บ่ายโมงกว่า ที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่งในปักกิ่ง
ฉีเหยียนเพิ่งบอกทีมงานในสถานที่จัดงานเรื่องการเปลี่ยนแปลงกิจกรรมจากบันทึกภาพมาเป็นไลฟ์สตรีม เธอบอกให้กรรมการ ‘ประเมินสาวหน้านิ่งอย่างเข้มงวด’ ด้วย
การเปลี่ยนแปลงกะทันหันทำให้ฉีเหยียนสับสนเล็กน้อย โชคดีที่การเปลี่ยนเปลงทั้งสองอย่างไม่ใช่เรื่องร้ายแรง หลังใช้เวลาอธิบายพักหนึ่ง งานก็ดำเนินต่อได้ตามปกติ
ฉีเหยียนเป็นผู้จัดการแผนกการตลาดของสาวหน้านิ่ง งานของเธอคือทำตามคำสั่งของเมิ่งชั่งและคอยดูแลงานด้านการตลาดต่างๆ ของสาวหน้านิ่ง
หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสาวหน้านิ่ง ฉีเหยียนก็เคว้งไปพักหนึ่งเหมือนพนักงานคนอื่นๆ
เมิ่งชั่งเองก็งานรัดตัว จึงไม่มีเวลามาคุยกับเธอ ฉีเหยียนหางานอยู่สองสามวัน แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะไปไหนดี สุดท้ายก็มีข่าวดีจากสวรรค์ ตำแหน่งหน้าที่ของเธอปลอดภัยแล้ว!
หลังจากเถิงต๋าซื้อกิจการสาวหน้านิ่ง เงินเดือนที่จ่ายล่าช้าก็ได้รับตามปกติ งานสามารถทำได้ต่อตามเดิม!
ฉีเหยียนทั้งดีใจและกังวลในเวลาเดียวกัน
เธอดีใจเพราะไม่ต้องหางานอีกแล้ว เมิ่งชั่งใจป้ำทีเดียวเรื่องการให้เงินเดือนพนักงาน ฉีเหยียนกังวลว่าถ้าย้ายไปบริษัทอื่นแล้วจะไม่ได้เงินเดือนเท่าเดิม
แต่สิ่งที่เธอกังวลมากที่สุดคือเรื่องหน้าที่การงาน
ที่ฉีเหยียนเข้ามาทำงานกับสาวหน้านิ่ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะถูกเสน่ห์ความเป็น ‘ผู้ประกอบการที่สมบูรณ์แบบ’ ของเมิ่งชั่งดึงดูด และรู้สึกว่าน่าจะเรียนรู้จากเขาได้ อีกส่วนเป็นเพราะเธอมองเห็นอนาคตอันรุ่งเรืองของสาวหน้านิ่ง
แต่นอกจากสาวหน้านิ่งจะแน่นิ่งแล้ว ชื่อเสียงยังฉาวโฉ่เป็นที่โจษจันไปทั่ว
ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าสาวหน้านิ่งเป็นโปรเจ็กต์ที่เชื่อถือไม่ได้ ซึ่งก็บอกได้ยากว่าประสบการณ์การทำงานกับบริษัทนี้จะช่วยเพิ่มหรือลดแต้มให้ถ้าทำงานกับสาวหน้านิ่งไปอีกสามถึงห้าปีแล้วค่อยเปลี่ยนงาน
ฉีเหยียนสองจิตสองใจ แต่ก็ตัดสินใจรอดูสถานการณ์ต่อไปก่อนพอรู้ว่าเถิงต๋าคือเจ้าของคนใหม่
เพราะเถิงต๋าก็เป็นบริษัทใหญ่และมีชื่อเสียงดีสุดๆ ยังไงก็เชื่อถือได้
เมิ่งชั่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับสาวหน้านิ่งอีกแล้ว เฮ่อเต๋อเซิ่งจึงส่งงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสาวหน้านิ่งให้ฉีเหยียนดูแล เธอต้องรายงานเรื่องต่างๆ ให้กับเฮ่อเต๋อเซิ่ง และเฮ่อเต๋อเซิ่งก็จะไปรายงานกับบอสเผยต่อ
สาวหน้านิ่งในปัจจุบันเป็นแค่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดธรรมดา แถมกิจการกับชื่อเสียงในตอนนี้ก็ไม่ได้ดีนัก เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะได้รายงานกับบอสเผยตรงๆ
งานใหญ่แรกของฉีเหยียนหลังจากเปลี่ยนเจ้าของคืองานแข่งขันสตรีตฟู้ด
นอกจากงานนี้ กิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่เหลือถูกยกเลิกหมด
ฉีเหยียนไม่รู้ว่าทำไม แต่เธอก็ยังทำตามแผนเดิมต่อ
จริงๆ การเตรียมงามเริ่มไปนานแล้ว มีการส่งผู้เชี่ยวชาญไปยังเมืองต่างๆ ในประเทศเพื่อตามหาร้านอาหารที่มีชื่อเสียง จากนั้นก็จ่ายเงินเชิญให้พวกเขามาที่ปักกิ่งเพื่อร่วมงานแข่งขัน ขณะเดียวกันพวกเขาก็เชิญเชฟภัตตาคารหลายคนที่มีความสามารถด้านการชิมมาเป็นกรรมการ
งานแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้น
ฉีเหยียนหยิบมือถือขึ้นมาดูไลฟ์สตรีม
มีคอมเมนต์วิ่งผ่านหน้าจอประปราย มีคนเข้าไม่ดูไม่เท่าไหร่
ซึ่งก็ไม่แปลก
พวกเขาเปลี่ยนมาเป็นไลฟ์สตรีมกระชั้นชิดเกินไป ฉีเหยียนต้องรีบขอทรัพยากรและพื้นที่สำหรับไลฟ์สตรีมเป็นการเร่งด่วน แต่พื้นที่โฆษณาต่างๆ จัดสรรให้คนอื่นไปหมดแล้ว พวกเขาจึงไม่ได้พื้นที่แนะนำดีๆ ได้มาแค่พื้นที่ธรรมดาๆ
อีกอย่างนี่ก็เป็นบ่ายวันจันทร์ ช่วงนี้มีคนเข้าใช้งานแพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมไม่มากอยู่แล้ว เพราะงั้นจึงแทบไม่มีใครเข้ามาดูเลย
ฉีเหยียนถอนหายใจด้วยความหดหู่
เธอวางแผนไว้ว่าหลังตัดต่อเสร็จจะทุ่มเงินก้อนใหญ่ให้ขึ้นอันดับเว็บอ้ายลี่เต่า แต่ดันเปลี่ยนมาเป็นไลฟ์สตรีมที่ไม่ได้พื้นที่แนะนำแทน แบบนี้จะมีกระแสได้ยังไง
ถ้าสร้างกระแสไม่ได้ แล้วจะจัดงานแข่งขันสตรีตฟู้ดครั้งนี้ไปเพื่ออะไร เงินทั้งหมดก็เสียไปเปล่าๆ สิ
แต่มานึกกังวลตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เธอได้แต่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามยถากรรม
…
เวลาบ่ายสอง งานแข่งขันสตรีตฟู้ดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ!
พิธีกรคู่ชายและหญิงเดินเข้ากล้องแล้วเริ่มแนะนำผู้จัดงานแข่งขัน แขกที่มาร่วมงาน และกฎเฉพาะของงานแข่งขันให้กับผู้ชมโuเวลฺกูดoทคoม
นอกจากกรรมการไม่กี่คนที่มีทักษะด้านการชิมอาหารสูงพอตัวแล้ว ก็มีแขกอีกหลายสิบคนที่มาร่วมชิมอาหารและให้คะแนนร้านต่างๆ
แขกที่มาร่วมงานสามารถแสดงความคิดเห็น ซึ่งน้ำหนักของคะแนนจะสูงกว่า คะแนนของกรรมการกับแขกจะถูกนับรวมเข้าด้วยกันเพื่อคำนวณคะแนนรวม จากนั้นจะเลือกผู้ชนะการแข่งขันสตรีตฟู้ดจากคะแนนรวม
ด้านหลังพิธีกร ร้านอาหารกลุ่มแรกเตรียมตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีผู้เข้าแข่งขันจากต่างเพศและต่างวัย แต่ทุกคนต่างเชิดหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง
ด้านหลังพวกเขามีรถเข็นขายอาหาร การแข่งขันรอบแรกคือ ‘กลุ่มเจียนปิ่ง ’ ผู้เข้าแข่งขันทุกคนนั้นเก่งด้านการทำเจียนปิ่ง
เจ้าของร้านแต่ละคนมีหมายเลขติดอยู่ พวกเขาต้องทำเจียนปิ่งหลายแผ่น แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อให้กรรมการและแขกชิม
หลังจากประเมินเจียนปิ่งเสร็จ ก็มีอาหารข้างทางอื่นๆ อีก
ตัวอย่างเช่น โส่วจัวปิ่ง หมึกย่าง ไส้กรอกทรงเครื่อง เหลียงเฝิ่น เต้าหู้กระทะร้อน โร่วเจียโม๋ บะหมี่เย็นย่าง และอื่นๆ
ฟังจากชื่อก็บอกได้เลยว่าติดดินมากๆ
แน่นอนว่านอกจากอาหารข้างทางทั่วไปแล้ว ยังมีกลุ่มพิเศษ ‘อาหารข้างทางที่ไม่เป็นที่นิยม’ ด้วย โดยจะมีอาหารข้างทางตามร้านข้างทางที่หากินได้ยากมาแข่งกัน
อันที่จริงถ้าพูดถึงอาหารร้านข้างทาง เต้าหู้เหม็นก็น่าจะติดโผกับเขาด้วย แต่เพราะสถานที่จัดงานแข่งขันเป็นพื้นที่ปิด ไม่สามารถระบายกลิ่นได้ง่ายๆ ผู้จัดจึงปฏิเสธเจ้าของร้านเต้าหู้เหม็นด้วยความเสียดายเพื่อให้งานแข่งขันสตรีตฟู้ดเป็นไปด้วยความราบรื่น
วัตถุดิบอาหารข้างทางเหล่านี้คัดเลือกมาล่วงหน้าแล้ว ทางร้านสามารถเลือกได้ตามความต้องการและสูตรของตัวเอง ความแตกต่างในเรื่องรสชาติของอาหารที่ออกมาหลักๆ ขึ้นอยู่กับทักษะในการทำอาหารและการควบคุมไฟ
แน่นอนว่าพอเป็นเรื่องของการประเมินและการแข่งขัน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีความยุติธรรมและเป็นกลางเต็มร้อย เพราะรสชาติและความชอบของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน
แต่การนำคะแนนของกรรมการและแขกที่มาร่วมงานมาประเมินรวมกันทำให้มั่นใจได้ถึงความยุติธรรมของการแข่งขันในระดับสูงสุด สุดท้ายแล้วอาหารที่ได้รับเลือกจะตรงกับรสชาติที่คนทั่วไปชอบ
หลังพิธีกรแนะนำกฎและกรรมการการแข่งขันเสร็จ กล้องก็แพนไปที่ร้านต่างๆ
แต่ละร้านสามารถแนะนำตัวคร่าวๆ ประมาณสองสามประโยค
ทันใดนั้น ภาษาถิ่นจากทั่วประเทศจีนก็ดังขึ้นทีละภาษา สร้างความคึกคักให้กับรายการ
งานจัดที่โรงแรมหรูในปักกิ่ง พื้นปูพรมแดง แม้แต่โต๊ะเก้าอี้ก็ยังดูหรูหรา
เจ้าของร้านต่างสวมชุดเชฟและหมวกเชฟทรงสูง ดูเป็นทางการมากๆ แต่ภาพลักษณ์ก็พังทันทีที่อ้าปาก
พิธีกรทั้งสองคนรับมือได้ค่อนข้างยาก ถ้าไม่ได้ความเป็นมืออาชีพของตัวเอง พวกเขาคงหัวเราะลั่นออกมาแล้ว
ในที่สุดเหล่าเจ้าของร้านก็แนะนำตัวเองเสร็จ
งานแข่งขันเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
เจ้าของร้านประจำตำแหน่งตัวเอง พอพิธีกรให้สัญญาณ เวลาบนหน้าจอก็เริ่มเดิน!
เจ้าของร้านชำนาญสุดๆ พวกเขาตักแป้งธัญพืชผสมเสร็จหนึ่งช้อนเทลงใส่เตา จากนั้นก็หมุนเป็นวงกลมด้วยไม้พาย พอแป้งเริ่มเปลี่ยนสีเล็กน้อย ก็ตอกไข่…
ขั้นตอนนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน แทบทุกคนในงานเคยเห็นมาแล้วหลายครั้ง แต่เทคนิคของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันเล็กน้อย ปริมาณเครื่องปรุง ความร้อนของเตา และรายละเอียดอื่นๆ ไม่เหมือนกัน
แขกที่มางานอดทนรอระหว่างชมการทำอาหารของเจ้าของร้านข้างทาง
ไม่รู้ทำไม จู่ๆ บรรยากาศก็ตึงเครียดขึ้นมา