📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี – ตอนที่ 733

บทที่ 733 - ตอบได้ดี
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

หลังเมิ่งชั่งพูดเปิด นักลงทุนหลายคนที่ขมวดคิ้วคิดว่าโปรเจ็กต์นี้ไม่น่าเชื่อถือก็เลิกขมวดคิ้ว 

ทุกคนเริ่มฟังอย่างตั้งใจ 

เมิ่งชั่งผ่อนคลายมากๆ ไม่รู้สึกกดดันเลยสักนิด เขาเริ่มพูดถึงโมเดลธุรกิจของแบรนด์สาวหน้านิ่ง 

เนื้อหาภาพรวมคล้ายกับที่เล่าให้เฮ่อเต๋อเซิ่งฟัง แต่ลงรายละเอียดลึกกว่า 

เพราะตอนไปพบเฮ่อเต๋อเซิ่ง เขามีเวลาจำกัด จึงต้องบีบเนื้อหาทั้งหมดให้พูดได้หมดภายในครึ่งชั่วโมง

แต่ในเมื่อครั้งนี้เป็นงานโชว์เคสแบรนด์พูดแค่นั้นสั้นเกินไปที่จะเห็นผล เมิ่งชั่งเลยยืดเนื้อหาออกเป็นเกือบสองชั่วโมง 

เนื้อหาทั้งหมดแบ่งออกเป็นสามส่วน 

ส่วนแรกอธิบายเกี่ยวกับความต้องการทางตลาดขนาดใหญ่ของแบรนด์สาวหน้านิ่งและการเปลี่ยนแปลงที่แบรนด์สาวหน้านิ่งจะสร้างให้กับบะหมี่เย็นและอุตสาหกรรมอาหารจานด่วน

สถานการณ์ตลาดตอนนี้ยังเหมือนเดิม ปัญหาหลักคือบะหมี่เย็นนั้นไม่ถูกสุขอนามัย คุมรสชาติอาหารยาก และมีรูปแบบไม่หลากหลาย ส่วนเทรนด์ธุรกิจอาหาร+อินเทอร์เน็ตกำลังเป็นเทรนด์ที่มาแรง 

ในขั้นนี้ ภารกิจของแบรนด์สาวหน้านิ่งคือ สร้างแนวคิดแบรนด์ที่สามารถเชื่อมโยงกับอาหารดั้งเดิมที่รู้จักกันในนาม ‘บะหมี่เย็นย่าง’ ผ่านผลิตภัณฑ์และการตลาด ให้ทุกคนเริ่มคิดถึงแบรนด์สาวหน้านิ่งโดยไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินคำว่าบะหมี่เย็นย่าง 

ส่วนที่สอง หลังจากก่อตั้งแบรนด์สาวหน้านิ่งเสร็จ ก็จะขยายแนวคิดแบรนด์ต่อไปและพัฒนารูปแบบธุรกิจอาหารจานด่วนของจีนที่หลากหลาย

จากนั้นก็เอาแนวคิดนี้และแบรนด์สาวหน้านิ่งเป็นที่ตั้ง แล้วทำผลิตภัณฑ์อาหารจานด่วนอย่างเปาะเปี๊ยะ ซาลาเปาเนื้อ เครื่องเคียง ข้าวต้ม บะหมี่เย็น และอื่นๆ 

สินค้าเหล่านี้จะเป็นตัวเสริมให้กับเมนูซิกเนเจอร์ของแบรนด์สาวหน้านิ่ง การรับรู้ของลูกค้าต่อแบรนด์สาวหน้านิ่งก็จะค่อยๆ พัฒนาจากแบรนด์บะหมี่เย็นย่างสู่แบรนด์อาหารจานด่วน 

ส่วนที่สาม หลังจากแบรนด์สาวหน้านิ่งยืนหยัดในอุตสาหกรรมอาหารจานด่วนได้อย่างมั่นคง เขาก็จะใช้โอกาสนี้ในการโอบรับระบบนิเวศของอินเทอร์เน็ตและทลายกำแพงกั้นระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ ธุรกิจอาหารและอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้และแพลตฟอร์ม ซึ่งก็คือ ที่เรียกว่า ‘การผนวกรวมหลายมิติ’

เพราะแบรนด์สาวหน้านิ่งเป็นตัวแทนของวิถีชีวิตที่รายล้อมด้วยอินเทอร์เน็ต ดังนั้นผู้ใช้ย่อมต้องยอมรับโมเดล ‘การผนวกรวมหลายมิติ’ นี้ไปโดยปริยาย

ตัวอย่างเช่น พวกเขาทำครัวกลาง กิจการเดลิเวอรี่ รีวิวอาหาร และกิจการอื่นๆ ได้ พวกเขาต่อยอดแนวคิดและวิธีการของแบรนด์สาวหน้านิ่งได้ผ่านการรวบรวมเนื้อหา 

ระหว่างการบรรยาย เมิ่งชั่งอธิบายแนวคิดนามธรรมบางอย่างที่เข้าใจได้ง่าย แถมยังยกคำพูดดังๆ ของยักษ์ใหญ่ในวงการอินเทอร์เน็ตมาใช้ ทำให้นักลงทุนหลายคนพยักหน้ารัว 

สำหรับบางจุดที่อาจเกิดข้อโต้แย้ง เมิ่งชั่งก็อธิบายไว้ก่อนล่วงหน้าเพื่อปิดช่องทางไม่ให้คนอื่นถามอะไรเขาได้

“บางคนอาจจะถามว่า แบรนด์สาวหน้านิ่งแค่ทำบะหมี่เย็นย่าง แต่เน้นหนักในเรื่องการตลาดและการสร้างแบรนด์ แถมยังวางแผนจะทุ่มเงินก้อนโตในจุดนี้อีก ที่ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง ทั้งหมดเพื่อสร้างกระแสรึเปล่า

“ผมอยากถามทุกคนว่า เราต่างรู้จักคำว่า ‘ผลิตภัณฑ์คือราชา’ มีใครรู้บ้างว่าความหมายจริงๆ ของเจ้า ‘ผลิตภัณฑ์’ นี้คืออะไร

“บางคนอาจคิดว่าการตลาดกับผลิตภัณฑ์เป็นขั้วตรงข้ามกัน ถ้าทำการตลาดไปแล้วก็สร้างผลิตภัณฑ์ไม่ได้ ผมคิดว่าแนวคิดนี้แคบเกินไป 

“ผลิตภัณฑ์จริงๆ แล้วคือผลรวมของวัตถุและแนวคิด

“ตัวอย่างเช่นมือถือ Pineapple เราซื้อทั้งวัตถุและแนวคิด ถ้าไม่มีแนวคิด มูลค่าของสินค้าก็จะลดลงไปอย่างน้อยหนึ่งในสาม 

“ดังนั้น เหตุผลที่บริษัทอินเทอร์เน็ตให้ความสำคัญเรื่องการตลาดมากไม่ใช่เพราะเราต้องการปั่นกระแสและหลอกลวงลูกค้า แต่เพราะเราต้องการสร้างโมเดลธุรกิจที่มีป้อมปราการทางธุรกิจ เราต้องหาสมดุลในความสัมพันธ์ระหว่าง ‘วัตถุจริง’ และ ‘แนวคิด’ ถึงจะออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีได้

“ถ้าเรารวมแบรนด์สาวหน้านิ่งเข้ากับบะหมี่เย็นย่างแบบดั้งเดิม เราก็จะสามารถสร้างป้อมปราการทางธุรกิจได้ ในอนาคต เวลาที่ลูกค้าอยากกินบะหมี่เย็นอย่าง ก็จะคิดถึงบะหมี่เย็นย่างของสาวหน้านิ่งเป็นอย่างแรก แน่นอนว่าการทำการตลาดนั้นมีความหมาย แล้วเราจะวางแผนสร้างความสนใจได้ยังไง

“บางคนอาจจะถามว่าบะหมี่เย็นย่างก็แค่ของกินเล่น ไม่ว่าจะทำออกมาอร่อยขนาดไหน อย่างมากก็กินได้แค่สัปดาห์ละครั้ง จะกินเป็นมื้อหลักได้ยังไง

“อันที่จริง แบรนด์สาวหน้านิ่งไม่คิดจะส่งเสริมให้ลูกค้ากินบะหมี่เย็นย่างเป็นมื้อหลัก เพราะมีสารอาหารไม่ครบ ไม่ใช่อาหารที่ดีต่อสุขภาพ และไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมการกินของคนส่วนใหญ่ 

“บะหมี่เย็นย่างของแบรนด์สาวหน้านิ่งแท้จริงแล้วคือป้ายโฆษณา แนวคิด ผลิตภัณฑ์ชูโรง และไม่ได้มีแค่อย่างเดียว

“ในขั้นแรก นอกจากเราจะทำบะหมี่เย็นย่างออกมาหลากหลายรสชาติแล้ว เราจะทำเครื่องเคียง ข้าวต้ม บะหมี่เย็น ของหวาน และเครื่องเคียงจานอื่นๆ ด้วย ในขั้นที่สอง เป้าหมายของเราคือสร้างแบรนด์อาหารจานด่วนจีนอย่างเปาะเปี๊ยะ ข้าวอบ และอื่นๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมื้ออาหารของเรา

“ถ้างั้นทำไมผมถึงเน้นย้ำแนวคิดบะหมี่เย็นย่างล่ะ ก็เพราะบะหมี่เย็นย่างเป็นจุดเริ่มต้น

“ถ้าเรายืนกรานจะทำอาหารจานด่วนสไตล์จีนตั้งแต่แรกเริ่ม เราจะจบอย่างน่าอนาถแน่นอน อาหารจานด่วนสไตล์จีนมีคู่แข่งเยอะเกินไป เราไม่มีจุดชูโรงที่ทำให้ลูกค้าจำเราได้อย่างรวดเร็ว 

“กลับกัน แนวคิด ‘บะหมี่เย็นย่าง’ ช่วยลดความยากและลดค่าใช้จ่ายในการทำให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์ ‘สาวหน้านิ่ง’ ลงไปได้มาก

“การเน้นย้ำ ‘บะหมี่เย็นย่าง’ หมายความว่าคู่แข่งโดยตรงของเราไม่ใช่แบรนด์อาหารและเครื่องดื่มจีน แต่เป็นร้านข้างทางไร้ชื่อและไร้สุขอนามัย จุดนี้จะเป็นข้อได้เปรียบของเรา 

“เป้าหมายแรกคือสร้างฐานลูกค้า ก่อนอื่นเราต้องสร้างความแตกต่างและลักษณะเฉพาะให้คนจำเราให้ได้ จากนั้นก็ขยายแผนการและคิดถึงภาพในระยะยาว

“บางคนอาจจะถามว่า ‘สาวหน้านิ่ง’ กับ ‘โมหยูเดลิเวอรี่’ แตกต่างกันตรงไหน ในเมื่อทั้งสองเป็นแบรนด์ภายใต้เถิงต๋า จะเกิดข้อขัดแย้งอะไรกันรึเปล่า

“คำตอบของผมคือ แบรนด์สาวหน้านิ่งเน้นเรื่อง ‘อาหารจานด่วน’ ว่ากันตามตรงแล้ว โมหยูเดลิเวอรี่นั้นให้บริการ ‘อาหารชุด’ หรือ ‘อาหารง่ายๆ’ เหมือนสเต๊ก พิซซ่า ไก่ทอด เบอร์เกอร์ อาหารพวกนี้อยู่ในหมวดหมู่ที่แตกต่างกัน ไม่ก้าวก่ายกัน

“สาวหน้านิ่งกับโมหยูเดลิเวอรี่ รวมถึงโมเดลธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มส่วนใหญ่ในตลาดไม่ได้มีการแข่งขันกันโดยตรง เรามีจุดยืนที่แตกต่างกันและมีกลุ่มลูกค้าคนละกลุ่ม 

“บางคนอาจจะอยากถามว่า แล้ว ‘การผนวกรวมหลายมิติ’ ในฐานะคนขายบะหมี่เย็นย่างคืออะไร ยังไม่ทันเปิดร้านบะหมี่เย็นย่างเลย แต่ดันคิดเรื่องผนวกรวมกับอุตสาหกรรมต่างๆ แล้วเนี่ยนะ คิดใหญ่เกินตัวไปรึเปล่า 

“ผมอยากบอกว่าคนที่ไม่ยอมวางแผนสำหรับสถานการณ์ภาพรวมไม่มีทางวางแผนสำหรับระยะสั้นได้ คนที่ไม่วางแผนสำหรับเทรนด์ทั่วไปไม่มีทางวางแผนสำหรับตอนนี้ได้ ในฐานะผู้ประกอบการณ์อินเทอร์เน็ต เรามีความสามารถในการมองระยะยาวซึ่งหาได้ยาก แต่จำเป็นมาก 

“ถ้าเป้าหมายของผมคือแค่ทำบะหมี่เย็นย่าง เปิดร้านสักสี่ห้าสาขา ทำรายได้หลักล้านต่อเดือน ผมคงไม่มาจัดงานโชว์เคสแบรนด์และคิดหาทางระดมเงินทุนเพิ่มหรอก 

“ถ้าผมเป็นคนที่พอใจกับรายได้เล็กๆ น้อยๆ ทุกคนจะได้ผลประโยชน์อะไรกลับไปจากการลงทุนกับผมล่ะ 

“คำว่า ทะเยอทะยานเกินตัว จริงๆ หมายถึงการอยู่ไม่ติดพื้น ทุกอย่างเป็นวิมานในอากาศ มีช่องว่างตรงกลางที่ใหญ่มากระหว่างพื้นดินกับเป้าหมาย

“แต่โมเดลที่ผมวางไว้ให้แบรนด์สาวหน้านิ่งมีสามขั้นตอนที่ชัดเจน ผมอธิบายเป้าหมาย วิธีการ และผลลัพธ์สุดท้ายอย่างชัดเจน ไม่มีช่องว่างตรงกลางเลย 

“แน่นอนว่าก็มีข้อมูลบางอย่างที่ถือว่าเป็นความลับทางธุรกิจที่ผมไม่สามารถแพร่งพรายได้ เนื่องจากเป็นเงื่อนไขจำเป็นที่จะยืนยันได้ว่าผมจะประสบความสำเร็จในการเริ่มธุรกิจนี้

“ผมขอย้ำอีกครั้งว่า ผมไม่คาดหวังให้ทุกคนตัดสินใจลงทุนกับผมทันทีหลังฟังจนจบการบรรยาย

“ทุกคนสามารถจับตาดูการเปลี่ยนแปลงของแบรนด์สาวหน้านิ่งก่อนได้ พอผมเปิดร้านแห่งแรก จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดครั้งแรก ได้กำไรในเดือนแรก เปิดร้านสาขาสอง… คุณก็จะเห็นว่าผมบรรลุเป้าหมายไปทีละอย่าง แล้วคุณจะเข้าใจได้เองว่าผมจริงจังมาก

“ถ้ามีคำถามอะไร ถามกันได้เลยครับ ผมจะบอกพวกคุณทุกอย่างที่บอกได้ ขอแค่ไม่ลงลึกในรายละเอียดมากจนเกินไปหรือเป็นข้อมูลที่เป็นความลับ”

เมิ่งชั่งส่งสัญญาณให้ทีมงานเตรียมส่งไมค์ที่จัดไว้ล่วงหน้าให้กับนักลงทุนด้านล่างเวที 

หลังจากฟังบรรยายมาเกือบครึ่งชั่วโมง นักลงทุนหลายคนก็เริ่มสนใจในตัวแบรนด์โนเวลกูดอทคoม

ไม่มีใครการันตีได้ว่าแบรนด์นี้จะประสบความสำเร็จรึเปล่า แต่อย่างน้อย จากข้อมูลทั้งหมดที่ได้ฟังในงานโชว์เคสแบรนด์โมเดลนี้ดูค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคำถามเชิงเห็นพ้องหรือคัดค้าน เหล่านักลงทุนก็ต่างให้ความสนใจกันหมด 

เมิ่งชั่งไม่รู้สึกตื่นตระหนกเลยสักนิดเมื่อต้องตอบคำถามที่บ้างก็ธรรมดา บ้างก็จี้จุด เขาตอบกลับได้อย่างฉะฉานและมั่นใจ 

เซวียเจ๋อปินที่นั่งอยู่ล่างเวทีดูสับสน 

เขาเอียงหัวไปกระซิบกับหลี่สือ “บอสหลี่ ผมคิดว่าที่เขาพูดมาก็สมเหตุสมผล จนอดไม่ได้ที่จะลงทุนซื้อหุ้นของผู้ก่อตั้งบริษัทดูเล่นๆ ถ้าประสบความสำเร็จขึ้นมาจริงๆ ก็จะได้ค่าตอบแทนสูงจนน่าตกใจเลยนะครับ”

หลี่สือเงียบไปครู่หนึ่ง “ฟังแค่นี้มั่นใจขนาดนั้นไม่ได้หรอก เสี่ยงเกินไป รอดูไปก่อนจะดีที่สุด

“นักลงทุนที่ฉลาดไม่ควรมีความคิดแบบนักเสี่ยงดวง ถ้าคิดว่าจะได้ค่าตอบแทนสูงจากโปรเจ็กต์ใดโปรเจ็กต์หนึ่ง คุณก็มักจะโดนต้มจนเปื่อย ความฉลาดในการลงทุนไม่ใช่แค่การเห็นโอกาสเท่านั้น แต่รวมถึงรู้จักวิธีหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้วย”

เซวียเจ๋อปินถอนหายใจ “เฮ้อ การลงทุนเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะจริงๆ ถ้ามีใครประดิษฐ์เครื่องจับเท็จขึ้นมาได้ ก็จะรู้ได้เลยว่าใครโกหกอยู่ นักลงทุนก็จะได้ไม่โดนหลอกอีก”

หลี่สือยิ้ม “ถึงมีเครื่องจับเท็จก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี บางคนพูดความจริง แต่เก่งไม่พอที่จะทำตามที่พูดได้ ลงทุนไปก็สูญเงินเหมือนเดิม บางคนอาจจะไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ก็ประสบความสำเร็จขึ้นมาได้ด้วยความบังเอิญ ไม่มีอะไรแน่นอน

“อีกอย่าง การลงทุนก็มีความเสี่ยงสูงอยู่แล้ว การโดนโกงเงินเป็นเรื่องน่าเศร้ามั้ย ใช่ ก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้า แต่นักลงทุนก็ไม่ได้อ่อนแอ นี่คือสนามรบที่โหดร้าย

“นักลงทุนใสซื่อกันรึเปล่า ก็ไม่ การลงทุนต้องมีวิสัยทัศน์กว้างไกล แต่นักลงทุนหลายคนมองสั้นๆ จุดประสงค์เดียวในการลงทุนคือต้องได้ผลตอบแทนทันที

“นักลงทุนถือเงินกันเยอะมาก แต่ส่วนใหญ่ไม่ยอมลงทุนในจุดที่จำเป็นที่สุด กลับไปออกันอยู่กับไอ้เจ้า ‘โอกาสทางการลงทุน’ ผลาญเงิน ปั่นกระแส ตัดช่องทางคนอื่น ทำลายระบบ แล้วก็จบที่ไม่เหลืออะไร

“ไม่กี่ปีก่อนผมก็เป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้ ความคิดผมเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว

“เพราะงั้น คุณจะโทษฟ้าดินกับการลงทุนของตัวเองไม่ได้ ถ้าเจอโปรเจ็กต์ที่ได้ค่าตอบแทนสูง ก็แสดงว่าคุณมีสายตาที่แหลมคม แต่ถ้าเจอพวกต้มตุ๋น ก็แสดงว่าฝีมือของคุณยังด้อยเกินไป 

“พูดแบบเป็นกลาง ก็จริงที่นักลงทุนจะโดนต้มจนไม่เหลืออะไร แต่นักลงทุนก็ไม่ได้ใจดีกับผู้ประกอบการที่ขาดประสบการณ์และไม่ระแวดระวังตัว พวกเขากลับพยายามขูดรีดอีกฝ่ายเต็มที่

“โลกธุรกิจก็เหมือนสนามรบ ไม่มีทั้งศีลธรรมและมนุษยธรรม เป็นเรื่องปกติที่จะต้องสู้กันให้ตายไปข้างภายใต้กรอบกฎหมาย”

เซวียเจ๋อปินถามขึ้นอีก “บอสหลี่คิดยังไงกับโอกาสสำเร็จของโมเดลธุรกิจแบรนด์สาวหน้านิ่งครับ”

หลี่สือคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับ “ถ้าพิจารณาจากตัวเมิ่งชั่งแค่อย่างเดียว ก็บอกได้ว่าเป็นอัจฉริยะด้านการตลาดและเป็นคนที่บรรยายได้เก่งมาก ส่วนจะเป็นนักธุรกิจอัจฉริยะหรือนักต้มตุ๋นอัจฉริยะ…

“ตอนนี้ยังบอกได้ยาก ต้องรอดูว่าหลังเปิดร้านแห่งแรกแล้วจะเป็นยังไง

“เขาเตรียมตัวตอบคำถามนักลงทุนมาดีมาก ไม่มีช่องโหว่เลย

“ผมกลัวว่าถามคำถามไปก็ไม่น่าจะรู้อะไร”

เซวียเจ๋อปินหันไปมองเฮ่อเต๋อเซิ่งกับหม่าหยางที่นั่งอยู่แถวแรกสุด “บอสหม่าจะถามอะไรมั้ยครับ”

หลี่สืออดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ “ผมว่าไม่”

คนอื่นคิดว่าบอสหม่าเป็นคนลึกลับและน่าจะเป็นอัจฉริยะด้านการลงทุนที่ซ่อนตัวอยู่ 

แต่หลี่สือไม่คิดแบบนั้น 

เพราะหลี่สือเคยคุยกับหม่าหยางหลายครั้งตอนเจอกันที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู ครั้งหนึ่งเขาเคยหลอกล่อหม่าหยางจนอีกฝ่ายไปต่อไม่ถูก ก็เลยรู้ว่าจริงๆ แล้วสติปัญญาของหม่าหยางอยู่ระดับไหน 

ที่หม่าหยางทำเรื่องสุดยอดแบบนั้นได้ก็เพราะมีบอสเผยคอยแนะนำแนวทาง!

หลี่สือรู้ดีว่าหม่าหยางเป็นเครื่องมือของบอสเผย เหตุผลเดียวที่ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งสำคัญแบบนี้ได้ก็เพราะเชื่อฟังและซื่อสัตย์กับบอสเผยสุดๆ

หลี่สือคิดว่าสติปัญญาและความสามารถของหม่าหยางนั้นแตกต่างจากบอสเผยลิบลับ อย่างมากก็มีระดับสติปัญญาเทียบเท่าคนทั่วไป หรือเป็นไปได้ว่าอาจจะต่ำกว่าด้วยซ้ำ 

แล้วเมิ่งชั่งเป็นใคร ไอคิวของเขาน่าจะอยู่ในระดับแนวหน้าไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะจริงๆ หรือเป็นนักต้มตุ๋น 

หม่าหยางถามคำถามเมิ่งชั่งเหรอ 

คนที่รู้พื้นเพตัวเองไม่มีทางทำแบบนั้นแน่

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

Losing Money to Be a Tycoon, 亏成首富从游戏开始, Kui Cheng Shoufu Cong Youxi Kaishi(donghua), Losing Money to Become the Richest Person Starts From the Game, システムで出世してしまった
Score 9.4
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , ต้นฉบับ: 1673 Chapters (จบแล้ว)
เผยเชียนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน โดยมีระบบสั่งให้เขาตั้งบริษัทอะไรก็ได้เพื่อหาเงินทำกำไรโดยจะมีการประเมินกำไรขาดทุนเป็นรอบๆ แต่เผยเชียนเป็นคนหัวหมอ เขาดูแล้วว่าถ้าเขาทำธุรกิจได้กำไร เขาจะได้ส่วนแบ่งเข้ากระเป๋าตัวเองแค่ 1:100 แต่ถ้าเขาขาดทุน เขาจะได้ส่วนแบ่ง 1:1 เขาจึงคิดจะตั้งบริษัทเกม และหาทางทำให้บริษัทขาดทุน.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset