โดยพื้นฐานแล้ว ฐานทัพกลางทะเลยังถือว่าเป็นเกมออนไลน์ ผู้เล่นมากกว่า 90% หมดเวลาไปกับการเล่นโหมด PVP เทียบกันแล้ว โหมดเนื้อเรื่องเป็นเหมือนส่วนเสริม นานๆ ทีจะมีอัปเดตเนื้อเรื่องเล็กน้อยเพื่อเอาใจชาวเกมเมอร์ผู้คลั่งไคล้การยิงปืนและโปรโมตอาวุธระดับมหากาพย์ชิ้นใหม่ไปพร้อมๆ กัน
ปุ่มโหมดเนื้อเรื่องมีเอฟเฟ็กต์พิเศษเพิ่มขึ้นมาเพื่อบอกใบ้ว่ามีการอัปเดตเนื้อเรื่องใหม่
เฉียวเหลียงกดเข้าโหมดเนื้อเรื่องแล้วถึงกับผงะไป
เพราะโหมดเนื้อเรื่องไม่ได้ยัดเข้ามาในส่วนเดิม แต่ทำแยกออกมาใหม่ต่างหากเลย แค่เริ่มต้นก็น่าประทับใจแล้ว
จุดนี้เฉียวเหลียงรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย เขาคาดการณ์ไว้ว่าเนื้อเรื่องใหม่น่าจะใช้เวลาเล่นแค่สองถึงสามชั่วโมง ทำไมต้องทำแยกออกมาต่างหากด้วย เสียของไปหน่อยรึเปล่า
หรือเนื้อเรื่องส่วนนี้จะค่อนข้างมีความสำคัญ แต่ก็ไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่
เฉียวเหลียงเริ่มเล่นโหมดเนื้อเรื่องใหม่ด้วยความงุนงงเล็กน้อย
…
จอมืดไป จากนั้นเสียงอิเล็กทรอนิกส์ไร้อารมณ์ก็ดังขึ้นในหู “ทีม AS-371-45 ภารกิจเป้าหมาย: ลอบเข้าไปในรังของเซิร์กเพื่อตามหาราชินีเซิร์ก ปฏิบัติการล่าตัดหัว”
เสียงผู้ชายทุ้มต่ำตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “รับทราบ”
ภาพของเกมปรากฏขึ้นบนจอ มุมมองการเล่นยังคงเป็นมุมมองบุคคลที่หนึ่ง ระยะมองเห็นตรงหน้าเป็นภาพแท่นทรงกลมพิเศษ ซึ่งมียูนิฟอร์มรบสกายลาร์ก 3 ถอดแขวนไว้ ตรงไหล่ขวาของชุดมีตัวอักษร ‘อี้’ ติดอยู่
มุมมองบุคคลที่หนึ่งของตัวเอกหยุดชั่วครู่ ก่อนจะเอื้อมไปกดปุ่มด้านข้างแพลตฟอร์มวงกลม
แพลตฟอร์มวงกลมเริ่มหมุน ด้านหลังของยูนิฟอร์มรบสกายลาร์กหันเข้าสู่ระยะมองเห็นของตัวเอก เผยให้เห็นเครื่องร่อนและไอพ่นขนาดเล็กอย่างชัดเจน
ด้านหลังของยูนิฟอร์มรบแยกออกเป็นสองส่วนพร้อมเสียงดัง ‘กริ๊ก’ ตัวเอกเดินเข้าไปด้านใน เสียงเครื่องยนต์กลไกดังขึ้นระรัว ราวกับยูนิฟอร์มทั้งชุดโอบรัดตัวเขาไว้แน่น
มุมมองบุคคลที่หนึ่งแสดงหน้าจอ UI เรืองแสงสีฟ้าอ่อนสุดล้ำ โดยระบุข้อมูลต่างๆ ในสนามรบไว้หมด แม้แต่แผนที่ย่อส่วนยังเปลี่ยนให้ดูล้ำยุคมากขึ้น
เสียงไอพ่นดังขึ้น มุมมองบุคคลที่หนึ่งลอยขึ้น ก่อนจะลงจอดอย่างมั่นคงในเคบิน
หลังจากนั้น ผู้เล่นก็ควบคุมตัวละครให้เคลื่อนที่ไปมาและมองไปรอบๆ ได้อย่างอิสระ
เฉียวเหลียงแปลกใจเล็กน้อยเพราะมันแตกต่างจากที่เขาคิดเอาไว้
เนื้อเรื่องหลักของเกมฐานทัพกลางทะเลเป็นคำบรรยายภาษาอังกฤษกับภาษาจีน แต่เนื้อเรื่องรอบนี้มีเสียงพากย์ภาษาจีน
เสียงอิเล็กทรอนิกส์ไร้อารมณ์ฟังดูเหมือนเสียงปัญญาประดิษฐ์ แต่โทนเสียงพิเศษหน่อย เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
เฉียวเหลียงตั้งใจนึกดูแล้วก็พบว่าเป็นเสียงสไตล์เดียวกับผู้ช่วยเสียงตัวใหม่ของ OTTO
บทสนทนาทำเฉียวเหลียงงง
เนื้อเรื่องเดิมของฐานทัพกลางทะเลเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับไวรัสชีวภาพและซอมบี้ แต่บทสนทนากลับมีคำว่า ‘รังเซิร์ก’ กับ ‘ราชินีเซิร์ก’ โผล่มา
หน้า UI ของมุมมองที่หนึ่งก็เปลี่ยนไปด้วย ทำเอาเขาคิดว่ากำลังอยู่ในหนังไซไฟ
ที่บ้าบอที่สุดคือยูนิฟอร์มรบ
เฉียวเหลียงมองผ่านๆ เห็นเครื่องปฏิกรณ์ขนาดเล็ก ปืนไรเฟิลรางแม่เหล็กขนาดใหญ่ และเครื่องควบคุมแรงโน้มถ่วงบนยูนิฟอร์มรบเทคโนโลยีล้ำสมัย เห็นได้ชัดเลยว่าเนื้อเรื่องไม่ใช่ช่วงเวลาเดียวกับเนื้อเรื่องหลักของเกมฐานทัพกลางทะเล
ฉากเปิดอันเรียบง่ายทำให้เฉียวเหลียงตระหนักว่า DLC นี้ไม่มีความเชื่อมโยงกับพล็อตของฐานทัพกลางทะเล แต่เป็นเรื่องราวแนวไซไฟ
เฉียวเหลียงหันหลังไปพบกับสมาชิกทีมสี่คนซึ่งสวมยูนิฟอร์มแบบเดียวกัน แต่ลวดลายไม่เหมือนกัน
ภารกิจกำลังจะเริ่มขึ้น สมาชิกทั้งสี่มีท่าทีตอบสนองต่างกันไป บางคนเล่นมุกตลกผ่อนคลายบรรยากาศ บางคนนิ่งเงียบและแค่ยิ้มตอบ
ถึงจะมีเสียงพากย์ภาษาจีน แต่ก็ยังมีซับไตเติ้ลอยู่ ชื่อของแต่ละคนปรากฏในซับไตเติ้ล ได้แก่ สวีไข่เล่อ เมิ่งอวี่ เจ้าหย่งซิ่ว และอูเซ่าจวิน
ทั้งสี่คนมีนิสัยแตกต่างกันไปและสวมยูนิฟอร์มที่มีลวดลายต่างกัน เฉียวเหลียงจึงจำแต่ละคนได้อย่างรวดเร็ว
หลังเตรียมการง่ายๆ เสร็จ สมาชิกทั้งสี่คนก็ยืนรวมกันอยู่หน้าทางออกเคบินโดยเว้นที่ไว้ให้ฉินอี้ซึ่งเป็นตัวเอก
เฉียวเหลียงคุมฉินอี้เดินไปหา ประตูเคบินเปิดขึ้นทันที สมาชิกทีมทุกคนในยูนิฟอร์มสกายลาร์กร่วงลงไปอย่างรวดเร็ว!
เฉียวเหลียงเดาว่าพวกเขาน่าจะกระโดดลงจากยานบินลำใหญ่
ด้านล่างเป็นพื้นดินสีแดงสด
กลางท้องฟ้า ยานบินนับไม่ถ้วนและฝูงเซิร์กแสนดุร้ายกำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด มองลงไปพื้นดินจะเห็นกองทัพเซิร์กกำลังบุกโจมตีแนวป้องกันของมนุษย์เหมือนคลื่นถาโถม ควันโขมงและเปลวไฟลุกโชนทุกแห่งหนทำให้เฉียวเหลียงตระหนักว่านี่คือสนามรบในอีกจักรวาลหนึ่งซึ่งโหดร้ายเกินจินตนาการ
สมาชิกทีมรักษาขบวนรบระหว่างทิ้งตัวดิ่งสู่ถ้ำมืดบนผืนดิน
ฉากที่ยาวเพียงไม่กี่นาทีนี้ใช้แอนิเมชันซึ่งเรนเดอร์แบบเรียลไทม์ ถึงต้นทุนจะไม่สูง แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาดูดี บอกผู้เล่นถึงสถานการณ์ปัจจุบันได้ชัดเจน
หลังจากดิ่งเข้าสู่ถ้ำมืดมิด เฉียวเหลียงก็กลับมาควบคุมตัวละครได้อีกครั้ง จากนั้นเรื่องราวก็เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ
ไม่จำเป็นต้องมีการแนะนำการเล่น เพราะการควบคุมพื้นฐานอย่างการเคลื่อนที่ การยิง และการเปลี่ยนอาวุธนั้นเหมือนตัวเกมหลักทุกอย่าง
เซิร์กตัวอ่อนและมดงานบางส่วนโผล่ออกมาจากส่วนลึกของถ้ำ ก่อนจะโดนกวาดล้างอย่างรวดเร็วด้วยอำนาจการยิงสุดทรงพลังโนเวลกูดอทคoม
เฉียวเหลียงตกใจเมื่อได้เล่นเกมจริงๆ ฉันโคตรโกงเลย!
เขากดคลิกเมาส์ซ้ายเบาๆ ปากกระบอกปืนขนาดใหญ่พ่นไฟลุกโชนออกมาทันที ความแรงและอำนาจการยิงนั้นเหนือกว่าปืนของเกมฐานทัพกลางทะเลหลายเท่า
ไม่ใช่แค่อำนาจการยิง จำนวนกระสุนในแม็กกาซีน ความเร็วการเปลี่ยนแม็กกาซีน แรงถีบของปืน และจุดอื่นๆ ก็แตกต่างกันลิบลับ!
ถึงจะไม่ได้เล่นฐานทัพกลางทะเลบ่อย แต่เฉียวเหลียงก็คุ้นเคยกับวิธีการควบคุมแรงถีบปืนพื้นฐานในเกม FPS ส่วนใหญ่ เขาพบว่าตัวเองไม่ต้องคุมเมาส์เลย เพราะแรงถีบปืนน้อยมาก กลายเป็นว่าเล็งยิงทุกจุดได้แม่นยำสุดๆ!
แต่ฟังก์ชันไร้แรงถีบตัวเหมือนจะมีเวลาคูลดาวน์ ต้องรอสักพักถึงจะกลับมาใช้ได้ใหม่
เมื่อเทียบกับเกม FPS เกมอื่นๆ แล้ว เกมฐานทัพกลางทะเลลดแรงถีบปืนลงด้วยระดับความยากของตัวเกม แต่ก็ไม่ได้ลดจนเว่อร์ขนาดนั้น
ไม่ใช่แค่นั้น ยังมีอีกหนึ่งอย่างที่บ้ามากกว่า
โหมดปกติของเกมฐานทัพกลางทะเลใช้ Space Bar ในการกระโดด แต่ในโหมดนี้ ถ้ากดเบาๆ จะเป็นการกระโดด ซึ่งความสูงในการกระโดดก็สูงกว่าระดับทั่วไปมาก ถ้ากดค้างไว้ ไอพ่นด้านหลังจะปล่อยแรงดันลมพาผู้เล่นลอยขึ้นกลางอากาศ แถมยังกดปุ่มลูกศรทิศทางควบคู่ไปด้วยเพื่อพุ่งในระยะสั้นๆ ได้
ที่เท้ามีเครื่องควบคุมแรงโน้มถ่วงซึ่งช่วยให้สไลด์บนกำแพงได้ เวลาตกจากที่สูงก็ไม่ได้รับความเสียหายอะไร
ในฟังก์ชันพิเศษมีฟังก์ชัน ‘พรางตัวทางยุทธวิธี’ เมื่อเปิดใช้งานแล้วจะเข้าสู่สถานะกึ่งโปร่งใส ความเร็วการเคลื่อนที่อาจจะช้าลง แต่ก็ทำให้ไม่ดึงดูดความสนใจจากเซิร์ก
ที่บ้ายิ่งไปกว่านั้นคือหมวกนิรภัยที่ใส่ระบบตรวจจับอินฟราเรด การนำทางภูมิประเทศ การคำนวณขีปนาวุธ และฟังก์ชันอื่นๆ เข้ามาด้วย การนำทางภูมิประเทศเป็นแผนที่สามมิติขนาดย่อส่วน การคำนวณขีปนาวุธจะระบุวิถีกระสุนและมีส่วนสำคัญเวลาที่ฟังก์ชันไร้แรงถีบปืนติดคูลดาวน์ เพราะช่วยในการระบุทิศทางการยิงให้ผู้เล่น
ฟังก์ชันคำนวณขีปนาวุธมีโหมดเสริมพลังด้วย เมื่อเปิดใช้งานจะล็อกเป้าและเล็งศัตรูอัตโนมัติ ผู้เล่นกดยิงแบบปล่อยใจได้เลย
ฟังก์ชันตรวจจับยิ่งโคตรบ้า ว่าง่ายๆ คือช่วยระบุตำแหน่งเซิร์กได้เลย
จะเรียกว่าไงดี แบบนี้เรียกว่าไม่โกงก็คงไม่ได้
ไม่ใช่แค่มองทะลุได้ แต่เป็นการโกงที่รวมการบิน การมองทะลุ ลดแรงถีบปืน ล่องหน และการเล็งอัตโนมัติเข้าไว้ด้วยกัน!
ถ้าเอาระบบพวกนี้มาใช้ในโหมดปกติของเกมฐานทัพกลางทะเล ผู้เล่นแค่คงเดียวคงถล่มยับทั้งเมืองได้เลย
พลังการรบที่ยกระดับขึ้นมาทำให้เฉียวเหลียงรู้สึกสนุกขึ้น เขาตื่นเต้นเอามากๆ
ระหว่างที่เนื้อเรื่องดำเนินไป สมาชิกทั้งสี่คนก็มีบทพูดเรื่อยๆ ปัญญาประดิษฐ์ AEEIS เองก็คอยออกคำสั่งอย่างต่อเนื่อง
เฉียวเหลียงดำดิ่งสู่ความเพลิดเพลินใจในการต่อสู้กับเหล่าเซิร์กจนลืมเวลา
แต่สถานการณ์ก็เริ่มแปลกขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเนื้อเรื่องคืบหน้าไป
จำนวนเซิร์กเพิ่มมากขึ้น การต่อสู้เริ่มยากขึ้น สมาชิกทีมเริ่มคลางแคลงใจขึ้นมาทีละคน พวกเขาพบชิ้นส่วนยูนิฟอร์มรบสกายลาร์กในถ้ำ สมาชิกต้องพลีชีพกันทีละคนระหว่างปฏิบัติภารกิจ…
เฉียวเหลียงติดงอมแงมโดยไม่รู้ตัว
การออกแบบเนื้อเรื่องทั้งหมดค่อนข้างร้ายกาจทีเดียว ช่วงต้นจะหลอกล่อผู้เล่นด้วยภารกิจง่ายๆ แต่พอยิ่งถลำลึกลงไป ภารกิจก็ยากขึ้นเรื่อยๆ เนื้อเรื่องตึงเครียดขึ้น ผู้เล่นไม่สามารถหยุดเล่นได้
การพลีชีพของเพื่อนร่วมทีมและปมปริศนาต่างๆ ทำให้ผู้เล่นอยากเล่นต่อจนจบ
สุดท้ายเฉียวเหลียงก็ได้พบราชินีเซิร์ก ฉากเหตุการณ์ทั้งหมดสั่นสะเทือน เพดานถล่ม กำลังเสริมมนุษย์บุกมาถึง…
แต่เปลือกตาของตัวเอกเหมือนจะเริ่มหนัก หลังจากกะพริบตาสองสามครั้งก็ปิดสนิทไป เนื้อเรื่อง DLC จบลงทั้งอย่างนั้น
เฉียวเหลียงตะลึงงันไป
“หา? จบแล้วเหรอ
“ให้ตายเถอะ นี่ไม่ใช่ DLC เกมฐานทัพกลางทะเล แต่เป็นการโปรโมตเกมใหม่ครั้งใหญ่ของบอสเผย!”
หลังจากเล่น DLC จนจบ เฉียวเหลียงก็ตระหนักว่าตัวเองโดนหลอกเข้าให้
พอหันไปมองเวลา ก็พบว่าตอนนี้ทุ่มนึงแล้ว!
เสียงกริ่งประตูดังขึ้น โมหยูเดลิเวอรี่มาส่งอาหารเย็นตรงเวลา
เฉียวเหลียงเปิดประตูออกไปรับอาหาร เขาเพิ่งตระหนักว่าตัวเองเล่นเกมมาหลายชั่วโมงแล้ว
หลังกินข้าวเที่ยง เขาเล่นโหมดเกิดใหม่ของเกมกลับใจคือฟากฝั่งประมาณสองชั่วโมง แล้วไปเล่นเนื้อเรื่องใหม่ของฐานทัพกลางทะเลต่อ ดูเหมือนว่าจะใช้เวลาอย่างน้อยห้าชั่วโมงในการเล่นจนจบ
เฉียวเหลียงอึ้งไป “ไหนบอกว่าเป็น DLC ธรรมดาไง ฉันคิดว่าน่าจะยาวประมาณสองชั่วโมง สุดท้ายปาไปห้าชั่วโมง!
“ดีกว่าเกมก่อนหน้านี้อีก!
“บอสเผยช่างประเสริฐจริงๆ ที่ให้ DLC ดีๆ กับอาวุธระดับมหากาพย์กับเรา…
“เอ๊ะ เดี๋ยวนะ ฉันลืมอะไรไปรึเปล่า”
เฉียวเหลียงเกาหัวด้วยความงุนงง เขาหันไปมองเวลาและนึกอะไรขึ้นได้ “โอ๊ย ฉันลืมดูลีก GPL! ไอ้บ้าเอ๊ย!”
