริยะระดับสุดยอด

หมายเลขสี่อดคิดไม่ได้ว่าหมายเลขสามน่าจะเป็นญาติผู้น้องของสวี่ชีอัน สาเหตุที่ปราณใสพุ่งขึ้นฟ้าอาจจะเกี่ยวข้องกับญาติผู้น้องคนนี้ ตอนนี้ก็มีสวี่ชีอันผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นเช่นนี้ปรากฏขึ้นอีก บ้านสกุลสวี่จากเมืองหลวงนี้ เกรงว่าจะกลายเป็นดาวดวงใหม่ที่ทะยานขึ้นอย่างช้าๆ ของเมืองหลวงในอนาคตอันใกล้nᴏᴠᴇʟɢu.ᴄoᴍ

นักบวชเต๋าจินเหลียนมอบชิ้นส่วนหนังสือปฐพีให้ญาติผู้น้องคนนั้น หรือจริงๆ แล้วคิดจะกินเรียบทั้งพี่ทั้งน้อง

หลี่เมี่ยวเจินตกตะลึง ในวันนั้นที่หมายเลขหนึ่งบอกนาง ทั้งหมดล้วนกล่าวถึงสวี่ชีอันคลี่คลายคดีได้เก่งกาจอย่างไร ทว่ากลับไม่ได้กล่าวถึงด้านพรสวรรค์

ไม่รู้ว่าเขาอดนอนอยู่กี่วันกี่คืน จู่ๆ หลี่เมี่ยวเจินก็เกิดข้อสงสัยขึ้นมา

หมายเลขห้า ‘ยังพอได้ ทะลวงหนึ่งขั้นในสองเดือน’

หมายเลขห้าที่พูดสอดไม่ได้มาตลอดส่งข้อความแสดงความเห็น

หมายเลขสาม ‘นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ’

สวี่ชีอันเปิดใช้บัญชีสำรองแสร้งให้ตนดูเก่ง

หมายเลขห้า ‘หืม ข้าก็ไม่ได้บอกว่าไม่ดีนี่นา ทว่าข้าเองก็ข้ามไปหนึ่งขั้นในสองเดือนเช่นกัน ตอนนี้ข้าเตรียมบ่มเพาะมิ่งกู่ ซึ่งเป็นระดับของขั้นหก จากขั้นแปดไปขั้นหกข้าก็ใช้เวลาเพียงสี่เดือน’

‘?’

ในหัวของทุกคนปรากฏเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ๆ

สี่เดือนข้ามไปสองขั้น สองเดือนข้ามหนึ่งขั้นได้สบายๆ…ดูเหมือนเหล่าสมาชิกในพรรคฟ้าดินจะรู้เหตุผลที่นักบวชเต๋าจินเหลียนเชิญหมายเลขห้าเข้าร่วมพรรคฟ้าดินแล้ว

หลี่เมี่ยวเจินกลิ้งไปมาบนเตียงด้วยความตื่นเต้น กำหมัดชูขึ้นอย่างแรง การขอความช่วยเหลือจากสมาชิกพรรคฟ้าดินเป็นทางเลือกที่ถูกต้องจริงๆ

หมายเลขหนึ่งที่มีความคิดล้ำลึก หมายเลขสี่ที่มีประสบการณ์ท่วมท้น และหมายเลขสามที่ฉลาดเฉลียวยิ่ง ด้วยความพยายามอันเป็นหนึ่งเดียวกันของพวกเขาก็จำแนกสายใยเหตุการณ์ของคดีได้กระจ่างอย่างรวดเร็วเยี่ยงนี้ ถึงขั้นคิดหาวิธีรับมือต่อไปไว้ให้นางแล้ว

วันรุ่งขึ้น สวี่ชีอันมาทานอาหารเช้าที่ห้องโถงพร้อมกับขอบตาที่ดำคล้ำ ไม่นานนักผู้ตรวจการจางกับเจียงลวี่จงพร้อมด้วยคนอื่นๆ ก็ลงมา

หลี่เมี่ยวเจินปรากฏตัวเป็นคนสุดท้าย สวมเกราะอ่อน แบกปืนสีเงิน สะโพกคาดดาบ ผมที่รวบเป็นทรงหางม้าสูงอันงดงามแกว่งไปมา เสน่ห์อันงามล่มเมืองตามท้าย

ซ่งถิงเฟิงและจูกว่างเสี้ยวหันหลังกลับอย่างรู้กัน หันท้ายทอยให้ซูซู

หลี่เมี่ยวเจินมุ่งตรงไปที่โต๊ะของผู้ตรวจการจางกับเจียงลวี่จง ชำเลืองมองสวี่ชีอันก่อน แล้วเชิดคางเรียวแหลมขึ้นอย่างผยองเล็กน้อยพร้อมเอ่ย

“ข้าคลี่คลายคดีนี้ได้แล้ว!”

ผู้ตรวจการจางกับเจียงลวี่จงสบตากัน สายตาของผู้ตรวจการจางเป็นประกายเล็กน้อย “พวกเราไปคุยกันที่ห้อง หนิงเยี่ยนเจ้าก็มาด้วย”

ภายในห้องหลี่เมี่ยวเจินเล่า ‘บันทึกสนทนา’ ให้ฟังอย่างสมจริงสมจัง ผู้ตรวจการจางกับเจียงลวี่จงที่ฟังก็ตะลึงงัน

“แม่ทัพหลี่ช่างละเอียดประหนึ่งเส้นผม ข้าเลื่อมใส” ผู้ตรวจการจางจิตใจฮึกเหิม ความอิดโรยจากการอดนอนก็จางหายไปไม่น้อย

เจียงลวี่จงจ้องมองแม่ทัพหญิงรูปโฉมงดงามใบหน้าทรงเมล็ดแตง[2]ด้วยความทึ่ง

หลี่เมี่ยวเจินหัวเราะอย่างสำรวม ทันใดนั้นก็หันหน้ามองสวี่ชีอัน “ดูเหมือนเจ้าจะไม่เห็นด้วยกับการอนุมานของข้างั้นหรือ”

เหลวไหล พวกเราเป็นกลุ่มสหาย เจ้าจะเสแสร้งอะไรต่อหน้าข้า…เห็นอยู่ชัดๆ ยังจะเสแสร้ง…สวี่ชีอันให้ความร่วมมือด้วยการแสดงสีหน้าตื่นตระหนกและเลื่อมใส พร้อมเอ่ยยกย่อง

“การจัดการคดีและความสามารถในการอนุมานของแม่ทัพหลี่แกร่งกล้ายิ่งกว่าข้าเสียอีก สวี่ผู้นี้เลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง”

หลี่เมี่ยวเจินยิ้มเล็กน้อย “ข้าเองก็นึกไม่ถึงว่าตนจะมีพรสวรรค์ในการคลี่คลายคดีด้วย”

นางคิดว่าต่อหน้ายอดฝีมือเช่นสวี่ชีอันผู้นี้ การกดหัวเขาช่างรู้สึกดีเหลือเกิน

สวี่ชีอันก็รู้สึกโล่งใจเช่นกัน เพราะหากในอนาคตตัวตนถูกเปิดเผยแล้ว เขาคงจะเผชิญการตายตกทางสังคมไม่หยุดหย่อน

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงรู้สึกว่าอนาคตเต็มไปด้วยแสงสว่างไปชั่วขณะหนึ่ง…สวี่ชีอันหัวเราะ

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ผู้ตรวจการจางก็กำลังเตรียมตัวไปสำนักกองทหารพยัคฆ์ทะยาน สุดท้ายกองทหารพยัคฆ์ทะยานก็เข้ามารายงานก่อน

“ท่านผู้ตรวจการจาง สมุหเทศาภิบาลซ่งพาขุนนางจำนวนมากมาเยี่ยมเยียน”

ผู้ตรวจการจางสบตากับเจียงลวี่จงและคนทั้งสามอย่างเงียบๆ ทันที

ประจักษ์ชัดว่าเหล่าขุนนางของอวิ๋นโจวมาเพื่อเรื่องของผู้บัญชาการหยางชวนหนานที่ถูกจับตัวไปเมื่อคืน ทว่าจากการเจรจาเมื่อครู่นี้ พวกเขาจึงตื่นตัว

บางทีนี่อาจเป็นการลองเชิงอย่างหนึ่งก็ได้ การลองเชิงที่มาจากผู้บงการเบื้องหลัง

……………………………………………………

[1] กลยุทธ์ทุกข์กาย หมายถึง การทำร้ายตัวเองให้บาดเจ็บเพื่อให้ศัตรูหลงเชื่อ

[2] ใบหน้าทรงเมล็ดแตง หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า หน้าทรงไข่ห่าน เป็นใบหน้าที่เล็กเรียว คางเชิดแหลมเล็กน้อย โหนกแก้มโค้งมน ใบหน้าเป็นรูปทรงวงรี อวบอิ่มเหมือนไข่หรือเมล็ดแตงโม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรูปหน้าในอุดมคติของสาวจีน เปรียบเหมือนสัญลักษณ์ความงามแบบดั้งเดิมของจีน โดย ‘ตี๋ลี่เร่อปา’ นักแสดงหญิงชาวจีนก็มีใบหน้าทรงนี้

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Nightwatcher, Dafeng's Night Squad, Great Feng's Nightwatchers The Nightwatchers of Feng 大奉打更人, วิถียุทธ์คนเคาะยามแห่งต้าเฟิ่ง(siaminter), Guardians Of The Dafeng(ซีรีส์)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , , ต้นฉบับ: 951 Chapters (จบแล้ว)
สวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน….. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset