ชายหนุ่มรีบตรงเข้ามาที่ลิฟต์แล้วกดขึ้นชั้นบน ในใจภาวนาให้เป็นเธอ ..นี่เขาใจเต้นแรงกับผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่เมื่อไร เพราะขณะที่กำลังรอลิฟต์อยู่ ในใจของเขากระวนกระวายมาก
พอประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นบน ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบตรงไปที่ห้องทำงานของตัวเอง
แกร็ก..แอดดดด…
“กลับมาแล้วเหรอคะ”
“คุณมาอยู่ในห้องนี้ได้ยังไง?”
“คุณอย่าลืมสิคะ ว่าฉันเป็นคู่หมั้น คนที่มีสิทธิ์จะอยู่ในห้องของคุณก็มีแต่ฉัน”
“ถ้างั้นก็เชิญคุณอยู่ไปคนเดียว” ชายหนุ่มกำลังจะก้าวออกมาจากห้อง แต่รุ่งฤดีรีบเดินมาขวางหน้าไว้
“คุณไม่กลัวหรือคะว่าฉันจะแจ้งเรื่องนี้ไปทางผู้ใหญ่”
“ผมรู้ว่าคุณไม่ทำแน่” เพราะผู้หญิงคนนี้เห็นแก่ผลประโยชน์ ถ้ายังไม่ได้สิ่งที่ต้องการคงไม่มีทางตัดทางตัวเองแน่
“แต่ถ้าคุณทำให้ฉัน ไม่พอใจมากๆ เข้า ฉันอาจจะทำก็ได้นะคะ”
“หึ” เซอร์เวย์ไม่ยอมอยู่ให้เธอขู่อีก ในเมื่อในห้องนี้ไม่มีไอยวริญเขาก็ไม่แม้แต่อยากจะเหยียบเข้ามา
“คุณหมอกลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!” มีคนถือหางรุ่งฤดีก็เลยกล้าที่จะทำตามใจตัวเอง เพราะยังไงพ่อของเขาก็เข้าข้างเธออยู่แล้ว
อีกสถานที่หนึ่งในเวลาเดียวกัน..
“อายก็เลยทำให้ทุกคนเดือดร้อนไปหมด”
“เรื่องนี้หนูไม่ใช่ต้นเหตุเลย” ถ้านางจะบอกว่าต้นเหตุคือตาแก่ที่อยู่ที่บ้าน มันก็ไม่ใช่วิสัยของนางที่จะพูดถึงสามีแบบนั้น
“อายคิดว่าคุณแม่กลับไปพูดกับท่านให้เข้าใจดีกว่านะคะ”
“คนแบบพ่อของตาเรย์ไม่ฟังเหตุผลอยู่แล้ว เอาแต่ใจเอาแต่อารมณ์ของตัวเองเป็นใหญ่ เราอยู่กันที่นี่แหละให้สบายใจไปก่อน”
เมื่อตอนกลางวันที่ไอยวริญออกมารอรถ เป็นจังหวะเดียวกับที่แพทย์หญิงอมรรัตน์กำลังขับรถเข้าโรงพยาบาลพอดี นางก็เลยจอดรับเธอออกมาด้วย
และที่นางไม่ติดต่อไปหาใครเลย เพราะอยากจะรู้ว่าลูกชายจะทำยังไง
{“เจอหรือยังวะ”}
{“แม่ของนายไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย”} ที่มกราหมายถึง ท่านไม่ใช้บัตรในการทำธุรกรรมอะไรเลย เช็คตามโรงแรมก็ไม่มี
{“ฝากตามต่อด้วยนะ”} พอวางสายจากเพื่อนแล้ว เซอร์เวย์ก็โทรไปหานอร์เวย์ แต่ทางนั้นก็ติดต่อแม่ไม่ได้เหมือนกัน
เช้าวันต่อมา..
วันนี้คนไข้ที่นัดผ่าตัดถูกเลื่อน หรือถ้าเคสไหนไม่หนักไม่อันตรายมาก เซอร์เวย์ก็โยนงานให้ลูกน้องไป เพราะเขาไม่มีสมาธิก็เลยผ่าตัดไม่ได้
“คุณหมอคะ ใกล้เที่ยงแล้วไปทานข้าวกันค่ะ” รุ่งฤดีเดินยิ้มหวานเข้ามาในห้องแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“มาแล้วเหรอ ผมกำลังรอคุณอยู่เลย” เซอร์เวย์ไม่ได้พูดกับคนที่เดินเข้ามาก่อนเลย พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าสุพัตรากำลังเข้ามาหาเช่นกัน
“รอ?” สุพัตราอยากจะมาดูอาการ และอยากจะมาถามความแน่ชัดว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะข่าวของเขาดังมาก
“ไปครับ” เซอร์เวย์ลุกขึ้นพร้อมกับเอื้อมไปจับมือของสุพัตราแล้วพาออกจากห้องไปต่อหน้าต่อตาผู้หญิงอีกคน
“คุณหมอคนนั้นเป็นใครคะ” รุ่งฤดีเพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งก็เลยยังรู้จักคุณหมอไม่ทั่วถึง
“คุณหมอสุพัตราค่ะ เป็นหมอจิตเวช” พยาบาลที่มารับหน้าที่แทนนิ่มเป็นคนตอบ
“หมอจิตเวชเหรอคะ?”
“มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง” สุพัตราถามเมื่อทั้งสองออกมาแล้ว
“จะมีใครล่ะที่กล้าทำเรื่องแบบนี้”
“อาจารย์หมอเหรอ?” แพทย์หลายคนเรียกพลตรีนายแพทย์วันเวย์ว่าอาจารย์หมอ
“ใช่” novelgu.com
“แล้ว?” สุพัตราหมายถึงไอยวริญไปไหนเสียล่ะ
เขาไม่ได้ตอบคำถามนี้..พอแยกจากสุพัตราเซอร์เวย์ก็รีบโทรกลับไปหาเพื่อนที่เป็นนักสืบ
{“ดูแกจะเป็นห่วงผู้หญิงคนนี้มากเลยนะ”}
{“ไม่ต้องพูดมาก ทำไมไม่โทรมารายงาน”}
{“ฉันนักสืบนะไม่ใช่เทวดา ตอนนี้ทั้งฉันและไอ้มะลิ แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน”}
{“สำนักงานนักสืบของแกมีคนแค่นี้หรือไง ไปจ้างคนอื่นเขาช่วยอีกแรงสิ เรื่องเงินฉันจ่ายไม่อั้นอยู่แล้ว”}
{“ครับพ่อคนรวย จะตามให้ได้ภายในพรุ่งนี้แหละ”}
“ไปไหนของคุณกันแน่..แล้วคุณแม่ทำไมไม่โทรกลับมาบ้าง” นี่แหละที่เขาเรียกว่าห่วงหน้าพะวงหลัง วันนี้ไม่ได้ทำอะไรแล้วเซอร์เวย์ก็เลยไปตรวจดูอาการของแม่เธอดีกว่า
สถานที่ที่เซอร์เวย์จัดเตรียมไว้ให้แม่ของไอยวริญ..
“สวัสดีค่ะคุณหมอ”
“คุณน้าหน้าผ่องใสขึ้นมากเลยนะครับ”
“ต้องขอบคุณคุณหมอค่ะ”
“ถ้าทานข้าวทานยาตามที่หมอสั่ง คุณน้าก็จะได้กลับบ้านเร็วๆ นี้ล่ะครับ”
“น้าอยากพบลูกสาวน้าจังเลย คุณหมอช่วยติดต่ออายให้น้าได้ไหม”
“ได้สิครับแต่ต้องรอก่อนนะครับ”
“ขอบคุณมากเลยนะคะคุณหมอ”
เย็นวันเดียวกัน..
“แม่คิดอะไรออกแล้ว”
“คิดอะไรออกคะ”
“ทำไมเราต้องรอเวลากันแบบนี้ด้วย เราชิงลงมือกันก่อนจะไม่ดีกว่าเหรอ”
“คะ?” ไอยวริญไม่เข้าใจว่าแม่ของเขาหมายถึงอะไร
“หนูพร้อมไหม”
“พร้อม?”
“ในเมื่อฝ่ายนั้นแค่หมั้น เราก็แต่งไปก่อนเลยสิ”
“อะไรนะคะ” เธอกลัวว่าคนที่ไม่พร้อมจะเป็นลูกชายของท่านมากกว่านะสิ เพราะดูเหมือนเขาไม่ได้อยากจะแต่งงานกับเธอเลย..คงเพราะเธอไม่เหมาะสมกับเขาด้วยแหละ
“เออ.. แต่ว่าคุณแม่คะ” หญิงสาวเพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าจะทำแบบนั้นไม่ได้
“มีอะไรเหรอจ๊ะ” นางกำลังจะโทรศัพท์หาลูกชาย ก็เลยหยุดไว้ก่อน
“อายกลัวว่าเราจะทำแบบนั้นกันไม่ได้”
“มีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า”
อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เธอต้องพูดให้แม่เขารู้ก่อนว่าเรื่องระหว่างเธอกับเขามันคืออะไรกันแน่ อยู่ที่ดุลพินิจของท่านแล้วว่าจะยังคิดเหมือนเดิมกับเธออยู่ไหม
“มีอะไรที่แม่ยังไม่รู้”
“จริงๆ แล้วอายกับคุณหมอ” เอาวะถึงยังไงเรื่องมันก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็รู้เรื่องแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถ้าให้แม่ของเขารับรู้จากปากของคุณหมอคนนั้นมันยิ่งจะเป็นเรื่องใหญ่ ให้ท่านรู้จากเธอนี่แหละ
“อะไรนะ??!” พอได้ยินทุกอย่างนางถึงกับตกใจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย
“อายกับคุณหมอ เราไม่ได้เป็นแบบที่คุณแม่เห็น” หญิงสาวยกมือขึ้นมาไหว้พร้อมกับน้ำตา เพราะเธอรู้สึกผิดมากที่ทำให้เขาเดือดร้อน
“ตาหมอเนี่ยนะ กล้าผ่าตัดแบบผิดกฎหมาย แถมยังออกเงินของตัวเองในค่าใช้จ่ายทั้งหมดด้วย??”