📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ตอนที่ 127

บทที่ 127 - ฮว๋ายชิ่ง ‘ข้ากับหลินอันเจ้าเลือกได้คนเดียว’
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

“สวี่ชีอัน” เว่ยเยวียนออกเสียงชัดถ้อยชัดคำ สีหน้าจริงจัง

เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิหยวนจิ่งไม่ได้สนใจว่าฆ้องทองแดงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะชื่ออะไร เขาเหลือบมองเว่ยเยวียน รู้สึกแปลกใจที่ขันทีใหญ่ผู้นี้พูดชื่อของฆ้องทองแดงคนหนึ่งออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“เป็นบุคคลควรค่าแก่การปลูกฝัง คดีเจ้าหน้าที่ถือธงชั้นผู้น้อยกับโจวชื่อสวงก็เป็นเขาที่สืบความได้ เขายังชี้ชัดเรื่องที่มาที่ไปของดินปืนด้วยพ่ะย่ะค่ะ” จักรพรรดิหยวนจิ่งดื่มชาลงไปอึกหนึ่ง ก้มหน้ามองดูกระดานหมาก แล้ววางหมากพลางกล่าวไปด้วย

“ผ่านไปหลายวันขนาดนี้ ทางเขามีความคืบหน้าอะไรบ้าง ได้ยินหลิวกงกงบอกว่าเจ้าเด็กนั่นออกเช้ากลับค่ำ ขันทีที่บันทึกเรื่องก็หาตัวเขาไม่เจอ”

“พบบางอย่างแล้วจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ” พูดถึงเรื่องนี้แล้วเว่ยเยวียนก็กล่าวต่อ “เช้าเมื่อวานนายอำเภอจ้าวแห่งมณฑลไท่กังเสียชีวิตอยู่ที่คุกของที่ว่าการพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิหยวนจิ่งพยักหน้า “ข้าหลวงเฉินรายงานข้าเรื่องนี้แล้ว”

เว่ยเยวียนพูดต่อ “ตายด้วยเหตุธรรมชาติ ไม่มีบาดแผล และไม่ได้ถูกพิษ ยิ่งกว่านั้นก็ไม่ใช่วิธีการภายนอกอื่นๆ อย่างทำให้หายใจไม่ออกด้วย อาจเป็นฝีมือของเทพเจ้าหยินลัทธิเต๋า หรือไม่ก็พ่อมดจากตะวันออกเฉียงเหนือพ่ะย่ะค่ะ”

ปัง…ปลายนิ้วมือขาวของจักรพรรดิหยวนจิ่งตบลงบนกระดานหมาก

จักรพรรดิผู้มีผมดำหนาและหางตามีแค่รอยตีนกาเงียบงันพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง ก่อนยิ้มพลางหยิบตัวหมากที่ร่วงหล่นขึ้นมาโยนลงไปในกล่องเก็บตัวหมากแล้วเอ่ย

“เล่นมาหลายปีขนาดนี้แล้วก็ไม่เคยชนะเลยสักครั้ง น่าเบื่อ”

เว่ยเยวียนลุกขึ้นโค้งคำนับ

ตอนนี้จักรพรรดิหยวนจิ่งถึงได้เงยหน้ามององค์รัชทายาทแล้วถามขึ้นว่า “ได้ยินว่าวันก่อนจู่ๆ มังกรวิญญาณก็คลั่งขึ้นมาแล้วสะบัดหลินอันตกทะเลสาบ”

องค์รัชทายาทก้มหน้าตอบกลับ “ตอนนั้นหลินอันขี่มังกรวิญญาณเล่นอยู่บนน้ำ เป็นฮว๋ายชิ่งที่ผิวปากออกมา จึงไปรบกวนมังกรวิญญาณ ถึงได้สะบัดหลินอันตกน้ำพ่ะย่ะค่ะ”

องค์รัชทายาทกับองค์หญิงหลินอันเป็นพี่น้องแม่เดียวกัน องค์หญิงฮว๋ายชิ่งใช้วิธีการสกปรกรังแกหลินอัน เขาที่เป็นพี่ชายแม่เดียวกันพูดเช่นนี้จึงไม่ใช่ปัญหา

แม้พูดความจริง แต่ในใจก็เอนเอียงไปทางหลินอันเล็กน้อย ในสายตาของเสด็จพ่อ นี่เป็นเรื่อง ‘ธรรมดา’ เรื่องหนึ่ง

จากนั้นองค์รัชทายาทก็เสริมขึ้นว่า “แต่มีเรื่องหนึ่งที่หม่อมฉันคิดอยู่ตลอด ทว่ากลับไม่เข้าใจ”

จักรพรรดิหยวนจิ่งพยักหน้ากล่าว “การตอบสนองของมังกรวิญญาณรุนแรงเกินไป”

นอกจากตนที่เป็นโอรสสวรรค์แล้ว มังกรวิญญาณก็ปฏิบัติต่อโอรสธิดาคนอื่นแทบจะเท่าเทียมกัน ซึ่งรวมไปถึงองค์รัชทายาทด้วย

องค์รัชทายาทก็ดี องค์ชายทั้งหลายก็ช่าง ตราบใดที่ไม่ได้ครองบัลลังก์ คุณสมบัติของพวกเขาล้วนเหมือนกันหมด

“เสด็จพ่อ ไม่ใช่แค่นี้พ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทกล่าว “มังกรวิญญาณไม่ใช่แค่สะบัดหลินอันออก มันยังว่ายไปหาฮว๋ายชิ่งท่าทางตื่นเต้นอย่างยิ่ง ถึงขั้นวางหัวไว้บนฝั่ง หมอบอยู่ริมฝั่งรอให้ฮว๋ายชิ่งขึ้นไปขี่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

นัยน์ตาของจักรพรรดิหยวนจิ่งพลันสาดประกายแสงคมกริบออกมา จ้องเขม็งไปที่องค์รัชทายาท “ฮว๋ายชิ่งขี่แล้วเหรอ”

องค์รัชทายาทส่ายหน้า “ที่น่าแปลกคือ พอฮว๋ายชิ่งกำลังจะขึ้นขี่ มังกรวิญญาณกลับต่อต้านอย่างผิดปกติแล้วผลักฮว๋ายชิ่งออกไปพ่ะย่ะค่ะ”

พอได้ยินคำอธิบายเช่นนี้แล้ว จักรพรรดิหยวนจิ่งก็ขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนเอ่ย “เคลื่อนขบวน ข้าจะไปเยี่ยมมังกรวิญญาณ”

จักรพรรดิหยวนจิ่งนั่งบนราชรถมังกรแล้วจากไป

องค์รัชทายาทกับเว่ยเยวียนเดินตามไป แต่ก่อนจะเข้าไปนั่งในเกี้ยว เว่ยเยวียนก็เอ่ยถามคร่าวๆ “ฝ่าบาท ตอนนั้นนอกจากองค์หญิงฮว๋ายชิ่งแล้ว ข้างกายยังมีใครอีกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

ขันทีข้างๆ ยกผ้าม่านเกี้ยวขึ้น องค์รัชทายาทไม่ได้เข้าไปทันที เขาหันกลับมาตอบ “บังเอิญทีเดียว ฆ้องทองแดงใต้บัญชาของเว่ยกงผู้นั้นก็อยู่ด้วย”

สวี่ชีอัน…เว่ยเยวียนชะงักนิ่งอยู่ที่เดิม

สำหรับองค์รัชทายาทแล้ว ฆ้องทองแดงตัวเล็กๆ คนหนึ่งไม่มีค่าอะไรให้สนใจ ที่จำเขาได้ก็เป็นเพราะกลอนครึ่งบทนั้นที่ทำให้คนรู้สึกทึ่งจริงๆ เท่านั้นเอง

ไม่อย่างนั้นล่ะก็ คนสนิทของฮว๋ายชิ่งมีมากมายขนาดนั้น องค์รัชทายาทก็ขี้เกียจจะไปจดจำพวกลิ่วล้อไม่สลักสำคัญเหล่านี้หรอก

เมื่อคิดถึงตรงนี้ องค์รัชทายาทก็เลิกม่านออก พบว่าเว่ยเยวียนยังยืนอยู่ที่เดิม

“เว่ยกงไม่ไปเหรอ”

เว่ยเยวียนถึงได้ตอบสนองแล้วเข้าไปในเกี้ยว

องค์รัชทายาทไม่ได้ปล่อยม่านลง เขายิ้มพลางกล่าว “แต่ฆ้องทองแดงผู้นั้นก็น่าสนใจจริงๆ ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าฆ้องทองแดงธรรมดาคนหนึ่งจะมีพรสวรรค์ด้านกวีเช่นนี้ วันนั้นพวกเราจัดงานเลี้ยงริมทะเลสาบ เขากลับเขียนกลอนขึ้นใหม่ตรงนั้นเพื่อช่วยหลินอันเชียวนะ”

องค์รัชทายาทกำลังบอกข้าว่าฆ้องทองแดงใต้บัญชาของข้าผู้นี้เป็นคนขององค์หญิงฮว๋ายชิ่งแล้ว…เว่ยเยวียนแย้มยิ้มอย่างไม่สนใจ ตรงกันข้าม ประโยคสุดท้ายนั้นดึงดูดความสนใจของเขา เขาเลิกผ้าม่านขึ้นกล่าวว่า “เขาเขียนกลอนอะไรอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ”

ไม่ว่าจะเป็น ‘ทางข้างหน้าไม่กังวลไร้คนรู้ใจ ในใต้หล้าไม่มีผู้ใดไม่รู้จักท่าน’ หรือว่า ‘เงาบางเบาเคลื่อนเฉียงอยู่ในน้ำใสตื้น กลิ่นหอมละมุนคลุ้งกลางจันทรายามสายัณห์’ ก็ตาม ในสายตาของเว่ยเยวียนผู้เล่าเรียนตำรากวีมาอย่างดีแล้ว ล้วนแต่เป็นผลงานชิ้นเอกยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น

ในช่วงสองร้อยปีมานี้ ในใจของปัญญาชนทุกคนในต้าฟ่งล้วนแขวนไว้กับนักกวีผู้มากพรสวรรค์ทั้งนั้น

องค์รัชทายาทกล่าวเสียงดัง “หลังเมามายเหตุไฉนท้องนภาลอยในธารา ดารณีเปี่ยมฝันหวานพาดทับหมู่ดารา”

กลอนดี ดวงตาของเว่ยเยวียนสว่างไสว ถูกกลอนสองท่อนนี้ทำให้ตะลึงได้อย่างล้ำลึกไปแล้ว

รัชทายาทเงียบงันไปพักหนึ่ง และได้ยินคำถามต่อมาของเว่ยเยวียนดังมาจากเกี้ยวฝั่งตรงข้ามอย่างที่คิด “ครึ่งท่อนแรกล่ะพ่ะย่ะค่ะ”

มุมปากองค์รัชทายาทกระตุก “ไม่มีแล้ว”

ไม่มีแล้ว…เว่ยเยวียนตกอยู่ในความเงียบงัน

เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไปนาน จิตใจขององค์รัชทายาทก็มีความสุขขึ้นมาทันใด

สวี่ชีอันเข้าสู่พระราชวัง ในตำหนักงามสง่าขององค์หญิงใหญ่ เขาเห็นพระราชธิดาคนโตผู้มีหน้าอกใหญ่ สวมชุดสตรีฝ่ายในงดงามพื้นขาว และปักประดับด้วยดอกเหมยแดง

นางทำผมทรงยอดนิยมที่สุดในสมัยนี้ สวมเครื่องประดับงดงาม เข้ากันดีกับใบหน้างามพิลาศล้ำ

องค์หญิงฮว๋ายชิ่งให้นางกำนัลยกชาแล้วก็ยิ้มบางพลางเอ่ย “คดีมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง”

ที่นางถามน่าจะเป็นผลการตรวจสอบวัดมังกรเขียว…สวี่ชีอันกล่าวว่า “มีเงื่อนงำอยู่บ้างจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อวานพวกเขาเพิ่งจะสืบเรื่องความรุ่งโรจน์และการสืบทอดต่อมาจนถึงปัจจุบันของวัดเจดีย์ตอนทำงานร่วมกันที่หอสมุดหลวงได้ ดังนั้นที่องค์หญิงใหญ่ถามจะต้องเป็นข้อมูลเกี่ยวกับวัดมังกรเขียวแน่นอน

เมื่อได้ยินดังนั้น นัยน์ตาขององค์หญิงฮว๋ายชิ่งก็สว่างวาบ จ้องมองไปยังสวี่ชีอันอย่างคาดหวัง

จนถึงตอนนี้ ฆ้องทองแดงตัวเล็กๆ ผู้นี้ยังไม่เคยทำให้นางผิดหวังเลย เขามีความสามารถในการจัดการเรื่องราวชั้นหนึ่ง ได้กลิ่นถึงความเฉียบคม

ตอนนั้นที่แนะนำเขาให้กับหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล องค์หญิงใหญ่เคยมีความคิดที่จะนำเขามาใช้งานเอง แต่ในความคิดของนาง กระบวนการที่ใช้ก็คือ สังเกต แนะนำ สร้างบุญคุณ และดึงมาเป็นพวก

ไม่คิดเลยว่าสวี่ชีอันผู้นี้จะคล่องแคล่วรู้ดีเหนือความคาดหมาย ทำขั้นตอนสุดท้ายสำเร็จล่วงหน้าได้

“ตอนที่คดีเจ้าหน้าที่ถือธงชั้นผู้น้อยเกิดขึ้น กระหม่อมเคยใช้วิชามองปราณสังเกตดูโจวชื่อสวง ตอนนั้นเขาไม่มีอะไรผิดปกติ ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าเขาใช้อาวุธเวทมนตร์พิเศษมาป้องกันวิชามองปราณ ราชการได้กำจัดอาวุธเวทมนตร์สองสามชิ้นของสำนักโหราจารย์และในพระราชวังแล้ว หลังจากตรวจสอบในหลายๆ ด้านดู พบว่าที่วัดมังกรเขียวยังมีอาวุธเวทมนตร์ที่สามารถปกปิดกลิ่นอายอยู่หนึ่งชิ้น แน่นอนว่าตอนนี้ไม่อาจยืนยันได้ว่าอาวุธเวทมนตร์บนตัวโจวชื่อสวงนั้นเป็นของวัดมังกรเขียวหรือไม่”

องค์หญิงใหญ่ถามต่อ “อาวุธเวทมนตร์ของวัดมังกรเขียวชิ้นนั้น ตอนนี้ยังอยู่หรือไม่”

สวี่ชีอันส่ายหน้า “หายไปนานแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมกำลังจะรายงานเรื่องนี้ให้กับองค์หญิงพอดี น่าจะประมาณหนึ่งปีก่อน ภิกษุนามเหิงฮุ่ยของวัดมังกรเขียวเกิดจิตทางโลก หนีออกจากเมืองจิงจ้าวไปกับผู้แสวงบุญหญิงนางหนึ่ง ทั้งยังถือโอกาสขโมยอาวุธเวทมนตร์ชิ้นนั้นไปด้วย”

องค์หญิงใหญ่กล่าวขึ้นทันที “หนีก็หนีสิ เหตุใดต้องขโมยอาวุธเวทมนตร์ไปด้วย”

ผู้หญิงคนนี้ฉลาดจริงๆ หนึ่งประโยคก็ชี้จุดสำคัญของปัญหาได้เลย สวี่ชีอันกล่าว “ประเด็นนี้กำลังรอตรวจสอบอยู่พ่ะย่ะค่ะ และเรื่องนี้คงต้องขอให้องค์หญิงใหญ่ช่วยเหลือ”

“ข้าเหรอ” คิ้วงามประณีตเลิกขึ้น นางรู้สึกเหนือความคาดหมายเล็กน้อย

“ฝ่าบาททรงรู้จักท่านหญิงผิงหยางหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ประโยคนี้ของสวี่ชีอันเหมือนกับฟ้าร้องลั่นสั่นสะเทือนจิตใจขององค์หญิงใหญ่ ใบหน้าเย็นชาราวหยกสลักแสดงคลื่นอารมณ์แปรปรวนรุนแรงออกมาเป็นครั้งแรก

“นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ” เสียงของนางสั่นไหวเล็กน้อย ดวงตาจดจ้องอยู่ที่สวี่ชีอัน

“นี่เป็นสิ่งที่เจ้าอาวาสผานซู่แห่งวัดมังกรเขียวเปิดเผยแก่กระหม่อม เป็นเรื่องจริงหรือเท็จนั้น ต้องสืบดูถึงจะรู้พ่ะย่ะค่ะ”

สมมติฐานอย่างใจกล้าจะต้องตรวจสอบอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะมีหลักฐาน เขาจะไม่ยืนยัน

องค์หญิงฮว๋ายชิ่งไม่ได้พูดอะไรอยู่นาน ห้องโถงใหญ่ตกอยู่ในความเงียบงัน ท่ามกลางความเงียบนี้ นางก็ถอนหายใจเสียงเบาออกมา

“ผิงหยางเป็นธิดาสายตรงขออวี้อ๋อง และเป็นญาติผู้น้องของข้าด้วย เจ้าเคยเห็นพี่สามของข้าใช่หรือไม่ แต่ไหนแต่ไรเขาก็ถือว่าตัวเองเป็นปัญญาชน แตกต่างจากพี่น้องคนอื่นๆ และอาจารย์คนแรกของพี่สามก็คือท่านอาอวี้อ๋อง ท่านอาอ๋องเป็นปัญญาชนผู้รอบรู้กว้างขวาง เคยเล่าเรียนกับปราชญ์ใหญ่จางเซิ่น เชี่ยวชาญด้านพิชัยสงคราม เคยรับตำแหน่งราชเลขาธิการในกรมกลาโหม ถึงขั้นมีข่าวลือว่าข้ากำลังจะเข้าร่วมสำนักราชเลขาธิการ แย่งชิงตำแหน่งสมุหราชเลขาธิการด้วย”

เป็นไปไม่ได้…สวี่ชีอันไม่เชื่อ สำนักราชเลขาธิการไม่ใช่ว่ามีแต่บัณฑิตเท่านั้นที่เข้าได้หรืออย่างไร อีกอย่าง อำนาจของสมุหราชเลขาธิการยังมีมากกว่าเว่ยเยวียนเสียอีก จักรพรรดิหยวนจิ่งจะวางใจให้พระญาติรับตำแหน่งสมุหราชเลขาธิการได้เหรอโuเวลกูดoทคอม

แต่ว่าสวี่ชีอันรู้ดีว่าตนไม่เก่งความรู้ประวัติศาสตร์ และรู้เรื่องสถานการณ์ในราชสำนักน้อยนิด จึงไม่ได้โต้แย้งทันที

“เบื้องหลังของท่านอาอวี้อ๋องคือกลุ่มชนชั้นสูง การใช้ฐานะชนชั้นสูงควบคุมสำนักราชเลขาธิการ ก่อนหน้านี้ก็เคยมีกรณีเช่นนี้มาก่อน จึงไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก” องค์หญิงฮว๋ายชิ่งอธิบายอย่างอดทน

“อาณาจักรต้าฟ่งดำรงอยู่มาจนถึงวันนี้ ชนชั้นสูงก็ค่อยๆ ถูกบีบให้ไปอยู่ชายขอบของราชสำนัก ไม่มีความสามารถจะมาแย่งชิงตำแหน่งสมุหราชเลขาธิการได้ตั้งนานแล้ว”

ดังนั้น อวี้อ๋องก็คือตัวแทนที่กลุ่มชนชั้นสูงดันออกมาอย่างนั้นเหรอ เบื้องหลังเขาเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ของกลุ่มขุนนางบุ๋นและกลุ่มชนชั้นสูงเหรอ

ความคิดในใจของสวี่ชีอันวูบวาบ

องค์หญิงฮว๋ายชิ่งพูดต่อ “พระชายาอวี้อ๋องเป็นสตรีอัจฉริยะผู้มีพระปรีชาสามารถ น่าเสียดายที่เป็นหญิงงามอาภัพ เหลือเพียงบุตรีไว้ให้อวี้อ๋องคนเดียว ท่านอาอ๋องเป็นคนรักเดียว จนถึงตอนนี้ยังไม่แต่งตั้งพระชายาอ๋องเลย ทั้งเอาใจใส่ลูกของพระชายาผู้ล่วงลับดั่งสมบัติล้ำค่า แต่หนึ่งปีก่อน จู่ๆ ผิงหยางก็หายตัวไป ตอนนั้นเสด็จพ่อส่งกองทหารรักษาวังไปค้นหาทั่วเมือง โหรของสำนักโหราจารย์เคลื่อนไหวอยู่ครึ่งค่อนวัน แต่ก็หาตัวผิงหยางไม่เจอ เรื่องนี้ส่งผลต่ออวี้อ๋องหนักมาก ผ่านไปไม่นานก็ล้มหมอนนอนเสื่อ เศร้าซึมจนป่วยไข้ โหรของสำนักโหราจารย์ก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะอาการป่วยทางใจยากจะรักษา”

สวี่ชีอันกินแตงพลางย่อยข้อมูลสะเทือนฟ้า

ทหารรักษาวังค้นหาทั่วเมืองโดยมีโหรสำนักโหราจารย์ร่วมมือด้วย กลับยังหาตำแหน่งของท่านหญิงผิงหยางไม่พบ…ดังนั้น ดังนั้นจึงต้องมีอาวุธเวทมนตร์ชิ้นนั้นมาปกปิดกลิ่นอาย ไม่อย่างนั้นก็ยากจะพาท่านหญิงผิงหยางออกจากเขตเมืองจิงจ้าวได้

มิน่าเหิงฮุ่ยถึงต้องขโมยอาวุธเวทมนตร์ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้

ทั้งคู่ไม่พูดอะไรอยู่นาน แต่ละคนต่างครุ่นคิด ผ่านไปพักใหญ่ องค์หญิงฮว๋ายชิ่งก็ถอนหายใจ “เจ้าสืบต่อไป ถ้าหากพบปัญหาและอุปสรรคที่ผ่านไม่ได้ ให้มาหาข้า”

สวี่ชีอันพยักหน้า

“จริงสิ ได้ยินว่าเมื่อวานหลินอันเรียกหาเจ้า”

สวี่ชีอันพบว่านัยน์ตาขององค์หญิงมืดครึ้มลงไปมาก

คำพูดนี้ฟังแล้วเหมือนกับว่า ‘เมื่อวานแฟนเก่ามาหาเธอเหรอ’ เลย

สวี่ชีอันกล่าวอย่างจนใจ “พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงหลินอันต้องการให้กระหม่อมคุ้มกันพระนาง เป็นวัวเป็นม้าให้กับพระนาง ทั้งยังตกรางวัลเป็นหยกห้อยเอวชิ้นหนึ่งให้กระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ใบหน้าขององค์หญิงไร้อารมณ์ “เหตุใดจึงไม่ปฏิเสธนาง”

