ฉินอี้ไม่มีพลังมากพอที่จะสนใจทีมที่ปฏิบัติภารกิจในรัง เพราะสนามรบหลักกำลังเผชิญหน้ากับความกดดันมหาศาล
กองทัพแมลงที่ถาโถมเข้ามาไม่ได้กระจุกตัวอยู่แค่ด้านหน้า มีบางส่วนโผล่มาจากใต้ดินโดยไม่ทันให้ตั้งตัว ทำให้เกิดความสูญเสียอย่างหนักกับฐานมนุษย์หลายแห่งที่ไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือ
ความแตกต่างด้านความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองฝั่งทำให้ฉินอี้ต้านทานการโจมตีจากเซิร์กไม่ไหว แม้จะทุ่มสมาธิทั้งหมดไปกับการสั่งการสนามรบหลักแล้วก็ตาม
ตอนนั้นเอง ดวงตาของฉินอี้ก็หรี่เล็ก
ยูนิตหนึ่งในสนามรบหลักแตกพ่ายทันทีภายใต้การโจมตีของกองทัพแมลง ทหารที่ยังเหลือรอดตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน การสูญเสียจุดยุทธศาสตร์นำไปสู่การล่มสลายของสนามรบรอบนอก กองทัพแมลงเป็นเหมือนแมลงวันตอมเนื้อเน่าที่ฉีกกระชากแนวป้องกันของมนุษย์จนเกิดรูโหว่ สถานการณ์ทั้งสนามรบพังลงทันที!
ถูกสยบอย่างสมบูรณ์ ฉินอี้คุมกองทหารโจมตีโต้กลับแต่ก็เปล่าประโยชน์ ไม่นาน สนามรบหลักก็เต็มไปด้วยกองทัพแมลง
ทหารมนุษย์ที่เหลืออยู่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมสละฐานทัพบนโลกที่ทุ่มแรงและเวลามหาศาลในการสร้างขึ้นมา พวกเขาล่าถอยสู่อวกาศและกลับตำแหน่งยานบัญชาการ
ฉินอี้ไม่ทันสังเกตว่าทีม AS-371-45 ตายไปแล้วเงียบๆ ในฐานเซิร์กเหมือนทีมชั้นนำทีมอื่นๆ
ความมืดเข้าปกคลุมพื้นที่บัญชาการอีกครั้งพร้อมกับที่ฉินอี้ได้ลิ้มรสชาติแห่งความพ่ายแพ้อีกหน
ฉินอี้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “เริ่มใหม่”
ที่เขาจำได้ มีศึกน้อยใหญ่กว่าสิบครั้งที่เขาไม่ต้องเริ่มใหม่
เพราะเขาสั่งการได้ดีเยี่ยมในศึกนับสิบที่ผ่านมา
เขาคิดว่าตัวเองเข้าใจจุดสำคัญของการบัญชาการแล้ว นั่นคือ เขาสามารถคุมสถานการณ์บนสนามรบได้ถ้าตัดสินใจได้ถูกต้องในทุกสนามรบ ประกอบกับดูข้อมูลวิเคราะห์อย่างละเอียดจาก AEEIS
แต่ฉินอี้ก็ตระหนักชัดว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายแบบนั้น
ตอนที่มนุษย์ทัดเทียบกับเซิร์กหรืออาจจะเหนือกว่าในแง่ของความแข็งแกร่ง วิธีการสั่งการแบบนั้นอาจเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการชนะศึก
แต่เมื่อไหร่ที่กองทัพเซิร์กแข็งแกร่งมากกว่ามนุษย์ วิธีการสั่งการแบบนั้นจะนำไปสู่หายนะ
ยานบัญชาการล้อมรอบด้วยยานคุ้มกันจำนวนมาก แต่เพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัยของยานบัญชาการ กองกำลังสมาพันธ์ต้องเสียงกำลังรบไปมาก ทำให้กำลังรบมนุษย์บนดาวอยู่ในจุดที่อ่อนแอกว่าเซิร์ก
เมื่อเริ่มศึกเดิมใหม่อีกครั้ง ฉินอี้ก็เข้าใจสถานการณ์ชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นของการรบ
กองทัพเซิร์กที่เห็นในช่วงแรกของการรบเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ของพลังที่แท้จริงของพวกเซิร์ก ยังมีเซิร์กซ่อนอยู่ใต้ดินและในอวกาศด้านหลังดาว รอคอยโอกาสบุกเข้าโจมตี
‘ปฏิบัติการตัดหัว’ เป็นแค่ความหวังอันสวยหรู พอเริ่มเข้าสู่ช่วงการรบ พวกเขาก็มีแค่ต้องตายเมื่อเผชิญหน้ากับกองทัพแมลงที่มีข้อได้เปรียบมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นศึกในแนวหน้าหรือทีมที่เข้าไปปฏิบัติภารกิจตัดหัว
ฉินอี้สูดหายใจลึกแล้วคุมยานบัญชาการไปลำพังในผืนฟ้ามืดมิดที่เต็มไปด้วยดาวพร่างพราย
จากนั้นเขาก็ปล่อยยานคุ้มกันขนาดใหญ่ซึ่งติดตั้งอาวุธทำลายล้างวงกว้างมาใช้เป็นเหยื่อล่อร่วมกับยานบัญชาการ
กำลังรบหลักของกองกำลังสหพันธ์ที่เหลือกำลังโจมตีเซิร์กจากแนวหน้า ขณะที่อีกฝ่ายอ้อมไปหลังดาวเพื่อสกัดกองทัพเซิร์กที่รออยู่ในอวกาศ
วิธีนี้จะช่วยให้กองกำลังมนุษย์เหนือกว่าเซิร์กบนสนามรบ
ถ้าเซิร์กไม่ใช้แผนตัดหัวโจมตียานบัญชาการ กองทัพมนุษย์ที่มีแต้มต่อในแง่ของกำลังรบจะมีโอกาสสูงกว่า ถ้าเซิร์กใช้แผนตัดหัวโจมตียานบัญชาการ ผู้บัญชาการก็ยังสามารถพลีชีพลดกำลังรบของเซิร์กได้จำนวนมาก สามารถการันตีชัยชนะเหนือสนามรบได้ด้วยการสละชีวิตตัวเอง
ภาพต่างๆ รอบฉินอี้เปลี่ยนไปเป็นมุมต่างๆ ของสนามรบ
ในสนามรบหลัก มนุษย์เหนือกว่าเซิร์กในแง่ของจำนวน นอกจากจะมีแนวป้องกันแล้ว ยังมีพลังพอเคลื่อนทัพเข้าใกล้รังเซิร์กและให้ความร่วมมือกับภารกิจตัดหัว
กองยานมนุษย์ในอวกาศปะทะกับกองยานเซิร์ก ยานนับไม่ถ้วนระเบิดพังเสียหาย อสูรขนาดใหญ่มากมายของเซิร์กโดนระดมยิงใส่อย่างรุนแรง แก๊สพิษในตัวเผาไหม้ เปลวไฟบนฟ้าดูประหนึ่งพลุตระการตา
ทีมที่แฝงตัวเข้าไปในรังเซิร์กเพื่อปฏิบัติภารกิจตัดหัวขาดการติดต่อไปทีละทีม แต่เพราะสนามรบหลักกระจายกำลังรบของเซิร์กได้อย่างมีประสิทธิภาพ อัตราการรอดชีวิตของทีมเหล่านี้จึงสูงขึ้นจากเดิม
ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปตามแผน
แต่ในจังหวะนั้น เสียงไซเรนเสียดแทงหูก็ดังขึ้นทั่วอวกาศ ข้อความแจ้งเตือนสีแดงปรากฏรอบด้าน กองทัพเซิร์กจำนวนมหาศาลทลายแนวป้องกันด้านนอกยานบัญชาการได้สำเร็จและกำลังรุดหน้าเข้ามาใกล้!
