📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี – ตอนที่ 745

บทที่ 745 - ศึกที่ผ่านมา
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ภาพโดยรอบถอยกลับอย่างรวดเร็ว การต่อสู้ที่เพิ่งผ่านไปฉายย้อนกลับอยู่เบื้องหน้าฉินอี้

ทหารที่ตายไปแล้วฟื้นกลับมามีชีวิตใหม่ทีละนาย กองทัพแมลงกระจายตัวออกไปเหมือนคลื่นที่ไหลคืนสู่ทะเล ทุกอย่างกลับสู่สภาพตอนแรกสุด 

ฉินอี้สูดหายใจลึก ภาพต่างๆ ตอกย้ำความทรงจำในหัว ทำให้เขาเข้าใจชัดเจนว่าการตัดสินใจบางอย่างที่ดูเหมือนจะถูกต้องภายใต้สมมติฐานที่ว่า ‘ทหารทุกนายมีเหตุผล’ แท้จริงแล้วอาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์ 

เมื่อพร้อมแล้ว เขาก็แตะมือลงบนแผงควบคุมเบาๆ กองทหารที่รออยู่เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง 

รอบนี้ฉินอี้จดจ่อกว่ารอบที่แล้ว เขาไม่กล้าพลาดรายละเอียดแม้แต่อย่างเดียว 

เขานึกถึงผลที่ตามมาจากการตัดสินใจครั้งที่แล้วและเช็กดูข้อมูลที่ AEEIS เตรียมให้ 

ด้วยความช่วยเหลือของ AEEIS สถานะของแต่ละหน่วยและแม้แต่ทหารแต่ละนายแสดงในรูปแบบข้อมูลที่ผันผวนตลอดเวลา

ตัวอย่างเช่น ทหารแต่ละนายมีค่าสถานะที่แตกต่างกัน เช่น ขวัญกำลังใจ ความตึงเครียด และความกลัวในช่วงเริ่มต้นของการรบ ระหว่างการรบ อัตราการเปลี่ยนแปลงของค่าเหล่านี้ก็จะแตกต่างกัน

สถานะปัจจุบันของหน่วยรบจะแสดงหลังสรุปค่าสถานะทั้งหมดของทหารในหน่วยและผ่านการคำนวณที่ซับซ้อน

บางครั้งก็อยู่ในสถานะขวัญกำลังใจพุ่งสูง บางครั้งก็อยู่ในช่วงขวัญกำลังใจตกต่ำ บางครั้งก็หมดขวัญกำลังใจไปเลย เมื่อไหร่ที่หมดขวัญกำลังใจ ฉินอี้ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากสั่งหน่วยนั้นให้ถอยกลับ เพราะคำสั่งอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นโจมตีหรือป้องกันอาจจะไม่ได้ผล 

ระหว่างบัญชาการรบ AEEIS จะเตือนฉินอี้ให้ตัดสินใจครั้งสำคัญเป็นครั้งคราว

ตัวอย่างเช่น หากเกิดการต่อสู้ในหลายพื้นที่พร้อมกัน และหน่วยย่อยค้นพบรังของเซิร์ก AEEIS จะแจ้งฉินอี้หลังจากประเมินความสำคัญของเหตุการณ์นี้ และขอให้เขาให้ความสำคัญกับการสั่งการเหตุการณ์นี้ก่อน 

ถ้าหน่วยรบไหนต้องการกำลังเสริมหรือเสบียง ฉินอี้มีทางเลือกมากมาย เช่น เรียกกำลังเสริม เงียบเรื่องกำลังเสริมและขอให้หน่วยรบยืนหยัดต่อไป โกหกเกี่ยวกับกำลังเสริม บอกความจริงกับพวกเขา และอื่นๆ

ด้านหลังแต่ละตัวเลือกมีข้อมูลจาก AEEIS กำกับไว้เพื่อช่วยฉินอี้ตัดสินใจว่าผลลัพธ์ที่ตามมาจากการตัดสินใจนี้จะเป็นอย่างไร 

ตัวอย่างเช่นถ้าหน่วยรบที่ขวัญกำลังใจใกล้หมดได้ยินว่า ‘กำลังเสริมกำลังมา’ ขวัญกำลังใจก็จะเพิ่มขึ้นชั่วขณะ แต่ถ้าได้ยินว่าไม่มีกำลังเสริม ขวัญกำลังใจก็จะหมดทันที มีโอกาสน้อยนิดที่พวกเขาจะพลีชีพสังหารเซิร์กเพิ่ม

ผลลัพธ์ของแต่ละตัวเลือกสามารถตรวจสอบได้ ผลลัพธ์บางอย่างมีความเป็นไปได้ต่ำมาก ฉินอี้จึงคิดจะลองไม่ได้ 

ถ้าเลือกบอกความจริง มีโอกาสสูงกว่า 90% ที่ขวัญกำลังใจจะหมดทันที โอกาสจุดไฟนักสู้ในตัวทหารที่อยู่ท่ามกลางสถานการณ์สิ้นหวังนั้นต่ำกว่า 10% ถือว่าโง่มากถ้าคิดจะเดิมพันกับความเป็นไปได้ที่ต่ำกว่า 10%

ในการต่อสู้ครั้งนี้ ฉินอี้ไม่ได้ตัดสินใจตามความน่าจะเป็นที่ AEEIS กำหนด บางครั้งเขาก็จงใจปฏิเสธข้อมูลเหล่านี้ในใจ

เพราะในหลายกรณี ถ้าเลือกตามข้อมูล เขาต้องตัดสินใจบางอย่างที่สวนทางกับหัวใจ ตัวอย่างเช่น เขาต้องการยอมแพ้และเสียสละหน่วยรบหน่วยหนึ่ง แต่เพื่อให้พวกเขายังคงยืนหยัดอยู่ได้ เขาทำได้แค่บอกไปว่ากำลังเสริมกำลังมา

ฉินอี้ต่อต้านพฤติกรรมนี้โดยสัญชาตญาณ ดังนั้นในบางสถานการณ์ที่มีผลกระทบต่อการต่อสู้เพียงเล็กน้อย เขาจะยังคงยืนยันที่จะพูดความจริง

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าฉินอี้เริ่มพึ่งข้อมูลของ AEEIS มากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างต่อสู้

เพราะข้อมูลพวกนี้เป็นประโยชน์มาก 

ฉินอี้ค่อยๆ ตระหนักว่าภายใต้สถานการณ์ที่สนามรบวุ่นวาย วิธีสั่งการที่เดิมใช้กับ ‘คนที่มีเหตุผล’ นั้นใช้ไม่ได้ผล ต้องทำตามข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์จาก AEEIS ซึ่งสุดท้ายก็ให้ผลลัพธ์ที่ยอมรับได้มากที่สุด 

เขาหันมาสนใจข้อมูลและความคิดเห็นของ AEEIS มากขึ้นในการตัดสินใจที่มีความสำคัญไม่ค่อยมาก

เพราะเมื่อเทียบกับสนามรบหลัก การกระทำของสนามรบรอบนอกและหน่วยรบขนาดเล็กเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวม ฉินอี้เองก็ไม่ได้คาดหวังกับความเป็นไปได้น้อยนิดที่จะเกิดสถานการณ์ ‘ระเบิดพลีชีพ’ เขาแค่หวังว่าพวกเขาจะไม่หมดสภาพเร็วเกินไปและสามารถบรรลุผลที่ยอมรับได้ในการต่อสู้

ครั้งนี้ฉินอี้ชนะศึกได้สำเร็จ 

หลังจากทบทวนการต่อสู้ทั้งหมด ฉินอี้ก็รีบเข้าสู้ศึกครั้งต่อไป เขาถูกกดดันด้วยเวลาและไม่มีเวลามากพอที่จะคิดเกี่ยวกับการตัดสินใจอันยากลำบากเหล่านี้ 

ฉินอี้เชี่ยวชาญการบังคับบัญชาโดยอาศัยข้อมูล AEEIS และ ‘การคิดโดยรวม’ มากขึ้นเรื่อยๆ ผลการต่อสู้ของเขาพัฒนาขึ้นอย่างสม่ำเสมอ

เขาพัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งเห็นได้จากความพ่ายแพ้ครั้งแรกของกองทัพสู่ชัยชนะของการต่อสู้โดยพยายามควบคุมความเสียหายจากการต่อสู้ให้อยู่ในระยะที่กำหนด 

หลังจากชัยชนะแต่ละครั้ง พอเห็นทหารโห่เชียร์และจำนวนผู้เสียชีวิตที่ AEEIS รายงานลดลง ฉินอี้ก็รู้สึกโล่งใจ แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มเฉยชา

เขารู้สึกเหมือนตัวเองค่อยๆ กลายเป็นเครื่องบังคับบัญชาที่ไร้ความรู้สึก แทบไม่สนใจความรู้สึกของทหารแต่ละคนเลย สามารถเลือกตัดสินใจในแบบที่จะเป็นประโยชน์มากที่สุดต่อการสู้รบโดยรวมได้อย่างเย็นชาแต่ก็แม่นยำ

อีกการต่อสู้ 

ฉินอี้ไล่สายตาดูข้อมูลสนามรบอย่างรวดเร็วและวางแผนการรบเหมือนอย่างเคย 

แต่พอกวาดสายตาอ่านชื่อทีมที่สแตนด์บายเตรียมรบ เขาก็อึ้งไปโuเวลกูดoทคอม

ทีม AS-371-45

ฉินอี้ซูมเข้าไปดูชื่อและหมายเลขประจำตัวของทหารแต่ละคน 

เขาเห็นชื่อสวีไข่เล่อ เมิ่งอวี่ เจ้าหย่งซิ่ว อูเซ่าจวิน รวมถึงตัวเขาเอง ฉินอี้ หัวหน้าทีม AS-371-45

ในสนามรบมียูนิตมากมาย แต่ละยูนิตมีหมายเลขประจำตัวและชื่อเป็นของตัวเอง แต่ฉินอี้ก็ไม่เคยสนใจ 

เพราะเขาใส่ใจเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ เขาสวมบทเป็นทหารสักคนเพื่อตัดสินใจไม่ได้ 

นี่คือการต่อสู้สเกลใหญ่ มีการตัดสินใจมากมายรอให้ฉินอี้ต้องคิดทุกนาที การใส่ใจทหารคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษถือว่าไม่รับผิดชอบต่อทหารคนอื่นๆ ทั้งหมด

แต่ฉินอี้ก็อดรู้สึกบางอย่างขึ้นมาไม่ได้เมื่อเห็นทีมตัวเอง 

ความทรงจำที่ค่อยๆ เลือนรางไประหว่างการฝึกอบรมกลับมาแจ่มชัดอีกครั้ง สายตาของฉินอี้เลื่อนผ่านตัวเลขที่คุ้นเคย สิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ตอนนี้เป็นสิ่งเดียวกับที่จำได้ 

AEEIS ไม่ได้อธิบายอะไรมาก แต่ฉินอี้ก็รู้ดีว่านี่คือบันทึกของศึกครั้งนั้นซึ่งกลับมาอยู่ในสภาพแรกสุดก่อนเริ่มรบ หากแต่ครั้งนี้ เขาไม่ใช่หัวหน้าทีม AS-371-45 แต่เป็นผู้บังคับบัญชาสนามรบ 

ฉินอี้ไล่ดูค่าสถานะของทหารทุกคนในทีม AS-371-45 และค่าสถานะรวมของทั้งทีม 

ขวัญกำลังใจ ความกังวล ความกลัว… 

ค่าสถานะทุกอย่างแสดงอย่างชัดเจน 

แต่ละคนมีค่าสถานะต่างกัน 

เมิ่งอวี่ซึ่งเตี้ยและเงียบมีค่าความกังวลและความกลัวต่ำที่สุด ซึ่งตรงกับที่ฉินอี้ประเมิน 

เจ้าหย่งซิ่วเป็นคนเหลาะแหละ กลัวเสียหน้า และได้รับการดูแลมากที่สุดในทีม แต่ค่าความกลัวไม่ได้สูงมาก 

กลับกัน สวีไข่เล่อที่เป็นคิดบวกและชอบให้กำลังใจคนอื่นกลับเป็นคนที่มีค่าความกังวลสูงที่สุดในทีม 

ฉินอี้คิดเรื่องนี้ดูคร่าวๆ และสรุปเหตุผลอย่างรวดเร็ว สวีไข่เล่อเป็นคนที่มีอารมณ์ละเอียดอ่อน จริงๆ แล้วเขาแบกรับความกดดันทางจิตใจมากกว่าคนอื่นๆ ความคิดบวกและโลกสวยเป็นแค่ฉากหน้า

ฉินอี้มองดูตัวเองอีกครั้งและตระหนักว่าค่าสถานะของตัวเองไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างที่คิด 

ถึงขวัญกำลังใจ ความกลัว ความกังวล และค่าสถานะอื่นๆ จะสูงที่สุดในทีม แต่เขาก็ยังห่างไกลจากการเป็น ‘คนมีเหตุผล’ ที่แท้จริง เขาไม่ใช่ทหารที่ดีที่สุดในกองกำลังทั้งหมดด้วยซ้ำ

ตามการตัดสินของ AEEIS เขาจะจมสู่ความสิ้นหวัง ไม่ใช่เครื่องจักรสงครามที่โหดเหี้ยม

ส่วนตัว ฉินอี้เชื่อจากก้นบึ้งของหัวใจว่า AS-371-45 เป็นทีมที่ไม่เหมือนใคร แต่จากข้อมูลกลับเป็นแค่ทีมธรรมดาๆ ทีมหนึ่ง 

ทีมนี้ไม่มีอะไรพิเศษเลยเมื่อเทียบกับทีมปฏิบัติภารกิจอื่นๆ 

ส่วนทำไมทีมนี้ถึงปฏิบัติภารกิจค้นหารังราชินีเซิร์กได้สำเร็จ…

ตอนแรก ฉินอี้คิดว่าเป็นเพราะการเสียสละของสมาชิกทีมคนอื่นๆ ความมุมานะบากบั่นของตัวเขา และความดวงดีรอดตายมานับครั้งไม่ถ้วน

แต่ฉินอี้ก็รู้สึกขึ้นมาว่าเหตุผลนี้ทั้งสมเหตุสมผลและไม่สมเหตุสมผล 

จากมุมมองของผู้บังคับบัญชา เขามองเรื่องนี้ในมุมที่ต่างออกไป 

จริงๆ แล้ว กองกำลังสมาพันธ์ส่งทีมไปปฏิบัติภารกิจหลายทีม แต่ละทีมมีความสามารถระดับเดียวกับทีม AS-371-45 บางทีมอาจจะแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ 

ดูจากข้อมูลแล้ว ตราบใดที่กลยุทธ์การบังคับบัญชาเหมาะสม ยังไงก็ต้องมีสักทีมหรือสองทีมบุกไปถึงรังราชินีเซิร์กได้ในท้ายที่สุด ถึงจะไม่ใช่ทีม AS-371-45  ยังไงก็จะมีทีมอื่นไปถึงได้ 

สำหรับฉินอี้ที่เป็นหัวหน้าทีม ผลลัพธ์ที่ได้มาจากความเสียสละและการต่อสู้นองเลือดของสมาชิกทีม AS-371-45 ทุกคน แต่สำหรับฉินอี้ที่เป็นผู้บังคับบัญชา ผลลัพธ์ที่ได้มาจากการคำนวณอย่างแม่นยำ 

แน่นอนว่าการคำนวณอาจมีข้อผิดพลาดและกลยุทธ์อาจล้มเหลวได้ แต่ก็ชัดเจนว่าถึงไม่มีทีม AS-371-45 ผลลัพธ์ของศึกครั้งนี้ก็ไม่ได้แตกต่างออกไปมากนัก 

ฉินอี้เลิกสนใจทีมตัวเองแล้วหันไปสนใจสถานการณ์ภาพรวม 

กองทัพแมลงถาถมเข้ามาเหมือนคลื่นยักษ์สีดำหรือเมฆทะมึนที่โดนลมกระโชกพัดมา ทุกวินาทีมีค่ามาก 

ฉินอี้ไม่ได้พูดอะไร เขาใช้งานแผงควบคุมอย่างช่ำชองและเริ่มควบคุมการรบ 

ภายใต้การควบคุมของฉินอี้ หน่วยรบเผชิญหน้าฝูงเซิร์กทีละหน่วย ทหารนับไม่ถ้วนถูกคลื่นแมลงกลืนกิน พลังยิงอันรุนแรงทำลายพื้นผิวของดาวเคราะห์จนเกิดหลุมและร่องลึกมากมาย

ฉินอี้ตัดสินใจอย่างใจเย็นครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากเสียสละขบวนรบหนึ่งไป ขบวนสำรองก็เข้าแทนที่ทันที กองทัพมนุษย์และเซิร์กเริ่มขับเคี่ยวกันในสนามรบอันกว้างใหญ่ แย่งชิงตำแหน่งเชิงกลยุทธ์กันไปมา 

ทีม AS-371-45 ถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจค้นหารังราชินีเซิร์กเหมือนทีมชั้นนำทีมอื่นๆ ทีมชั้นยอดถูกพบตัวทีละทีมพร้อมสัญญาณ Ansible ที่หายไปในรังตลอดกาล แต่ก็ยังมีทีมที่บุกลึกลงไปในรังอย่างต่อเนื่อง

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

Losing Money to Be a Tycoon, 亏成首富从游戏开始, Kui Cheng Shoufu Cong Youxi Kaishi(donghua), Losing Money to Become the Richest Person Starts From the Game, システムで出世してしまった
Score 9.4
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , ต้นฉบับ: 1673 Chapters (จบแล้ว)
เผยเชียนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน โดยมีระบบสั่งให้เขาตั้งบริษัทอะไรก็ได้เพื่อหาเงินทำกำไรโดยจะมีการประเมินกำไรขาดทุนเป็นรอบๆ แต่เผยเชียนเป็นคนหัวหมอ เขาดูแล้วว่าถ้าเขาทำธุรกิจได้กำไร เขาจะได้ส่วนแบ่งเข้ากระเป๋าตัวเองแค่ 1:100 แต่ถ้าเขาขาดทุน เขาจะได้ส่วนแบ่ง 1:1 เขาจึงคิดจะตั้งบริษัทเกม และหาทางทำให้บริษัทขาดทุน.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset