ไม่นานหลังจากอูจื้อเฉิงได้ชานม ชายผมหยักศกเล็กน้อยสวมแว่นกรอบดำก็เดินเข้ามาหา
“สวัสดีครับ ผมชื่อสีเฮ่า เป็นผู้ดูแลฝ่ายธุรการที่นี่ ผมจะช่วยผู้พัฒนาเกมเรื่องแผนการพัฒนาเกม งบประมาณ กระบวนการพัฒนา และอื่นๆ สรุปคือ ผมเป็นเหมือน ‘ผู้จัดการ’ คอยช่วยงานคุณ ถ้าต้องการอะไรก็เรียกผมได้ทุกเมื่อเลยครับ
“เดี๋ยวผมพาคุณไปที่โต๊ะทำงานและพาชมรอบๆ ศูนย์พัฒนานะครับ”
อูจื้อเฉิงรีบลุกยืนแล้วจับมือกับสีเฮ่า “รบกวนด้วยครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ต่อจากนี้ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
สีเฮ่าตบบ่าอีกฝ่ายพร้อมกับยิ้มให้ “ไม่ต้องพิธีรีตองอะไรมากก็ได้ครับ ต่อจากนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ผมเองก็เพิ่งเข้ามาทำงานในฝ่ายธุรการเหมือนคนอื่นๆ พวกเราเป็นเด็กใหม่กันหมดเลย
“อีกอย่าง ฝ่ายธุรการของศูนย์พัฒนาก็ไม่ได้มีหน้าที่บริหารจัดการ แต่เป็นคนคอยให้บริการ คุณรับผิดชอบเรื่องรังสรรค์ผลงาน ส่วนเรามีหน้าที่จัดการบริการต่างๆ งานของคุณสำคัญกว่าพวกเราอีกครับ”
ทั้งสองคุยกันระหว่างเดินเข้าไปในออฟฟิศ
นอกจากหาพื้นที่สำนักงานแล้ว ชิวหงยังมีงานสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำในช่วงนี้เพื่อให้ศูนย์พัฒนาเปิดทำการได้ตามปกติ นั่นก็คือการรับพนักงาน
ถ้าให้ส่งเรซูเม่เข้ามาสมัครงานคงไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าไหร่ ชิวหงเลยใช้เส้นสายในแวดวงเกมเมืองปักกิ่งคัดกลุ่มคนผ่านการคัดเลือกภายใน
สีเฮ่ามีประสบการณ์พัฒนาเกมมามากกว่าสี่ปีและเคยเป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผนในบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่ง ถึงเขาจะไม่ได้เก่งทุกด้าน แต่ก็เก่งพอที่จะตอบความต้องการของโปรเจ็กต์ทั่วไป
อีกอย่างถึงสี่ฮ่าวจะขาดความคิดสร้างสรรค์ในด้านการออกแบบเกม แต่จุดแข็งของเขาคือเป็นคนจริงจัง ละเอียดรอบคอบ และมีความรับผิดชอบงานต่อของตัวเองสุดๆ
ดังนั้นหลังจากพิจารณาอยู่พักหนึ่ง ชิวหงก็คิดว่าสีเฮ่าเป็นคนที่เหมาะมากและตัดสินใจให้เขารับผิดชอบดูแลการดำเนินงานทั่วไปของศูนย์พัฒนา
ฝ่ายธุรการของศูนย์พัฒนาไม่ได้ดูแลเรื่องการจัดการบริหาร แต่เป็นเหมือนเป็ดที่ทำได้ทุกอย่าง
ที่นี่มีทีมงานพิเศษช่วยดูแลเรื่องการเงิน กฎหมาย และงานภาพ ขณะเดียวกันก็มีผู้เชี่ยวชาญที่คอยดูแลเรื่องการพัฒนาแผนและบริหารโปรเจ็กต์ด้วย
สรุปแล้ว ชิวหงหาทีมงานสนับสนุนทั้งหมดที่คิดไว้ว่าผู้พัฒนาเกมอินดี้น่าจะต้องการมาไว้ที่นี่หมด
ฝ่ายธุรการของศูนย์พัฒนามีทีมงานประมาณสิบคน ถึงจะไม่เยอะมาก แต่ก็ตอบโจทย์ทุกความต้องการครบ พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ประมาณหนึ่งในแวดวงที่เกี่ยวข้อง
สีเฮ่าพาอูจื้อเฉิงไปที่โต๊ะทำงานข้างหน้าต่าง “ต่อไปนี้ นี่จะเป็นโต๊ะทำงานของคุณครับ บัตรพนักงานกำลังทำอยู่ น่าจะเสร็จเร็วๆ นี้ครับ
“ส่วนนี่คือบัตรผ่าน ต่อไปเวลามาทำงาน ใช้บัตรนี้รูดที่ชั้นหนึ่งได้เลยครับ ไม่ต้องลงชื่อแล้ว
“ฝ่ายธุรการของเราอยู่แถวหน้าต่างบานนั้น ถ้าระหว่างทำงานเจอปัญหาอะไรก็ไปหาเราได้ทุกเมื่อเลยครับ
“เช้านี้ รบกวนย้ายข้อมูลและทรัพยากรจากคอมพิวเตอร์ของคุณลงคอมพิวเตอร์ที่ออฟฟิศ แล้วก็รบกวนทำตามที่เขียนไว้ในกระดาษแผ่นนี้เพื่อเข้าแอกเค้านต์สื่อสารภายในและสิทธิ์บริหารจัดการโปรเจ็กต์ด้วยครับ
“ช่วงบ่าย เราจะมีการประชุมเล็กๆ เพื่อคุยเกี่ยวกับเกมที่คุณกำลังพัฒนาอยู่ จะได้ง่ายสำหรับเราในการประเมินระยะเวลาพัฒนา วางแผน และหานักวาดที่เหมาะกับงานของคุณครับ”
สีเฮ่าอธิบายทุกอย่างที่จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับศูนย์พัฒนา
ซึ่งก็คล้ายๆ กันกับการเข้าทำงานในบริษัทอย่างเป็นทางการ แต่แตกต่างกันในเรื่องเนื้อหาและกระบวนการทำงาน
หลังจากสีเฮ่าเดินไปที่อื่น อูจื้อเฉิงก็เปิดคอมพิวเตอร์ออฟฟิศดู
คอมพิวเตอร์ออฟฟิศเป็นของแบรนด์ ROF ส่งตรงมาจากจิงโจวถึงปักกิ่ง แต่ไม่ได้ใช้เคสสั่งทำพิเศษของ ROF และไม่มีโลโก้ ROF แปะอยู่
อูจื้อเฉิงไม่เคยใช้คอมพิวเตอร์ของ ROF มาก่อน เลยไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เขาแค่มองว่าเป็นคอมพิวเตอร์ประกอบระดับไฮเอนด์ที่ศูนย์พัฒนาซื้อมาไว้เอง
พอเปิดเครื่อง อูจื้อเฉิงก็คัดลอกข้อมูลที่เกี่ยวกับเกมหมึกหมอกม่านเมฆลงคอมพิวเตอร์ออฟฟิศ ล็อกอินเข้าแพลตฟอร์มทางการ เปิดแอกเค้านต์สื่อสารภายในและสิทธิ์บริหารจัดการโปรเจ็กต์ตามที่สีเฮ่าบอก
อูจื้อเฉิงไม่เคยทำงานในบริษัทเกมมาก่อน เขาไม่รู้ว่ากระบวนการการทำงานปกติของบริษัทเกมเป็นยังไง จึงรู้สึกแปลกใหม่มากๆ
“โห สเป็กสูงมาก”
อูจื้อเฉิงแปลกใจเล็กน้อย คอมพิวเตอร์ที่เขาใช้ก่อนหน้านี้สเป็กไม่ได้แย่ เพราะเขาก็ทุ่มเงินไปเยอะทีเดียว แต่ยังไงงบก็มีจำกัด เขาต้องใส่ใจเรื่องความคุ้มค่าต่อราคาด้วย
แต่คอมพิวเตอร์เครื่องนี้คือตัวอย่างของความสมบูรณ์แบบ อูจื้อเฉิงมองดูสเป็กแล้วแทบน้ำลายไหลด้วยความอยากได้
เขาพอใจกับโต๊ะทำงานและเก้าอี้แบบเออร์โกโนมิกส์มาก เคาน์เตอร์บาร์มีเครื่องดื่มและชานมให้ไม่จำกัด สภาพแวดล้อมการทำงานแตกต่างจากเดิมลิบลับ
ในสภาพแวดล้อมการทำงานแสนผ่อนคลายนี้ อูจื้อเฉิงเริ่มเรียบเรียงเนื้อเกมหมึกหมอกม่านเมฆ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนด่าน การต่อสู้กับบอส สไตล์ภาพ และอื่นๆ เขาไม่อยากดูเป็นไอ้งั่งในการประชุมช่วงบ่ายและทำตัวน่าขายหน้าต่อหน้าทุกคน
…
ข้าวเที่ยงมาจากโมหยูเดลิเวอรี่ ɴᴏᴠeʟɢu.ᴄᴏm
โมหยูเดลิเวอรี่ขยายสาขาออกนอกมณฑลฮั่นตงและเปิดในเมืองอันดับหนึ่งอย่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้เรียบร้อยแล้ว
เหตุผลสำคัญที่ชิวหงเลือกเปิดศูนย์พัฒนาที่นี่ก็เพราะมีโมหยูเดลิเวอรี่ใกล้ๆ ซึ่งช่วยจัดการปัญหาเรื่องอาหารได้
หลังอูจื้อเฉิงกินจนอิ่ม เขาก็เรอออกมาแล้วยกชานมขึ้นดื่ม สภาพแวดล้อมการทำงานดั่งสวรรค์นี่มันคืออะไร!
ก่อนหน้านี้ เขาสองจิตสองใจว่าควรมาทำงานที่นี่ดีรึเปล่า ส่วนหนึ่งก็เพราะให้นั่งรถไฟใต้ดินสี่สถานีมาทำงานทุกวันก็ค่อนข้างวุ่นวาย อีกส่วนก็เพราะกลัวว่าจะปล่อยตัวตามสบายไม่ได้
แต่พอเห็นสภาพแวดล้อมการทำงานตอนนี้ อูจื้อเฉิงก็คิดเพียงแค่ว่า ที่นี่คือสวรรค์รึเปล่า
ตอนบ่าย สีเฮ่า อูจื้อเฉิง และพนักงานอีกสามคนจากฝ่ายธุรการมาประชุมกัน
สีเฮ่าอธิบายตำแหน่งของทั้งสามคร่าวๆ คนหนึ่งรับหน้าที่ดูแลสถิติทรัพยากร วางแผนการพัฒนา และติดตามความคืบหน้า อีกคนรับผิดชอบหน้าที่เสนอและติดตามทรัพยากรงานภาพ คนสุดท้ายรับผิดชอบหน้าที่การเบิกค่าใช้จ่าย รวบรวมข้อมูล งานพิมพ์ และอื่นๆ
นี่คือกรอบการดำเนินงานที่ชิวหงเตรียมไว้ให้ศูนย์พัฒนาหลังจากพิจารณามาอย่างถี่ถ้วน
มีทีมงานแบบนี้อยู่สามทีมในศูนย์พัฒนา แต่ละทีมจะรับผิดชอบโปรเจ็กต์เกมอินดี้สี่ถึงหกโปรเจ็กต์
พูดอีกอย่างคือ ศูนย์พัฒนาสามารถดูแลโปรเจ็กต์เกมอินดี้ได้พร้อมกันสิบสองถึงสิบแปดโปรเจ็กต์ภายใต้สถานการณ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด เพื่อให้มั่นใจว่าโปรเจ็กต์เกมที่อยู่ในความดูแลจะได้รับการสนับสนุนที่ดีที่สุด
ทั้งสามคนในทีมแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน โดยพื้นฐานแล้วจะรับผิดชอบหน้าที่ทุกอย่าง ยกเว้นการออกแบบเกมและเนื้อหาเฉพาะในเกม
ในฐานะผู้ดูแล สีเฮ่าต้องเข้าใจโปรเจ็กต์เกมอินดี้ทั้งหมด เขาต้องวางแผนและกำกับดูแลการทำงานของทุกทีมด้วย
อูจื้อเฉิงยังรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
เพราะเขาหมกตัวทำงานอยู่ในห้องมาตั้งแต่เริ่มทำเกม แทบไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น โดยเฉพาะเรื่องงาน
ตอนนี้เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อยที่มาอยู่ต่อหน้าคนสี่คนซึ่งถือปากกากับสมุดเตรียมจดบันทึกอย่างจริงจัง
แต่อูจื้อเฉิงก็รีบตั้งสติและอธิบายข้อมูลพื้นฐานของเกมหมึกหมอกม่านเมฆ
“หมึกหมอกม่านเมฆเป็นเกมแอกชันมุมมองด้านข้าง ผมวางแผนไว้ว่าจะมีสิบด่าน แต่ละด่านมีบอสประจำด่านและมอนสเตอร์ที่ไม่ซ้ำกันครับ…”
อูจื้อเฉิงเล่าภาพรวมเนื้อหาทั้งหมดเหมือนที่เล่าให้ชิวหงฟัง
ทั้งสี่คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามพยักหน้าและจดข้อมูลตามเงียบๆ
ถึงจะได้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับเกมหมึกหมอกม่านเมฆมาแล้ว แต่จะดีกว่าถ้าได้ฟังจากปากผู้พัฒนาเอง
สีเฮ่าไม่ได้พูดขัดอูจื้อเฉิง เขารอให้อีกฝ่ายพูดจนจบแล้วค่อยถาม
“วางแผนไว้รึยังครับว่าเกมจะยาวเท่าไหร่” สีเฮ่าถามขึ้น
อูจื้อเฉิงผงะไป “เอ่อ… ยังไม่ได้คิดไว้ครับ”
สีเฮ่าพยักหน้าแล้วพูดต่อ “ถึงจะบอกว่าในเกมจะมีสิบด่าน แต่ก็ค่อนข้างเป็นแนวคิดที่กว้างเกินไป ด่านนึงอาจจะยาวสิบนาทีก็ได้ หรืออาจจะยาวสองชั่วโมงก็ได้
“เพื่อให้มั่นใจเรื่องเนื้อหาเกมและประสบการณ์การเล่นของผู้เล่น เราต้องวางแผนเรื่องความยาวของเกมก่อน จากนั้นก็ค่อยปรับแผนเฉพาะในแต่ละด่านผ่านความยาวที่เรากำหนดไว้
“โดยทั่วไปแล้ว เกมอินดี้มุมมองด้านข้างแบบนี้ ความยาวที่เหมาะสมอยู่ที่แปดถึงสิบสองชั่วโมง ไม่ควรสั้นหรือยาวเกินไป
“ผมแนะนำว่าควรกำหนดมาตรฐานไว้ที่สิบชั่วโมง และแต่ละด่านควรยึดหลักการไล่จากง่ายไปยาก ดังนั้นด่านหลังๆ จากยาวกว่าเล็กน้อย”