📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ตอนที่ 200.2

บทที่ 200.2 - ยั่วยวน ‘สอง: ยังมีอีกหรือไม่’
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

รออยู่นานก็ไม่มีใครพูด กระทั่งสวี่ชีอันคิดว่าเพื่อนในกลุ่มไม่ได้ความทั้งหลายออฟไลน์กันแล้ว หมายเลขห้าก็ส่งข้อความมา

‘เอ่อ คือ หมายเลขสาม ที่เจ้าบอกว่าจะห่อส่งไปให้องค์หญิงของต้าฟ่งกับราชครู ยังนับอยู่ไหม’

“???” สวี่ชีอันจ้องมองดูข้อความนี้ เขานิ่งงันอยู่นาน ลอบกล่าวในใจว่า ต้องไม่นับสิ ขนาดคำพูดเรื่อยเปื่อยเจ้าก็ยังแยกแยะไม่ออกหรือ

‘สาม: เอ่อ รอให้ข้ากลายเป็นยอดฝีมือขั้นหนึ่งแล้วค่อยว่ากัน’

‘ห้า: ฮึ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้ามันคนขี้โกหก ช่วงนี้พี่ใหญ่ของข้าเอาแต่กวนข้าได้ทุกวัน ถามหาข้อมูลขององค์หญิงจากต้าฟ่งไม่พอ ยังจะมาถามอีกว่าองค์หญิงกับราชครูใครสวยกว่ากัน’

ในเมื่อหัวข้อเป็นเรื่องนี้ สวี่ชีอันก็ยินดีจะพูดคุยกับนางสักหน่อย จึงส่งข้อความไปว่า

‘องค์หญิงของต้าฟ่งมีอยู่ทั้งหมดสี่พระองค์ องค์หญิงใหญ่ฮว๋ายชิ่งและองค์หญิงรองหลินอันนั้นมีรูปโฉมงดงามที่สุด ส่วนราชครูนั้น…ข้าไม่ค่อยแน่ใจนัก เคยได้ยินชื่อเสียงแต่ยังไม่เคยพบเจอ’

หลังจากเขาพิจารณาดูก็คิดว่า นักเรียนของสำนักอวิ๋นลู่คงไม่มีโอกาสพบเจอราชครูลั่วอวี้เหิงกระมัง

‘สี่: ราชครูงดงามอยู่แล้วสิ ข้าว่างดงามยิ่งกว่าองค์หญิงทั้งสองเสียอีก บุรุษคนใดได้พบพานท่านราชครู เป็นต้องลุ่มหลงอยู่ในความงามของนางทั้งนั้น’

‘ห้า: อ้อๆ ราชครูแห่งต้าฟ่งของพวกเจ้าเป็นนางจิ้งจอก’

‘สี่: ไร้สาระ!’

‘ห้า: เป็นนางจิ้งจอก’

‘สี่: …ก็ถือว่ามีเหตุผลพอสมควร แต่นี่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากท่านราชครู มันเป็นความลับของนิกายมนุษย์ ข้าไม่สะดวกจะบอกมากกว่านี้’

‘สอง: เฮอะ มีอะไรที่บอกไม่ได้เล่า นิกายมนุษย์ก็ตามชื่อ สายการฝึกตนนี้สัมพันธ์กับโชคลางของมนุษย์อย่างมาก เมื่อฝึกจนถึงระดับหนึ่งก็จะถูกเจ็ดอารมณ์หกปรารถนายึดครอง ดังนั้นลั่วอวี้เหิงจึงปลุกความปรารถนาของบุรุษได้โดยปริยาย

เดิมทีผู้นำเต๋านิกายมนุษย์คนก่อนมีโอกาสที่ก้าวสู่ขั้นที่หนึ่ง เขาได้ย้ายอารามรัตนะมายังเมืองหลวง และคิดจะใช้โชคลางของมนุษย์เพื่อให้ตนสำเร็จถึงขั้นหนึ่ง แต่ท่านโหราจารย์ไม่เห็นด้วย ดังนั้นจึงล้มเหลวไม่เป็นท่า ไม่อาจผ่านด่านไปได้

