“พ่อไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับพี่” ดูจากสภาพรถแล้วมันทำให้เขาใจไม่ดีเอามากๆ
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะ พี่จะช่วยพ่อให้ได้”
“พี่พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“ตอนนี้พ่อยังไม่พ้นขีดอันตราย พี่กำลังจะโทรไปหาแม่” ที่เขาออกมาจากห้องผ่าตัดเพราะอยากโทรไปบอกแม่และน้องๆ ให้มาที่โรงพยาบาล
“ผมอุตส่าห์เชื่อใจพี่ รอพี่อยู่ตรงนี้ ทำไมพี่พูดแบบนี้ รีบกลับเข้าไปช่วยพ่อสิ!” รันเวย์เริ่มใช้อารมณ์คุยกับพี่ชาย
“แต่พี่..” นายแพทย์หนุ่มไม่เคยกดดันในการผ่าตัดมากขนาดนี้มาก่อน เพราะคนที่เขากำลังผ่าตัดอยู่คือบุพการี
“เรื่องแม่กับพี่เวย์ เดี๋ยวผมจะจัดการเอง พี่กลับเข้าไปในห้องผ่าตัดช่วยพ่อให้ได้”
เซอร์เวย์ไม่เคยเห็นน้ำตาน้องชาย มาตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว แต่วันนี้รันเวย์ถึงกับมีน้ำตา เป็นใครก็ต้องมีอาการแบบนี้กันทั้งนั้น แต่เขาเป็นหมอจะอ่อนแอไม่ได้ ผู้เป็นพี่ชายก็เลยรีบกลับเข้าไปในห้องผ่าตัด
เพล้ง!! โทรศัพท์ในมือแพทย์หญิงอมรรัตน์ร่วงกระทบพื้นอย่างแรงเมื่อได้รับข่าวร้ายจากลูกชาย
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณแม่” รัญณาก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย เพราะเห็นว่าเป็นเบอร์สามีที่โทรมา ก็เลยอยากรู้ว่าเขาโทรมาทำไม
“เราไปโรงพยาบาลกัน”
“ใครเป็นอะไรคะ” ดูจากอาการของแม่สามีแล้ว ต้องมีคนเกิดอุบัติเหตุแน่ “อย่าบอกนะว่า?!” น้ำตาของเธอไม่รู้หลั่งไหลมาจากไหนบ้าง เพิ่งจะเจอกันแท้ๆ ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วย หญิงสาวรีบเดินตามแม่สามีออกมาที่รถ
แพทย์หญิงอมรรัตน์ใจไม่ดีก็เลยไม่ได้พูดอะไรต่อ นางพยายามขับรถไปถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
ส่วนคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เป็นกังวลไม่ต่างกัน
“ผมก็ยังไม่รู้” สีหน้าของเขาเศร้าลงจนเห็นได้ชัด
“คุณทำใจดีๆ ไว้นะคะ ท่านเป็นคนดีพระย่อมคุ้มครองค่ะ”
รันเวย์คิดว่าตัวเองฟังผิด ถูกท่านไล่ออกมาจากบ้านแบบนี้ ยังจะบอกว่าท่านเป็นคนดีได้อีกเหรอ “ขอบคุณนะ”
ทั้งสองก็เลยมารออยู่ที่หน้าห้องผ่าตัด เผื่อว่าพี่ชายหรือแม่จะออกมาบอกข่าวดี ว่าตอนนี้พ่อพ้นขีดอันตรายแล้ว
มือเรียวเอื้อมไปกุมมือของอีกฝ่ายไว้ จากที่ก้มหน้าก้มตาอยู่เขาก็เลยมองมาที่เธอ
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
“พ่อเป็นยังไงบ้าง” นอร์เวย์พี่ชายคนรองก็รีบมาเมื่อได้ยินข่าวจากน้องชาย ..พอวางสายจากแม่ รันเวย์ก็รีบโทรไปหาพี่ชาย
“ยังไม่มีใครออกมาจากห้องผ่าตัดเลยพี่ แล้วนี้พี่สะใภ้ไปไหนล่ะ” รันเวย์เห็นว่าพี่ชายมาคนเดียวโนiวลกูดอทคอม
“พี่รีบออกมาก็เลยไม่ได้บอก” เขารู้ว่าต้องขับรถเร็วก็เลยไม่อยากให้ภรรยาและลูกนั่งมาด้วย
ทั้งสามนั่งรออยู่หน้าห้องผ่าตัด แบบใจจดใจจ่อ
เวลาผ่านไปอีกเพียงไม่นาน คนที่อยู่ในห้องผ่าตัดก็เริ่มเคลื่อนไหว
“พ่อเป็นยังไงบ้างครับ” พอเห็นแม่ออกมา ทั้งสองรีบเข้าไปถาม
“พ้นขีดอันตรายแล้ว” นางเพิ่งรู้ว่าเป็นห่วงสามีมากก็ตอนเห็นเขากำลังจะสิ้นลม ถ้าคนที่ช่วยชีวิตไม่ใช่ลูกกับเมีย คนที่ทำการผ่าตัดคงปล่อยท่านไปแล้ว
ความรู้สึกของลูกชายในเวลานี้เหมือนยกภูเขาออกจากอก
“แต่พ่อเราถูกย้ายไปไว้ห้อง ICU ก่อน”
“ทำไมครับแม่”
“แม่อยากให้เฝ้าระวังมากกว่านี้”
“ขอแค่ให้พ่อปลอดภัยผมก็ดีใจแล้ว”
“แล้วลูกกับเมียเราไม่ได้มาด้วยเหรอ” เหนื่อยๆ แบบนี้อยากชื่นใจหลาน แต่มองหาหลานแล้วไม่เห็นเลย
“ผมรีบมาก็เลยไม่ได้ให้ทั้งสองมาด้วยครับ”
“อย่าบอกนะว่าเราขับรถเร็ว”
“ไม่เร็วเท่าไรครับ” ไม่เร็วเท่าไรแต่ไม่มีใครแซงได้ ถ้าไม่งั้นเขาคงไม่มาถึงเร็วขนาดนี้
“เราเป็นยังไงบ้าง” นางหันไปถามลูกสะใภ้คนเล็กบ้าง ตอนที่ลูกสะใภ้ล้มลงไม่ใช่ว่านางไม่เห็น แต่พอเห็นลูกชายรีบออกไปคิดว่าคงช่วยกันได้
“ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”
“แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไร ยังบอกให้ผมรีบกลับไปเข้าร่างตัวเองอยู่เลย”
“คุณ!”