วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม ตอนบ่าย
เผยเชียนจิบกาแฟอยู่ในร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูพร้อมกับเช็กดูเว็บบอร์ดออนไลน์บนโน้ตบุ๊ก
ผู้จัดการสโมสรเริ่มถกความเห็นกันบนอินเทอร์เน็ตหลังจากได้อ่านกฎระเบียบที่เถิงต๋าให้ไป
คืนวันศุกร์ มีคนปล่อยข่าวเรื่องเถิงต๋าเตรียมตั้งลีก GPL บนเว่ยป๋อและเว็บบอร์ดอื่นๆ ขณะเดียวกัน ก็มีคนปล่อยข่าวด้วยว่าเถิงต๋าถูกสงสัยว่ากำลังขูดรีดสโมสร
ในหมู่คนที่มาถกความเห็นมีแอกเค้านต์ออฟฟิเชียลมากอิทธิพลและมีแววว่าจะเป็นหน้าม้า พวกเขาแชร์ข่าวในเวอร์ชันตัวเองออกมาเรื่อยๆ จนหาแหล่งที่มาไม่เจอ จึงเป็นธรรมดาที่จะไม่รู้ว่าข่าวหลุดออกมาจากไหน
เนื้อหาข่าวที่คนเหล่านี้แชร์นั้นเหมือนกันหมด ซึ่งส่วนใหญ่จะแปะข้อความต้นฉบับของกฎระเบียบมาด้วย
“เถิงต๋ากำลังตั้งแผนกอีสปอร์ตและห้ามทุกสโมสรเซ็นสัญญากับนักกีฬาเป็นการส่วนตัว นอกจากนั้น สโมสรยังต้องไกล่เกลี่ยข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างนักกีฬากับทางเถิงต๋า สโมสรยังโดนห้ามไม่ให้ร่างสัญญาและกำหนดเงื่อนไขกับนักกีฬาอย่างอิสระด้วย แต่ต้องยอมรับสัญญามาตรฐานของเถิงต๋าแทน ถ้าสโมสรไหนไม่ทำตามกฎระเบียบนี้ ก็จะโดนถอนสิทธิ์เข้าร่วมลีก GPL แบบนี้มันเกินไปรึเปล่า”
“สโมสรลงทุนลงแรงไปมากกับงานแข่งขันชิงแชมป์โลก GOG แต่ตอนนี้กลับมาถูกขัดแข้งขัดขาเนี่ยนะ”
“สโมสรกับทางออฟฟิเชียลควรจะหาทางออกที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เพราะทั้งคู่ต่างดูแลจัดการหน้าที่ตัวเองได้เป็นอย่างดี ออฟฟิเชียลควรไปลงแรงลงเวลาพัฒนาเนื้อหาเกมและดูแลงานแข่งขันมากกว่า ไม่ควรมาเจ้ากี้เจ้าการกับการทำงานของสโมสรและทำตัวเข้มงวดเกินไป!”
“พวกเขาควรปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของสโมสร สโมสรใหญ่ๆ จะได้เข้าร่วมลีก GPL โดยไม่ต้องกังวลถ้าได้รับการดูแลเรื่องผลประโยชน์ ไม่งั้นการลงทุนของสโมสรก็จะสูญเปล่าได้ แบบนั้นจะมีสโมสรใหญ่ไหนกล้าเข้าร่วม เสียประโยชน์กันหมดไม่ว่าจะเป็นตัวนักกีฬา ผู้ชม หรือแม้แต่สโมสร!”
“ฉันว่าทีมออฟฟิเชียลของเถิงต๋าควรพิจารณาเรื่องการรักษาผลประโยชน์ของสโมสรใหญ่อย่างจริงจัง และเคารพประสบการณ์กับความเป็นมืออาชีพที่สโมสรใหญ่สั่งสมมาตลอดหลายปีในวงการ อุตสาหกรรมอีสปอร์ตของประเทศจะพัฒนาไปอย่างเข้มแข็งได้ถ้าทุกคนทำหน้าที่ในบทบาทของตัวเองได้ดีพอ…”
หลายคนเริ่มส่งต่อเนื้อหาและออกมาเล่าเรื่องราวคล้ายๆ กัน
ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเน้นย้ำว่า GPL ของเถิงต๋ามีกฎและข้อจำกัดมากเกินไปสำหรับสโมสร เอาเข้าจริง ถือเป็นการแสวงหาผลประโยชน์จากสโมสรซึ่งไม่เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างเข้มแข็ง ทุกสโมสรจึงพร้อมใจกันเรียกร้องให้คว่ำบาตรการกระทำนี้…
หลายสโมสรย้ำถึงมุมมองแบบเดียวกัน แล้วแสดงความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้
ถึงพวกเขาจะไม่ได้สื่อสารออกมาอย่างชัดเจน แต่ทัศนคติของพวกเขาก็เป็นที่ประจักษ์
ใต้โพสต์ต่างๆ บนเว่ยป๋อ มีผู้เล่นออกมาให้ความเห็นต่างๆ นานา
บ้างก็เห็นด้วย บ้างก็ไม่เห็นด้วย บางส่วนแค่รอดูสถานการณ์อยู่เงียบๆ
“อ่านกฎระเบียบดูแล้ว ผมว่าเถิงต๋ามีเจตนาดีนะ ที่วางมาแบบนี้ก็เพราะอยากกำกับดูแลระบบนิเวศอีสปอร์ต แต่ก็ควรคิดด้วยว่าถ้าไม่มีสโมสรไหนให้การสนับสนุน ลีกมืออาชีพจะเป็นยังไง สโมสรพวกนี้เป็นคู่ค้าทางธุรกิจ พวกเขาไม่ควรพยายามเอาเปรียบ!”
“ใช่เลย เห็นได้ชัดว่าเถิงต๋าทำไปเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง พวกเขากดดันสโมสรอื่นๆ มากเกินไป ดูซิว่าตอนนี้เป็นยังไง สโมสรพากันออกมาต่อต้านการเคลื่อนไหวนี้ แล้วจะตั้ง GPL ได้ยังไง”
“ฉันว่าเถิงต๋าจัดการเรื่องนี้เร็วไป ตอนนี้ยังไม่จำเป็น ควรปล่อยให้สโมสรได้หายใจหายคอและพัฒนาไปก่อน”
“คอมเมนต์บนๆ พูดอะไรกัน เถิงต๋าไม่ได้ขัดขวางสโมสรจากการทำกำไร ไม่มีข้อบังคับเรื่องการรับโฆษณา การแข่งขัน และสปอนเซอร์สักหน่อย พวกเขาแค่วางมาตรฐานสัญญาและขอให้สโมสรยอมรับการกำกับดูแลของเถิงต๋า นี่เรียกว่าขอมากเกินไปเหรอ ทำไมทุกคนโวยวายกันใหญ่โตแบบนี้”
“เป็นการเคลื่อนไหวที่ดีในการกำกับดูแลอุตสาหกรรม ฉันเชื่อมั่นในตัวบอสเผย ทุกอย่างที่บอสทำต้องมีเหตุผลประกอบอยู่แล้ว!”
“ช่างก่อน ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเถียงกันว่าใครถูกใครผิด ทุกคนควรถอยหลังคนละก้าวแล้วผ่อนปรนให้อีกฝ่ายมีช่องให้หายใจและตั้งตัว บอสเผยจะตั้งลีก GPL ได้สำเร็จก็ต้องได้รับความร่วมมือจากสโมสรใหญ่ๆ ใช่มั้ยล่ะ”
“พวกเด็กๆ ก็ที่พากันชี้นิ้วว่าใครถูกใครผิด ส่วนพวกผู้ใหญ่ก็มองแค่กำไรและผลประโยชน์ของตัวเอง ส่วนฉันว่าเถิงต๋าทำเกินไปหน่อยที่พยายามเอาเปรียบสโมสรตั้งแต่ช่วงแรกๆ พวกเขาน่าจะปล่อยให้สโมสรได้ลิ้มรสหวานก่อนแล้วค่อยๆ นำเสนอกฎ”
“ในฐานะผู้ชม ฉันไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ฉันแค่อยากให้ตั้ง GPL ให้เร็วที่สุด เพราะอยากดูการแข่งขันอีกเยอะๆ!”
ชัดเจนว่าพอจะเห็นเค้าลางพวกหน้าม้าบ้าง แต่ก็เนียนมากจนคนทั่วไปไม่น่าจะจับสังเกตได้
เหตุผลที่กระแสสังคมไม่เป็นไปในทางเดียวมีอยู่สองอย่าง หนึ่ง เสียงจากฝั่งสโมสรนั้นดังเกินไป แถมยังมีหน้าม้ามาผสมโรงด้วย สอง มีคนคำนึงถึงผลประโยชน์ของนักกีฬาน้อยมาก
เพราะตอนนี้ อุตสาหกรรมอีสปอร์ตจีนเพิ่งจะเริ่มตั้งไข่ นักกีฬาเพิ่งจะได้ยกระดับชีวิตจากการกินบะหมี่สำเร็จรูปทุกวันมาเป็นชีวิตที่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอาหารการกินและเครื่องนุ่งห่ม เด็กติดเกมหลายคนกลายเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตมืออาชีพรายได้สูง
หลายคนที่เป็นแค่คนนอกคิดว่าถึงจะโดนโกงหรือโดนเอาเปรียบในสัญญาก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงอะไร
เพราะยังไง พวกนักกีฬาก็ทำเงินได้หลายแสนหรืออาจจะหลายล้านต่อปีจากการเล่นเกม จะมาบ่นว่าโดนโกงอะไรกันอีก
แถมตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวเรื่องข้อพิพาทเกี่ยวกับสัญญามากนัก
เพราะงั้นคนนอกส่วนใหญ่จึงไม่ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องนี้ พวกเขาเอียงไปทางฝั่งสโมสรมากกว่า ประกอบกับโดนหน้าม้ายุยง ทำให้หลายคนคิดว่าเถิงต๋ากำลังตีโพยตีพายเกินกว่าเหตุ
ถ้าเป็นคนอื่นคงรู้สึกทรมานใจเกินบรรยายและไม่รู้จะเอาความหงุดหงิดใจนี้ไปลงที่ไหน
แต่เผยเชียนแสนสุขใจเมื่อได้เห็นกระแสสังคม
จะเข้าใจรึเปล่าก็ไม่สำคัญ!
เอาเข้าจริง ถ้าสโมสรต่างๆ คิดว่าตัวเองเดินหมากชนะแล้วขายทีม GOG ทั้งหมดมาให้เขาก็จะดีมาก!
เผยเชียนจะได้รับทีม GOG ทั้งหมดมาแล้วผลาญเงินไปเรื่อยๆ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงจะผลาญเงินได้เยอะขนาดไหนกันนะ!
แค่คิดเขาก็แสนสุขใจ
เพราะงั้นเขาจึงไม่คิดที่จะออกมาชี้แจง เพราะถึงจะทำก็คงไม่ได้ผลอะไรมากนัก
ปล่อยให้กระแสสังคมเดือดแบบนี้ต่อไป เพราะยังไงเขาก็ไม่ได้เดือดร้อนอยู่ดี
ระหว่างที่กำลังไล่ดูเว็บบอร์ดอยู่ มือถือของเขาก็สั่นเตือน จางหยวนโทรมา
“บอสเผยครับ พวกผู้จัดการสโมสรแวะมาอีกแล้ว พวกเขาบอกว่าไปคุยกับเจ้านายมาแล้ว และอยากคุยรายละเอียดเรื่องความร่วมมือเพิ่มเติมโนเวลกูดอทคoม
“พวกเขาอยากให้บอสอยู่ด้วยตอนที่คุยกันครับ”
เผยเชียนอดยิ้มบางขึ้นมาไม่ได้
เหล่าผู้จัดการเห็นกระแสสังคมที่เริ่มคุกรุ่น จึงคิดว่าเถิงต๋าน่าจะยอมผ่อนปรนแล้ว จึงอยากเข้ามาพูดคุยเพื่อหยั่งเชิงดู
จางหยวนตัดสินอะไรไม่ได้ พวกเขาเลยอยากคุยกับบอสเผยตรงๆ
เผยเชียนตอบกลับทันที “บอกพวกเขาไปว่าวันนี้วันอาทิตย์ เถิงต๋าไม่ทำงานวันอาทิตย์ ถ้าอยากคุยค่อยมาคุยวันจันทร์ตอนบ่าย”
เห็นได้ชัดว่ายังผ่านมาแค่ไม่เท่าไหร่ รอต่อไปอีกสักวันหนึ่งก็ไม่ได้ทำให้เผยเชียนเดือดร้อน
แล้วเผยเชียนก็ไม่ได้โกหกด้วย เถิงต๋าไม่ทำงานวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ถ้าไม่มีอะไรทำ เผยเชียนก็อยากจิบกาแฟเล่นอินเทอร์เน็ตในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ให้ไปคุยงานกับพวกผู้จัดการน่ะเหรอ…
เผยเชียนไม่อยากทำแบบนั้นสักนิดเดียว
…
สโมสร DGE อีกฝั่งของปลายสาย
จางหยวนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “ได้ครับบอสเผย”
เขาหันกลับไปหาเหล่าผู้จัดการสโมสรที่แวะมา “บอสเผยบอกว่าเราไม่ทำงานวันอาทิตย์ รบกวนกลับมาใหม่พรุ่งนี้บ่ายสองนะครับ ขอโทษด้วยครับแวะมาเสียเที่ยวเลย”
ผู้จัดการหลี่กับผู้จัดการคนอื่นๆ หันมองหน้ากัน หลังเงียบไปครู่ใหญ่ ในที่สุด พวกเขาก็พยักหน้า “ดะ…ได้ครับ เดี๋ยวพวกผมกลับมาใหม่ตอนที่บอสเผยเข้ามาทำงาน”
พวกผู้จัดการหลี่กลับออกจากสโมสร DGE ด้วยความสับสน
พวกเขาแวะมาที่นี่วันนี้เพราะคิดว่าเวลาผ่านไปพอสมควรแล้วตั้งแต่เกิดกระแสขึ้น จึงมองว่าบอสเผยน่าจะตระหนักถึงความจริงจังของปัญหาและถึงเวลาที่จะต้องคุยเรื่องนี้กันแล้ว
พวกเขาอยากให้บอสเผยมีทางลง ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นคนฉลาดหลักแหลม น่าจะเข้าใจได้ทันทีและยอมผ่อนปรน จากนั้นทั้งสองฝ่ายจะได้เจรจากันเพื่อตกลงหาทางที่ทุกฝ่ายพอใจ…
แต่เรื่องราวกลับไม่เป็นแบบนั้น!
ทุกคนคุยกันเสียงเบา
“นี่มันอะไรกันเนี่ย”
“ต่างจากที่ผู้จัดการหลี่คิดไว้เยอะเลย…”
“บอสเผยยังมีอารมณ์พักผ่อนหย่อนใจวันหยุดสุดสัปดาห์อีกเหรอ กระแสบนอินเทอร์เน็ตคุกรุ่นขนาดนี้ ยังจะปล่อยให้กระแสดุเดือดต่อไปอีกวันเลยเหรอเนี่ย”
“หรือเราจะคิดกันผิด บอสเผยอาจจะไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ เราอุตส่าห์พยายามกันเต็มที่ อย่าบอกนะว่าทุกอย่างจะสูญเปล่า”
“ไม่หรอกน่า! ผมว่าบอสเผยน่าจะทำใจแข็งจงใจปล่อยเรื่องให้ล่าช้าไปอีกวัน เขาทำเป็นเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรเพื่อที่จะได้มีอำนาจต่อรองมากขึ้นในการเจรจา”
“อืม ก็สมเหตุสมผล เพราะงั้นบอสเผยเลยปล่อยเรื่องให้ล่าช้าไปอีกวัน”
ผู้จัดการสโมสรวิเคราะห์สถานการณ์กันต่อ แต่ก็ไม่มีใครกล้าฟันธง
ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะการกระทำของบอสเผยไม่สมเหตุสมผลสุดๆ ไม่มีใครเดาออกว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
นอกจากนั้น เถิงต๋าก็ยืนอยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่า ทำให้การกระทำของบอสเผยเข้าใจได้ยากขึ้นไปอีก พวกเขาต้องพยายามวิเคราะห์ให้ลึกขึ้น
ผู้จัดการหลี่เองก็รู้สึกไม่มั่นใจ แต่ก็สงบใจลงได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดขึ้นเสียงต่ำ “อย่าเพิ่งตื่นตูม ไม่แน่บอสเผยเองก็อาจยังไม่มั่นใจเลยจงใจปล่อยระเบิดควันสร้างแรงกดดันให้เรา
“ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป ถ้าบอสเผยไม่รีบร้อน ทำไมเราต้องร้อนรนด้วย
“มีอะไรค่อยไปคุยกันบนโต๊ะประชุม
“ขอแค่เราร่วมมือกันต้านเถิงต๋า ยังไงชัยชนะก็ต้องเป็นของเราแน่นอน!”
…
…
วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม
เผยเชียนตื่นนอนตามปกติ จากนั้นก็กินข้าวเที่ยงอย่างสงบใจ พอเล่นเกมในร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูอยู่พักหนึ่ง เขาก็มุ่งหน้าไปที่สโมสร DGE
จางหยวนนัดผู้จัดการสโมสรไว้ตอนบ่ายสอง ซึ่งเผยเชียนจงใจมาช้าจากที่นัดไว้สิบห้านาที
ที่ทำแบบนี้ไม่ได้มีเหตุผลอะไรพิเศษนอกจากทำให้พวกผู้จัดการสโมสรเคืองใจมากขึ้นอีกหน่อย
ถ้ายิ่งโมโห พวกเขาก็ยิ่งน่าจะอยากขายทีม GOG
ขณะเดียวกัน ในห้องประชุมสโมสร DGE
พวกผู้จัดการสโมสรดูร้อนรนกันไม่น้อย
นี่มันหมายความว่ายังไงกัน
ไม่ยอมมาวันอาทิตย์ไม่เท่าไหร่ แต่นี่บอสเผยยังมาช้ากว่าเวลาที่นัดไว้อีกเหรอ
ไหนพูดกันว่าบอสเผยเป็นคนตรงต่อเวลามากไม่ใช่รึไง
หรือบอสเผยจะหัวรั้นขนาดนั้นจริงๆ เขาเลื่อนการประชุมออกไปแถมยังมาช้า เหมือนส่งสัญญาณขู่ว่าถ้ากล้าก็ถอนตัวกันไปเลย
ผู้จัดการซูเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา
แต่ผู้จัดการหลี่จาก SUG ยังตีหน้านิ่ง ไม่ว่าจะยังไง เขาก็ยอมถอยตอนนี้ไม่ได้ ถ้าถอยตอนนี้ สโมสรอื่นก็ต้องถอยด้วยแน่ ถ้าเป็นแบบนั้น ทั้งหมดที่ทำไปก็จะสูญเปล่า
อีกอย่าง บอสเผยเองก็น่าจะแค่ทำเป็นใจแข็ง ไม่ยอมเผยจุดอ่อนให้เห็น
เผยเชียนนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่ในห้องประชุม หลังมองไปรอบๆ เขาก็ตัดสินใจว่าจะไม่พูดเรื่องที่เขามาสาย จากนั้นก็ยิ้มพลางพูดขึ้น “ทุกคนไปคุยกับเจ้านายมาแล้วใช่มั้ยครับ ถ้าไม่มีประเด็นอื่นที่ต้องคุย ก็รบกวนช่วยยกมือถ้าอยากขายทีม GOG วันนี้เราจะเซ็นสัญญาซื้อขายทีมกัน”
เหล่าผู้จัดการสโมสรอึ้งกันหมด บนหัวของพวกเขาเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
???
บนหัวผู้จัดการหลี่ดูจะมีเครื่องหมายคำถามเยอะกว่าใครเพื่อน
ทุกคนงงกันหมด ไม่รู้ว่าตัวเองพลาดการประชุมไหนไป หรือสูญเสียความทรงจำไปบางส่วนรึเปล่า
วันนี้ต้องมาเจรจากันไม่ใช่เหรอ
ทำไมบอสเผยถึงคิดว่าพวกเขาจะมาขายทีมทั้งๆ ที่ยังไม่ได้พูดอะไรเลยล่ะ
