วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน
ปักกิ่ง งานโชว์เคสแบรนด์แบรนด์สาวหน้านิ่ง
ถึงจะเรียกว่าเป็นงานโชว์เคสแบรนด์แต่ก็ไม่ได้จัดสเกลใหญ่มากนัก แค่เชิญนักลงทุนกับเจ้าของบริษัทที่รู้จักกันมา
บริษัทอินเทอร์เน็ตอื่นๆ มักจัดงานโชว์เคสแบรนด์ให้ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยหวังให้มีคนเข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่าหลักหมื่น
ที่เมิ่งชั่งจัดงานโชว์เคสแบรนด์เล็กๆ ไม่ใช่เพราะไม่ต้องการเป็นจุดสนใจ แต่เพราะคิดว่าการจัดงานโชว์เคสแบรนด์สเกลใหญ่น่าจะทำให้เกิดผลลัพธ์ตามที่ต้องการไม่ได้
ถึงเวลาที่เหมาะสมเมื่อไหร่ เขาจะเช่าสถานที่ขนาดใหญ่จัดงานโชว์เคสแบรนด์ที่มีผู้ร่วมงานหลักหมื่น
สำหรับ ‘ผู้ประกอบการ’ ทางอินเทอร์เน็ตอย่างพวกเขาแล้ว ยิ่งกระแสดังเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
ยิ่งสเกลใหญ่ก็ยิ่งมีคนรู้จักเยอะขึ้น สร้างผลกระทบทางตลาดได้ ซึ่งจะเรียกกระแสและความนิยมมาสู่บริษัทและสินค้า
แต่ตอนนี้ ยังไม่เหมาะเท่าไหร่ที่จะคุยโวถึงความสุดยอดของแบรนด์สาวหน้านิ่ง
เพราะพวกนักลงทุนหลอกง่ายกว่าคนทั่วไป
ที่เป็นแบบนั้นเพราะนักลงทุนกระตือรือร้นเรื่องโอกาสทางอินเทอร์เน็ตและแนวคิดระดับสูงต่างๆ ส่วนคนทั่วไปจะให้ความสนใจที่ผลิตภัณฑ์มากกว่า
การโน้มน้าวนักลงทุนให้เชื่อในบะหมี่เย็นที่ผสานโอกาสทางอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องง่าย แต่ก็ยากที่จะโน้มน้าวให้คนทั่วไปเชื่อ
ดังนั้นแผนของเมิ่งชั่งคือโน้มน้าวนักลงทุนเพื่อหาเงินก่อน พอเปิดร้านแห่งแรกของแบรนด์สาวหน้านิ่งได้แล้วค่อยโปรโมตต่อสายตาสาธารณชนผ่านการทำการตลาด
เนื่องจากงานนี้สเกลเล็ก เมิ่งชั่งเลยตัดสินใจจัดในห้องประชุมของโรงแรมหรูในปักกิ่ง ซึ่งรองรับคนได้ประมาณร้อยกว่าที่นั่ง
ทุกอย่างตั้งแต่การตกแต่ง การบริการของพนักงาน ป้ายต่างๆ และของชำร่วยบนโต๊ะต่างจัดเตรียมอย่างพิถีพิถันโดยไม่สนว่าจะใช้เงินไปเท่าไหร่
ส่วนเมิ่งชั่งยังแต่งกายใน ‘สไตล์เรียบโก้ดูเข้าถึงง่าย’ เหมือนตอนที่พบกับเฮ่อเต๋อเซิ่ง เขาสวมสูทลำลอง เสื้อยืดสีเรียบ กางเกงยีน และรองเท้าผ้าใบ ดูเป็นผู้ใหญ่และน่าเชื่อถือ แต่ก็ดูกระตือรือร้นด้วยเหมือนกัน
เมิ่งชั่งยิ้มขณะพูดคุยกับนักลงทุนและประธานบริษัทตรงหน้าทางเข้างาน เขาพาแต่ละคนเข้าไปในงานแล้วเชิญให้นั่งประจำที่
ถึงคนส่วนใหญ่ที่มางานโชว์เคสแบรนด์วันนี้จะฐานะมั่งคั่งกว่า แต่เมิ่งชั่งก็ไม่ตื่นเวทีหรือรู้สึกว่าตัวเองต้อยต่ำกว่าเลย เขากลับเหมือนเจ้าภาพที่คอยต้อนรับแขกเหรื่ออย่างดี
“บอสหลี่ บอสเซวีย เชิญครับ”
พอเห็นหลี่สือกับเซวียเจ๋อปินมาด้วยกัน เมิ่งชั่งก็รีบเข้าไปต้อนรับด้วยรอยยิ้ม ท่าทีของเขาดูกระตือรือร้นกว่าปกติ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกชัดเจนเกินไป
ทักษะในการประเมินคนจากรูปลักษณ์และการกระทำเป็นเรื่องสำคัญมาก
คนที่มาวันนี้เมิ่งชั่งเป็นคนเชิญหลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาเตรียมตัวและเตรียมข้อโต้แย้งสำหรับความเป็นไปได้ในการลงทุนของคนกลุ่มนี้ รวมถึงตัดสินแล้วว่าควรพยายามเพิ่มรึเปล่ามาเรียบร้อย
เขารู้ดีว่าถึงบริษัทฟู่หุยของบอสหลี่จะเทียบชั้นกับบริษัทลงทุนยักษ์ใหญ่ในแง่ของทรัพยากรไม่ได้ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่สาวหน้านิ่งจะได้เงินลงทุนจากบริษัทนี้
ส่วนเซวียเจ๋อปินก็ไม่ได้มีทรัพยากรมาก แต่ขอเพิ่มจากพ่อได้
สิ่งสำคัญที่สุดคือทั้งสองตามติดบอสเผยไม่ห่าง มีโอกาสสูงที่พวกเขาจะร่วมลงทุนกับบอสเผยด้วย เพราะงั้นก็คุ้มที่เมิ่งชั่งจะพยายามกับสองคนนี้มากกว่าคนอื่น
หลังจากพาหลี่สือกับเซวียเจ๋อปินไปนั่ง เมิ่งชั่งก็เห็นเฮ่อเต๋อเซิ่งกับชายหน้าใหญ่ยาวเดินมาพอดี
เมิ่งชั่งรีบก้าวออกไปต้อนรับ “บอสเหอ! ส่วนคุณ… น่าจะเป็นบอสหม่าในตำนานใช่มั้ยครับ เชิญเลยครับ เชิญเลย ผมเตรียมที่นั่งด้านหน้าไว้ให้คุณทั้งสองแล้วครับ!”
เอาเข้าจริง เมิ่งชั่งก็ไม่ได้คาดหวังว่าบอสเผยจะมา แค่ชวนไปงั้นๆ
ถ้าบอสเผยมาก็คงทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ
ถึงบอสเผยจะไม่ได้มา แต่ก็ส่งบอสหม่าผู้ลึกลับซึ่งรับผิดชอบบริษัทลงทุนมาแทน ซึ่งเมิ่งชั่งค่อนข้างแปลกใจทีเดียว
เพราะงั้นเขาเลยจัดที่นั่ง VIP แถวหน้าตรงกลางไว้ให้เป็นพิเศษ
ที่ทำแบบนี้มีเหตุผลอยู่สองข้อ
ข้อแรก เขาอยากแสดงความจริงใจให้เถิงต๋ารับรู้ เพราะยังไงเถิงต๋าก็เป็นคนให้เงินสองล้านหยวนมาเริ่มทำโปรเจ็กต์ ข้อสอง เขาอยากส่งข้อความถึงทุกคนว่า ฉันไม่ได้หลอกลวงพวกนาย เถิงต๋าให้ค่าโปรเจ็กต์ฉันจริงๆ!
ดังนั้นเมิ่งชั่งจึงต้อนรับเฮ่อเต๋อเซิ่งกับหม่าหยางเต็มที่กว่าใคร เขานำทั้งสองไปยังที่นั่งแถวแรกด้วยตัวเอง พอยืนยันว่าทั้งสองนั่งที่แล้ว ก็ค่อยกลับไปต้อนรับคนอื่นๆ ด้านหน้างานต่อ
นี่เป็นการพบกันครั้งแรก เมิ่งชั่งไม่รู้ว่าบอสหม่าเป็นคนยังไง มีความคิดทัศนคติแบบไหน
แต่เขาก็รู้ว่าถ้าใส่ใจบอสหม่ามากเกินไปจะพลาดได้ง่าย เพราะงั้นเลยอ้างไปว่าต้องออกไปต้อนรับคนอื่นต่อเมื่อเห็นว่าบอสหม่าไม่คิดจะสนิทชิดเชื้อด้วย
หม่าหยางคว้าน้ำแร่ขวดละสิบหยวนตรงหน้ามาดื่มสองอึก จากนั้นก็ยกมือเช็ดปากอย่างไม่ค่อยมีมารยาทเท่าไหร่
“หน้าที่หลักของผมวันนี้คืออะไร” หม่าหยางหันไปถามเฮ่อเต๋อเซิ่ง
เฮ่อเต๋อเซิ่งตอบ “แล้วแต่บอสหม่าเลยครับ บอสเผยบอกแค่ว่าให้คุณมาเป็นตัวแทน ไม่ได้สั่งอะไรอีก ถ้าอยากพูดอะไรก็เชิญได้ หรือถ้าอยากนั่งเงียบๆ ก็ได้เหมือนกันครับ ไม่เป็นไรเลย”
“โอ้” หม่าหยางพยักหน้าแล้วก้มหน้าเล่นมือถือเงียบๆ ต่อ
…
ไม่นานก็ถึงเวลาเปิดงานโชว์เคสแบรนด์ ɴᴏᴠᴇʟɢᴜ.ᴄᴏᴍ
รายชื่อผู้เข้าร่วมงานกำหนดไว้แล้วเพราะใช้วิธีส่งจดหมายเชิญ ที่นั่งมีคนนั่งเกือบเต็ม มีส่วนน้อยที่มาไม่ได้เพราะติดธุระ
แสงไฟหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนบนจอขนาดใหญ่จะแสดงตัวเลขนับถอยหลัง จากนั้นก็เป็นคลิปเปิดงานโชว์เคสแบรนด์
ฉากหลังเป็นสีขาวบริสุทธิ์ เมิ่งชั่งปรากฏบนจอ เขายังคงสวมเสื้อสีเรียบ นั่งมองกล้องด้วยแววตามั่นใจและพูดเปิดคลิปเป็นภาษาอังกฤษ
“ทุกคนรู้ว่าวัฒนธรรมอาหารและเครื่องดื่มของประเทศเรามีประวัติศาสตร์ยาวนาน
“การเปิดตัวแบรนด์สาวหน้านิ่งจะเป็นการเริ่มต้นสไตล์การบริโภคใหม่และเป็นโอกาสในการเปลี่ยนแปลงโลก”
หลังกล่าวเปิดสั้นๆ โลโก้อันโดดเด่นของสาวหน้านิ่งก็ปรากฏบนพื้นหลังสีขาว
คลิปนี้ถ่ายและตัดต่อในช่วงสองวันที่ผ่านมา เนื่องจากเวลากระชั้นชิดฉากจึงไม่ได้หวือหวามากนัก
แต่พื้นหลังสีขาว ดนตรีบรรเลงประกอบ ท่าทีผ่อนคลายของเมิ่งชั่ง ภาษากายที่สื่อถึงความมั่นใจ และภาษาอังกฤษคล่องปร๋อก็สร้างความรู้สึกเหนือชั้นกว่าอย่างอธิบายไม่ได้
นักลงทุนบางส่วนที่นั่งอยู่แถวหลังมาร่วมงานเล่นๆ แต่พวกเขาก็ดูจริงจังกันขึ้นมาทันที
เพราะยังไงการนำเสนอก็เป็นความสามารถในการแข่งขันหลักของผู้ประกอบการอินเทอร์เน็ต
คนที่พูดได้ดีและเต็มไปด้วยความมั่นใจย่อมทำให้ผู้อื่นรู้สึกเชื่อมั่นได้
หม่าหยางขมวดคิ้ว ใบหน้ายาวใหญ่ของเขาดูยาวขึ้นกว่าเดิม
“ไม่เห็นมีชาวต่างชาติเลยนี่ แล้วจะพูดภาษาอังกฤษทำไม” หม่าหยางสับสน
เฮ่อเต๋อเซิ่งกระซิบตอบ “ความคิดและวิสัยทัศน์ระดับสากลเป็นสิ่งที่คนเชิดชูกันตอนนี้ครับ การพูดภาษาอังกฤษได้คล่องถือเป็นข้อได้เปรียบในสายตาใครหลายคน”
หม่าหยางเบ้ปาก เขามีความประทับใจแรกกับเมิ่งชั่งที่ไม่ค่อยดีนัก
คลิปยังเล่นต่อไปบนจอขนาดใหญ่
เริ่มแรก เขาพูดเรื่องที่ว่าบะหมี่เย็นของแบรนด์สาวหน้านิ่ง ‘แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ’ กับบะหมี่เย็นทั่วไปอย่างไร โดยเล่าเกี่ยวกับวัตถุดิบ มาตรฐานกระบวนการผลิต ขนาด กรรมวิธี และรสชาติที่เหนือขึ้นไปอีกขั้น
จากนั้นก็โยงอินเทอร์เน็ตเข้ากับแบรนด์สาวหน้านิ่ง เช่น ใส่ใจประสบการณ์ของผู้ใช้งาน วิธีการทางการตลาดที่ล้ำขึ้นซึ่งช่วยร่นระยะระหว่างผู้ใช้ลง เอกลักษณ์ของแบรนด์สาวหน้านิ่ง และอื่นๆ
สุดท้ายก็เล่าเกี่ยวกับการขยายธุรกิจต่อไปของแบรนด์สาวหน้านิ่ง โดยจะไม่จำกัดแค่ด้านอาหารและเครื่องดื่ม แต่จะขยายไปสู่วิถีชีวิตและแนวคิด จนเกิดเป็นโมเดลธุรกิจแบรนด์ใหม่
คลิปมีความยาวไม่ถึงห้านาที เนื้อหาจึงครอบคลุมแค่คร่าวๆ แต่ก็บอกได้ว่าเป็นการสรุปเนื้อหาโดยสังเขปของงานโชว์เคสแบรนด์
เหตุผลที่เอาไว้ตอนแรกสุดก็เพื่อโชว์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง เพื่อที่นักลงทุนและบอสบริษัททุกคนที่มางานจะได้เข้าใจชัดเจนถึงเนื้อหาของงานโชว์เคสแบรนด์
หลังดูคลิปเปิดตัว แต่ละคนก็แสดงออกแตกต่างกันไป
บางคนมองอย่างจริงจังและสนใจ บางคนดูสับสน บางคนขมวดคิ้ว
แต่ไม่มีใครเหม่อเลยสักคน
ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ อย่างน้อยทุกคนก็ให้ความสนใจกันหมด
เซวียเจ๋อปินเองก็ขมวดคิ้ว เขาหันไปกระซิบกับหลี่สือ “สร้าง ‘วัฒนธรรมบะหมี่เย็น’? ‘โมเดลธุรกิจบะหมี่เย็น’? เชื่อได้จริงๆ เหรอครับ”
หลี่สือไม่ออกความเห็น “รอฟังเขาอธิบายก่อน”
เมิ่งชั่งเดินขึ้นเวทีพร้อมรอยยิ้มและท่วงท่าที่แสดงออกถึงความมั่นใจ
เขามองไปรอบๆ ห้องและสังเกตเห็นการแสดงออกของเหล่านักลงทุน
คลิปเปิดตัวให้ผลลัพธ์ตามที่เขาคาดการณ์ไว้เป๊ะ
งานแรกของการทำการตลาดคือทำให้ทุกคนรับรู้ถึงตัวตน ถึงจะได้ชื่อเสียงในทางลบ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้รับความสนใจเลย
ถึงเนื้อหาในคลิปจะเว่อร์เกินจริงไปมาก แต่ก็ยังไม่หลุดเกณฑ์และไม่ดูบ้าเกินไป
พอมารวมกับงานโปรดักชันสุดเยี่ยมยอดและการแสดงออกสุดมั่นใจของเมิ่งชั่ง ผู้ชมก็แบ่งออกเป็นสองฝั่งตามที่วางแผนไว้
บางคนมองว่าคลิปทำออกมาได้ดีมาก เมิ่งชั่งเองก็ดูมีความสามารถไม่ธรรมดา บางคนมองว่าเว่อร์เกินไป ความสำเร็จระดับนั้นอยู่ห่างไกลมาก เหมือนสร้างวิมานบนท้องฟ้า
แต่ก็ไม่สำคัญ เพราะเมิ่งชั่งไม่คิดจะครองใจทุกคนด้วยคลิปเปิดตัวเพียงคลิปเดียวและงานโชว์เคสแบรนด์
แผนของเขาเชื่อมโยงกัน นี่เป็นแค่ก้าวเล็กๆ ก้าวแรก
เมิ่งชั่งไล่สายตามองทุกคนแล้วยิ้ม “หลายคนอาจจะงงหลังจากได้ดูคลิปเปิดตัวไป
“บางคนอาจจะอยากร้องถามว่า แค่ทำบะหมี่เย็นเนี่ยนะ?
“กับอีแค่บะหมี่เย็น ทำไมต้องคุยโวยกใหญ่ถึงเรื่องการค้าขายบนอินเทอร์เน็ตกับโมเดลธุรกิจด้วย บ้ารึเปล่า
“แน่นอนผมรู้ดีว่าแนวคิดนี้ยอมรับได้ยากในแวบแรก เพราะเป็นแนวคิดที่มาล้มล้างแนวคิดตามปกติของเรา
“แต่ผมมีคำถามอยากถามทุกคน ถ้าได้ฟังผู้ประกอบการเล่าแนวคิดหรือโมเดลที่ทุกคนคิดว่าน่าเชื่อถือ เป็นไปได้ และประสบความสำเร็จแน่นอน คุณจะกล้าลงทุนรึเปล่า
“ถ้าผมเป็นนักลงทุน ผมคงไม่กล้าลงทุนในโปรเจ็กต์แบบนั้น
“เพราะโมเดลธุรกิจที่ทุกคนมองว่าน่าเชื่อถือต้องเป็นโมเดลที่หลายคนลองทำมาแล้ว การแข่งขันจึงดุเดือดมาก ไม่มีเหตุผลในการก้าวเข้าตลาดในฐานะผู้ประกอบการตอนนี้
“ดังนั้นแน่นอนว่าโมเดลธุรกิจใหม่ย่อมเกิดขึ้นมาพร้อมความคลางแคลงใจมากมาย
“รบกวนทุกท่านอดทนฟังจนผมบรรยายจบ ระหว่างการบรรยาย ผมจะอธิบายแบรนด์สาวหน้านิ่งในทุกย่างก้าวให้ฟังคร่าวๆ
“อันที่จริง คุณไม่ต้องรีบเข้ามายื่นเงินทุนให้ผมหลังบรรยายจบ และรอดูสถานการณ์ไปก่อนก็ได้
“หลังจากทุกขั้นตอนของผมค่อยๆ เป็นจริงและพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าโมเดลธุรกิจนี้เป็นไปได้ ทุกคนค่อยตัดสินใจก็ได้ครับว่าจะลงทุนดีรึเปล่า”