📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี – ตอนที่ 706

บทที่ 706 - ให้ไอ้หม่าแบกรับความกดดันทั้งหมด
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

หลังจากส่งหยูผิงอันกลับ ฉางโหย่วก็รวบรวมข้อมูลทั้งหมดแล้วเริ่มปรับรายละเอียดของผู้ช่วยเสียงปัญญาประดิษฐ์ AEEIS เพิ่มเติม

หนึ่งในจุดที่สำคัญที่สุดคือเสียงของ AEEIS

ก่อนหน้านี้ ฉางโหย่วไม่สามารถสรุปรายละเอียดเรื่องเสียงของ AEEIS ได้อย่างครบถ้วน

บอสเผยกำหนดแนวทางสำหรับเสียง AEEIS ไว้ชัดเจนแล้ว ซึ่งก็คือต้องไร้ซึ่งอารมณ์และเป็นเสียงอิเล็กทรอนิกส์ล้วนๆ

แต่เสียงอิเล็กทรอนิกส์ก็มีหลายประเภท ซึ่งเสียงแต่ละประเภทก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันลิบลับต่อคนฟัง

เสียงเหล่านี้มีหลายระดับ ตั้งแต่เสียงอิเล็กทรอนิกส์ล้วนๆ ไปจนถึงเสียงธรรมชาติตามแบบมนุษย์จริงๆ

เสียงอิเล็กทรอนิกส์ล้วนคือเสียงหุ่นยนต์ในหนังบางเรื่อง เป็นเสียงอู้อี้ ดูทึ่มหน่อยๆ และไร้น้ำเสียง แต่ละคำมีการเว้นช่วงอย่างชัดเจน

ตอนนี้ผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะส่วนใหญ่พยายามออกแบบมาให้ใกล้เคียงกับเสียงธรรมชาติมนุษย์ และทำให้บทพูดมีความเป็นธรรมชาติผ่านการบันทึกเสียงจำนวนมาก

ฉางโหย่วพอจะสรุปได้คร่าวๆ ว่าเสียง AEEIS ควรจะอยู่กึ่งกลางระหว่างสองแบบนี้ แต่ก็ยังสรุปไม่ได้ว่าจะทำออกมาในระดับไหน

เสียงอิเล็กทรอนิกส์ล้วนเน้นคุณสมบัติความเป็นปัญญาประดิษฐ์ของ AEEIS แต่ผู้ใช้งานอาจใช้งานได้ไม่ค่อยสะดวก เพราะเสียงอิเล็กทรอนิกส์ฟังออกค่อนข้างยาก ได้ยินไม่ค่อยชัดเจน และไม่ตรงกับคุณสมบัติ ‘ใช้งานง่าย’ และ ‘มีประสิทธิภาพ’ ของ AEEIS

ดังนั้นจุดที่ต้องเน้นเรื่องเสียง AEEIS ในครั้งนี้คือความมีประสิทธิภาพและใช้งานง่าย โดยที่ยังเน้นชัดถึงบุคลิกนิสัยและไม่กระทบกับประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้งาน

ถ้านำคุณสมบัติปากร้ายนิดๆ ของ AEEIS มาพิจารณา พวกเขาก็เพิ่มฟีเจอร์อื่นๆ เข้ามาได้ เช่น เพิ่มความเร็วในการพูดเวลาพูดอะไรร้ายๆ เพื่อเน้นคุณสมบัติเรื่อง ‘การคิดเร็ว’

แน่นอนว่า น้ำเสียงเฉพาะที่จะนำมาใช้ต้องให้ทีมงานค่อยๆ ปรับ อาจจะมีแผนงานมากมายผุดขึ้นมา ซึ่งสุดท้ายฉางโหย่วจะเป็นคนตัดสินใจ

ฉางโหย่วให้แนวทางทั้งหมดกับทีมงาน และบอกให้พวกเขาพยายามเต็มที่ในทิศทางนี้

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม

บริษัทลงทุนหยวนเมิ่ง

เฮ่อเต๋อเซิ่งรีบลุกขึ้นต้อนรับเผยเชียนกับหม่าหยางเมื่อเห็นทั้งสองเดินเข้ามา

“บอสเผย บอสหม่า อีกฝ่ายมาถึงและเข้าไปรอในห้องประชุมแล้วครับ

“เฉินยู่เฟิงเคยทำงานทดสอบประสบการณ์การใช้งานผลิตภัณฑ์ในห้องทดลองที่ปักกิ่งมาสี่ปี และเคยร่วมงานกับเสี่ยวหูรีวิวอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ลาออกเพราะไม่พอใจที่เสี่ยวหูรีวิวรับเงินใต้โต๊ะ

“เรื่องความเป็นมืออาชีพไม่ใช่ปัญหาเลยครับ เขามีคอนเนกชันกับห้องทดลองและสถาบันประเมินเฉพาะด้วย น่าจะร่วมงานกับบอสหม่าได้อย่างไม่มีปัญหาครับ”

เผยเชียนพยักหน้า “โอเค เข้าไปพบเขากัน”

เผยเชียนบอกไว้ว่าจะเตรียมทีมผู้เชี่ยวชาญให้ไอ้หม่า เลยบอกเฮ่อเต๋อเซิ่งให้ไปหาคนเหมาะๆ มา

การค้นหาจุดบกพร่องเป็นงานใช้ฝีมือเฉพาะทาง และเนื้อหาในครั้งนี้ก็ไม่ได้จำกัดอยู่ที่การประเมินสินค้าดิจิทัล ดังนั้นความรู้ทางวิชาชีพจึงมีความสำคัญมากกว่า

พอเลือกคนดูแลทีมผู้เชี่ยวชาญได้แล้ว ค่อยไปหาผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ มา

พอมาถึงหน้าห้องประชุม เฮ่อเต๋อเซิ่งก็เคาะประตูเบาๆ แล้วเปิดประตูเข้าไปด้านใน

เฉินยู่เฟิงรีบลุกขึ้นยืน

เขาดูมีอายุอยู่ในช่วงสามสิบต้นๆ สวมแว่น ตัดผมสั้น ดูเป็นคนมีความสามารถ

เฮ่อเต๋อเซิ่งผายมือให้ทุกคนนั่งลงแล้วเริ่มแนะนำโปรเจ็กต์คร่าวๆ

เฉินยู่เฟิงยังดูประหม่าอยู่เล็กน้อย

ก่อนเฮ่อเต๋อเซิ่งจะติดต่อเข้ามา เขาเป็นแค่คนตัวเล็กๆ ไม่มีตัวตนในแวดวงการประเมินผลิตภัณฑ์ ไม่มีความสำเร็จที่โดดเด่น สิ่งเดียวที่อวดอ้างได้คือเคยรับผิดชอบสคริปต์ลายชิ้นตอนทำงานกับเสี่ยวหูรีวิว ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นจุดด่างพร้อย

เสี่ยวหูรีวิวมีอิทธิพลมากในจีน แต่ก็มีชื่อเสียงที่แย่มาก ผู้ชมหลายคนรู้ว่าพวกเขาทำเพื่อเงินล้วนๆ พอปล่อยคลิปใหม่เมื่อไหร่เป็นต้องโดนด่าทุกครั้ง

ถึงเฉินยู่เฟิงจะมีความเป็นมืออาชีพมาก แต่ก็เอามาใช้ประโยชน์ไม่ได้ในวงการนี้

อุตสาหกรรมประเมินผลิตภัณฑ์ต้องอาศัยความไว้วางใจในอิทธิพลของสื่อนั้นๆ ถ้าไม่มีคนให้ความสนใจมากพอ ถึงจะมีความเป็นมืออาชีพมากขนาดไหนก็ยากที่จะถูกเห็น

ตามที่เฮ่อเต๋อเซิ่งอธิบาย ผู้คุมโปรเจ็กต์นี้คือบอสเผยกับบอสหม่าแห่งเถิงต๋า เพราะงั้นก็ไม่น่าจะขาดแคลนทั้งในเรื่องการให้ความสนใจ เงิน และด้านอื่นๆ ถือเป็นแพลตฟอร์มที่ดีมาก

กุญแจสำคัญขึ้นอยู่กับว่าบอสเผยกับบอสหม่าจะพอใจในตัวเขารึเปล่า

แน่นอนว่าก็ไม่ได้หมายความว่าเฉินยู่เฟิงจะตกลงเข้าร่วมโปรเจ็กต์แน่นอน เพราะเฮ่อเต๋อเซิ่งบอกเขาแค่ว่าเป็นโปรเจ็กต์รีวิวสินค้า แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรเพิ่มเติม

ถ้าเป็นโปรเจ็กต์ที่ทำเพื่อเงินแบบเสี่ยวหูรีวิวก็คงต้องคิดดูใหม่ เพราะถือเป็นการกระทำที่น่าขยะแขยงมาก

เฉินยู่เฟิงลุกขึ้นยืนแล้วยื่นเรซูเม่ให้บอสเผยด้วยสองมือ

“เรซูเม่ของผมครับ รบกวนบอสเผยช่วยดูก่อนด้วยครับ”

เฉินยู่เฟิงเหลือบมองบอสเผยกับบอสหม่าไปด้วยในจังหวะนั้น

บอสหม่าดูอายุยังน้อย ใบหน้าใหญ่ยาวมาก…

บอสเผยดูอายุยังน้อย หน้าตาเหมือนในซีรีส์

เดี๋ยวก่อน นี่มันแปลกๆ ไหม ไหนบอกว่าคนคนนี้เป็นนักแสดงที่รับบทบอสเผยไง

เฉินยู่เฟิงอึ้งไปอยู่พักหนึ่ง เขาตั้งตาคอยว่าบอสเผยจะหน้าตาเป็นยังไง แต่กลับได้มาเจอนักแสดงที่รับบทเป็นบอสเผยแทน

ต้องมีการเข้าใจผิดอะไรบางอย่างแน่

แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรให้มากความ เฉินยู่เฟิงผงะไปครู่หนึ่งก่อนจะเข้าใจเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

เผยเชียนรับเรซูเม่มาแล้วเปิดดูคร่าวๆ “ผมดูเรซูเม่คุณมาก่อนแล้ว ซึ่งก็ค่อนข้างพอใจทีเดียว

“ผมมั่นใจว่าเรื่องความสามารถไม่น่าจะเป็นปัญหา เพราะเฮ่อเต๋อเซิ่งเป็นคนแนะนำคุณมา

“ผมขอเล่าหน้าที่ของคุณให้ฟังคร่าวๆ ก่อนแล้วกัน ถ้าฟังแล้วไม่ติดขัดตรงไหน ก็ให้เฮ่อเต๋อเซิ่งช่วยตั้งทีมรีวิวแล้วเริ่มโปรเจ็กต์ได้เลย”

เฉินยู่เฟิงผงะไป

หา? เร็วไปหน่อยรึเปล่า เขากับบอสเผยไม่เคยเจอกันมาก่อน ไม่คุ้นเคยกันเลยสักนิด แถมเรซูเม่จะบอกอะไรได้ขนาดนั้น

โดยทั่วไปเวลาบริษัทสัมภาษณ์ผู้สมัครงาน อย่างน้อยๆ ก็จะถามถึงประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาอย่างละเอียด และพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นทางธุรกิจที่เฉพาะเจาะจงเพื่อให้เข้าใจอีกฝ่ายได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น novelgu.com

นอกจากนี้บริษัทส่วนใหญ่จะมีช่วงให้ทดลองงานหลังสัมภาษณ์เสร็จ ถ้าหลังจบช่วงทดลองงานแล้วไม่พอใจผู้สมัครก็จะเลิกจ้าง บริษัทจะได้ไม่เสียผลประโยชน์มาก

แต่บอสเผยกลับข้ามขั้นตอนพวกนั้นไปหมดเลย

เถิงต๋าขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทที่เข้ายากไม่ใช่เหรอ

ไหนว่ามีการสอบข้อเขียน สอบสัมภาษณ์ กับสอบจิตวิญญาณเถิงต๋าไง

เฉินยู่เฟิงรู้สึกมึนหน่อยๆ ดูเหมือนว่ากฎการดำเนินงานภายในของเถิงต๋าจะลึกลับมาก บางทีก็ได้งานยากมาก แต่บางทีก็ง่ายจนงง

แต่เฉินยู่เฟิงก็ไม่ได้ถามอะไรมากจนเกินควร แน่นอนว่าถ้าได้เข้าร่วมงานเลยย่อมเป็นเรื่องดี แถมจะได้เป็นหัวหน้าโปรเจ็กต์อีก จะไปหาเรื่องดีๆ แบบนี้ได้จากที่ไหน

เขารอฟังบอสเผยสั่งงานเงียบๆ

เผยเชียนกระแอมกระไอ “งานของคุณง่ายมาก แค่เลือกสินค้าต่างๆ ในตลาด จะเป็นสินค้าดิจิทัล หรือของใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไปก็ได้ ขอแค่เอามารีวิวได้ก็พอ

“ระหว่างที่คุณประเมินสินค้า ต้องพิจารณาข้อเสียและปัญหาของสินค้าที่หามาอย่างละเอียดแล้วเขียนสคริปต์ให้บอสหม่า”

เฉินยู่เฟิงอึ้งไปครู่หนึ่ง “…เขียนถึงแค่ข้อเสียเหรอครับ”

เผยเชียนพยักหน้า “ใช่”

เฉินยู่เฟิง “เลือกสินค้าได้ตามใจด้วยเหรอครับ มี…รายชื่อสินค้าที่ต้องได้รับการยกเว้นไหมครับ อย่างสินค้าของเถิงต๋าก็ไม่ได้น่าจะเอามาประเมินได้ใช่ไหมครับ”

เผยเชียนยิ้ม “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ

“สินค้าของเถิงต๋าเองก็ไม่มีข้อยกเว้น และต้องประเมินอย่างเข้มงวดกว่าสินค้าของคนอื่นด้วย!

“แล้วก็ห้ามรับเงินจากบริษัทไหนเด็ดขาด ไม่ว่าจะจ่ายเงินให้เราพูดเกินจริงหรือให้เก็บเรื่องเงียบก็ไม่ต้องไปสนใจ”

เฉินยู่เฟิงเผยอปากเล็กน้อย เขาไม่รู้จะพูดอะไรไปครู่หนึ่ง

เถิงต๋าเป็นแบบนี้เหรอ

ยึดมั่นในหลักการเกินไปมั้ย!

ตอนได้ฟังเรื่องภาระงาน ปฏิกิริยาแรกของเฉินยู่เฟิงไม่ได้มองว่าเป็นการกระทำที่สุดโต่ง แต่เป็นการยึดมั่นในอุดมการณ์สุดๆ แม้แต่กับตัวเองก็เข้มงวดมาก!

ถ้ามีบริษัทประเมินสินค้าเจ้าอื่นกล้าทำแบบนี้ บทรีวิวก็น่าจะเต็มไปด้วยความดำมืดและไม่นานก็จะโดนทำลายหายไปในสายน้ำแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนาน

เพราะพฤติกรรมแบบนี้คือการทุบงานของหลายบริษัท

ถ้าเปิดโปงบริษัทที่ไม่ค่อยดังก็ไม่น่าเป็นไร เพราะพวกเขามีแฟนคลับและอิทธิพลไม่มาก

แต่บริษัทใหญ่ๆ แทบทุกบริษัทมีกองทัพหน้าม้า ถึงจะไม่มีหน้าม้า ก็มีกองทัพแฟนคลับ ถ้ากล้าออกมาติเตียนก็จะเจอกับแรงกดดันมหาศาลจากสังคม

แถมอีกฝ่ายยังจะขุดค้นความลับอันดำมืดของฝ่ายเรามาใช้โจมตีกลับอีก

ถึงจะบอกว่าไม่รับเงินใต้โต๊ะ แต่ก็การันตีได้ยากว่าจะไม่มีข้อผิดพลาดเลย ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา อีกฝ่ายต้องสู้กลับเต็มที่เพื่อให้ฝ่ายเราเสียชื่อแน่นอน ถ้ากลไกการวิพากษ์ของสังคมเริ่มทำงาน สถานการณ์ก็จะเกินควบคุมได้

ดังนั้นจึงไม่มีใครทำโปรเจ็กต์แบบนี้ เพราะไม่น่าชื่นชมและอยู่รอดยาก เรื่องเงินยิ่งไม่ต้องพูดถึง

เฉินยู่เฟิงรู้สึกกดดันมากจนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “บอสเผยครับ งานนี้ท้าทายเกินไปสำหรับผม

“ยากมากที่จะรับประกันได้ว่าการประเมินจะปราศจากอคติโดยสิ้นเชิง บางคนอาจจะคิดว่าข้อบกพร่องแค่อย่างเดียวเป็นสิ่งที่รับได้ แต่บางส่วนอาจจะมองว่ารับไม่ได้เลย ยังไงก็ต้องมีความคิดเห็นส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องในระดับหนึ่ง

“ถ้ามีข้อผิดพลาดหรือใช้คำไม่เหมาะสมและมีคนจับช่องโหว่ทางภาษาได้ ก็อาจโดนโลกอินเทอร์เน็ตเกลียดชังเอา

“ถ้างานของผมสร้างแรงกดดันทางสังคมหรือผลกระทบที่ไม่ดีให้กับเถิงต๋าคอร์เปอเรชัน ผมคงแบกรับผลที่ตามมาไม่ไหว…”

เผยเชียนยิ้มย่องในใจ

แรงกดดันทางสังคม?

เยี่ยมเลย!

ฉันกลัวอยู่เลยว่าจะไม่มีใครด่าฉัน!

เผยเชียนยิ้มบาง “ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ถ้าเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมา ทางบริษัทจะเป็นฝ่ายแบกรับความรับผิดชอบ

“ก่อนอื่นเลย เราต้องตรวจทานสคริปต์ให้ละเอียดขึ้น ลดทอนประเด็นที่อาจสร้างความขัดแย้งหรือเป็นเรื่องความเห็นส่วนบุคคลให้น้อยที่สุด เราไม่กลัวโดนติติง เหตุผลหลักคือเราไม่ควรชักจูงผู้ชมในทางที่ผิด

“เราจะเน้นที่ข้อเสียและปัญหาที่แท้จริงของสินค้า

“ถ้าเกิดข้อผิดพลาด ก็ไม่ต้องลนลานคิดแต่จะขอโทษลูกเดียว มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เราควรขอโทษ ชี้แจง และชดเชย

“ส่วนเรื่องความเห็นสังคมในอินเทอร์เน็ต ก็ไม่ต้องไปกังวล ถึงท้องฟ้าจะถล่มก็มีบอสหม่าอยู่ ความกดดันทางสังคมทั้งหมดจะอยู่ที่เว่ยป๋อของบอสหม่า”

เผยเชียนไม่เคยคลางแคลงใจในความสามารถด้านการแบกรับความกดดันของไอ้หม่า

ไอ้เจ้านี่มีข้อดีไม่มาก แต่ก็มีสภาพจิตใจที่ดี ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จขนาดไหนก็ไม่เลยลำพองใจ และไม่ว่าจะเจอแรงกดดันมากขนาดไหนก็ไม่เคยล้ม จุดนี้น่าจะเป็นข้อดีที่มาจากการมีไอคิวน้อย

เฉินยู่เฟิงมองไปทางบอสหม่าด้วยแววตาสงสัย

หม่าหยางตบอกตัวเอง “ใช่ ผมทนรับแรงกดดันได้ ปัญหาขี้ปะติ๋วจะตายไป!”

สีหน้าของเขาดูจริงจังมาก

เฉินยู่เฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “โอเคครับ งั้นผมจะลองดู แต่… ถ้าผมทำงานนี้ไม่ไหวจริงๆ ผมหวังว่าจะสามารถลาออกได้ทุกเมื่อนะครับ”

เผยเชียนพยักหน้า “ได้สิ ไม่มีปัญหาเลย!”

เขาไม่กังวลเลยว่าเฉินยู่เฟิงจะลาออกเอากลางทาง

ถ้าเป็นแบบนั้นก็หมายความว่าจะบรรลุเป้าหมายในการผลาญเงิน เผยเชียนสามารถขึ้นเงินเดือนไปเรื่อยๆ เพื่อรั้งตัวอีกฝ่ายได้

ไม่มีปัญหาไหนที่แก้ไม่ได้ด้วยเงิน!

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

Losing Money to Be a Tycoon, 亏成首富从游戏开始, Kui Cheng Shoufu Cong Youxi Kaishi(donghua), Losing Money to Become the Richest Person Starts From the Game, システムで出世してしまった
Score 9.4
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , ต้นฉบับ: 1673 Chapters (จบแล้ว)
เผยเชียนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน โดยมีระบบสั่งให้เขาตั้งบริษัทอะไรก็ได้เพื่อหาเงินทำกำไรโดยจะมีการประเมินกำไรขาดทุนเป็นรอบๆ แต่เผยเชียนเป็นคนหัวหมอ เขาดูแล้วว่าถ้าเขาทำธุรกิจได้กำไร เขาจะได้ส่วนแบ่งเข้ากระเป๋าตัวเองแค่ 1:100 แต่ถ้าเขาขาดทุน เขาจะได้ส่วนแบ่ง 1:1 เขาจึงคิดจะตั้งบริษัทเกม และหาทางทำให้บริษัทขาดทุน.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset