📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ตอนที่ 2

บทที่ 2 - ปีศาจก่อปัญหา
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

สวี่ซินเหนียนขมวดคิ้ว “เจ้าจะเอาไปเพื่อการใด”

ข้าต้องการคลี่คลายคดี… สวี่ชีอันพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ข้าอยากรู้ต้นสายปลายเหตุของคดี ถ้าข้าจะต้องตาย ข้าก็อยากจะรู้สาเหตุที่ข้าโดนลงทัณฑ์ มิฉะนั้นข้าจะไม่ยอมจำนน”

พูดคำว่าคลี่คลายคดีออกไปตรงๆ สวี่ซินเหนียนอาจคิดว่าเขาเสียสติไปแล้ว ดังนั้นสวี่ชีอันจึงเปลี่ยนวิธีพูดใหม่

อย่างไรสวี่ชีอันก็เป็นคนที่ทั้งดื้อรั้นและหัวแข็งอยู่แล้ว

สวี่ซินเหนียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดว่า “ข้าได้อ่านสำนวนคดีแล้ว สามารถเล่าให้เจ้าฟังได้…”

สองสามวันที่ผ่านมาเขาวิ่งเต้นเพื่อสกุลสวี่ แต่เนื่องจากนี่เป็นคดีใหญ่เกินไปจึงไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ขณะที่เขารู้สึกจนใจกับการยื่นอุทธรณ์ที่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล สวี่ซินเหนียนก็เปลี่ยนความคิด ลองแก้ไขสถานการณ์ด้วยการตามล่าเงินภาษีกลับคืนมา

สวี่ซินเหนียนอาศัยสายสัมพันธ์กับสำนักศึกษาและเส้นสายที่มีอยู่เดิมของสกุลสวี่พร้อมกับติดสินบนเจ้าพนักงานให้คัดลอกสำนวนคดีมาให้เขา

แต่เขาไม่มีประสบการณ์ในการตัดสินคดีอาญาและการสืบสวนแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาจึงต้องทิ้งมันไปด้วยความจนใจ

สวี่ชีอันยกมือขึ้นตัดบท “เจ้าไปคัดลอกมา การเล่าด้วยวาจาไม่มีความหมาย”

รายละเอียดคดีทั้งหมดอยู่ในสิ่งที่เขียน ต้องผ่านการพินิจพิเคราะห์ ทบทวน หากแบ่งพลังงานส่วนหนึ่งไปกับการฟัง สมองก็จะไม่สามารถพิจารณาและวิเคราะห์อย่างรอบคอบได้

ความสามารถในการให้เหตุผลเชิงตรรกะของสวี่ชีอันนั้นถือเป็นทักษะที่ดีที่สุดในชาติก่อนและโดดเด่นที่สุดในบรรดานักเรียนชั้นปีเดียวกัน

หากเป็นเมื่อก่อนสวี่ซินเหนียนไม่มีทางสนใจเขาแน่ แต่เมื่อคิดว่าพี่น้องจากกันครั้งนี้บางทีอาจเป็นการจากลาชั่วนิรันดร์

เขาจึงรับปากคำขอร้องสุดท้ายของพี่ชายแล้วกระซิบว่า “รอสักประเดี๋ยว”

จากนั้นจึงเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

เสียงฝีเท้าหายไปตามทางเดิน สวี่ชีอันนั่งพิงลูกกรง ในใจรู้สึกหวาดหวั่น

เขาไม่มีความมั่นใจว่าจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ ความคิดที่จะคลี่คลายคดีนั้นเป็นเพียงความหวัง แต่การไม่ยอมจำนนนั้นเป็นความจริง

หนทางช่วยเหลือตัวเองที่คิดออกมีเพียงทางนี้ทางเดียวเท่านั้น ถึงอย่างไรก็ต้องลองดู พยายามดิ้นรนก่อนจะสิ้นลมหายใจดูสักตั้ง

วิธีการสืบสวนและสอบสวนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในปัจจุบัน การตรวจสถานที่เกิดเหตุ การควบคุมสอดส่อง และการชันสูตรพลิกศพ เป็นองค์ประกอบสำคัญสามประการที่จะขาดไม่ได้

คดีเงินภาษีที่สูญหายไม่มีใครเสียชีวิต ในสมัยโบราณก็ไม่มีกระบวนการควบคุมสอดส่อง และเขากำลังถูกจองจำ องค์ประกอบสำคัญสามข้อข้างบนไม่มีสักข้อที่ถูกแตะต้อง

โชคดีที่สำนวนคดีสามารถทำให้กลับไปสู่สถานที่เกิดเหตุได้ในระดับหนึ่ง

เขากำลังย่อยความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมไปพร้อมกับการบังคับตัวเองให้กำจัดอารมณ์เชิงลบให้หมด มีเพียงสมองที่นิ่งสงบเท่านั้นจึงจะสามารถมีความคิดที่แจ่มแจ้งและชัดเจน อนุมานได้อย่างแม่นยำ

“จะอยู่หรือตาย มันขึ้นอยู่กับขั้นตอนต่อไป…” เขาพึมพำเบาๆ

เวลาหนึ่งก้านธูป (หนึ่งก้านธูป เท่ากับเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงในปัจจุบัน) ค่อยๆ ผ่านไป สวี่ซินเหนียนก็กลับมาด้วยท่าทางรีบร้อน ยื่นกระดาษที่น้ำหมึกยังไม่แห้งสองสามใบให้เขา

“หมดเวลาแล้ว ข้าต้องไปแล้ว” สวี่ซินเหนียนลังเลครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เจ้าดูแลตัวเองด้วย”

สวี่ชีอันไม่ได้พูดอะไร ดวงตาของเขาถูกดึงดูดด้วยลายมือบนกระดาษเหล่านั้น

ช่วงเวลาเร่งรีบ ลายมือบนกระดาษเป็นการเขียนแบบหวัด ถ้าหากสวี่ชีอันไม่เคยเรียนโรงเรียนเอกชนมาหลายปีก็คงอ่านตัวอักษรยึกยือพวกนี้ไม่ออก

“การเรียนหนังสือก็มีประโยชน์อยู่เหมือนกัน เพราะเจ้าของร่างเดิมเป็นคนไม่รู้หนังสือ…จบอย่างสวยงาม” สวี่ชีอันเย้ยหยันตัวเอง

ต้นสายปลายเหตุของคดีเงินภาษีที่สูญหายเป็นดังนี้

‘สามวันที่แล้ว ยามเหม่าสองเค่อ[1] (6:30 น.) สวี่ผิงจื้อคุ้มกันเงินภาษีไปยังเมืองหลวง ยามเฉิน[2]หนึ่งเค่อ เมื่อเดินทางถึงถนนกว่างหนาน ขณะกำลังข้ามสะพานไปทันใดนั้นก็มีลมแปลกๆ พัดมา ฝูงม้าต่างตกใจวิ่งลงไปในแม่น้ำข้างถนน

หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงระเบิดดังสนั่น แม่น้ำพุ่งสูงถึงหกจั้ง (1 จั้งประมาณ 3.33 เมตร) และคลื่นขุ่นซัดสูงเสียดฟ้า

ทหารที่รับผิดชอบคุ้มกันเงินภาษีกระโดดลงไปในแม่น้ำเพื่อค้นหาเงิน แต่หาคืนมาได้แค่เพียงหนึ่งพันสองร้อยสิบห้าตำลึงเงินเท่านั้น ส่วนเงินที่เหลือนั้นสูญหายไป…’

นอกจากต้นสายปลายเหตุของคดีแล้วยังมีคำให้การที่รวบรวมมาจากผู้คนที่สัญจรไปมาในเมืองจิงจ้าวและคำให้การจากทหารที่เข้าร่วมหน่วยคุ้มกัน

ในคำให้การทั้งหมดสวี่ชีอันสังเกตเห็นประโยคที่เขียนด้วยพู่กันหมึกชาดสีแดงว่า ‘ปีศาจก่อปัญหา!’

“ปีศาจก่อปัญหา?!” รูม่านตาของสวี่ชีอันหดตัว ใจตกลงไปที่ตาตุ่ม

ห้องโถงด้านหลัง เมืองจิงจ้าว

หลังจากวิ่งวุ่นสามวันติดต่อกัน บุคคลสำคัญสามคนที่รับผิดชอบเงินภาษีที่สูญหายก็มารวมตัวกัน

เฉินฮั่นกวางข้าหลวงเมืองจิงจ้าวถือถ้วยชากระเบื้องลายครามในมือ จับฝาถ้วยปาดที่ขอบถ้วยเบาๆ ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม

ขุนนางระดับสี่ชั้นเอกที่สวมเสื้อคลุมสีแดงปักลายห่านป่าถอนหายใจเบา ๆ “เหลือเวลาอีกสองวัน จักรพรรดิมีรับสั่งให้ข้าตามล่าเงินภาษีกลับคืนมาให้ได้ก่อนที่จะตัดศีรษะสวี่ผิงจื้อ ใต้เท้าทั้งสองท่านต้องเร่งมือแล้ว”

ทั้งสองท่านที่ข้าหลวงเฉินกล่าวถึง คนหนึ่งเป็นชายวัยกลางคนในเครื่องแบบสีดำและเสื้อคลุมสีดำ จมูกโด่ง เบ้าตาลึกเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน มีสายเลือดของชนเผ่าหนานหมานครึ่งหนึ่ง

อีกคนหนึ่งเป็นหญิงสาวที่มีใบหน้ารูปไข่ สวมชุดสีเหลือง ดวงหน้างดงาม ผิวพรรณขาวผ่อง กิริยาท่าทางงดงาม

นางถืออ้อยอยู่ในมือหนึ่งลำ สะพายกระเป๋าหนังกวางและเข็มทิศฮวงจุ้ยไว้ที่เอว ที่ชายกระโปรงสวมรองเท้าปักลายก้อนเมฆ แกว่งเท้าไปมา

ทั้งสองท่านนี้เป็นผู้ช่วยคลี่คลายคดี ชายวัยกลางคนชื่อหลี่อวี้ชุน เป็น ‘หน่วยลาดตระเวนยามวิกาล’ ที่ขุนนางในราชสำนักต้าฟ่งต่างหวาดกลัว

หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลนี้ทำหน้าที่สอดแนม จับกุมนักโทษ และสอบสวน เป็นต้น และยังมีส่วนร่วมในการรวบรวมข่าวสารทางการทหารและปลุกระดมให้เกิดการกบฏขึ้นในฝ่ายศัตรู เป็นต้น ซึ่งไม่ได้อยู่ในสังกัดของหกกรมและไม่ได้อยู่ในสังกัดทางการทหาร เป็นหน่วยข่าวกรองของราชวงศ์ และยังเป็นเหมือนเครื่องตัดคอที่แขวนอยู่เหนือศีรษะของขุนนางทุกระดับ

ขุนนางทั้งหมดของต้าฟ่งล้วนเคยได้ยินประโยคที่ว่า ‘กลางวันไม่ทำเรื่องเลวร้าย กลางคืนไม่ต้องกลัวหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล’

ส่วนหญิงสาวในชุดกระโปรงสีเหลืองเป็นคนของสำนักโหราจารย์ ฐานะไม่ต่ำต้อย เป็นลูกศิษย์ของหัวหน้าสำนัก

ชายวัยกลางคนที่ปักฆ้องเงินบนหน้าอก เหลือบมองไปบริเวณปลายเท้าที่เต็มไปด้วยชานอ้อยที่หญิงสาวในชุดกระโปรงสีเหลืองคายออกมาแล้วขมวดคิ้ว หมุนฝ่ามือหนึ่งครั้งก็เกิดกระแสลมหมุนเวียน รวมชานอ้อยไว้ในที่เดียว

ชายวัยกลางคนพยักหน้าเล็กน้อย เผยให้เห็นความปีติยินดีแวบหนึ่ง

จากนั้นจึงตอบข้าหลวงเฉินด้วยสีหน้าหนักใจว่า “คดีนี้คลุมเครือแปลกประหลาดยิ่งนัก บางทีพวกเราอาจจะกำลังหลงทาง”

“ใต้เท้าหลี่หมายความว่าอย่างไร” ข้าหลวงเฉินขมวดคิ้ว วิเคราะห์คดีมาจนถึงเวลานี้ ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าเป็นฝีมือของปีศาจที่ก่อปัญหาปล้นเงินภาษีไป

“พวกเรามีเวลาไม่มากแล้ว สิ่งที่ควรทำเวลานี้คือรีบจับกุมปีศาจที่ก่อปัญหาให้เร็วที่สุด อย่าคิดเกี่ยวกับเรื่องเหลวไหลเหล่านี้อีกเลย” ข้าหลวงเฉินกล่าว

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ท้องพระคลังว่างเปล่า เกิดทุพภิกขภัยบ่อยครั้ง เงินภาษีหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงเงินเทียบเท่ากับการจัดเก็บภาษีของอำเภอทั่วไปเป็นเวลาหนึ่งปี

ความพิโรธของจักรพรรดินั้นสามารถเข้าใจได้

‘ข้าไม่มีเงินขนาดนี้ เจ้ายังทำให้ข้าย่ำแย่หนักกว่าเดิมอีก น่าโมโหยิ่งนัก’

ข้าหลวงเฉินรับคดีนี้มาด้วยความระมัดระวัง ภาระบนบ่ากดดันจนทำให้ระยะนี้เขาถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ

ชายวัยกลางคนส่ายหน้า ไม่มีอะไรจะโต้แย้ง แต่กลับพูดว่า “มีความคืบหน้าเกี่ยวกับสวี่ผิงจื้อหรือไม่”

ข้าหลวงเฉินส่ายหน้า “ชายชาติทหารคนหนึ่งได้แต่โอดครวญว่าถูกใส่ร้าย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเงินภาษีสูญหายไปได้อย่างไร”

หญิงสาวในชุดกระโปรงสีเหลืองพูดเรียบๆ ว่า “ข้าทำนาย ‘ดวงชะตา’ ของเขาแล้ว เขาไม่ได้โกหก”

หลี่อวี้ชุนและข้าหลวงเฉินพยักหน้าและไม่ได้พูดถึงคนผู้นี้อีก

ในฐานะนักโทษ สวี่ผิงจื้อจึงถูกสอบสวนและทรมานเป็นคนแรก ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและสถานการณ์ทางการเงิน เป็นต้น ล้วนถูกสอบสวนควบคู่ไปกับการทำนายดวงชะตาของสำนักโหราจารย์ เวลานี้ได้ขจัดความสงสัยไปหมดแล้ว

แน่นอนว่าการสูญหายของเงินภาษีถือว่าสวี่ผิงจื้อบกพร่องต่อหน้าที่ คงหนีไม่พ้นโทษประหารชีวิต

ชายวัยกลางคนและข้าหลวงเฉินต่างมีสีหน้าเคร่งขรึม รู้สึกหนักใจ

มีเพียงหญิงสาวในชุดกระโปรงสีเหลืองที่มีความกดดันน้อยที่สุด หญิงสาวแทะอ้อยอย่างไม่คิดอะไรมาก

ในเวลานี้มีเสียงฝีเท้าดังแว่วมา เจ้าหน้าที่ของทางการคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ มือขวาถือกระบอกไม้ไผ่ลำเล็ก มือซ้ายถือถุงกระดาษไข ข้างในมีซาลาเปาไส้เค็มร้อนระอุลูกใหญ่

เจ้าหน้าที่ของทางการส่งกระบอกไม้ไผ่ให้ก่อน

หญิงสาวในชุดกระโปรงสีเหลืองไม่ได้รับไว้ ดวงตาที่เป็นประกายดุจดวงดาวเหลือบมองไปที่ถุงซาลาเปาไส้เค็มลูกใหญ่

เจ้าหน้าที่ของทางการสลับลำดับอย่างรู้ดีว่าควรทำอย่างไร หญิงสาวในชุดกระโปรงสีเหลืองกัดซาลาเปาไส้เค็มอย่างมีความสุข จากนั้นจึงรับกระบอกไม้ไผ่มาแล้วดึงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา เริ่มอ่านว่า

“คนของข้าบอกว่าตลอดเส้นทางยี่สิบลี้ไม่พบกลิ่นอายของปีศาจในแม่น้ำ และบนฝั่งก็ไม่พบร่องรอยใด”

‘ปัง!’

ในที่สุดบรรยากาศที่แสนอึดอัดก็ระเบิดออกมา ข้าหลวงเฉินตบโต๊ะด้วยความโมโห ใบหน้าที่โกรธขึ้งเปลี่ยนเป็นสีเขียว “เงินหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงเงินจะหายไปไหนได้ อย่างไรมันก็ต้องขึ้นฝั่ง ต้องขึ้นฝั่ง แต่นี่สามวันแล้วไม่พบแม้กระทั่งร่องรอยของอีกฝ่าย”

“บัดซบ ปีศาจที่ไหนกล้ามาเอาเงินภาษีของต้าฟ่งไป ข้าจะกำจัดมันให้สิ้นซาก!”

ตามล่าเงินภาษีกลับคืนมาไม่ได้เขาก็ต้องกลายเป็นหนังหน้าไฟ จักรพรรดิคงไม่สนพระทัยว่าเขาจะรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ เมื่อนั่งในตำแหน่งนี้ก็จะต้องเป็นหนังหน้าไฟ

แวดวงขุนนางก็เป็นเช่นนี้ ปีนขึ้นมาด้วยความยากเย็น แต่กลับตกลงไปอย่างง่ายดาย

หลี่อวี้ชุนชายวัยกลางคนถอนหายใจ พูดถึงเรื่องเมื่อครู่ต่อเลย “เป็นไปได้ไหมว่าเราสืบสวนผิดทาง มันอาจจะไม่ใช่ฝีมือของปีศาจก็ได้”

ข้าหลวงเฉินมองมาที่เขา หายใจเข้าลึกๆ ระงับความโกรธในใจ “ไม่ใช่ปีศาจแล้วลมปีศาจมาจากไหน ทำไมเงินถึงไหลลงแม่น้ำและหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหตุใดจึงเกิดคลื่นสูงหลายจั้งจนทำให้สองฟากฝั่งแตกเป็นเสี่ยงๆ”

…………………………………..

[1] ยามเหม่า คือช่วงเวลา 05.00 น.ถึง 07.00 น. หนึ่งเค่อ เทียบเวลาประมาณ 15 นาที ในที่นี้นักเขียนระบุเพิ่มมาว่าเป็น 6.30 น.

[2] ยามเฉิน คือช่วงเวลา 07.00 น.ถึง 09.00 น.

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Nightwatcher, Dafeng's Night Squad, Great Feng's Nightwatchers The Nightwatchers of Feng 大奉打更人, วิถียุทธ์คนเคาะยามแห่งต้าเฟิ่ง(siaminter), Guardians Of The Dafeng(ซีรีส์)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , , ต้นฉบับ: 951 Chapters (จบแล้ว)
สวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน….. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset