“นี่คุณ.. ฉันถามอะไรหน่อยสิ” หญิงสาวที่นอนตะแคงอยู่โซฟาหันมองมาทางผู้ชายคนที่ว่าจ้างเธอให้มาเล่นละครตบตา
“มีอะไร” เขาไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ เพราะกำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไง..กับคุณพ่อจอมบงการ
ที่รันเวย์ต้องทำแบบนี้เพราะเขารู้ชะตาตัวเองแล้ว พี่ชายคนรองก็มีครอบครัวไปแล้ว แถมพี่ชายคนโตก็ผ่านด่านคุณพ่อไปแล้วเช่นกัน ตอนนี้เหลือแค่เขาเพียงคนเดียวที่กำลังจะเจอศึกหนัก
แต่ไม่มีทางซะหรอกที่รันเวย์จะให้เล่นงานได้ง่ายๆ
“ครอบครัวของคุณก็ดูอบอุ่นดี ทำไมต้องทำอะไรแบบนี้ด้วย”
“หุบปาก”
“ฉันก็แค่อยากจะถาม”
“จะเอาไหมเงิน”
“เงินใครจะไม่อยากได้ล่ะ ไหนที่ตกลงกันไว้ว่าจะให้ก่อนครึ่งหนึ่ง”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เอาให้”
“อย่าลืมนะถ้ามีการถูกเนื้อต้องตัว นายจะจ่ายเพิ่มอีกครั้งละหนึ่งพัน”
“เขี้ยวจริงๆ เลย”
“ฉันนับดูแล้วอยู่ข้างล่างนายแตะตัวฉันสามครั้ง”
“กูจ้างถูกคนไหมวะ” ประโยคนี้เขาพูดแค่เบาๆ แล้วก็นอนคว่ำลงกับที่นอนพร้อมกับเอาหมอนมาปิดหูไว้
เช้าวันต่อมา..
“มาค้างที่บ้านบ่อยๆ นะลูก” ประโยคนี้คนเป็นแม่พูดกับลูกชายคนกลางที่เพิ่งจะออกจากบ้านไปแล้วครั้งหนึ่ง พอลูกชายคนโตกำลังจะพาภรรยาออกจากบ้าน ก็เลยต้องได้บอกเหมือนกัน
“ผมว่าช่วงนี้จะยังไม่มาบ้านครับ” เขากลัวว่าสุขภาพจิตของภรรยาจะไม่ดี เพราะได้ยินแม่บอกว่าน้องชายจะอยู่บ้านจนกว่า.. ไม่รู้ว่าจนกว่าอะไร แต่แม่ก็เริ่มใจไม่ดีเหมือนกัน ดูเหมือนรันเวย์กำลังเล่นสงครามประสาทกับพ่ออยู่
“ถ้าวันไหนว่างเดี๋ยวแม่จะพาไปเดินเล่นอีกนะ”
“ขอบคุณค่ะคุณแม่”
พอร่ำลาผู้เป็นแม่เสร็จเซอร์เวย์ก็พาภรรยาออกจากบ้านไป
“?” รัญณารีบเดินตามออกไปแต่ก็ไม่ทัน เพราะเขาขับรถไปแล้ว ..อะไรกัน? จะไปไหนก็ไม่บอกก่อน แล้วทิ้งเราไว้แบบนี้เหรอ
“ปล่อยไปเถอะลูก เราเข้าไปหาอะไรทานกันดีกว่า” พอได้ยินเสียงแม่ของเขาพูดจากทางด้านหลัง เธอก็รีบหันกลับไปมอง ..เขามีแม่ที่ดีขนาดนี้ ยังต้องเรียกร้องอะไรอีก
“ค่ะ” เธอก็เลยเดินตามท่านไป
“หนูชอบทานอะไรเหรอ”
“ตำส้มค่ะ”
“ตำส้ม?”
พอตอบออกไปแล้วก็นึกได้ คนระดับท่านจะมานั่งกินส้มตำได้ยังไง ..แต่พออาหารตั้งโต๊ะเธอก็เห็นว่ามีตำมะละกอด้วย
“ถ้าเป็นตำไทยพอได้ไหมล่ะลูก ปลาร้าเป็นของหมักดองทานเยอะก็ไม่ดีต่อร่างกายหรอก”
“ได้ค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ”
หลังทานข้าวเสร็จ..
“เดี๋ยวแม่จะพาออกไปข้างนอก”
“ออกไปข้างนอกหรือคะ..”
“เราจะไปช้อปปิ้งกัน”
“คะ?” แม่ผัวแบบนี้ก็มีในโลกเหรอ? ถึงแม้เธอจะไม่ใช่เมียตัวจริงก็ตามที
พอออกมามันยิ่งทำให้รัญณาแปลกใจมากขึ้น เพราะท่านไม่ได้พาไปเดินตลาดนัด แต่ท่านพามาห้างที่มีแต่ของแบรนด์เนม
“หนูเลือกได้เลยนะว่าชอบแบบไหน”
“เลือกได้เลยเหรอคะ?” пᴏᴠᴇʟɢu.ᴄoᴍ
“เดี๋ยวแม่จ่ายให้” ไม่ว่าลูกชายจะรักจะชอบผู้หญิงคนไหนนางก็พร้อมที่จะรักด้วย
“มันเยอะไปนะคะ” เธอเลือกแค่ชุดสองชุดพอให้ได้ใส่ แต่แม่ของเขาคิดว่ามันไม่พออยู่แล้ว ก็เลยเลือกทั้งชุดนอน ชุดลำลองที่ดูเหมาะสม เครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้าให้
“ไม่เยอะหรอก เราจะได้มีไว้เปลี่ยนไง”
ตายแล้วถ้าเขารู้จะฆ่าเราไหมเนี่ย ..จะทำยังไงได้นอกจากยกมือไหว้ขอบพระคุณท่าน
“ป่ะเข้าร้านนี้กัน”
“คะ?” รัญณามองดูร้านเสริมสวย ร้านแบบนี้คงระดับดาราดังมาใช้บริการ
เย็นวันเดียวกัน.. ที่บ้านเพื่อนของรันเวย์
“มึงจะรีบไปไหนวะ”
“เดี๋ยวพ่อกูก็กลับบ้านแล้ว กูกลับก่อนนะ”
“กูนึกว่ามึงจะมาค้างที่นี่”
“ช่วงนี้ยังก่อน”
“เอ่อๆๆ เอาที่มึงสบายใจเลยแล้วกัน แต่อย่าทำให้พ่อหัวใจวายตายก่อนล่ะ”
รันเวย์ชอบมาค้างที่บ้านเพื่อนสนิทแบบนี้ประจำ
[ที่บ้าน]
“กลับมาแล้วหรือคะคุณพี่”
“ทำไมบ้านดูเงียบๆ”
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวที่กำลังทำครัวช่วยแม่บ้านอยู่ รีบออกมาไหว้เมื่อได้ยินเสียงท่านมา
“สวัสดี แล้วหนูคนนี้เป็นใคร?” พอรับไหว้แล้วก็หันกลับไปถามภรรยา
ส่วนผู้เป็นภรรยาแอบยิ้มเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงรถลูกชายก็ดังกระหึ่มเข้ามาก่อน
“ไฮ.. ปะป๊า ม่าม๊า”
ไม่ต้องบอกว่าเป็นใครก็คงจะรู้ ..และสรรพนามที่ใช้เรียกพ่อและแม่มีไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน
“แล้วเมียผมไปไหนล่ะม่าม๊า” ขณะที่ถามสายตาคมก็ได้มองดูผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ พวกท่านทั้งสองไปด้วย