เสียงเย็นเยียบของ AEEIS ดังขึ้น “โปรดทราบ! เมื่อยานบัญชาการถูกทำลาย AEEIS จะเข้าควบคุมยูนิตทั้งหมดแทน ผู้บัญชาการ โปรดเตรียมการล่วงหน้าด้วย”
ฉินอี้รีบเปลี่ยนจุดสนใจและสั่งการทุกยูนิต
เขาสั่งให้กองทัพแนวหน้าเร่งโจมตีและมุ่งหน้าไปเหนือรังเซิร์กที่ทีมตัดหัวหาตำแหน่งเจอ เพื่อเตรียมพร้อมให้ความร่วมมือ
ก่อนจะสั่งให้กองทัพบริเวณหลังดาวทำทุกวิถีทางเพื่อสกัดกองทัพเซิร์กไว้
จากนั้นก็สั่งให้ยานคุ้มกันบินเข้าไประเบิดตัวเองเพื่อถ่วงเวลาหลังจากใช้อาวุธส่วนใหญ่หมด ยานคุ้มกันส่วนที่เหลืออยู่บินรอบยานบัญชาการก่อนจะทำลายตัวเองไปพร้อมกับเหล่าแมลง
ฉินอี้เห็นข้อความนับไม่ถ้วนจากทีมตัดหัว รวมถึงการขอกำลังเสริมจากทีม AS-371-45
แต่ฉินอี้ไม่มีหน่วยรบที่จะส่งไปช่วยได้แล้ว
ใต้คำขอมีคำตอบหลายแบบที่ AEEIS เตรียมไว้ให้ แน่นอนว่าฉินอี้สามารถตอบกลับด้วยเสียงผ่าน AEEIS ได้เช่นกัน
แต่พออ้าปาก กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา
เขากดแผงควบคุมและเลือกคำตอบที่ AEEIS เตรียมไว้ให้แทน
[ปฏิบัติภารกิจต่อ กำลังเสริมกำลังไป]
หลังเลือกคำตอบ เขาก็กลับไปจดจ่ออยู่กับยานบัญชาการ ทะเลแมลงปกคลุมเต็มความมืดมิดบื้องหน้า
ยานบัญชาการส่งยานคุ้มกันฝ่าเข้าไปในจุดที่กองทัพแมลงกระจุกตัวกันหนาแน่นที่สุดทีละลำ พลุตระการตาฉายวาบก่อนจะหายไปในความมืดมิด ยานรบลำใหญ่หายวับไปในพริบตา ราวกับว่าไม่เคยอยู่ตรงนั้นมาก่อน
หลังจากถ่วงเวลาได้นานที่สุด กองทัพแมลงก็เข้าห้อมล้อมยานบัญชาการ อสูรขนาดใหญ่ปล่อยเซิร์กจำนวนนับไม่ถ้วนใส่กองทัพมนุษย์ มองจากมุมสูง กองทัพมนุษย์ดูเหมือนชิ้นเนื้อที่โดนมดรุมกัดกิน
ยานคุ้มกันที่เหลืออยู่ไม่มากบินเข้าประชิดยานบัญชาการก่อนจะกดปุ่มระเบิดตัวเองพร้อมกัน
แสงสว่างจ้าฉายวาบ จุดที่ฉินอี้อยู่ขาวโพลนไปหมด ผ่านไปสิบกว่าวินาที ภาพก็กลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง
AEEIS รับหน้าที่บังคับบัญชาต่อจากฉินอี้และคุมการต่อสู้หลังจากนั้น
ฉินอี้เหมือนคนที่ตายไปแล้ว ได้แต่เฝ้าดูฉากสุดท้ายของการรบในฐานะวิญญาณ
พวกเขาชนะศึก ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมานั้นดีกว่าศึกจริงที่ผ่านมา ɴᴏᴠᴇʟɢᴜ.ᴄᴏᴍ
แต่ฉินอี้กลับไม่ได้ดีใจเลยแม้แต่น้อย หลังเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้น “ฝึกต่อ”
ภาพของ AEEIS ปรากฏขึ้นอีกครั้งหลังจากนั้นไม่นาน “ผู้บัญชาการ เราจะเข้าสู่โหมดฝึกซ้อม ‘การรบแบบสุ่ม’
“การรบถัดไปที่เราจะได้พบจะรวมถึงศึกที่ผ่านมา แต่การกำหนดค่าเริ่มต้นจะเปลี่ยนไป มีการต่อสู้สมมติที่สร้างขึ้นแบบสุ่มโดยระบบอัจฉริยะตามอัลกอริทึม ซึ่งจะมีทั้งการต่อสู้ที่มีความแตกต่างด้านความแข็งแกร่งสูงมาก มีเงื่อนไขที่โหดร้าย และไม่มีโอกาสชนะเลย
“ในการรบแบบสุ่มจะไม่มีภารกิจเป้าหมาย คุณจะเป็นคนตัดสินใจเรื่องกลยุทธ์การรบ ในแต่ละศึกไม่จำกัดเวลา คุณจะเป็นคนตัดสินสถานการณ์ในสนามรบ จะสู้หรือถอย เดินหน้าล้างบางหรือล่าถอย ทุกอย่างอยู่ที่คุณเป็นคนตัดสิน
“ผู้บัญชาการ ขอให้คุณโชคดี”
ฉินอี้ไม่ได้ถามอะไรมาก เขาสั่งการศึกครั้งต่อไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เมื่อไม่มีเป้าหมายและเวลาที่ชัดเจน ฉินอี้จึงต้องตัดสินใจเองว่าต้องการทำอะไร จะสู้ด้วยแนวหน้า หรือจะเก็บกองกำลังบางส่วนไว้ข้างหลังเพื่อเปิดโอกาสให้กำลังหลักล่าถอยได้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขา
ทุกที่บนดาวสามารถกลายเป็นสนามรบได้ ไทม์ไลน์เหตุการณ์พัวพันยุ่งเหยิง บางทีมที่สละชีพไปแล้วในศึกครั้งก่อนปรากฏตัวอีกครั้งในศึกครั้งนี้ ในขณะที่บางทีมที่ฉินอี้จำได้ดีกลับไม่ครบสมบูรณ์ตั้งแต่เริ่มรบ
ฉินอี้ไม่ได้ถามอะไรมากมาย เพราะพอจะเข้าใจจุดประสงค์ของการทำแบบนี้ มันคือการฝึกให้กำหนดกลยุทธ์การรบได้ถูกต้องที่สุดให้ได้เร็วๆ โดยอิงจากความสมดุลของกองกำลังมนุษย์กับกองกำลังเซิร์กในสนามรบและสถานการณ์เป้าหมายในทุกสถานการณ์และทุกเงื่อนไข
เขาคุมหน่วยรบอย่างใจเย็นไปปฏิบัติภารกิจต่างๆ ข้อมูลที่ AEEIS รวบรวมให้กลายเป็นพื้นฐานสำคัญในการตัดสินใจของเขา ความกลัว ความเลือดร้อน ความเฉยเมย และอารมณ์ซับซ้อนต่างๆ กลายเป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับการตัดสินใจภายใต้การวิเคราะห์ข้อมูลองค์รวม การโกหกและการเสียสละกลายเป็นสถิติที่มีโอกาสสำเร็จสูงขึ้น
ฉากรอบตัวฉินอี้เปลี่ยนไปเรื่อยๆ การรบแบบสุ่มจบลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า
เวลาอันมีค่าล่วงเลยไปขณะที่เขาหลับพักผ่อนสามชั่วโมงต่อวัน
ศึกรอบนอกขนาดกลางอีกศึกได้เริ่มขึ้น
ฉินอี้วิเคราะห์สถานการณ์ในสนามรบอย่างใจเย็นเหมือนเช่นเคย โดยพิจารณาสถานการณ์ไม่คาดฝันที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้และประเมินปัจจัยไม่แน่นอนของแต่ละทีม
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น
ทีมรบสกายลาร์กส่วนหนึ่งปฏิบัติตามคำสั่งของฉินอี้ที่ให้เขาไปสำรวจรังเซิร์กที่ไม่เคยพบมาก่อน หลังจากรวบรวมข้อมูล พวกเขาก็ใช้ข้อมูลที่ได้เป็นพื้นฐานในการวางแผนสำหรับกำลังรบหลัก
ในสนามรบหลัก พวกเขาต้องเฝ้าระวังการจู่โจมฉับพลันของเซิร์ก ดังนั้นฉินอี้จึงไม่ได้ใส่ใจทีมส่วนนั้นมากนัก
แต่ไม่นาน ทีมหนึ่งในนั้นก็ส่งข้อความสื่อสารเข้ามารัวๆ
ฉินอี้เลือกเมินการติดต่อนี้ได้ แต่ก็ยังสละเวลาที่แทบจะไม่มีเปิดดูข้อความ
ในรังเซิร์ก ทีมรบสกายลาร์กทีมหนึ่งที่กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่สูญเสียสมาชิกทีมไปสามคน หัวหน้าทีมตายไปแล้วเรียบร้อย เหลือสมาชิกอยู่แค่สองคน คนหนึ่งขาขวาขาดทั้งท่อน อีกคนกำลังขับไล่เซิร์กที่บุกเข้ามาเพื่อช่วยปกป้องเพื่อนร่วมทีม
ถึงตอนนี้ทั้งสองจะยังปลอดภัยอยู่ แต่ไม่นานทหารเซิร์กที่แข็งแกร่งกว่านี้ก็จะหาตัวพวกเขาพบ หากอยู่บริเวณนี้ต่อไปก็มีแต่ความตายที่รออยู่
ฉินอี้ตรวจดู ภารกิจรวบรวมข้อมูลลุล่วงเรียบร้อย โอกาสที่สมาชิกทีมซึ่งได้รับบาดเจ็บจะมีชีวิตรอดกลับมาได้นั้นต่ำมาก จึงไม่จำเป็นต้องส่งอีกทีมเข้าไปช่วย
ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ล่าถอยและหันไปสนใจส่วนอื่นในสนามรบแทน
แต่ไม่กี่นาทีต่อมา พอฉินอี้ย้อนกลับไปดูทีมนั้นอีกครั้ง เขาก็พบเพียงฉากการระเบิดของเครื่องปฏิกรณ์ขนาดเล็ก
ฉินอี้ผงะไปครู่หนึ่ง เขาเปิดดูข้อมูลของสมาชิกสองคนนั้นแล้วพบว่าเป็นคู่สามีภรรยาจากกองกำลังยุโรป
เสียงของ AEEIS ดังขึ้น “ความแม่นยำของข้อมูลการวิเคราะห์จากระบบอัจฉริยะนั้นสูงกว่า 87% แต่บางครั้งก็มีการกระทำหรือปรากฏการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ ศึกครั้งนี้จะช่วยจำลองสถานการณ์ฉุกเฉินในสนามรบจริงได้ดียิ่งขึ้น”
ฉินอี้ไม่ได้ตอบอะไร แต่ยังคุมการรบต่อจนจบศึก
หลังจบการต่อสู้ ฉินอี้ก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ หลับตาลง และเงียบไปหลายนาที
“ศึกเมื่อกี้เกิดขึ้นจริงๆ เหรอ
“หรือเกิดขึ้นจริงตั้งแต่ก่อนหน้านี้
“แกผสมการรบจริงเข้ากับโหมด ‘การรบแบบสุ่ม’ ใช่มั้ย”
AEEIS ไม่ได้ตอบทันที แต่เงียบไปพักหนึ่งก่อนจะให้คำตอบ “เป็นศึกจริงตั้งแต่ศึกครั้งที่หกหลังเพิ่ม ‘องค์ประกอบสมจริง’ เข้ามา
“ผู้บัญชาการ จนถึงตอนนี้ คุณคุมศึกจริงในขนาดต่างๆ ไปแล้วสิบเจ็ดครั้ง คุณทำได้ดีมาก”
ฉินอี้อึ้ง “ทำไมต้องเริ่มตั้งแต่ศึกที่หก”
AEEIS “คณะกรรมการบริหารสูงสุดของกองกำลังสมาพันธ์ต้องรับผิดชอบทหารแนวหน้าทุกนาย ไม่สามารถฝากชีวิตพวกเขาเหล่านั้นไว้ในมือของผู้บัญชาการคนใหม่ได้
“ตั้งแต่ศึกครั้งที่หก AEEIS และคณะกรรมการบริหารสูงสุดเห็นถึงความสามารถในการสั่งการศึกขนาดเล็กของคุณ”
ฉินอี้เงียบไปพักใหญ่ “พูดอีกอย่างคือ ในศึกทั้งสิบเจ็ดครั้งที่ผ่านมา ทหารทุกนายที่สละชีวิตไปคือคนจริงๆ รวมถึงคู่สามีภรรยาเมื่อกี้ด้วย”
AEEIS “ถูกต้อง”