“บ้านใครครับแม่”
“บ้านแม่เช่าไว้เอง” ดีนะที่ยังไม่คืนบ้านหลังนี้ไป สองครั้งแล้วสินะที่ออกจากบ้านมาเพราะสามี ครั้งนี้หวังว่าเขาคงจะคิดได้นะ นางก็เหมือนผู้หญิงธรรมดาทั่วไป ที่ไม่อยากจะให้ครอบครัวแตกแยก แต่ถ้าเจอสามีที่เอาแต่ใจแบบนั้นใครจะทนฝืนอยู่ต่อไปล่ะ
“รัญขอโทษนะคะ” นอกจากคำนี้เธอไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว
“แม่บอกแล้วไงว่าหนูไม่ผิด พ่อเจ้ารันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่พี่ชายทั้งสองแล้ว”
“คะ?”
“เจอทุกคน” รันเวย์พูดเสริมแม่ขึ้นมา
รัญณาก็เลยคิดว่าสองคนนั้นเจออะไร เพราะดูพี่สะใภ้ของเขาเป็นผู้ดีมาก แต่มองดูตัวเองสิ สมควรแล้วที่ท่านจะไม่ชอบ
“อย่าคิดมากเลยลูก อยู่แบบนี้ก็อบอุ่นดีนะ” บั้นปลายชีวิตนางอยากจะอยู่แบบสงบเลี้ยงหลานๆ แต่เพราะสามีหน้าใหญ่ถือยศถือศักดิ์ ก็เลยไม่มีความสุขกันสักที
“เข้าบ้านกัน” ว่าแล้วมือหนาก็เอื้อมไปจูงมือเธอให้เดินตาม
หญิงสาวมองมือนั้นแบบอบอุ่น ทำไมเขากล้าพาเธอออกจากบ้านหลังใหญ่ ในเมื่อเขาไม่ได้คิดพิศวาสอะไรในตัวเธอเลย ..ความคิดที่อยากจะไปให้ไกล ตอนนี้มันหายไปไหนไม่รู้ เพราะเธอเริ่มรู้สึกดีกับเขามากขึ้น
เดินเข้ามายังไม่ได้นั่งเลยด้วยซ้ำก็ได้ยินเสียงรถวิ่งเข้ามาจอด
“เดี๋ยวแม่ออกไปดูเอง”
“ผมดีกว่าครับ รออยู่ข้างใน” พอพูดกับแม่เสร็จชายหนุ่มก็หันไปพูดกับเธอเบาๆ
คนที่หัวใจเต้นแรงกลับเป็นแม่ เพราะไม่เคยเห็นลูกชายคนเล็กเป็นแบบนี้มาก่อน
“มันเกิดอะไรขึ้นครับ” รันเวย์เดินยังไม่ถึงประตูเลยด้วยซ้ำ เซอร์เวย์ก็โผล่หน้าเข้ามาก่อน
ความคิดเดียวที่ผุดขึ้นมาคือทุกอย่างจบแล้ว คงไม่กล้ามองหน้าเพื่อนในสมาคมอีก แถมภรรยาก็หอบลูกหอบหลานหนีออกจากบ้าน ทำไมยิ่งไขว่คว้าทุกอย่างยิ่งหนีหายไปหมด
เช้าวันต่อมา..
“เสียงรถใครมาแต่เช้า” นางกำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่ ได้ยินเสียงรถมาจอดหน้าบ้าน
“รถของคุณหมอหรือเปล่าคะ” รัญณาก็ลุกมาเตรียมอาหารช่วยแม่สามี
“สงสัยจะใช่” แพทย์หญิงวางเครื่องมือที่กำลังทำครัวอยู่เดินออกมาดู “แม่บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเป็นห่วง”
“สวัสดีค่ะคุณแม่”
“อ้าวเราก็มาด้วยเหรอ”
“พอรู้เรื่องก็เลยอยากจะมาเยี่ยมคุณแม่ครับ”
“แย่เลยนะคะ” ไอยวริญรู้ดีเพราะเคยเจอมาก่อน
“คนนิสัยเสียแบบพ่อ ต้องทำให้สำนึกบ้าง”
ลูกสะใภ้ทั้งสองต่างก็มองหน้ากันแล้วยิ้ม นางคือแม่สามีที่ผู้หญิงทุกคนใฝ่ฝันหา ɴᴏᴠᴇʟɢᴜ.ᴄᴏᴍ
“มัวยืนกันอยู่ทำไมไปหาที่นั่งไป”
“กำลังทำอะไรกันอยู่คะ”
“ทำอาหารเช้าอยู่ค่ะ” รัญณาเป็นคนตอบคำถามนี้ของพี่สะใภ้
“ถ้างั้นอายช่วยนะคะ”
“หนูไม่แพ้เหรอลูก” นางกลัวว่าถ้าลูกสะใภ้เข้าไปในครัวแล้วจะได้กลิ่นอาหาร
“ไม่มีอาการแพ้เลยค่ะคุณแม่”
“ดีจังเลยนะ”
ทั้งสามก็เลยช่วยกันเข้าไปทำอาหารในครัวต่อ
“สายจนตะวันโด่งแล้วเพิ่งจะตื่นหรือไงเรา” นั่งรออยู่ด้านนอกครู่หนึ่ง น้องชายก็เปิดประตูออกมาด้วยท่าทางที่ง่วงเหงาหาวนอน
“พี่นั่นแหละมาทำไมแต่เช้า”
“เช้าที่ไหน..”
พี่กับน้องยังไม่ทันได้พูดอะไรกันมากกว่านั้น สะใภ้ทั้งสองก็ช่วยกันยกอาหารออกมา
“ทำไมไม่เรียกให้ผมไปช่วย” นายแพทย์หนุ่มรีบลุกเดินไปช่วยยก อาหารในมือของภรรยา
รัญณาแอบมองดูพี่ชายเขาตอนที่รีบเข้ามาช่วยยกอาหารจากภรรยา แล้วก็อดมองไปดูเขาที่นั่งเอนอยู่เก้าอี้ด้วยท่าทางที่ยังง่วงอยู่ไม่ได้
“รันเวย์ทำไมไม่มาช่วยน้องบ้างล่ะลูก” ผู้เป็นแม่ที่ถือชามผักตามออกมาเห็นสายตาลูกสะใภ้คนเล็กก็รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ช่วยทำไมครับ ก็เห็นยกออกมาได้นี่”
“ไม่เป็นไรค่ะ รัญทำได้” ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินกลับเข้าไปในครัวเพื่อที่จะเอาอาหารจานอื่นออกมา
“ดูพูดเข้าสิ” แม่กำลังจะตำหนิลูกชาย แต่ทันใดนั้นรันเวย์ก็รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปในครัวเมื่อได้ยินเสียงคนที่เพิ่งจะเข้าไปร้องโอ๊ย