พอถึงคราวของลั่วอวี้เหิงที่เป็นลูกสาวของเขา ก็โชคดีที่จักรพรรดิหยวนจิ่งหมกมุ่นกับการฝึกเต๋า ทั้งยังเป็นถึงโอรสสวรรค์อีก ขอแค่บำเพ็ญคู่กับจักรพรรดิหยวนจิ่ง เมื่อเวลาผ่านไป การจะทะลวงสู่ขั้นหนึ่งของนางก็ไม่ใช่เรื่องยาก’

‘สาม: แต่ข้าจำได้ว่านักพรตเต๋าจินเหลียนเคยกล่าวไว้ว่าลั่วอวี้เหิงไม่ได้บำเพ็ญคู่กับจักรพรรดิหยวนจิ่งนี่’

สวี่ชีอันอดใจไม่ได้ที่จะแท็ก @นักพรตเต๋าจินเหลียน เพื่อให้เขาโผล่หน้าออกมายืนยันว่าลั่วอวี้เหิงยังพรหมจรรย์อยู่

นักพรตเต๋าจินเหลียนอาจจะไปจับหนูกินกลางดึกแล้วแน่ๆ ถึงได้ไม่ตอบเขา แต่กลับเป็นหมายเลขสี่เองที่เข้ามาอธิบาย ‘ใช่แล้ว ราชครูยังไม่เคยบำเพ็ญคู่กับจักรพรรดิหยวนจิ่ง ส่วนเหตุผลนั้นยังไม่รู้’

สมัยก่อนหมายเลขสี่เป็นขุนนาง เขามีมิตรภาพอันดีกับราชครู จึงไม่แปลกที่จะรู้เรื่องนี้ แต่หมายเลขสองรู้ชัดเจนขนาดนี้ได้อย่างไรกัน

สวี่ชีอันลังเลอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามออกไปในกลุ่มสนทนาหนังสือปฐพี

เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าเกี่ยวข้องกับตัวตนของหมายเลขสอง และมันก็เป็นคำถามที่ค่อนข้างอ่อนไหวต่อจิตใจของสมาชิกพรรคฟ้าดิน หมายเลขสองอาจจะไม่ตอบก็ได้

ถึงจะตอบ ก็ไม่แน่ว่าอาจต้องการของตอบแทนที่มีค่าเท่ากันจากเขา

ตอนนี้ตัวเขาอยู่ที่อวิ๋นโจว จึงต้องเกี่ยวข้องกับหมายเลขสองเพราะคดีของหยางชวนหนานอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อถึงเวลานั้น เขาค่อยลองเลียบเคียงถามดูก็ได้

ไม่จำเป็นต้อง ‘เสียเงิน’ โดยใช่เหตุ

สวี่ชีอันครุ่นคิด รู้สึกว่าตนควรจะพูดอะไรบางอย่างจึงส่งข้อความไป ‘ด้วยความฉลาดมีไหวพริบของสวี่ชีอันผู้นี้ แม้จะเพิ่งไปถึงอวิ๋นโจว แต่เกรงว่าคงเก็บเกี่ยวอะไรได้บ้างแล้วล่ะ หมายเลขสอง ถ้าหากเจ้าจะใช้ความงามล่อลวงก็รีบหน่อย’

นี่เป็นการเตือนด้วยความเป็นห่วงจากคนในกลุ่ม ไม่ใช่ว่าสวี่ชีอันหลงใหลในความงามหรอกนะ

หมายเลขสองไม่ตอบเขา

จากนั้นกลุ่มสนทนาหนังสือปฐพีก็ตกอยู่ในความเงียบงัน ไม่มีใครส่งข้อความต่อ

สวี่ชีอันเก็บกระจกหยก แล้วฝึกลมหายใจตระหนักรู้เพื่อบ่มเพาะจิตใจ พักเรื่องไขรหัสลับที่โจวหมินทิ้งไว้ไปก่อน

เช้าวันต่อมา ผู้ตรวจการจางนำเจียงลวี่จงและหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลกลุ่มหนึ่งออกจากโรงพักม้าเพื่อไปตรวจดูความเป็นอยู่ของประชาชนในอวิ๋นโจว บางทีอาจจะไปเดินสำรวจแถบชายแดนด้วยก็ได้ ซึ่งสมุหเทศาภิบาลซ่งก็พาคณะติดตามไปด้วย

เมื่อนึกถึงขอบตาดำคล้ำที่ปกปิดไม่อยู่ของสวี่ชีอันและความเหนื่อยล้าที่พวยพุ่งออกมาจากดวงตาเขา ผู้ตรวจการจางจึงใจดีให้เขาพักผ่อนอยู่ที่โรงพักม้า แต่ต้องไม่ลืมไขเบาะแสที่โจวหมินทิ้งไว้ด้วย

แม้ว่าการถูกเห็นเป็นเครื่องมือมนุษย์จะไม่น่าพิสมัยเท่าไหร่ แต่ให้อยู่ที่โรงพักม้าก็เข้าทางข้าพอดี…พอคนคนหนึ่งเหนื่อยล้าจนถึงขีดสุดก็เกลียดการออกไปข้างนอกอย่างยิ่ง…แต่เหตุใดพลังจิตวิญญาณของข้าถึงไม่บรรลุขีดจำกัดสักที ข้าอยากนอนแล้วนะ…

เมื่อกินอาหารเช้า สวี่ชีอันก็นวดที่หว่างคิ้วด้วยความเหนื่อยล้าโนlวลกูดอทคoม

นอกจากเขา ก็ยังมีหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลเหลืออยู่ไม่ถึงห้าคน ส่วนกองทหารพยัคฆ์ทะยานเหลืออยู่สามสิบคน

ซ่งถิงเฟิงเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมหาวหวอดๆ เขาไม่ได้สวมฆ้องทองแดงและไม่ได้แขวนดาบยาวมาตรฐาน เขามองไปรอบๆ “ทำไมวันนี้เงียบจัง คนอื่นล่ะ”

สวี่ชีอันกินต้มยำวุ้นเส้นที่อยู่ในชาม ไม่แม้แต่จะโงหัวขึ้นมา “ใต้เท้าผู้ตรวจการไปสังเกตการณ์ความเป็นอยู่ประชาชน คนอื่นๆ ก็ตามไปด้วย”

ซ่งถิงเฟิงดวงตาสว่างไสว “ข้ามีความคิดดีๆ อย่างหนึ่ง…”

สวี่ชีอันรีบขัดทันที “เก็บความคิดพิเรนทร์ของเจ้ากลับไปเลย เพราะใต้เท้าผู้ตรวจการมีกฎเข้มงวดยิ่ง”

“น่าเบื่อ!” ซ่งถิงเฟิงนั่งลงที่โต๊ะ สั่งให้ทหารประจำจุดพักม้ายกข้าวเช้ามาแล้วเอ่ยทอดถอนใจ

“จะว่าไป พวกเราไม่ได้สัมผัสนารีมาห้าวันแล้วนะ”

“นั่นมันเจ้า ข้าไม่ได้สัมผัสสตรีมาสิบแปดวันแล้ว…ยังรู้สึกหิวอยู่นิดหน่อยเลย” สวี่ชีอันก็ถอนหายใจตาม

“หิวก็กินสิ” ซ่งถิงเฟิงมองไปที่วุ้นเส้นมันเยิ้ม

เหล่าซ่งก็ยังตามมุกไม่ทันอยู่ดี…สวี่ชีอันไม่สนใจเขา สนใจเพียงเติมเต็มท้องให้อิ่ม ผ่านไปไม่เท่าไหร่ จูกว่างเสี้ยวก็ลงมาจากชั้นบน

“กว่างเสี้ยว อีกสักพักไปสำนักสังคีตกันเถอะ” ซ่งถิงเฟิงชักชวนเพื่อนร่วมงาน

“พอแล้วๆ…อย่ามาล่อลวงข้าเหมือนพวกเมียน้อยเลย จะไปเที่ยวในเมืองก็ไป แต่ห้ามไปสำนักสังคีต กฎต้องเป็นกฎ” สวี่ชีอันกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

“แล้วมีวิธีแหกกฎหรือไม่” ซ่งถิงเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงล้อเล่น

“มีสิ” สวี่ชีอันเหลือบมองเขา “ข้าแนะนำให้เจ้าลาออก”

การลาออกเป็นการกระทำเมื่อชาติก่อนของเขา แต่ตอนที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ เขาเป็นคนที่รักษาวินัยอย่างมาก ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ลาออกเพราะประโยคเดียวจากบันทึกประจำวันของจี้เซี่ยนหลินหรอก…

เมื่อกินข้าวเช้าเสร็จ ทั้งสามก็เปลี่ยนเป็นชุดลำลองแล้วออกจากโรงพักม้า

….

“เห็นหรือยัง นั่นก็คือเจ้าคนที่สำมะเลเทเมาคนนั้น ภารกิจของเจ้าก็คือยั่วยวนเขา”

โรงน้ำชาแห่งหนึ่งบนถนน หลี่เมี่ยวเจินก็เปลี่ยนเป็นชุดลำลองเพื่อไม่ให้สะดุดตา นางยืนอยู่ข้างหน้าต่างห้องส่วนตัวบนชั้นสองแล้วมองไปยังคนสามคนที่เดินเล่นสบายใจอยู่ไม่ไกล

ข้างกายของนางมีหญิงสาวทรงเสน่ห์ที่สวมชุดกระโปรงประณีต ผ้าไหมทอสีครามเหมือนสีน้ำตก และสวมเครื่องประดับงดงามล้ำเลิศ

สตรีผู้นี้มีใบหน้าสวยงามอ่อนหวาน ผิวเนียนนุ่มละเอียดอ่อน ดวงตากลมใสเหมือนไข่มุกดำ ริมฝีปากน้อยๆ อวบอิ่มเป็นสีแดงชุ่มฉ่ำ

เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้น สง่างามเหลือแสน

“หลังจากยั่วยวนเขาแล้วล่ะเจ้าคะ” หญิงงามปิดปากหัวเราะแผ่วเบา จดจ้องไปยัง ‘ตัวฆ่าเวลา’ ราวกับกำลังพินิจดูเหยื่อ

“เข้าใกล้เขา ติดตามทุกการเคลื่อนไหวของเขา แล้วเลียบเคียงถามถึงสิ่งที่เขาสืบได้มา” หลี่เมี่ยวเจินพูดจบก็กล่าวเตือน “แต่อย่าดูดกลืนพลังจิตของเขาล่ะ ร่างกายของคนผู้นี้ดูจะขาดสมดุลอย่างรุนแรง ทนให้เจ้าครอบงำไม่ไหวหรอก”

ส่วนที่ว่าร่างจริงของปีศาจสาวจะถูกเปิดเผยหรือไม่นั้น ทั้งคู่ไม่เป็นห่วง ทหารแข็งกระด้างไม่มีความสามารถในการควบคุมผีสาง และไม่มีความรู้สึกไวต่อปราณหยินด้วย ครั้งนั้นที่สามารถยั่วยวนทหารระดับหลอมวิญญาณอย่างโจวชื่อสวงให้ลงจากเขาได้ เขาก็ยังมองร่างปีศาจสาวไม่ออก

ขอแค่อย่าเผยความเป็นอริออกมา อย่างไรก็ไม่มีทางกระตุ้นจิตสัมผัสของทหารระดับหลอมวิญญาณได้แน่ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกเผยร่างจริง

“นายท่าน เช่นนั้นบ่าวไปก่อนล่ะ!” ปีศาจสาวยิ้มพรายแล้วเดินบิดสะโพกจากไป

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Nightwatcher, Dafeng's Night Squad, Great Feng's Nightwatchers The Nightwatchers of Feng 大奉打更人, วิถียุทธ์คนเคาะยามแห่งต้าเฟิ่ง(siaminter), Guardians Of The Dafeng(ซีรีส์)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , , ต้นฉบับ: 951 Chapters (จบแล้ว)
สวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน….. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset