หม่าหยางที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดหาวหวอดแล้วเม้มปากด้วยความสงสัยว่าผ่านมาตั้งสองชั่วโมงแล้ว ทำไมงานโชว์เคสแบรนด์ยังไม่จบสักที
คนพวกนี้ถามคำถามกันไม่จบไม่สิ้น!
น่าเบื่อจะตายโหง แต่คนพวกนี้กลับดูตื่นเต้นและถามคำถามกันไม่หยุด
หม่าหยางอยากกลับออกไปตั้งนานแล้ว แต่เขานั่งอยู่แถวหน้าสุด ซึ่งจะดูชัดเจนเกินไป แถมครั้งนี้ยังมาในฐานะตัวแทนของพี่เชียน เขาเลยกลัวว่าถ้ากลับออกไปจะส่งผลอะไรรึเปล่า เลยได้แต่นั่งแกร่วต่อไป
เฮ่อเต๋อเซิ่งหันไปกระซิบถาม “บอสหม่ามีอะไรจะถามมั้ยครับ”
หม่าหยางส่ายหน้า “ถามบ้าอะไรล่ะ ผมไม่สนใจบะหมี่เย็นย่างเลยสักนิด แค่นั่งฟังก็จะหลับอยู่แล้ว”
เฮ่อเต๋อเซิ่งพยักหน้า เมิ่งชั่งก็พูดเกี่ยวกับเรื่องอินเทอร์เน็ตและใช้หลายคำที่ตั้งขึ้นมาเองจริงๆ ซึ่งอาจจะดูหวือหวาสำหรับนักลงทุนคนอื่นๆ แต่สำหรับบอสหม่าแล้วกลับฟังดูน่าเบื่อมาก
ไม่ถามอะไรก็เป็นเรื่องดี
บอสหม่าจะได้ไม่ต้องหน้าแตกจากการถามคำถาม และเดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผยท่ามกลายสายตาของนักลงทุนมากมาย
ไม่พูดอะไรมากและกลับออกไปทันที เท่านี้ก็ทำตามภารกิจที่บอสเผยมอบหมายมาได้สำเร็จ
เฮ่อเต๋อเซิ่งเองก็ไม่คิดจะถามอะไรเหมือนกัน
เขามีทัศนคติคล้ายๆ กันกับหลี่สือ ถามอะไรไปก็ไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
เมิ่งชั่งมีระบบทางทฤษฎีและโมเดลธุรกิจที่สมบูรณ์แบบ ทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก็ดีเยี่ยม ไม่ว่านักลงทุนจะถามอะไร เขาก็ตอบได้หมด
จะถามหรือไม่ถามก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไรมาก
ไม่นานเหล่านักลงทุนก็เริ่มหมดเรื่องจะถาม
เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่มีคำถามเดียวกันในหัว พอได้คำตอบแล้วก็ไม่คิดจะถามคำถามเดิมซ้ำอีก
เมิ่งชั่งมองไปรอบๆ ตอนนี้ผ่านไปแล้วสองชั่วโมงครึ่ง
เวลาตามที่กะไว้เป๊ะ
นักลงทุนถามคำถามกันมาครึ่งชั่วโมง แค่นี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่างานโชว์เคสแบรนด์ประสบความสำเร็จอย่างงดงามและเรียกความสนใจจากนักลงทุนได้สำเร็จ
ถึงรอบนี้จะไม่มีใครลงทุนเลยก็ไม่สำคัญ หลังจากนักลงทุนพวกนี้กลับไป ชื่อแบรนด์สาวหน้านิ่งต้องกระจายไปในแวดวงการลงทุนอย่างรวดเร็วและเรียกกระแสความสนใจได้ประมาณหนึ่ง
ทำแบบนี้ เขาก็สามารถใช้วิธีการทางการตลาดต่างๆ เรียกกระแสได้ในอนาคต ซึ่งก็จะทำให้เขามีรากฐานที่ดี
ตราบใดที่เวลายังพอมีและมีคนให้ความสนใจมาก ยังไงก็ต้องมีคนเข้ามาลงทุน
เมิ่งชั่งกำลังจะกล่าวปิดงานโชว์เคสแบรนด์ แต่ก็รีบกลืนคำพูดลงคอ
เขารู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไป งานโชว์เคสแบรนด์ยังไม่สมบูรณ์!
เขากวาดสายตาไปทั่วงาน ก่อนจะหยุดอยู่ที่ชายหน้าใหญ่ยาวซึ่งนั่งอยู่แถวหน้าสุด
เมิ่งชั่งนึกขึ้นได้ทันที
เขายังไม่ได้รับคำถามอะไรจากตัวแทนของเถิงต๋าคอร์เปอเรชันเลย!
ในฐานะผู้ประกอบการ เมิ่งชั่งมีคุณสมบัติที่สำคัญมากอยู่ นั่นก็คือความไร้ยางอาย
โอกาสเรียกกระแสมาอยู่ตรงหน้าขนาดนี้ ถ้าไม่ฉวยมาก็คงบ้าไปแล้ว
ตั้งแต่เมิ่งชั่งได้รับเงินลงทุนมา เขาก็เอาแต่คิดหาหนทางและวิธีใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงของเถิงต๋า
การโปรโมตว่าได้รับการลงทุนจากเถิงต๋า อย่างการย้ำระหว่างการบรรยายว่าแบรนด์สาวหน้านิ่งกับโมหยูเดลิเวอรี่มีตลาดที่แตกต่างกัน ล้วนเป็นการโหนกระแสจากความนิยมของเถิงต๋า
การที่เขายกโมหยูเดลิเวอรี่ขึ้นมาพูดเป็นการสร้างคำใบ้ทางจิตวิทยาลวงให้พวกนักลงทุนคิดว่าเถิงต๋าตั้งใจให้การสนับสนุนแบรนด์สาวหน้านิ่ง และโมหยูเดลิเวอรี่เองก็มีตลาดที่แตกต่างกัน
นักลงทุนเหล่านี้ย่อมเดาต่อได้ พอแบรนด์สาวหน้านิ่งเติบโตอย่างเข้มแข็งขึ้นในอนาคต ก็น่าจะใช้พนักงานส่งอาหารของโมหยูเดลิเวอรี่และอาจถึงกับผนวกรวมและทำงานร่วมกันได้ในระดับพาณิชย์
พอคำใบ้ทางจิตวิทยาลวงให้พวกนักลงทุนเกิดความคิดแบบนั้น โอกาสที่พวกเขาจะลงทุนในแบรนด์สาวหน้านิ่งก็จะเพิ่มขึ้นสูง
และถึงบอสเผยจะไม่มา บอสหม่าก็เป็นตัวแทนมาร่วมงานแทน
แต่บอสหม่ากลับเงียบตลอดงาน น่าเบื่อเกินไปรึเปล่า
ไม่ว่าจะคิดดูยังไง เขาก็ไม่มีทางเสียผลประโยชน์ถ้าบอสหม่าถามอะไรสักนิดสักหน่อย
ขอแค่บอสหม่าไม่ตั้งข้อสงสัยหรือคัดค้านโมเดลธุรกิจของเขาอย่างชัดเจน หลังจบงานโชว์เคสแบรนด์ เขาย่อมบอกโลกภายนอกได้ว่าผู้บริหารระดับสูงของกิจการลงทุนของเถิงต๋าคาดหวังกับโมเดลธุรกิจของแบรนด์สาวหน้านิ่งไว้สูงมาก ถือเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมสุดๆ
ถ้าบอสหม่าจี้ถามคำถามล่ะ
เมิ่งชั่งคิดว่าเป็นไปไม่ได้สุดๆ
ถึงโมเดลธุรกิจของเขาจะมีปัญหามากมาย แต่คนอื่นๆ ไม่สามารถระบุได้
พูดให้ง่ายๆ คือ จะบอกได้ว่าโมเดลนี้ไปไม่รอดก็ต่อเมื่อกิจการเจ๊ง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาข้อบกพร่องด้านตรรกะในโมเดลนี้จากการถามตอบเพียงอย่างเดียว
แน่นอนว่าก็มีอีกความเป็นไปได้คือ บอสหม่าปฏิเสธไม่ถามคำถาม
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เมิ่งชั่งก็บอกได้ว่าโมเดลธุรกิจของเขาสมบูรณ์แบบ ขนาดผู้บริหารระดับสูงของกิจการลงทุนของเถิงต๋ายังหาจุดติไม่ได้
สรุปแล้ว การเบนความสนใจของผู้ชมจากเขาไปหาบอสหม่าจะเป็นประโยชน์ต่อเขาแน่นอน
คิดได้แบบนั้น เมิ่งชั่งก็รีบหันไปหาบอสหม่า “บอสหม่ามีคำถามอะไรไหมครับ”
ระหว่างที่หม่าหยางกำลังเล่นขวดน้ำแร่ราคาสิบหยวนตรงหน้า ทีมงานคนหนึ่งก็ยื่นไมค์ให้
เขากำลังจะบอกปฏิเสธ แต่เฮ่อเต๋อเซิ่งก็ใช้ศอกกระทุ้งสีข้างเบาๆ
เฮ่อเต๋อเซิ่งพูดเสียเบา “บอสหม่า ช่วยถามสักสองคำถามด้วยครับ”
หม่าหยางมองสถานการณ์ตอนนี้ไม่ออก แต่เฮ่อเต๋อเซิ่งมองออก
ถึงเฮ่อเต๋อเซิ่งจะทำตามกฎของบอสเผยและลงทุนกับเมิ่งชั่งไปสองล้านหยวน แต่เขาก็ไม่พอใจเลยที่เมิ่งชั่งพยายามโหนกระแสความนิยมของเถิงต๋า
ถ้าบอสหม่าไม่ถาม คนคนนี้จะยิ่งขยี้หนักขึ้น เพราะงั้นเฮ่อเต๋อเซิ่งเลยรีบเตือนอีกฝ่าย
หม่าหยางไม่รู้เรื่องราวอะไร แต่ในเมื่อเฮ่อเต๋อเซิ่งบอกให้เขาถาม เขาก็จะถาม
เขารับไมค์จากทีมงาน ก่อนจะกระแอมกระไอ
แต่ในจังหวะนั้น เขาก็ไม่รู้ว่าควรถามอะไรออกไปดี
หม่าหยางจ้องเมิ่งชั่ง
เขาเค้นหัวคิดเต็มที่ แต่ก็คิดอะไรดีๆ ไม่ออก เลยถามออกไปอย่างไม่คิดอะไร “บะหมี่เย็นย่างของคุณ… อร่อยรึเปล่า”
เมิ่งชั่งอึ้งไปพลางรู้สึกมึนหัวขึ้นมาหน่อยๆ
อะไรกันเนี่ย nᴏᴠᴇʟɢu.cᴏm
ทำไมบอสหม่าไม่ทำตามแผน
ใครเขาถามเรื่องแบบนี้กัน
ฉันเล่าเรื่องโมเดลธุรกิจและความคิดทางอินเทอร์เน็ตมาตั้งสองชั่วโมง ฉันได้เน้นเรื่องรสชาติบะหมี่เย็นย่างรึเปล่า
แต่เขาก็ตอบโต้อย่างรวดเร็ว เขาผงะไปแค่สองวินาทีก่อนจะตั้งสติทันทีพร้อมกับส่งยิ้มบาง “เรื่องรสชาติย่อมแตกต่างกันไปสำหรับแต่ละคน ทุกคนให้คำตอบไม่เหมือนกันหรอกครับ
“ในขั้นแรก แบรนด์สาวหน้านิ่งจะจ้างนักโภชนาการมืออาชีพมาคุมเรื่องวัตถุดิบ กระบวนการผลิต และด้านอื่นๆ ของบะหมี่เย็นย่างครับ”
หม่าหยางพยักหน้า “อ๋อ… ทำแบบนี้จะการันตีได้ใช่มั้ยว่าบะหมี่เย็นย่างจะออกมารสชาติดี”
เมิ่งชั่งผงะไปอีกครั้ง “ในทางทฤษฎี เป็นผลลัพธ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ”
หม่าหยางพยักหน้าและไม่ได้ถามอะไรต่ออีก แต่เขาดันคิดออกอีกคำถาม
“การผนวกรวมหลายมิติหมายความว่ายังไง ผมไม่เข้าใจ
“ช่วยอธิบายได้มั้ยครับ”
หม่าหยางมองเมิ่งชั่งบนเวทีด้วยสายตาจริงใจ
การบรรยายสองชั่วโมงนั้นยาวเกินไป หม่าหยางฟังเป็นช่วงๆ เลยจำคำอื่นไม่ได้ มีแค่ ‘การผนวกรวมหลายมิติ’ ที่ยังติดลึกอยู่ในหัว
เมิ่งชั่งอึ้งไปอีกครั้ง
ไม่เข้าใจได้ไงเนี่ย
ถึงจะเป็นคำที่เขาประดิษฐ์ขึ้นมาเอง แต่ก็ไม่น่าจะเข้าใจยากขนาดนั้นนี่
บ้ามากๆ ที่นายไม่เข้าใจ แถมยังกล้าบอกว่าตัวเองไม่เข้าใจต่อหน้านักลงทุนมากมายขนาดนี้ด้วย นี่จะให้ฉันอธิบายอีกรอบเหรอ
ถึงจะฟังดูเป็นคำถามที่โง่เง่าสุดๆ แต่เมิ่งชั่งก็เลิกประเมินอีกฝ่ายต่ำเกินไปและระแวดระวังตัวขึ้นมา
รองประธานฝ่ายการลงทุนของเถิงต๋าคงไม่โง่แบบนั้นหรอก
คำตอบที่เรียบง่ายอาจจะเป็นอันตรายขึ้นมาในชั่วพริบตา
แต่เวลามีน้อย เมิ่งชั่งจึงมีเวลาคิดไม่มาก
“อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ การผนวกรวมหลายมิติคือการผนวกรวมระบบนิเวศในหลายมิติ ทำงานร่วมกันให้เกิดวงจร คล้ายๆ กับปฏิกิริยาทางเคมีที่เมื่อมารวมกันแล้วเกิดเป็นพลังงานมหาศาล
“ในด้านธุรกิจมีโมเดลที่คล้ายกัน ถ้าทำได้สำเร็จ คุณจะได้…ผลตอบแทนที่สูงมากครับ”
ในเมื่อไม่รู้ว่าทำไมบอสหม่าถึงถามแบบนี้ เมิ่งชั่งจึงทำได้แค่เลือกคำตอบที่น่าเชื่อถือที่สุด
หม่าหยางเงียบไปสองวินาที “การผนวกรวมคือปฏิกิริยาทางกายภาพ”
เมิ่งชั่ง “?”
หม่าหยางพูดต่อ “พูดอีกอย่างคือ ‘การผนวกรวมหลายมิติ’ ของคุณก็คือการร่วมงานกันระหว่างแผนกต่างๆ ไม่ใช่เหรอ”
เมิ่งชั่งกระแอมกระไอ “เอ่อ… ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายที่สุด จะว่าแบบนั้นก็ได้ครับ แต่คำอธิบายนี้ไม่ครอบคลุมทั้งหมด เพราะเมื่อเทียบกับความร่วมมือกันระหว่างกิจการแล้ว ‘การผนวกรวมหลายมิติ’ มุ่งเน้นไปในเชิงมหภาคมากขึ้น ระดับในด้านต่างๆ จะสูงขึ้น ซึ่งระดับที่แตกต่างกันจะทำให้สิ่งที่มีรูปแบบเดียวกันแตกต่างกันโดยเนื้อแท้…”
หม่าหยางคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาถามไปแล้วสองคำถาม น่าจะโอเคแล้ว
เขาพยักหน้า “โอเคครับ ผมไม่มีคำถามอื่นแล้ว”
เมิ่งชั่งรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก เขายิ้มแล้วรีบพูดขึ้น “โอเคครับ ขอบคุณบอสหม่ามากครับสำหรับคำถาม! งานโชว์เคสแบรนด์วันนี้จบลงเพียงเท่านี้ ถ้าใครสนใจแบรนด์สาวหน้านิ่ง เชิญเข้ามาคุยกับผมก่อนได้ครับ…”
หลังจบงานโชว์เคสแบรนด์ นักลงทุนบางส่วนลุกกลับออกไป บางส่วนเดินเข้าไปคุยกับเมิ่งชั่ง เห็นได้ชัดว่ามีคำถามอยากถามเป็นการส่วนตัว
หม่าหยางรอมาเนิ่นนาน เขาเหมือนเด็กประถมที่อดทนรอเวลาเลิกเรียน พอจบปุ๊บ เขาก็รีบลากเฮ่อเต๋อเซิ่งออกไปทันที
แต่หลี่สือเก็บรายละเอียดทุกอย่างที่เกิดขึ้นไว้ในใจ
เซวียเจ๋อปินเห็นหลี่สือทำหน้าประหลาด เลยกระซิบถาม “มีอะไรเหรอครับบอสหลี่”
หลี่สือมองแผ่นหลังหม่าหยางซึ่งกำลังเดินกลับออกไป เขาขมวดคิ้วแล้วเข้าสู่ภวังค์ความคิด
“บอสหม่าถามคำถามแบบนี้ได้ด้วยเหรอ
“จิ๊ ดูไม่น่าได้เลย”
เซวียเจ๋อปินสับสน “ทำไมเหรอครับ คำถามพวกนี้มาตรฐานสูงเหรอ”
คำถามแรกถามว่าบะหมี่เย็นย่างจะอร่อยไหม จากนั้นก็ถามว่า ‘การผนวกรวมหลายมิติ’ หมายความว่ายังไง คำถามอะไรก็ไม่รู้
ถ้าเป็นเซวียเจ๋อปิน เขาคงไม่กล้าถามคำถามแบบนั้นออกไปต่อหน้านักลงทุนและบอสบริษัทมากมาย เพราะเป็นคำถามที่เรียบง่ายและดูเหมือนเด็กอมมือ ค่อนข้างน่าขายหน้า
หลี่สือส่ายหน้า “ถ้าคิดแบบนั้น คุณคิดผิดมหันต์!
“ทั้งสองคำถามที่บอสหม่าถามไป รวมถึงทุกคำที่พูด จี้จุดอ่อนเมิ่งชั่งเต็มๆ ทำให้เขาอึดอัดมาก!
“แน่นอนว่าเมิ่งชั่งฉลาดเป็นกรด เลยโต้ตอบได้ไวและตอบได้อย่างไร้ที่ติ
“ความสามารถในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของเขาแข็งแกร่งมากจริงๆ
“แต่ไม่ว่าความสามารถจะแข็งแกร่งขนาดไหน เขาก็ยังด้อยกว่าบอสหม่าในเรื่องของ ‘อำนาจ’ นักลงทุนที่ไม่ค่อยฉลาดอาจจะมองไม่ออก แต่คนที่ฉลาดต้องสัมผัสได้แน่นอน
“แต่แค่นี้ก็ยังไม่พอที่จะสลัดความคาดหวังที่นักลงทุนมีต่อเมิ่งชั่งไปได้ แค่ทำให้เป้าหมายในการระดมเงินลงทุนของเมิ่งชั่งดำเนินไปไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่”
หลี่สือเงียบไปครู่หนึ่งพร้อมกับถอนหายใจ “จากความเข้าใจในตัวบอสหม่าของผม การเดินหมากระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาทำได้แน่นอน
“เฮ่อเต๋อเซิ่งอาจจะเก่งกว่าหน่อย แต่ความสามารถก็ยังไม่ถึง ไม่น่าจะทำแบบนี้ได้
“ผมว่าบอสเผยน่าจะสั่งการบอสหม่าให้ทำแบบนี้ก่อนส่งตัวเขามาร่วมงาน และบอสหม่าเป็นคนส่งต่อข้อความของบอสเผย
“ใช่ ถึงบอสเผยจะไม่รู้เรื่องแบรนด์สาวหน้านิ่งตั้งแต่ต้น ก็น่าจะได้ยินข่าวหลังจากเมิ่งชั่งใช้ชื่อเถิงต๋าหากิน
“ตัวประกอบระดับแค่นี้ไม่คุ้มค่าที่ต้องลงมาจัดการเอง ถ้าบอสเผยมาเอง เมิ่งชั่งจะฉวยโอกาสนี้เพิ่มกระแสให้ตัวเอง
“เพราะงั้นบอสเผยเลยส่งบอสหม่ามาในฐานะตัวแทนของเถิงต๋าเพื่อบอกใบ้และแสดงจุดยืน รวมถึงพยายามจะจัดการกับเมิ่งชั่งด้วย
“เมิ่งชั่งฉลาดขนาดนั้นยังไงก็น่าจะรู้”