ฉีเหยียนรู้สึกผสมปนเปหลังอ่านบทความจนจบ
ตอนที่ได้อ่านบทความก่อนหน้า เธอคิดว่าการเปลี่ยนแปลงของสาวหน้านิ่งเป็นเพราะความแตกต่างด้านความสามารถระหว่างเมิ่งชั่งกับบอสเผย
เมิ่งชั่งล้มเหลวเพราะให้ความสำคัญกับการตลาดมากกว่าตั้งใจทำงานหนัก ส่วนบอสเผยเคารพในพรสวรรค์และเป็นคนอยู่กับความเป็นจริงในทุกสิ่งที่ทำ บอสจึงประสบความสำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่า
พูดอีกอย่างคือ ฉีเหยียนคิดมาตลอดว่าปัญหาของเมิ่งชั่งอยู่ที่ความสามารถ ไม่ใช่ทัศนคติ
แต่หลังจากได้อ่านบทความนี้ ฉีเหยียนก็ตระหนักว่าเมิ่งชั่งไม่เคยวางแผนพัฒนาสาวหน้านิ่งให้รุ่งเรือง
เมิ่งชั่งพูดสิ่งสวยหรูมากมาย แต่ก็เป็นแค่ลมปาก เขาแค่อยากขายบริษัทให้ได้ราคาดี ไม่ได้ตั้งใจจะทำตามที่พูดเลยแม้แต่น้อย
ถ้าบอสเผยไม่เข้ามาขัดขวางไว้ สาวหน้านิ่งจะเป็นยังไง
เมิ่งชั่งอาจจะถอนเงินออกจากตลาดได้สำเร็จ ได้กลับไปทั้งชื่อเสียงและเงินทอง สาวหน้านิ่งจะถูกขายต่อให้องค์กรใหญ่ๆ อย่างฉวนหมินรีวิว ก่อนจะถูกปิดตัวเพราะขาดทุนหนัก พนักงานทำงานให้เมิ่งชั่งได้แค่ไม่กี่เดือน ก่อนจะต้องออกจากสาวหน้านิ่งเพื่อไปหางานใหม่อย่างไม่มีทางเลือก…
แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเพราะการกระทำที่เด็ดขาดของบอสเผย!
ความล้มเหลวของสาวหน้านิ่งเป็นความผิดของเมิ่งชั่งทั้งหมด พอบอสเผยซื้อกิจการต่อ สาวหน้านิ่งก็มีอนาคตที่สดใสขึ้น!
คิดได้แบบนั้น ฉีเหยียนก็แชร์บทความสาวหน้านิ่งลงกลุ่มแชตที่ทำงาน จากนั้นก็ยืนขึ้นแล้วปรบมือเบาๆ เพื่อดึงความสนใจจากทุกคน
“ช่วยวางงานในมือสักครู่แล้วฟังดิฉันด้วยค่ะ
“ดิฉันรู้ว่าที่ผ่านมาบริษัทของเราเกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย หลายคนไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นและควรจะทำยังไงต่อไป บางคนรู้สึกสับสนเกี่ยวกับอนาคตของบริษัท
“ขอให้ทุกคนสละเวลามาอ่านบทความสามบทความของผู้เขียนคนนี้ ดิฉันเชื่อว่าทุกคนจะได้คำตอบ”
เหล่าพนักงานสาวหน้านิ่งยังดูงุนงง พวกเขาไม่เข้าใจว่าบทความพวกนี้ที่ฉีเหยียนส่งมามีอะไร แต่ก็เปิดอ่านอย่างว่าง่าย
ฉีเหยียนรู้ดีว่าพนักงานของสาวหน้านิ่งยังตกอยู่ในสภาพ ‘ฝันสลาย’ อยู่
เมิ่งชั่งเก่งเรื่องวาดภาพฝันและฉีดยาพนักงาน ก่อนหน้านี้พนักงานทุกคนคิดว่าบริษัทกำลังไปได้สวย สภาพการทำงานก็ดีเยี่ยมทุกอย่าง แต่พอสาวหน้านิ่งมีปัญหา เมิ่งชั่งก็เปิดตูดเผ่นแน่บ พนักงานทุกคนรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง พวกเขาจึงกลับมากระตือรือร้นเท่าเมื่อก่อนไม่ได้
ดังนั้นฉีเหยียนจึงรู้สึกว่าสภาพจิตใจของทุกคนต้องผ่านการ ‘ทุบทิ้งแล้วสร้างใหม่’ เหมือนกัน
เมิ่งชั่งเป็นบอสคนก่อนของสาวหน้านิ่งก็จริง แต่ตอนนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว ต้องปฏิเสธปรัชญาการบริหารจัดการของเมิ่งชั่งให้ได้ เธอถึงจะรวมความคิดทุกคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและชุบชีวิตสาวหน้านิ่งขึ้นมาใหม่ได้
บทความทั้งสามเผยธาตุแท้ของสาวหน้านิ่งโดยตรง ข้อมูลต่างๆ ละเอียดและเข้าใจได้ง่าย สามารถนำมาใช้เป็น ‘แบบเรียน’ ได้
จะว่าไปก็ถือว่าแปลกอยู่หน่อยๆ ที่พนักงานของสาวหน้านิ่งต้องอ่านบทความของคนนอกเพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ของบริษัทตัวเอง แต่ก็ถือว่าเข้าใจได้ เพราะพนักงานหลายคน รวมถึงฉีเหยียนเองโดนเมิ่งชั่งปิดหูปิดตามาตลอด
ถึงจะเป็น ‘พนักงานภายใน’ แต่เมิ่งชั่งปฏิบัติกับฉีเหยียนและคนอื่นๆ เหมือนเป็นพวกเดียวกันซะที่ไหน
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนจากงุนงงเป็นสับสน ก่อนจะกลายเป็นตกใจและโกรธ ปิดท้ายด้วยโล่งใจ
จริงๆ แล้วพนักงานเก่าหลายคนยังติดอยู่ในภาพลวงตาที่เมิ่งชั่งสร้างไว้
เพราะเมิ่งชั่งเป็นคนใจป้ำ วาดฝันเก่ง และเปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์ ในใจของหลายๆ คน เขาคือบอสที่สมบูรณ์แบบ กระทั่งตอนที่สาวหน้านิ่งกำลังจะล้มละลาย พนักงานหลายคนก็ยังเชื่อสุดใจว่าเมิ่งชั่งจะพาบริษัทกลับมาตั้งหลักใหม่ได้
แต่หลังจากได้อ่านบทความทั้งสาม ภาพลักษณ์ของเมิ่งชั่งในใจพวกเขาก็พังทลายทันที
บอสผู้แสนสมบูรณ์แบบอะไรกัน นี่มันไอ้คนปลอมเปลือกชัดๆ!
ทำไมเมิ่งชั่งถึงใจป้ำและดีกับพนักงานขนาดนี้ เพราะเขามีจุดประสงค์แอบแฝงในการบริหารสาวหน้านิ่งมาตั้งนานแล้ว เขาแค่อยากทำเงินก้อนแล้วรีบชิ่ง ในเมื่อต้องการทำเงินให้ได้เร็วๆ เขาก็ต้องดีกับพนักงานเพราะต้องใช้ประโยชน์!
แต่ถึงจะโกรธ หลายคนก็รู้สึกว่าโชคดีมาก
โชคดีที่บอสเผยเข้ามาขัดขวางและทำให้แผนของเมิ่งชั่งล้มเหลว!
พอสาวหน้านิ่งเปลี่ยนมาอยู่ในมือบอสเผย บอสเผยก็แก้ไขปัญหาที่เมิ่งชั่งทิ้งไว้ครั้งใหญ่ แบบนี้ก็ควรดีใจที่สาวหน้านิ่งส่งบอสจอมปลอมทิ้งไปและอ้าแขนต้อนรับบอสที่สมบูรณ์แบบจริงๆ
ทุกคนรู้สึกว่าจากนี้เป็นต้นไป สาวหน้านิ่งจะเปลี่ยนไป
ฉีเหยียนพึงพอใจมากเมื่อเห็นปฏิกิริยาของทุกคน เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ไม่ได้โง่เกินกว่าที่จะเป็นพนักงานสาวหน้านิ่ง บางอย่างไม่จำเป็นต้องพูดลงรายละเอียด พวกเขาก็สามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
ฉีเหยียนพูดกับทุกคน “ดิฉันรู้ว่าสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นทำให้ทุกคนสับสน สถานการณ์งานของทุกคนในตอนนี้ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดิฉันเองก็เหมือนกัน ดิฉันไม่แน่ใจเลยว่าอนาคตจะเป็นยังไง
“แต่บอสเผยชี้ทางสำหรับพัฒนาต่อให้สาวหน้านิ่งแล้ว แถมยังต่างจากภาพฝันที่เมิ่งชั่งวาดไว้ ทิศทางการพัฒนาของบอสเผยนั้นยึดอยู่กับความเป็นจริง!
“ดิฉันจะอธิบายเรื่องรับเจ้าของร้านข้างทางที่มีความสามารถโดดเด่นมาเป็นที่ปรึกษาด้านอาหารให้ทุกคนฟังคร่าวๆ ช่วยตั้งใจฟังกันด้วย ดิฉันหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกคนต่อไปในอนาคต…”
ฉีเหยียนใช้โอกาสนี้อธิบายแผนงานของเธอโดยละเอียด novelgu.com
ทุกคนฟังอย่างตั้งใจ บางคนออกความเห็นและมีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้น
พวกเขารู้สึกว่าชะตากรรมของสาวหน้านิ่งเปลี่ยนไปแล้ว!
…
…
เช้าวันพุธที่ 18 มกราคม
เมิ่งชั่งย่างเท้าสู่ดินแดนจิงโจวอีกครั้งด้วยความรู้สึกผสมปนเป
ครั้งที่ผ่านๆ มา เขาทั้งผ่อนคลายและมั่นใจ สูทรีดมาเรียบกริบ ไร้รอยยับ หนวดตัดแต่งมาอย่างพิถีพิถัน แผ่นรัศมีความมั่นใจไปทุกที่
แต่ครั้งนี้เสื้อผ้าของเขายับยู่ยี่ บนแก้มมีตอหนวด หน้าตาดูซีดเซียว
ตลอดช่วงเวลาหลังจากสาวหน้านิ่งล้มละลาย เขาคิดหาสารพัดวิธีและติดต่อนักลงทุนและบริษัทใหญ่ไปหลายราย แต่ทุกคนก็ปฏิเสธหมด ความอบอุ่นและเย็นชาของผู้คนสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจน
ตอนที่สาวหน้านิ่งกำลังอยู่ในจุดสูงสุด ไม่ว่าจะไปที่ไหน เมิ่งชั่งจะเป็นแขกผู้มีเกียรติเสมอ นักลงทุนและเจ้าของบริษัทต่างปฏิบัติกับเขาอย่างสุภาพมาก ตอนนี้กลับไม่สนใจไยดี สั่งให้เลขามาบอกปฏิเสธแทน
สุดท้ายเมิ่งชั่งก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับสภาพปัจจุบันหลังจากดิ้นรนมาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เขาไปต่อไม่รอดแล้ว
แน่นอนว่าความสามารถของเมิ่งชั่งยังติดอยู่กับตัว หางานทั่วไปทำได้ไม่มีปัญหา
แต่ด้วยนิสัยของตัวเอง เมิ่งชั่งไม่ยอมทำงานทั่วไปแน่ ยิ่งต้องทำงานหลังขดหลังแข็งเป็นสิบๆ ปีเพื่อจ่ายหนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ดังนั้นเขาจึงหดหู่สุดๆ เมื่ออยู่ตรงกลางระหว่างอุดมคติและความเป็นจริง
เมิ่งชั่งไม่มีบ้านในชื่อตัวเอง แต่รถคันโปรดโดนยึดไป บัตรเครดิตถูกอายัด
เขาอาศัยอยู่บ้านที่เช่าอยู่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า สุดท้ายก็ต้องไปยืมเงินเพื่อนและย้ายไปอยู่ห้องใต้ดินชั่วคราว
แต่สิ่งที่กระทบจิตใจเมิ่งชั่งมากที่สุดคือบทความที่เป็นกระแสอยู่
เมิ่งชั่งที่ไม่มีงานทำและไม่มีที่ให้ไปหมกตัวอยู่ในห้องใต้ดินในปักกิ่ง ไม่ได้ทำอะไรทั้งวัน ระหว่างที่ท่องอินเทอร์เน็ตอยู่ก็ไปพบบทความทั้งสามเข้า
เขาอดรู้สึกทึ่งขึ้นมาไม่ได้หลังจากอ่านจนจบ บทความเขียนออกมาได้ดีมาก อ่านแล้วกระแทกใจทีเดียว
ทุกอย่างที่เขาทำผ่านการคำนวณของบอสเผยหมดแล้ว กลายเป็นว่าจุดจบในวันนี้ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ตอนที่รับเงินก้อนแรกจากบริษัทลงทุนหยวนเมิ่ง แถมเขายังไม่รู้เรื่องอะไรเลยจนจังหวะสุดท้าย
เขาไม่ได้แพ้แค่เรื่องสติปัญญา แต่ยังแพ้ด้านมุมมองและวิสัยทัศน์ด้วย
เมิ่งชั่งมาจิงโจววันนี้เพื่อคุยเรื่องงานและเงินเดือนกับบอสเผย
เขาอยากล้างหนี้ให้เร็วที่สุด เพราะไม่อยากสูญเสียเวลาในชีวิตด้วยการกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและอยู่ในห้องที่แสงแดดส่องไม่ถึง รวมถึงขึ้นรถสาธารณะเดินทางไปไหนมาไหน
เขาไม่อยากทำงานทั่วไป แต่ก็หางานที่ได้เงินเยอะๆ ไม่ได้ เลยต้องแวะมาคุยกับบอสเผยเพื่อเสี่ยงดวงดู
ถ้าเป็นเมิ่งชั่งผู้หยิ่งยโสในอดีต เขาคงไม่มีทางมาเหยียบจิงโจวแน่
เห็นได้ชัดว่าบอสเผยวางแผนเอาไว้แล้ว ทำงานภายใต้บอสเผยจะไปมีอะไรดี บอสเผยอาจเล่นสนุกกับเขาเหมือนเป็นตัวตลก!
แต่เมิ่งชั่งในตอนนี้ไม่มีความเหย่อยิ่งและความมุ่งมั่นเหมือนตอนนั้นอีก เขาอยากย้ายออกจากห้องใต้ดินในปักกิ่งให้เร็วที่สุด อยากเปลี่ยนมานอนห้องนอนใหญ่กว้างขวาง มองออกไปเห็นแสงอาทิตย์ อยากกินอาหารอย่างอื่นที่ไม่ใช่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อยากทำเงินได้เยอะๆ และปลดหนี้ให้เร็วที่สุด
เรื่องที่ว่าทำงานภายใต้บอสเผยจะทุกข์ทรมานไหม… นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกแล้ว
คิดได้แบบนั้น เมิ่งชั่งก็มุ่งหน้าไปบริษัทลงทุนหยวนเมิ่ง