“ไปหาที่เงียบๆ คุยกันก่อน”
“ทำไมต้องไปหาที่เงียบๆ คุยกันด้วยล่ะคะ คุยมันตรงนี้จะไม่ดีกว่าเหรอคนเยอะดีออก พี่ๆนักข่าวก็อยากจะรู้เรื่องด้วย” เอาสิถึงยังไงเธอก็ไม่มีทางที่จะสมหวังแล้ว แถมถ้าข่าวนี้ออกไป เธอคงเสียหายมาก ก็เลยคิดจะดึงข่าวของเซอร์เวย์ให้มากลบเกลื่อนข่าวงานแต่งล่ม
“เธอแน่ใจแล้วเหรอว่าจะคุยตรงนี้” สายตาของพลตรีนายแพทย์วันเวย์ไม่ได้มองรุ่งฤดีเหมือนเดิมอีกต่อไป ถึงแม้จะเอ็นดูเด็กคนนี้ แต่ถึงอย่างไรเซอร์เวย์ก็เป็นลูก แถมเป็นทายาทคนเดียวที่จะสืบทอดโรงพยาบาลนี้ด้วย ท่านคงไม่ปล่อยให้ชื่อเสียงของลูกชายเสียหายแน่
จากที่มั่นใจในตัวเองมาก ตอนนี้เริ่มประหม่า เพราะถ้าท่านจะเล่นงานมีหวังครอบครัวของเธอดับแน่
พลตรีนายแพทย์วันเวย์หันไปสั่งลูกน้องให้ยกเลิกงานนี้ และให้ทุกคนกลับบ้านไป ถ้าสำนักข่าวไหนเอาข่าวนี้ไปทำเสียๆ หายๆ ท่านจะสั่งฟ้องให้หมด
“อาย?” ขณะที่ทุกคนกำลังจะไปหาที่คุยกัน ไอยวริญก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้า ..เคยได้ยินไหมว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ พอเธอเห็นข่าวสามีที่กำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น จะให้เธอนอนรออยู่ที่บ้านได้ยังไง หญิงสาวก็เลยมาโรงแรมที่ใช้จัดงานเพื่อให้เห็นกับตาตัวเอง
น้ำตาของเธอไหลออกมาแบบไม่ได้ตั้งใจ ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าตรงหน้าของตัวเองมันเกิดอะไรขึ้น แต่คุณหมอคนสวยคนนั้นก็อยู่ในชุดวิวาห์
“มันไม่ได้เป็นแบบที่คุณเห็นนะ”
“หึ!” ก่อนที่จะพูดรุ่งฤดีได้เหลือบตามองไปดูไอยวริญแบบสมเพชเวทนา “เธอรู้ไหมว่าเธอเป็นแค่คนที่เขาเก็บไว้ทดลองยา”
“??” ไอยวริญไม่คิดจะเชื่อผู้หญิงคนนี้อยู่แล้ว แต่มันก็สะกิดใจอยู่ดี пᴏᴠᴇʟɢu.ᴄoᴍ
“ทดลองยาหมายความว่ายังไง” คนที่ถามเอาความก็คือผู้เป็นพ่ออีกนั่นแหละ ส่วนแม่ตอนนี้รู้แล้วว่าสามีต้องปกป้องลูกก็เลยไม่ออกตัว
“ท่านคงจะรู้จักคุณหมอสุพัตราใช่ไหมคะ และท่านก็คงจะรู้ว่าคุณหมอสุพัตราเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไหน”
“จิตเวช?” พอพูดประโยคนี้ สายตาของพลตรีนายแพทย์วันเวย์ก็ได้เหลือบมองมาที่ลูกชาย
แพทย์หญิงอมรรัตน์ก็ไม่ต่างจากสามีที่ตกใจ เพราะเรื่องนี้นางก็ยังไม่รู้ว่าลูกชายเป็นอะไร
“ใช่ค่ะคุณหมอสุพัตรากำลังรักษาลูกชายของท่านอยู่ และคนที่ร่วมการรักษาคุณหมอในครั้งนี้ก็คือ..” ดวงตานั้นได้มองไปที่ไอยวริญอีกครั้ง
“ไม่ต้องพูดต่อแล้ว” จะเงียบอีกต่อไปไม่ได้ เพราะเขารู้แล้วว่ารุ่งฤดีจะพูดอะไร
“ทำไมล่ะคะคุณหมอ เรื่องนี้มันสำคัญไม่ต่างจากเรื่องแรกเลยนะคะ ถ้าบุคคลภายนอกรู้เรื่องนี้ โรงพยาบาลอาจจะไม่มีทายาทอีกเลยก็ได้”
“มันคืออะไร?!” ประโยคนี้ผู้เป็นพ่อถามออกไป ..ไอยวริญและแม่ของเขาที่ไม่รู้เรื่องก็ตั้งใจรอฟังคำตอบด้วยเช่นกัน
“คุณหมอจะพูดเองหรือจะให้ฤดีเป็นคนพูดล่ะคะ” ไม่ต้องพูดถึงแววตาของรุ่งงฤดี..เพราะตอนนี้เธอสะใจมาก
“มีอะไรเหรอตาหมอ บอกพ่อมา” เพราะมันคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว ถ้าทำให้ถึงกับไม่มีทายาท นั่นหมายถึงลูกชายของท่านคงจะถูกยึดใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะซึ่งสำคัญกับอาชีพแพทย์ไปเลย
เซอร์เวย์ไม่ได้พูดอะไรเขายังคงนั่งเงียบ และคิดว่าที่รุ่งฤดีล่วงรู้เรื่องนี้ คงเพราะเอกสารที่อยู่ในห้อง ถึงแม้ว่าเอกสารนั้นจะไม่ได้เขียนรายละเอียด คนแบบรุ่งฤดีต้องเสาะหาให้เจอให้ได้
“ฤดีเสียเวลากับเรื่องนี้มามากแล้ว เอาเป็นว่าฤดีจะเป็นคนพูดแล้วกันค่ะ.. ท่านรู้ไหมคะว่าลูกชายของท่านเป็นผู้ป่วยจิตเวช ที่กำลังทำการรักษาเกี่ยวกับเรื่อง…”