ช่วงที่ผ่านมา บอสหลิวกังวลเรื่องเงินทุนมาก
เขาพยายามใช้เงินอย่างระมัดระวัง แต่เงินก็ไม่พอใช้อยู่ดี
ปัญหาเลยอยู่ที่จะไปหาเงินเพิ่มจากไหน
เขาได้เงินทุนก้อนใหญ่มาจากเถิงต๋า แต่ก็ยังสร้างผลลัพธ์อะไรไม่ได้มาก จึงไม่กล้าขอเงินเพิ่ม
แต่ถ้าไม่ได้เงินจากเถิงต๋า ไปขอจากที่อื่นน่าจะยากยิ่งกว่า
เขาไม่คิดเลยว่าสุดท้ายแล้ว ในตอนที่คิดไม่ตกอยู่ เฮ่อเต๋อเซิ่งจะติดต่อเข้ามาเอง ช่างอบอุ่นหัวใจจริงๆ
แสดงว่าเถิงต๋าคาดหวังกับโปรเจ็กต์นี้มาก ทั้งในแง่เงินทุนและความเชื่อมั่น ทุกคนได้รับกำลังใจเพิ่มขึ้น
ดังนั้นบอสหลิวจึงซาบซึ้งใจสุดๆ และขอบคุณเฮ่อเต๋อเซิ่งไม่หยุด
เฮ่อเต๋อเซิ่งยิ้ม “คุณไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ ผมแค่ทำตามคำสั่งของบอสเผย”
บอสหลิวรีบพูดขึ้น “ผมเข้าใจครับ แต่ยังไงก็ขอบคุณมากๆ นะครับ! ขอบคุณทั้งบอสเผยและบอสเฮ่อที่ให้การสนับสนุนและเชื่อมั่นในบริษัทของเราครับ!
“ผมกับพนักงานจะตั้งใจทำงานกันให้หนักขึ้นอีก!”
เฮ่อเต๋อเซิ่งโทรหาบริษัทขนาดเล็กที่ไม่มีแววทำกำไรในระยะสั้นอีกสองแห่งเพื่อบอกเรื่องให้เงินทุนเพิ่ม ทั้งสองที่ต่างก็ดีใจและซาบซึ้งกันสุดๆ
สำหรับพวกเขาแล้ว การกระทำของเถิงต๋าและบริษัทลงทุนหยวนเมิ่งเป็นเรื่องที่อบอุ่นหัวใจมาก!
บริษัทขนาดเล็กเหล่านี้ตกอยู่ในสถานการณ์แตกต่างกันไป โอกาสสำเร็จก็สูงต่ำต่างกัน แต่ส่วนใหญ่ก็อยากให้โปรเจ็กต์ตัวเองสำเร็จ
เนื่องจากเรื่องการเงินของบริษัทเหล่านี้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของเถิงต๋า พวกเขาจึงเล่นเล่ห์เหลี่ยมอะไรไม่ได้ ผลประโยชน์ของทุกฝ่ายสอดคล้องกัน ถ้าโปรเจ็กต์สำเร็จ นอกจากนักลงทุนจะได้เงินแล้ว บอสและพนักงานในบริษัทก็ได้เงินด้วย
ในสถานการณ์ขาดแคลนเงินทุนแบบนี้ ความใจบุญสุนทานของเถิงต๋าถือเป็นสิ่งที่น่าประทับใจมาก
เฮ่อเต๋อเซิ่งโทรหาเมิ่งชั่งเป็นคนสุดท้าย
“ฮัลโหลครับ บอสเฮ่อ!” เสียงกระตือรือร้นของเมิ่งชั่งดังมาจากปลายสาย
เฮ่อเต๋อเซิ่งอดรู้สึกชื่นใจขึ้นมาไม่ได้ ในสายตาของคนอื่น เมิ่งชั่งเป็นผู้ประกอบการที่สมบูรณ์แบบสุดๆ
ภาพลักษณ์ดี มีวาทศิลป์ พูดให้คนคล้อยตามได้ ปฏิบัติงานดี มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และกระตือรือร้นมาก ไม่ว่าจะตอนไหน เขาก็ทุ่มแรงกายแรงใจให้กับงานเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เสมอ…
ข้อดีเหล่านี้รวมอยู่ในคนคนเดียว ถึงจะมีข้อบกพร่องเล็กน้อย นักลงทุนส่วนใหญ่ก็มักจะมองข้ามกันโดยไม่รู้ตัว
เฮ่อเต๋อเซิ่งพูดขึ้น “บอสเมิ่ง ยินดีด้วยนะครับ บอสเผยตัดสินใจลงทุนกับแบรนด์สาวหน้านิ่งเพิ่มอีกหกล้านหยวน”
อีกฝั่งของปลายสาย เมิ่งชั่งผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้สึกลิงโลดใจขึ้นมา
ในที่สุด!
ในที่สุดเขาก็ได้รับเงินลงทุนเพิ่มจากบอสเผย!
นับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์สาวหน้านิ่ง เมิ่งชั่งทุ่มเทกับแบรนด์เต็มที่ ตั้งแต่สไลด์นำเสนอตอนแรกสุด มางานโชว์เคสแบรนด์ ตลอดจนร้านค้าที่เพิ่งเปิดและกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ…
เขาพยายามสร้างความประทับใจให้กับนักลงทุนเต็มที่!
ในบรรดานักลงทุนทั้งหมด เมิ่งชั่งเป็นห่วงบอสเผยมากที่สุด บอสเผยเป็นนักลงทุนอัจฉริยะ ขอแค่ได้เงินลงทุนจากบอสเผย ก็ขอเงินลงทุนจากคนอื่นได้ง่ายๆ!
จริงๆ แล้ว จนถึงตอนนี้มีนักลงทุนหลายคนติดต่อเมิ่งชั่งเข้ามาขอลงทุนกับแบรนด์สาวหน้านิ่งเป็นการส่วนตัว
แต่เมิ่งชั่งไม่รับข้อเสนอ
สำหรับเขา เงื่อนไขของนักลงทุนเหล่านี้โหดเกินไป
บางคนต้องการหุ้นมากเกินไป บางคนต้องการให้เซ็นสัญญาคุ้มครองมูลค่าเงินลงทุน บางคนต้องการให้ยอมรับเงื่อนไขการลงทุนที่มีข้อตกลง เช่น สิทธิ์ในการขายก่อนของนักลงทุน และข้อจำกัดในการโอนหุ้นของผู้ก่อตั้ง
สิทธิ์ในการขายก่อนคือ ข้อตกลงระหว่างนักลงทุนและผู้ก่อตั้งในกรณีที่เมื่อมีบุคคลที่สามเสนอขอซื้อหุ้น นักลงทุนมีสิทธิ์ขายก่อนภายใต้เงื่อนไขและข้อกำหนดเดียวกัน ส่วนข้อจำกัดในการโอนหุ้นคือ ผู้ก่อตั้งไม่มีสิทธิ์ขายหุ้นก่อนถึงช่วงที่กำหนด (เช่น IPO และ M&A[1])
ว่าง่ายๆ คือ เป็นการจำกัดการขายหุ้นของผู้ก่อตั้งแบรนด์
จริงๆ ก็เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป สำหรับนักลงทุนแล้ว การลงทุนในโปรเจ็กต์ก็คือการลงทุนในคน ถ้าผู้ก่อตั้งถอนเงินทุนและออกจากบริษัทหลังนักลงทุนลงเงินและผลักดันมูลค่าของบริษัทขึ้นมาแล้ว บริษัทจะพัฒนาต่ออย่างรวดเร็วได้ยังไง
แน่นอนว่านักลงทุนก็หวังว่าผู้ก่อตั้งจะใช้ชีวิตอย่างยากลำบากตลอดไป เพื่อที่พวกเขาจะได้ตั้งใจพัฒนาธุรกิจและทำเงินให้เหล่านักลงทุน
สำหรับเมิ่งชั่งแล้ว เงื่อนไขพวกนี้เป็นเงื่อนไขที่ยอมรับไม่ได้แน่นอน
ฉันลงแรงไปมากขนาดนี้เพื่อถอนเงินออกมา แต่พวกแกจะไม่ให้ฉันถอนเงินเนี่ยนะ
จะให้ฉันทำงานหลังขดหลังแข็งเพื่อพวกแกไปตลอดชีวิตเหรอ
ดังนั้นเมิ่งชั่งจึงไม่ยอมรับเงื่อนไขเหล่านี้ และรอให้ถึงโอกาสที่ตัวมีสิทธิ์มีเสียงในการเจรจามากขึ้น
ถ้าบริษัทพัฒนาเร็วเกินไปและกลายเป็นเค้กยอดนิยมที่ใครๆ ก็อยากเข้ามาขอส่วนแบ่ง นักลงทุนก็จะแห่แหนเข้ามาเสนอเงินทุนให้เอง และเมิ่งชั่งก็ไม่จำเป็นต้องเซ็นสัญญายอมรับข้อจำกัดพวกนี้
การลงทุนของบอสเผยเป็นโอกาสที่ดีมาก
เพราะบอสเผยเป็นเจ้าพ่อการลงทุนในสายตาใครหลายคน ถ้าบอสเผยลงทุนหกล้านหยวนกับแบรนด์สาวหน้านิ่ง ก็ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่าจะมีคนลงทุนตามโดยผ่อนปรนเงื่อนไขลง
นี่เป็นก้าวที่สำคัญมากสำหรับเมิ่งชั่ง!
เนื่องจากเขาผลาญเงินเร็วไป ถ้าเงินหมดกลางทาง คงตกอยู่ในสถานการณ์ชวนกระอักกระอ่วนแน่
โชคดีที่บอสเผยเคลื่อนไหวแล้ว!
เมิ่งชั่งข่มอารมณ์ดีใจเอาไว้ “ขอบคุณครับบอสเฮ่อ ขอบคุณไปถึงบอสเผยด้วย ผมจะ…”
ก่อนจะทันได้พูดจบ เฮ่อเต๋อเซิ่งก็พูดขัดขึ้นก่อน “เดี๋ยวครับ บอสเผยกำหนดเงื่อนไขไว้ครับ
“เงื่อนไขที่ว่าคือ คุณต้องเก็บเรื่องเงินลงทุนหกล้านหยวนของเถิงต๋าไว้เป็นความลับ ห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้สู่สาธารณะ ถือเป็นเงื่อนไขการรักษาความลับในสัญญาการลงทุนที่คุณไม่สามารถละเมิดได้”
เมิ่งชั่ง “?” пᴏveʟɢᴜ.cᴏᴍ
ตอนแรกเขาแสนลิงโลดใจ แต่พอได้ยินเงื่อนไข เขาก็รู้สึกเหมือนโดนทุบจนหมดสติ
เก็บเป็นความลับ?
ทำไมล่ะ
เมิ่งชั่งงงงวย
ถ้าเป็นนักลงทุนคนอื่น พวกเขามักจะจำกัดไม่ให้ผู้ก่อตั้งขายหุ้นเพื่อนำเงินออก แต่เมิ่งชั่งกล้าฟันธงว่าบอสเผยจะไม่ทำแบบนั้น เพราะบอสเผยไม่เคยวางข้อจำกัดที่คล้ายๆ กันนี้ตอนลงทุน
เพราะงั้นเขาจึงให้ความสำคัญกับการลงทุนของบอสเผยมาก
ความเป็นจริงพิสูจน์แล้วว่าเขาคิดถูก บอสเผยไม่ได้วางข้อจำกัดแบบนั้นจริงๆ แต่เขาไม่คิดเลยว่าบอสเผยจะมีข้อจำกัดเรื่องการรักษาความลับ!
ข้อจำกัดนี้จี้จุดอ่อนเมิ่งชั่งเข้าอย่างจัง ถึงจะไม่ร้ายแรง แต่ก็ทำให้เขาอึดอัดมาก!
เมิ่งชั่งต้องการเงินก้อนนี้ไหม แน่นอนว่าใช่ แต่เป้าหมายของเขาไม่ใช่แค่ผลาญเงินกับแบรนด์สาวหน้านิ่งเพิ่มอีกหนึ่งถึงสองเดือน แต่ต้องการระดมทุนจากนักลงทุนเพิ่มและผลักดันมูลค่าของบริษัท
พูดอีกอย่างคือ เขาต้องบอกเรื่องนี้ออกไปเพื่อให้นักลงทุนเห็นคุณค่า
ไม่งั้นหกล้านหยวนที่ได้มาก็ทำได้แค่ผลาญกับแบรนด์สาวหน้านิ่งเพิ่ม
แต่เมิ่งชั่งก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ปฏิเสธเงินก้อนนี้
เพราะบอสเผยไม่ได้จำกัดผู้ก่อตั้งจากการขายหุ้น เทียบกับเงื่อนไขของนักลงทุนคนอื่นแล้วถือว่าดีกว่ามาก
อีกอย่างเขาก็ต้องรักษาชื่อเสียงของแบรนด์สาวหน้านิ่ง ยังต้องผลาญเงินต่อไป ห่วงโซ่เงินทุนจะพังทลายไม่ได้ เพราะถ้าพังก็จะไปต่อไม่ได้อีก
ดังนั้นเงินก้อนนี้จึงอยู่สูงกว่าเกณฑ์ต่ำสุดที่เมิ่งชั่งตั้งไว้เล็กน้อย ถ้าปฏิเสธไปก็น่าเสียดาย แต่เอามาก็ใช้ประโยชน์ไม่ได้มาก
เฮ่อเต๋อเซิ่งที่ปลายสายถามขึ้น “มีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ”
เมิ่งชั่งรีบตอบกลับทันที “ไม่มีปัญหาเลยครับ!”
เฮ่อเต๋อเซิ่งไม่ได้พูดอะไรมาก แค่ให้กำลังใจในการทำงานต่อไปแล้ววางสาย
เมิ่งชั่งถอนหายใจยาวด้วยสีหน้าเป็นกังวล
หลังจากผ่านประสบการณ์ครั้งก่อนๆ มา เมิ่งชั่งก็รู้ดีว่ามัวมาคิดมากกับเรื่องนี้ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร บอสเผยเป็นคนแน่วแน่เด็ดขาดจนไม่เปิดโอกาสให้ต่อรอง
ถ้าเขาไม่รับเงินมาตอนนี้ ก็อาจจะไม่ได้อีกในอนาคต เทียบกับข้อจำกัดเรื่องการขายหุ้นแล้ว รับเงินก้อนนี้มาสบายใจกว่าเห็นๆ
เมิ่งชั่งอดทึ่งขึ้นมาไม่ได้ บอสเผยช่างยากจะหยั่งถึงจริงๆ ตั้งแต่ที่เริ่มติดต่อจนถึงตอนนี้ การเคลื่อนไหวทุกอย่างของบอสเผยทำเขาอึดอัดสุดๆ
ตอนที่เมิ่งชั่งได้เงินทุนก้อนแรกมา เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับเงื่อนไขของเถิงต๋าเรื่องผู้จัดการการเงิน ตอนนี้มีเงื่อนไขเรื่องการเก็บความลับเพิ่มเข้ามาอีก
ถ้าต้องให้คะแนนความพึงพอใจ ความพึงพอใจของเมิ่งชั่งน่าจะอยู่ราวๆ หกสิบ
ถ้าคะแนนต่ำกว่านี้ เมิ่งชั่งอาจจะยอมแพ้และคงไม่มีแบรนด์สาวหน้านิ่งเกิดขึ้นมา
บอสเผยคุมคะแนนอยู่ในเกณฑ์พอดีเป๊ะ เหยียบอยู่เกณฑ์ต่ำสุดของเมิ่งชั่ง ยอมให้เขาตั้งแบรนด์ได้ แต่อีกฝ่ายก็มักจะมีข้อจำกัดในจุดที่ดูไม่สำคัญ แต่ทำให้เมิ่งชั่งอึดอัดสุดๆ เสมอ
ที่เมิ่งชั่งกังวลที่สุดคือ บอสเผยอ่านความคิดเขาออกรึเปล่า
บอสเผยวางข้อจำกัดแบบนี้กับนักลงทุนทุกคนไหม
เมิ่งชั่งรู้ดีว่าบอสเผยส่งบอสหม่าไปให้บทเรียนเขาในงานโชว์เคสแบรนด์ การเคลื่อนไหวระดับนี้เหมือนการรำมวยไทเก๊ก คือออกท่าเท่าที่จำเป็น ไม่ได้รุนแรงเกินไป แต่ก็ไม่ได้ยั้งมือเช่นกัน
การเคลื่อนไหวของบอสเผยทำให้เมิ่งชั่งรู้สึกเหมือนมีหมาป่าที่นิ่งมากๆ ตามเขาอยู่ห่างๆ
ถึงจะดูเหมือนไม่ใส่ใจอะไร แต่ก็ทำให้ขนลุกซู่
หมาป่าตัวนี้อาจจะเดินผ่านไปโดยไม่ทำร้ายเขา แต่ก็อาจจะกระโดดมาตะครุบตัวกดลงพื้นแล้วกะซวกเข้าที่คอ ก็ได้
วิธีการรักษาระยะห่างจากเมิ่งชั่งของบอสเผยไม่ส่งผลร้ายต่อผลประโยชน์หลักแต่ก็ไม่ได้เลิกคุกคามเขา
เขารู้สึกหวั่นไหว แต่ก็ยังคลางแคลงใจอยู่ ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า
มันขัดแย้งกันมากๆ
แต่ถึงจุดนี้แล้ว เมิ่งชั่งคิดว่าตัวเองอยู่ห่างจากความสำเร็จแค่ก้าวเดียว ไม่มีเหตุผลอะไรให้ยอมแพ้
คิดได้แบบนั้น เมิ่งชั่งก็สงบใจลงและตัดสินใจยึดตามแผนเดิมต่อ
ถึงบอสเผยจะวางข้อจำกัดบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้จำกัดเขาทุกด้าน ยังไงก็ยังมีช่องให้เมิ่งชั่งเดินหน้าได้ต่อ
………………………
[1] IPO (Initial Public Offering) การเสนอขายหุ้นครั้งแรกของบริษัทให้กับสาธารณะชน/ M&A (Mergers and Acquisitions) การที่บริษัทตั้งแต่สองบริษัทขึ้นไปควบรวมกิจการเข้าด้วยกันแล้วเกิดเป็นบริษัทใหม่