📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี – ตอนที่ 732

บทที่ 732 - ก้าวเล็กๆ สู่แผนการ
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน 

ปักกิ่ง งานโชว์เคสแบรนด์แบรนด์สาวหน้านิ่ง

ถึงจะเรียกว่าเป็นงานโชว์เคสแบรนด์แต่ก็ไม่ได้จัดสเกลใหญ่มากนัก แค่เชิญนักลงทุนกับเจ้าของบริษัทที่รู้จักกันมา 

บริษัทอินเทอร์เน็ตอื่นๆ มักจัดงานโชว์เคสแบรนด์ให้ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยหวังให้มีคนเข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่าหลักหมื่น 

ที่เมิ่งชั่งจัดงานโชว์เคสแบรนด์เล็กๆ ไม่ใช่เพราะไม่ต้องการเป็นจุดสนใจ แต่เพราะคิดว่าการจัดงานโชว์เคสแบรนด์สเกลใหญ่น่าจะทำให้เกิดผลลัพธ์ตามที่ต้องการไม่ได้ 

ถึงเวลาที่เหมาะสมเมื่อไหร่ เขาจะเช่าสถานที่ขนาดใหญ่จัดงานโชว์เคสแบรนด์ที่มีผู้ร่วมงานหลักหมื่น 

สำหรับ ‘ผู้ประกอบการ’ ทางอินเทอร์เน็ตอย่างพวกเขาแล้ว ยิ่งกระแสดังเท่าไหร่ก็ยิ่งดี 

ยิ่งสเกลใหญ่ก็ยิ่งมีคนรู้จักเยอะขึ้น สร้างผลกระทบทางตลาดได้ ซึ่งจะเรียกกระแสและความนิยมมาสู่บริษัทและสินค้า 

แต่ตอนนี้ ยังไม่เหมาะเท่าไหร่ที่จะคุยโวถึงความสุดยอดของแบรนด์สาวหน้านิ่ง 

เพราะพวกนักลงทุนหลอกง่ายกว่าคนทั่วไป 

ที่เป็นแบบนั้นเพราะนักลงทุนกระตือรือร้นเรื่องโอกาสทางอินเทอร์เน็ตและแนวคิดระดับสูงต่างๆ ส่วนคนทั่วไปจะให้ความสนใจที่ผลิตภัณฑ์มากกว่า 

การโน้มน้าวนักลงทุนให้เชื่อในบะหมี่เย็นที่ผสานโอกาสทางอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องง่าย แต่ก็ยากที่จะโน้มน้าวให้คนทั่วไปเชื่อ 

ดังนั้นแผนของเมิ่งชั่งคือโน้มน้าวนักลงทุนเพื่อหาเงินก่อน พอเปิดร้านแห่งแรกของแบรนด์สาวหน้านิ่งได้แล้วค่อยโปรโมตต่อสายตาสาธารณชนผ่านการทำการตลาด 

เนื่องจากงานนี้สเกลเล็ก เมิ่งชั่งเลยตัดสินใจจัดในห้องประชุมของโรงแรมหรูในปักกิ่ง ซึ่งรองรับคนได้ประมาณร้อยกว่าที่นั่ง

ทุกอย่างตั้งแต่การตกแต่ง การบริการของพนักงาน ป้ายต่างๆ และของชำร่วยบนโต๊ะต่างจัดเตรียมอย่างพิถีพิถันโดยไม่สนว่าจะใช้เงินไปเท่าไหร่

ส่วนเมิ่งชั่งยังแต่งกายใน ‘สไตล์เรียบโก้ดูเข้าถึงง่าย’ เหมือนตอนที่พบกับเฮ่อเต๋อเซิ่ง เขาสวมสูทลำลอง เสื้อยืดสีเรียบ กางเกงยีน และรองเท้าผ้าใบ ดูเป็นผู้ใหญ่และน่าเชื่อถือ แต่ก็ดูกระตือรือร้นด้วยเหมือนกัน

เมิ่งชั่งยิ้มขณะพูดคุยกับนักลงทุนและประธานบริษัทตรงหน้าทางเข้างาน เขาพาแต่ละคนเข้าไปในงานแล้วเชิญให้นั่งประจำที่ 

ถึงคนส่วนใหญ่ที่มางานโชว์เคสแบรนด์วันนี้จะฐานะมั่งคั่งกว่า แต่เมิ่งชั่งก็ไม่ตื่นเวทีหรือรู้สึกว่าตัวเองต้อยต่ำกว่าเลย เขากลับเหมือนเจ้าภาพที่คอยต้อนรับแขกเหรื่ออย่างดี

“บอสหลี่ บอสเซวีย เชิญครับ”

พอเห็นหลี่สือกับเซวียเจ๋อปินมาด้วยกัน เมิ่งชั่งก็รีบเข้าไปต้อนรับด้วยรอยยิ้ม ท่าทีของเขาดูกระตือรือร้นกว่าปกติ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกชัดเจนเกินไป 

ทักษะในการประเมินคนจากรูปลักษณ์และการกระทำเป็นเรื่องสำคัญมาก 

คนที่มาวันนี้เมิ่งชั่งเป็นคนเชิญหลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาเตรียมตัวและเตรียมข้อโต้แย้งสำหรับความเป็นไปได้ในการลงทุนของคนกลุ่มนี้ รวมถึงตัดสินแล้วว่าควรพยายามเพิ่มรึเปล่ามาเรียบร้อย 

เขารู้ดีว่าถึงบริษัทฟู่หุยของบอสหลี่จะเทียบชั้นกับบริษัทลงทุนยักษ์ใหญ่ในแง่ของทรัพยากรไม่ได้ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่สาวหน้านิ่งจะได้เงินลงทุนจากบริษัทนี้ 

ส่วนเซวียเจ๋อปินก็ไม่ได้มีทรัพยากรมาก แต่ขอเพิ่มจากพ่อได้ 

สิ่งสำคัญที่สุดคือทั้งสองตามติดบอสเผยไม่ห่าง มีโอกาสสูงที่พวกเขาจะร่วมลงทุนกับบอสเผยด้วย เพราะงั้นก็คุ้มที่เมิ่งชั่งจะพยายามกับสองคนนี้มากกว่าคนอื่น  

หลังจากพาหลี่สือกับเซวียเจ๋อปินไปนั่ง เมิ่งชั่งก็เห็นเฮ่อเต๋อเซิ่งกับชายหน้าใหญ่ยาวเดินมาพอดี

เมิ่งชั่งรีบก้าวออกไปต้อนรับ “บอสเหอ! ส่วนคุณ… น่าจะเป็นบอสหม่าในตำนานใช่มั้ยครับ เชิญเลยครับ เชิญเลย ผมเตรียมที่นั่งด้านหน้าไว้ให้คุณทั้งสองแล้วครับ!”

เอาเข้าจริง เมิ่งชั่งก็ไม่ได้คาดหวังว่าบอสเผยจะมา แค่ชวนไปงั้นๆ 

ถ้าบอสเผยมาก็คงทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ 

ถึงบอสเผยจะไม่ได้มา แต่ก็ส่งบอสหม่าผู้ลึกลับซึ่งรับผิดชอบบริษัทลงทุนมาแทน ซึ่งเมิ่งชั่งค่อนข้างแปลกใจทีเดียว 

เพราะงั้นเขาเลยจัดที่นั่ง VIP แถวหน้าตรงกลางไว้ให้เป็นพิเศษ 

ที่ทำแบบนี้มีเหตุผลอยู่สองข้อ 

ข้อแรก เขาอยากแสดงความจริงใจให้เถิงต๋ารับรู้ เพราะยังไงเถิงต๋าก็เป็นคนให้เงินสองล้านหยวนมาเริ่มทำโปรเจ็กต์ ข้อสอง เขาอยากส่งข้อความถึงทุกคนว่า ฉันไม่ได้หลอกลวงพวกนาย เถิงต๋าให้ค่าโปรเจ็กต์ฉันจริงๆ!

ดังนั้นเมิ่งชั่งจึงต้อนรับเฮ่อเต๋อเซิ่งกับหม่าหยางเต็มที่กว่าใคร เขานำทั้งสองไปยังที่นั่งแถวแรกด้วยตัวเอง พอยืนยันว่าทั้งสองนั่งที่แล้ว ก็ค่อยกลับไปต้อนรับคนอื่นๆ ด้านหน้างานต่อ 

นี่เป็นการพบกันครั้งแรก เมิ่งชั่งไม่รู้ว่าบอสหม่าเป็นคนยังไง มีความคิดทัศนคติแบบไหน 

แต่เขาก็รู้ว่าถ้าใส่ใจบอสหม่ามากเกินไปจะพลาดได้ง่าย เพราะงั้นเลยอ้างไปว่าต้องออกไปต้อนรับคนอื่นต่อเมื่อเห็นว่าบอสหม่าไม่คิดจะสนิทชิดเชื้อด้วย 

หม่าหยางคว้าน้ำแร่ขวดละสิบหยวนตรงหน้ามาดื่มสองอึก จากนั้นก็ยกมือเช็ดปากอย่างไม่ค่อยมีมารยาทเท่าไหร่ 

“หน้าที่หลักของผมวันนี้คืออะไร” หม่าหยางหันไปถามเฮ่อเต๋อเซิ่ง 

เฮ่อเต๋อเซิ่งตอบ “แล้วแต่บอสหม่าเลยครับ บอสเผยบอกแค่ว่าให้คุณมาเป็นตัวแทน ไม่ได้สั่งอะไรอีก ถ้าอยากพูดอะไรก็เชิญได้ หรือถ้าอยากนั่งเงียบๆ ก็ได้เหมือนกันครับ ไม่เป็นไรเลย”

“โอ้” หม่าหยางพยักหน้าแล้วก้มหน้าเล่นมือถือเงียบๆ ต่อ

ไม่นานก็ถึงเวลาเปิดงานโชว์เคสแบรนด์ ɴᴏᴠᴇʟɢᴜ.ᴄᴏᴍ

รายชื่อผู้เข้าร่วมงานกำหนดไว้แล้วเพราะใช้วิธีส่งจดหมายเชิญ ที่นั่งมีคนนั่งเกือบเต็ม มีส่วนน้อยที่มาไม่ได้เพราะติดธุระ 

แสงไฟหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนบนจอขนาดใหญ่จะแสดงตัวเลขนับถอยหลัง จากนั้นก็เป็นคลิปเปิดงานโชว์เคสแบรนด์

ฉากหลังเป็นสีขาวบริสุทธิ์ เมิ่งชั่งปรากฏบนจอ เขายังคงสวมเสื้อสีเรียบ นั่งมองกล้องด้วยแววตามั่นใจและพูดเปิดคลิปเป็นภาษาอังกฤษ

“ทุกคนรู้ว่าวัฒนธรรมอาหารและเครื่องดื่มของประเทศเรามีประวัติศาสตร์ยาวนาน

“การเปิดตัวแบรนด์สาวหน้านิ่งจะเป็นการเริ่มต้นสไตล์การบริโภคใหม่และเป็นโอกาสในการเปลี่ยนแปลงโลก”

หลังกล่าวเปิดสั้นๆ โลโก้อันโดดเด่นของสาวหน้านิ่งก็ปรากฏบนพื้นหลังสีขาว 

คลิปนี้ถ่ายและตัดต่อในช่วงสองวันที่ผ่านมา เนื่องจากเวลากระชั้นชิดฉากจึงไม่ได้หวือหวามากนัก 

แต่พื้นหลังสีขาว ดนตรีบรรเลงประกอบ ท่าทีผ่อนคลายของเมิ่งชั่ง ภาษากายที่สื่อถึงความมั่นใจ และภาษาอังกฤษคล่องปร๋อก็สร้างความรู้สึกเหนือชั้นกว่าอย่างอธิบายไม่ได้ 

นักลงทุนบางส่วนที่นั่งอยู่แถวหลังมาร่วมงานเล่นๆ แต่พวกเขาก็ดูจริงจังกันขึ้นมาทันที 

เพราะยังไงการนำเสนอก็เป็นความสามารถในการแข่งขันหลักของผู้ประกอบการอินเทอร์เน็ต 

คนที่พูดได้ดีและเต็มไปด้วยความมั่นใจย่อมทำให้ผู้อื่นรู้สึกเชื่อมั่นได้ 

หม่าหยางขมวดคิ้ว ใบหน้ายาวใหญ่ของเขาดูยาวขึ้นกว่าเดิม 

“ไม่เห็นมีชาวต่างชาติเลยนี่ แล้วจะพูดภาษาอังกฤษทำไม” หม่าหยางสับสน

เฮ่อเต๋อเซิ่งกระซิบตอบ “ความคิดและวิสัยทัศน์ระดับสากลเป็นสิ่งที่คนเชิดชูกันตอนนี้ครับ การพูดภาษาอังกฤษได้คล่องถือเป็นข้อได้เปรียบในสายตาใครหลายคน”

หม่าหยางเบ้ปาก เขามีความประทับใจแรกกับเมิ่งชั่งที่ไม่ค่อยดีนัก 

คลิปยังเล่นต่อไปบนจอขนาดใหญ่ 

เริ่มแรก เขาพูดเรื่องที่ว่าบะหมี่เย็นของแบรนด์สาวหน้านิ่ง ‘แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ’ กับบะหมี่เย็นทั่วไปอย่างไร โดยเล่าเกี่ยวกับวัตถุดิบ มาตรฐานกระบวนการผลิต ขนาด กรรมวิธี และรสชาติที่เหนือขึ้นไปอีกขั้น 

จากนั้นก็โยงอินเทอร์เน็ตเข้ากับแบรนด์สาวหน้านิ่ง เช่น ใส่ใจประสบการณ์ของผู้ใช้งาน วิธีการทางการตลาดที่ล้ำขึ้นซึ่งช่วยร่นระยะระหว่างผู้ใช้ลง เอกลักษณ์ของแบรนด์สาวหน้านิ่ง และอื่นๆ 

สุดท้ายก็เล่าเกี่ยวกับการขยายธุรกิจต่อไปของแบรนด์สาวหน้านิ่ง โดยจะไม่จำกัดแค่ด้านอาหารและเครื่องดื่ม แต่จะขยายไปสู่วิถีชีวิตและแนวคิด จนเกิดเป็นโมเดลธุรกิจแบรนด์ใหม่ 

คลิปมีความยาวไม่ถึงห้านาที เนื้อหาจึงครอบคลุมแค่คร่าวๆ แต่ก็บอกได้ว่าเป็นการสรุปเนื้อหาโดยสังเขปของงานโชว์เคสแบรนด์

เหตุผลที่เอาไว้ตอนแรกสุดก็เพื่อโชว์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง เพื่อที่นักลงทุนและบอสบริษัททุกคนที่มางานจะได้เข้าใจชัดเจนถึงเนื้อหาของงานโชว์เคสแบรนด์

หลังดูคลิปเปิดตัว แต่ละคนก็แสดงออกแตกต่างกันไป 

บางคนมองอย่างจริงจังและสนใจ บางคนดูสับสน บางคนขมวดคิ้ว 

แต่ไม่มีใครเหม่อเลยสักคน 

ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ อย่างน้อยทุกคนก็ให้ความสนใจกันหมด 

เซวียเจ๋อปินเองก็ขมวดคิ้ว เขาหันไปกระซิบกับหลี่สือ “สร้าง ‘วัฒนธรรมบะหมี่เย็น’? ‘โมเดลธุรกิจบะหมี่เย็น’? เชื่อได้จริงๆ เหรอครับ”

หลี่สือไม่ออกความเห็น “รอฟังเขาอธิบายก่อน”

เมิ่งชั่งเดินขึ้นเวทีพร้อมรอยยิ้มและท่วงท่าที่แสดงออกถึงความมั่นใจ 

เขามองไปรอบๆ ห้องและสังเกตเห็นการแสดงออกของเหล่านักลงทุน

คลิปเปิดตัวให้ผลลัพธ์ตามที่เขาคาดการณ์ไว้เป๊ะ 

งานแรกของการทำการตลาดคือทำให้ทุกคนรับรู้ถึงตัวตน ถึงจะได้ชื่อเสียงในทางลบ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้รับความสนใจเลย 

ถึงเนื้อหาในคลิปจะเว่อร์เกินจริงไปมาก แต่ก็ยังไม่หลุดเกณฑ์และไม่ดูบ้าเกินไป 

พอมารวมกับงานโปรดักชันสุดเยี่ยมยอดและการแสดงออกสุดมั่นใจของเมิ่งชั่ง ผู้ชมก็แบ่งออกเป็นสองฝั่งตามที่วางแผนไว้ 

บางคนมองว่าคลิปทำออกมาได้ดีมาก เมิ่งชั่งเองก็ดูมีความสามารถไม่ธรรมดา บางคนมองว่าเว่อร์เกินไป ความสำเร็จระดับนั้นอยู่ห่างไกลมาก เหมือนสร้างวิมานบนท้องฟ้า 

แต่ก็ไม่สำคัญ เพราะเมิ่งชั่งไม่คิดจะครองใจทุกคนด้วยคลิปเปิดตัวเพียงคลิปเดียวและงานโชว์เคสแบรนด์

แผนของเขาเชื่อมโยงกัน นี่เป็นแค่ก้าวเล็กๆ ก้าวแรก 

เมิ่งชั่งไล่สายตามองทุกคนแล้วยิ้ม “หลายคนอาจจะงงหลังจากได้ดูคลิปเปิดตัวไป

“บางคนอาจจะอยากร้องถามว่า แค่ทำบะหมี่เย็นเนี่ยนะ?

“กับอีแค่บะหมี่เย็น ทำไมต้องคุยโวยกใหญ่ถึงเรื่องการค้าขายบนอินเทอร์เน็ตกับโมเดลธุรกิจด้วย บ้ารึเปล่า

“แน่นอนผมรู้ดีว่าแนวคิดนี้ยอมรับได้ยากในแวบแรก เพราะเป็นแนวคิดที่มาล้มล้างแนวคิดตามปกติของเรา 

“แต่ผมมีคำถามอยากถามทุกคน ถ้าได้ฟังผู้ประกอบการเล่าแนวคิดหรือโมเดลที่ทุกคนคิดว่าน่าเชื่อถือ เป็นไปได้ และประสบความสำเร็จแน่นอน คุณจะกล้าลงทุนรึเปล่า

“ถ้าผมเป็นนักลงทุน ผมคงไม่กล้าลงทุนในโปรเจ็กต์แบบนั้น

“เพราะโมเดลธุรกิจที่ทุกคนมองว่าน่าเชื่อถือต้องเป็นโมเดลที่หลายคนลองทำมาแล้ว การแข่งขันจึงดุเดือดมาก ไม่มีเหตุผลในการก้าวเข้าตลาดในฐานะผู้ประกอบการตอนนี้

“ดังนั้นแน่นอนว่าโมเดลธุรกิจใหม่ย่อมเกิดขึ้นมาพร้อมความคลางแคลงใจมากมาย 

“รบกวนทุกท่านอดทนฟังจนผมบรรยายจบ ระหว่างการบรรยาย ผมจะอธิบายแบรนด์สาวหน้านิ่งในทุกย่างก้าวให้ฟังคร่าวๆ

“อันที่จริง คุณไม่ต้องรีบเข้ามายื่นเงินทุนให้ผมหลังบรรยายจบ และรอดูสถานการณ์ไปก่อนก็ได้ 

“หลังจากทุกขั้นตอนของผมค่อยๆ เป็นจริงและพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าโมเดลธุรกิจนี้เป็นไปได้ ทุกคนค่อยตัดสินใจก็ได้ครับว่าจะลงทุนดีรึเปล่า”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

Losing Money to Be a Tycoon, 亏成首富从游戏开始, Kui Cheng Shoufu Cong Youxi Kaishi(donghua), Losing Money to Become the Richest Person Starts From the Game, システムで出世してしまった
Score 9.4
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , ต้นฉบับ: 1673 Chapters (จบแล้ว)
เผยเชียนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน โดยมีระบบสั่งให้เขาตั้งบริษัทอะไรก็ได้เพื่อหาเงินทำกำไรโดยจะมีการประเมินกำไรขาดทุนเป็นรอบๆ แต่เผยเชียนเป็นคนหัวหมอ เขาดูแล้วว่าถ้าเขาทำธุรกิจได้กำไร เขาจะได้ส่วนแบ่งเข้ากระเป๋าตัวเองแค่ 1:100 แต่ถ้าเขาขาดทุน เขาจะได้ส่วนแบ่ง 1:1 เขาจึงคิดจะตั้งบริษัทเกม และหาทางทำให้บริษัทขาดทุน.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset