ทำไมตาหมอถึงกล้าทำขนาดนี้ นางก็เป็นหมอคนหนึ่งเหมือนกัน ถ้าคนนั้นไม่ใช่ญาติสนิท แบบสายเลือดเดียวกัน นางคงไม่กล้าผ่าตัดเอาชีวิตของตัวเองทั้งชีวิตมาเสี่ยง
“อายไม่รู้จะขอโทษคุณแม่ยังไง ถ้าไม่เพราะอาย คุณหมอก็คงไม่ถูกขู่บังคับ” เรื่องนี้เธอก็ต้องบอกให้แม่เขารับรู้ไว้ เพราะมันเป็นความผิดของเธอเอง
“ถูกขู่บังคับ..จากผู้หญิงคนนั้นเหรอ?” แค่ฟังมาก็พอจะเดาออกแล้ว
“ใช่ค่ะผู้หญิงคนนั้นรู้เรื่องนี้แล้ว”
“ห๊า?” แพทย์หญิงอมรรัตน์ไม่รู้ว่าจะตกใจอันไหนก่อนดี อย่างหลังมันยิ่งทำให้ตกใจมากกว่า เพราะเรื่องแบบนี้จะให้ใครล่วงรู้ด้วยไม่ได้เลย ทำไมลูกชายของนางถึงได้สะเพร่าขนาดนี้
แล้วนี่ไอ้พ่อหัวดื้อจะรู้เรื่องนี้ด้วยไหม ..นางหมายถึงว่าสามีรู้เรื่องที่ผู้หญิงคนที่อยากจะได้มาเป็นลูกสะใภ้นักหนากำลังทำอยู่ไหม
“ที่อายอยู่แบบนั้น เพราะได้ตกลงเซ็นต์สัญญากับคุณหมอไว้แล้วค่ะ” เธออยากจะพูดให้แม่เขาเข้าใจ ไม่ใช่ว่าเขารักเขาหลงอะไรเธอเลย
“เซ็นต์สัญญา มีสัญญาด้วย?” ยังมีเรื่องอะไรที่ต้องตกใจอีกไหมเนี่ย
“ใช่ค่ะ จนกว่าอายจะใช้หนี้คุณหมอหมด อายถึงจะเป็นอิสระ”
“หือ?”
“ช่วงนี้อายก็คงทำได้แค่อยู่ขัดดอกไปวันๆ”
“??”
“อายหมายถึงว่าทำงานบางอย่างให้คุณหมออยู่ค่ะ” หญิงสาวหยุดพูดครู่หนึ่งเห็นว่าแม่ของเขายังคงงงกับคำพูดของเธอ ก็เลยต้องได้อธิบายต่อ “เหมือนผู้หญิงขัดดอกนั่นแหละค่ะ แต่ยังไงอายก็ต้องหาเงินมาคืนคุณหมอให้ได้”
“ผู้หญิงขัด? อะไรนะ”
“คุณแม่อย่าใส่ใจคำพูดของอายเลยนะคะ อายแค่อยากจะพูดให้คุณแม่เข้าใจง่ายๆ”
“แล้วหนูอยากเปลี่ยนสถานะจากผู้หญิง ขัด..ขัดดอก เป็นเมีย..ขัดดอกไหมล่ะ”
“เมียขัดดอกเหรอคะ”
นางไม่คิดว่าคนแบบไอยวริญจะมีอยู่จริง ที่จริงคนทุกแบบก็ต้องมี..แต่นางไม่คิดว่าจะมาเจอด้วยตา หาได้น้อยมากที่จะยอมเอาชีวิตของตัวเองมาแลกกับอีกชีวิตที่ไม่รู้ว่าถึงผ่าตัดไปแล้วจะรอดไหม เพราะส่วนมากถ้ายิ่งใกล้วันเข้ามาแบบนั้นแล้ว มีแต่ญาติขอนำตัวกลับไปอยู่ที่บ้านเพื่อรอจัดงานศพ แต่ฟังจากสิ่งที่เธอพูดมาแล้ว เธอไม่ยอมแพ้ แม้จะไม่เหลืออะไรเลย เธอก็ยังพยายามดิ้นรน
ที่แปลกอีกอย่างเธอทำยังไงถึงพังทลายน้ำแข็งที่เกาะหัวใจลูกชายของนางได้นี่สิ อย่าว่าแต่มองผู้หญิงเลย จะให้เอาอนาคตมาทิ้งเพราะผู้หญิงคงไม่ใช่เซอร์เวย์แล้ว
“ที่เหลือเดี๋ยวแม่จะจัดการเอง หนูไม่ต้องทำอะไร”
“คะ?”
“แม่ขอเวลาคุยโทรศัพท์หน่อย หนูเข้าไปในห้องก่อน..อย่าให้ใครรู้ว่าหนูอยู่กับแม่”
“ค่ะ” ไอยวริญรีบทำตามอย่างไว ไม่คิดว่าแม่ของเขาจะมีเหตุผลขนาดนี้ สมแล้วที่เป็นผู้ใหญ่ เธอยังคิดอยู่เลย ว่าถ้าแม่เขารับไม่ได้คงจะไล่เธอออกจากบ้าน แล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหน
ก๊อก ก๊อก
จังหวะที่แพทย์หญิงอมรรัตน์กำลังจะกดโทรออก ก็ได้มีเสียงเคาะประตูด้านหน้า
“ใครมา” นางก็เลยลองเดินไปเปิดดู “ตาหมอ?”
“ทำไมแม่ถึงไม่โทรหาผม” พอมกราแจ้งมาว่าเจอที่อยู่แม่ของเขาแล้ว ที่เจอเพราะแม่ของเขาเปิดโทรศัพท์กำลังจะโทรออก แต่มัวคุยกับไอยวริญอยู่ก็เลยยังไม่ได้โทร จนเซอร์เวย์ตามมาถึงก่อน
“แม่ก็กำลังจะโทรอยู่นี่ไง” นางก็เลยโชว์หน้าจอโทรศัพท์ให้ลูกชายเห็นว่ากำลังจะโทรจริงๆ
“แม่อยู่ที่นี่กับใคร” ชายหนุ่มมองไปทั่วบ้าน ซึ่งเป็นบ้านเช่าแบบหมู่บ้านจัดสรร
“แม่อยู่คนเดียว”
“เหรอครับ”
“ลูกคิดว่าแม่อยู่กับใครล่ะ”
ที่จริงเซอร์เวย์ยังหวังอยู่ว่าเธออาจจะอยู่กับแม่ก็ได้ ..แต่ความหวังของเขาได้พังทลายลงไป
ไม่ใช่ว่าเธอไม่ได้ยิน แต่เธอไม่กล้าขัดคำสั่งของแม่เขา ไอยวริญทำได้แค่เอาหูแนบกับประตูเพื่อฟังเสียงคนที่ทำให้หัวใจเต้นแรง
“แล้วนี่ลูกรู้ได้ยังไงว่าแม่อยู่ที่นี่”
“ให้มกราตามให้ครับ”
เพื่อนของลูกชายมีไม่กี่คนแค่เอ่ยชื่อขึ้นมานางก็พอจะรู้จัก
“แล้วลูกจะกลับไปค้างที่โรงพยาบาลเลยไหม”
“ไม่หรอกครับ บ้านหลังนี้ก็เห็นมีอยู่สองห้องนอนไม่ใช่เหรอครับ คืนนี้ผมจะนอนกับแม่แล้วกัน”
“นอนกับแม่เหรอ?”
“ผมตามแม่เหนื่อยมาทั้งวันเลย ขอพักก่อนแล้วกันครับ”
“ดะ เดียวก่อน” แพทย์หญิงอมรรัตน์เรียกลูกชายไว้ไม่ทันเพราะเขาเปิดประตูห้องเข้าไปก่อนแล้วโuเวลกูดoทคอม
“??” ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาในห้องกำลังจะหาที่เปิดไฟ แต่เหมือนมีเสียงอะไรดิ้นอยู่เตียงนอน ..จากที่จะเปิดไฟก็เลยเปลี่ยนเป็นปลดกระดุมเสื้อออก และขณะที่เขากำลังปลดกระดุมเสื้ออยู่ ก็ได้ก้าวเดินไปที่เตียงแบบช้าๆ
ดวงตาของเขาเริ่มชินกับความมืด และเห็นว่าผ้าห่มผืนที่คลุมอยู่บนเตียงรูปทรงเหมือนมีคนอยู่ใต้นั้น
เขาก็เลยขยับผ้าห่มเล็กน้อยเพื่อที่ตัวเองจะได้แทรกเข้าไปใต้ผ้าห่มได้
ก๊อก ก๊อก
“มีอะไรครับแม่” ถามโดยที่ยังคงนอนอยู่บนเตียง
“แม่ว่าลูกออกมากินข้าวก่อนดีไหม แม่เตรียมอาหารให้เสร็จแล้ว”
“ผมกินมาแล้วครับ”
“อ้าวเหรอ”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอพักผ่อนนะครับแม่” ขณะที่พูดมือของเขาก็ได้เอื้อมไปควานหาหมอนข้าง พอมือสัมผัสถูกอะไรบางอย่าง ใบหน้าก็เริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมา แต่เซอร์เวย์ก็แกล้งตีเนียนกอดหมอนข้างไว้ซะแน่น
เขาไม่รู้เลยเหรอว่าเราไม่ใช่หมอนข้าง ..จะหายใจแรงก็ไม่ได้
“ทำไมข้างในเงียบจังเลย” แม่ของเขายังคงยืนแอบฟังอยู่หน้าประตู รู้แบบนี้ไม่โกหกดีกว่า บอกความจริงไปเลย ..แล้วหนูอายจะหลบอยู่มุมไหนของห้องล่ะเนี่ย
มือหนาค่อยๆ ขยับต่ำลงไป เพื่อสำรวจเพราะวันนี้ก็เข้าวันที่สี่แล้ว
“??” หญิงสาวที่นอนนิ่งไม่ขยับตัว ถึงกับสะดุ้งเมื่อถูกมืออีกฝ่ายลูบคลำ “อุ้ยคุณหมอ” เธอตกใจขณะที่กำลังจะขยับออก เจ้าของร่างหนาก็ได้กระโดดมาขึ้นคร่อม
“หายแล้วเหรอ”
“อะไรหายคะ” เธอพอจะเดาได้อยู่หรอกว่าเขาหมายถึงอะไร แต่เขาควรจะถามมากกว่าไหมว่าเธอมานอนอยู่ตรงนี้ได้ยังไง
“ผมเห็นว่าคุณไม่ใส่แล้ว หายแล้วใช่ไหม” เขาเป็นหมอรู้ดีว่าแต่ละคนมาไม่เหมือนกัน บางคนตกค้างเป็นอาทิตย์เลยก็มี
“อืออ” รอคำตอบอยู่ครู่หนึ่ง พอเธอไม่พูดเขาก็เลยเช็คมันเองสะเลย..