สวี่ชีอันหัวเราะขมขื่น “องค์หญิงหลินอันตรัสว่า หากกระหม่อมไม่รับ พระนางจะตะโกนร้องว่ากระหม่อมล่วงเกิน”

เหตุผลนี้คงเพียงพอแล้วล่ะมั้ง พวกเจ้าสองพี่น้องราชวงศ์ทะเลาะกัน ข้าเป็นแค่กุ้งแห้งตัวเล็กๆ ข้าจะไปทำอะไรได้

สวี่ชีอันคิดว่าองค์หญิงใหญ่เป็นผู้หญิงที่เข้าใจผู้อื่นและเป็นผู้ใหญ่โอบอ้อมเอาใจใส่ ไม่พร่ำบ่นจุกจิกกับตนเพราะเรื่องเล็กๆ เช่นนี้หรอก

แต่ผลก็คือ…

องค์หญิงใหญ่เปิดเผยออกมาอย่างไม่ปราณีเลยสักนิด “ด้วยความฉลาดของเจ้า น่าจะมองคำขู่หลอกๆ ประเภทนี้ออกนะ”

นิสัยของผู้หญิงคนนี้ ภายนอกดูเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง แท้จริงแล้วข้างใจเผด็จการอย่างยิ่ง…สวี่ชีอันเหลือบมององค์หญิงใหญ่ด้วยความประหลาดใจ แล้วก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว “กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะนำหยกห้อยเอวชิ้นนี้ไปคืนองค์หญิงหลินอัน แล้วตัดการติดต่อกับนางพ่ะย่ะค่ะ จากนี้เป็นต้นไป จะถวายความจงรักภักดีต่อฝ่าบาทเท่านั้น”

ข้าสาบานว่าจากนี้เป็นต้นไปจะตัดเยื่อใยกับยายตัวร้ายนั่น จะเป็นวัวเป็นม้าให้เจ้าแค่คนเดียว!

องค์หญิงใหญ่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ

ตอนนี้เอง เสียงดังโหวกเหวกก็ดังมาจากข้างนอก

“องค์หญิงรอง ท่าน ท่านเข้าไปไม่ได้…”

“หลบไป”

ท่ามกลางเสียงกรีดร้องและเสียงดึงรั้งนั้น เงาร่างสวมกระโปรงแดงวิจิตรก็บุกเข้ามาในโถง องค์หญิงหลินอันใบหน้ารูปไข่นัยน์ตาดอกท้อกวาดมองห้องโถงคราหนึ่ง เห็นสุนัขซื่อสัตย์ของตนไม่ยอมเปลี่ยนนิสัยกลับไปเลียขาเจ้าของเดิมอีกแล้ว

ทันใดนั้นก็หน้าบึ้งตึงด้วยความโกรธเกรี้ยว คิ้วเล็กตั้งตรง ดวงตาเบิกกว้าง กล่าวอย่างโมโหว่า “เจ้าสุนัขรับใช้ เจ้ากล้าหักหลังข้าเหรอ เจ้าลืมแล้วเหรอว่าตนเป็นคนของใคร”

สวี่ชีอันลอบถอนหายใจ มองไปยังองค์หญิงใหญ่โดยไม่รู้ตัว หวังให้นางออกหน้าจัดการแทนเขา

ใครจะรู้ว่าองค์หญิงใหญ่ไส้ในจะร้ายกาจ นางมองเขาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม แววตาราวกับกำลังพูดว่า ‘เลือกมาสักคนสิ’

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

Nightwatcher, Dafeng's Night Squad, Great Feng's Nightwatchers The Nightwatchers of Feng 大奉打更人, วิถียุทธ์คนเคาะยามแห่งต้าเฟิ่ง(siaminter), Guardians Of The Dafeng(ซีรีส์)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , , ต้นฉบับ: 951 Chapters (จบแล้ว)
สวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน….. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset