ฉีเหยียนพาเหล่าเจ้าของร้านข้างทางเข้าไปในครัวของร้านสาวหน้านิ่ง
ถึงเจ้าของร้านคนอื่นๆ จะไม่เชี่ยวชาญการทำบะหมี่เย็นย่าง แต่ก็ตามไปกันหมด พวกเขาอยากเห็นว่าจางหยาฮุยจะ ‘แนะนำ’ ยังไงและหน้าที่ของ ‘ที่ปรึกษาด้านอาหาร’ เป็นแบบไหน
หลังจากฉีเหยียนอธิบายสถานการณ์ให้เชฟฟังคร่าวๆ เขาก็เริ่มทำบะหมี่เย็นย่างทันที
จางหยาฮุยกับเจ้าของร้านคนอื่นๆ ยืนล้อมรอบและฟังอย่างตั้งใจ
เชฟคนนี้เข้าร่วมงานแข่งขันสตรีตฟู้ดที่เพิ่งจัดไปด้วย จึงรู้จักจางหยาฮุยและเจ้าของร้านคนอื่นๆ เขารู้สึกอึดอัดที่ต้องทำบะหมี่เย็นย่างต่อหน้าเหล่าเจ้าของร้าน แต่ก็ต้องทำเพราะฉีเหยียนบอก
จางหยาฮุยจับตาดูอย่างจริงจังสุดๆ
ระหว่างการแข่งขัน ทั้งคู่อยู่กล่มบะหมี่เย็นย่างเหมือนกันและตอนนั้นก็ยุ่งอยู่กับการทำบะหมี่เย็นย่าง ไม่มีเวลาสนใจคนอื่น จางหยาฮุยเลยไม่รู้ว่าฝีมือการทำบะหมี่เย็นย่างของอีกฝ่ายเป็นยังไง
พอได้มาดูใกล้ๆ เขาก็ตระหนักว่าความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างบะหมี่เย็นย่างที่เขาทำกับที่เชฟคนนี้ทำคือ ‘ความแม่นยำ’
ตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายที่สุดคือ เชฟจะใช้เครื่องจับเวลาเพื่อจับเวลาในการย่างบะหมี่เย็น จากนั้นจะใช้เครื่องตรวจอุณหภูมิวัดอุณหภูมิของบะหมี่เย็นย่าง เมื่อได้อุณหภูมิที่เหมาะสมแล้ว เขาค่อยตอกไข่และใส่เครื่องปรุง
จางหยาฮุยอาศัยประสบการณ์ของตัวเองในการทำบะหมี่เย็นย่าง แต่เขาก็มีพรสวรรค์มากกว่าและทำบะหมี่เย็นย่างมาเยอะกว่า ดังนั้นถึงจะไม่ได้ใช้อุปกรณ์เหล่านี้ บะหมี่เย็นย่างที่เขาทำแต่ละรอบก็ไม่ได้ต่างกันมาก
ฉีเหยียนไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดการทำบะหมี่เย็นย่างมากนัก แต่จับตาดูสีหน้าของเชฟและเจ้าของร้านแทน
เมิ่งชั่งจ้างเชฟคนนี้มาด้วยเงินเดือนสูงลิ่ว เขาเคยทำงานเป็นเชฟในโรงแรมมาก่อน ถึงจะไม่ได้มีฝีมือระดับหัวหน้าเชฟโรงแรมห้าดาว แต่ก็ไม่ใช่ตาสีตาสาทั่วไป
สาวหน้านิ่งมีรายจ่ายด้านการตลาดสูง ถ้าเจียดเงินออกมาสักหน่อยก็จ้างเชฟที่ค่าตัวสูงกว่านี้ได้ เมิ่งชั่งโม้หนักว่าสาวหน้านิ่งอร่อยมาก ถ้าเอาเชฟทั่วไปมาทำก็จะไม่เหมาะนัก
แต่เชฟที่เงินเดือนสูงลิ่วแต่ทำบะหมี่เย็นย่างได้ไม่อร่อยเท่าเจ้าของร้านข้างทางก็ดูจะไม่คุ้มเงินเท่าไหร่ แถมลูกค้าที่เข้ามาซื้อบะหมี่เย็นย่างก็มีไม่เยอะ เรื่องนี้ทำให้ฉีเหยียนงุนงงมาตลอด
บะหมี่เย็นย่างปรุงเสร็จอย่างรวดเร็ว เชฟตัดบะหมี่เย็นย่างออกเป็นชิ้นๆ ตามมาตรฐานร้านและจัดวางบนจานอย่างพิถีพิถัน
“เสร็จแล้ว” เชฟหันไปบอกฉีเหยียน
ฉีเหยียนพยักหน้าแล้วหันไปบอกเหล่าเจ้าของร้าน “ทุกคนลองชิมได้เลยค่ะ แสดงความคิดเห็นได้ตามสบายเลยนะคะ”
เจ้าของร้านคีบกินทีละคนแล้วตั้งใจลิ้มรส
จางหยาฮุยพูดขึ้น “อืม เหมือนที่กรรมการบอกเป๊ะเลยครับ พรมน้ำได้ไม่ดี ผิวสัมผัสค่อนข้างแข็ง ไม่นุ่มเท่าที่ควร ส่วนเรื่องรสชาติน้ำส้มสายชู… ก็ถือว่าโอเค ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่กรรมการพูด”
หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง เชฟก็อธิบาย “วันนี้ผมเพิ่มน้ำส้มสายชูนิดหน่อย”
เห็นได้ชัดว่ากรรมการชี้ปัญหาได้ตรงจุดและเชฟก็รับฟังความคิดเห็นอย่างเปิดใจ วันนี้เลยเติมน้ำส้มสายชูเพิ่มเล็กน้อยเพื่อยกระดับรสชาติของบะหมี่เย็น
เชฟพูดกับจางหยาฮุย “ทำไมคุณไม่ลองทำดูสักจานแล้วให้ผมเรียนรู้จากคุณล่ะ”
จางหยาฮุยรีบพูดขึ้น “ผมไม่กล้าบอกว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญหรอกครับ แค่ทำบะหมี่เย็นย่างมาเยอะ คอยคลำทางคิดสูตรด้วยตัวเอง”
จางหยาฮุยว่าอย่างถ่อมตัว แต่ก็สลับที่กับเชฟ พอเทน้ำมันลงบนเตา เขาก็หยิบแป้งบะหมี่เย็นมาวางแผ่บนเตา
คราวนี้เชฟเป็นฝ่ายดูบ้าง
ทั้งคู่ทำบะหมี่ย่างด้วยวิธีเดียวกัน แต่พอมองนาฬิกาจับเวลาขณะสังเกตเทคนิคที่จางหยาฮุยใช้ เชฟก็ตระหนักว่ามีความแตกต่างด้านรายละเอียดบางจุด
ความแตกต่างด้านรสชาติของบะหมี่เย็นน่าจะมาจากรายละเอียดเหล่านี้
บะหมี่เย็นของจางหยาฮุยพร้อมเสิร์ฟในเวลาไม่นาน เขาเชิญทุกคนมาลองชิม
ฉีเหยียนลองชิมบะหมี่เย็นย่างทั้งสองจาน เธอบอกได้เลยว่าบะหมี่เย็นย่างของจางหยาฮุยอร่อยกว่า
เพราะลิ้นไม่เคยโกหก
ผู้ประกอบการคนหนึ่งมีเรื่องมาเล่าว่ามีคนติแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มของเขาว่าไม่อร่อย เขาเลยตอบกลับไปด้วยความโกรธว่า ‘ก็เพราะต่อมการรับรสนายยังไม่เปิดไง กินอาหารฝีมือแม่มาตลอดชีวิต ไม่มีทางรู้หรอกว่าอะไรอร่อยหรือไม่อร่อย’
เรื่องเล่านี้ถูกเล่าต่อเป็นเรื่องตลก
แน่นอนว่าแต่ละคนมีความสามารถในการลิ้มรสอาหารที่แตกต่างกัน ไม่อย่างนั้นทุกคนย่อมเป็นนักวิจารณ์อาหารได้
แต่การบอกว่า ‘คิดว่าอาหารรสแย่เพราะต่อมรับรสยังไม่เปิด’ นั้นไร้สาระมาก
กลับกัน ถ้าคนทั่วไปมองว่าไม่อร่อย มันก็มักจะไม่อร่อยจริงๆ
เชฟไม่ได้ยืนกรานว่าบะหมี่เย็นย่างของตัวเองอร่อยกว่า แต่ยอมรับความพ่ายแพ้และถามรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ กับจางหยาฮุย
จางหยาฮุยตอบกลับอย่างจริงจังเช่นเดียวกัน แต่ส่วนใหญ่การปรุงอาหารของเขาขึ้นอยู่กับความรู้สึก จึงไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจน
เชฟฟังอย่างตั้งใจ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยอารมณ์ท่วมท้น “งี้นี่เอง… เหมือนว่าจะเป็นปัญหาของผม ผมคิดว่าบะหมี่เย็นย่างเป็นอาหารที่เรียบง่ายมาก ไม่คิดเลยว่าอาหารง่ายๆ แบบนี้จะมีรายละเอียดและเทคนิคเยอะขนาดนี้…”
ฉีเหยียนเข้าใจทันทีว่าทำไมเชฟโรงแรมถึงทำบะหมี่เย็นย่างได้ไม่อร่อยเท่าเจ้าของร้านข้างทาง
ส่วนหนึ่งอยู่ที่ฝีมือ อีกส่วนเป็นเพราะทัศนคติ!
ถ้าเป็นเมนูอื่น เชฟคงเอาชนะจางหยาฮุยได้แน่นอน เพราะเมนูเหล่านั้นมีสูตรและเชฟก็ผ่านการฝึกอบรมระดับมืออาชีพมาอย่างเข้มงวด ไม่มีทางที่เขาจะแพ้ให้กับพ่อครัวที่ไม่เคยเรียนทำอาหารมาก่อนโนเวลกูดอทคoม
แต่พอเป็นอาหารข้างทาง เรื่องราวก็แตกต่างไป เพราะอาหารข้างทางไม่มีสูตรชัดเจน เชฟตามภัตตาคารต่างๆ ไม่มีทางศึกษาวิธีทำบะหมี่เย็นย่างหรือเจียนปิ่งโดยเฉพาะ ดังนั้นกระทั่งเชฟในโรงแรมก็มีจุดเริ่มต้นคล้ายกับเจ้าของร้านข้างทาง
เห็นได้ชัดว่าเชฟคนนี้ไม่ได้ใส่ใจอาหารอย่างพวกบะหมี่เย็นย่างมาก่อน เลยไม่ได้พยายามเจาะลึกลงไป เขาคิดแค่ว่ายังไงก็ทำออกมารสชาติดีกว่าที่ขายตามร้านข้างทางแน่นอน
แต่บะหมี่เย็นย่างของเขาก็ไม่ได้แตกต่างจากบะหมี่เย็นย่างที่ขายตามร้านข้างทางอย่างชัดเจน
แน่นอนว่าถ้าไม่ได้ศึกษาลงลึก เขาก็ไม่มีทางรู้ได้
เพราะในจีนมีหลายเมือง แต่ละเมืองมีร้านข้างทางนับไม่ถ้วน เจ้าของร้านข้างทางมากมายลองกันหลากหลายวิธี แต่มีแค่ไม่กี่วิธีที่ใช้การได้จริง ถ้าต้องศึกษาด้วยตัวเอง เชฟจะต้องใช้เวลานานขนาดไหน
ฝีมือกับทัศนคติทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่เชฟจะชนะได้ด้วยบะหมี่เย็นย่าง
ลูกค้ามองว่าสาวหน้านิ่งไม่ได้มีรสชาติที่แตกต่างอย่างชัดเจนกับบะหมี่เย็นย่างทั่วไปที่ขายตามร้านข้างทาง นอกจากนั้น ราคาก็สูงกว่า พวกเขาเลยคิดว่าตัวเองเสียค่าโง่ เพราะรสชาติก็ไม่ได้อร่อยกว่าเลย
ฉีเหยียนอดทึ่งขึ้นมาไม่ได้ เธอตระหนักแล้วว่าทุกวงการนั้นมีผู้เชี่ยวชาญอยู่ ยังไงก็ต้องจ้างคนที่เชี่ยวชาญจริงๆ มาทำงาน
แม้จะเป็นคนทำอาหารเหมือนกัน แต่การทำอาหารทั่วไปให้รสชาติอร่อยกับการทำอาหารทานเล่นข้างทางให้อร่อยนั้นเป็นคนละเรื่องกัน
ฉีเหยียนตระหนักทันทีว่าบอสเผยคงอยากสื่อสารเรื่องนี้
หนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เมิ่งชั่งล้มเหลวคือเขาไม่เข้าใจในจุดนี้ คิดแค่ว่าหาเชฟค่าตัวสูงๆ มาก็ทำบะหมี่เย็นย่างได้อร่อยแล้ว
แต่เขาไม่คิดเลยว่าเชฟค่าตัวแพงเก่งเรื่องการทำบะหมี่เย็นย่างรึเปล่า เชฟที่จ้างมาจะยอมปรึกษาร้านข้างทางเกี่ยวกับรายละเอียดและเทคนิคการทำบะหมี่เย็นย่างไหม
เมิ่งชั่งย้ำเรื่องรสชาติของบะหมี่เย็นย่างมาตลอด แต่ก็ดีแค่พูด ไม่เคยลงมือทำ
ฉีเหยียนคิดว่าบอสเผยกำลังบอกใบ้เธออย่างชัดเจนว่าไม่ให้เดินตามเส้นทางเดิมของเมิ่งชั่ง เธอต้องซื่อสัตย์และอยู่กับความเป็นจริง!
เจ้าของร้านคนอื่นๆ เล่าประสบการณ์ของตัวเอง
ฉีเหยียนบอกได้เลยว่าถึงเจ้าของร้านเหล่านี้จะไม่เคยผ่านการฝึกอบรมการทำอาหารระดับมืออาชีพมาก่อน แต่สิ่งที่พวกเขามีเหมือนกันคือการรับรู้รสชาติที่แน่นอน ความสามารถในการลงมือทำจริงอันแข็งแกร่ง และความรักที่จะเรียนรู้พัฒนารสชาติ
ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงเรียนรู้ด้วยตัวเองและทำอาหารกินเล่นข้างทางธรรมดาๆ ให้เป็นที่นิยมขึ้นมาไม่ได้
พวกเขามีทั้งฝีมือและทัศนคติที่ดี ขอแค่สาวหน้านิ่งออกเงินให้พวกเขาฝึกฝนหาความรู้เรื่องการทำอาหารเพิ่มเติมและปรับปรุงเทคนิคการทำอาหารให้เป็นแบบแผนและมีประสิทธิภาพ… รสชาติของสาวหน้านิ่งก็จะพัฒนาขึ้นแน่นอน!
ขณะเดียวกัน นอกจากบะหมี่เย็นย่างแล้ว พวกเขายังทำเมนูอื่นๆ ได้อีก!
คิดได้แบบนั้นฉีเหยียนก็ตัดสินใจทันที “ฉันคิดว่าทุกคนมีคุณสมบัติเหมาะสมกับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านอาหาร ฉันการันตีได้เลยว่าสาวหน้านิ่งจะมอบเวทีที่ใหญ่ขึ้นเพื่อให้ทุกคนดึงพรสวรรค์ของตัวเองออกมาใช้งานได้อย่างเต็มที่!”
…
ขณะเดียวกันที่จิงโจว
หลี่สือกำลังคุยกับผู้เขียนบทความเกี่ยวกับบอสเผย บริษัทลงทุนหยวนเมิ่ง และสาวหน้านิ่งผ่านการโทรคุย
“นั่นคือทั้งหมดที่ผมรู้ครับ
“อาจจะมีแง่มุมที่ซ่อนอยู่อีกก็ได้ เพราะบอสเผยการวางแผนเก่งมาก สิ่งที่เราเห็นอาจเป็นแค่ส่วนหนึ่งในแผนของเขา แต่เราไม่มีทางรู้เรื่องพวกนั้นได้
“คุณเอาเรื่องที่ผมเล่าไปใช้ได้ตามสะดวกเลยครับ”
เสียงผู้ชายดังขึ้นจากปลายสาย “ขอบคุณมากครับ รายละเอียดเหล่านี้ยอดเยี่ยมจริงๆ ไม่คิดเลยว่าสาวหน้านิ่งจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังเยอะขนาดนี้!
“ขอถามได้ไหมครับว่าคุณได้ข้อมูลวงในมาจากไหน ไม่ต้องห่วงครับ ผมแค่สงสัยเฉยๆ ไม่เอาไปใส่บทความแน่นอน
“แต่ถ้าไม่อยากเปิดเผยก็ไม่เป็นไรนะครับ”
หลี่สือหัวเราะ “ผมเป็นแค่นักลงทุนธรรมดาคนหนึ่งที่ใฝ่เรียนรู้ครับ”
พอเห็นว่าบอสหลี่ไม่เต็มใจบอก ปลายสายก็ไม่คะยั้นคะยอต่อ “วางใจได้เลยครับ ผมจะเขียนบทความเร็วๆ นี้ ต้องออกมาน่าตื่นเต้นแน่นอน!”
หลี่สือนึกอะไรขึ้นได้ “อ้อ มีอีกเรื่องนึงครับ ผมได้ยินมาว่าตอนนี้เมิ่งชั่งมืดแปดด้าน บอสเผยเลยวางแผนจะให้งานเขา แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะได้ทำตำแหน่งไหน”
ปลายสายคิดอยู่ครู่หนึ่ง “โอ้…
“โอเคครับ ผมเข้าใจแล้ว ดูเหมือนจะเป็นข้อมูลที่สำคัญมากๆ เลยครับ
“เดี๋ยวผมเริ่มเขียนเลย จะได้เปิดเผยเรื่องราวเบื้องหลังสาวหน้านิ่งให้โลกได้รู้!”