ตอนบ่าย
ลู่จือเหยากับจูเสี่ยวเช่อมาถึงสตูดิโอถ่ายทำ
ที่นี่คือสตูดิโอเมืองจิงโจวที่ใช้ถ่ายทำวันพรุ่งนี้ที่สดใส ลู่จือเหยากับทุกคนในทีมโปรดักชันค่อนข้างคุ้นเคยกับที่นี่ดี
ทีมงานเร่งมือตั้งฉากและจัดการกับพร็อบ
ฉากและพร็อบส่วนหนึ่งเคยใช้ในการถ่ายทำวันพรุ่งนี้ที่สดใส เนื่องจากเป็นแนวไซไฟเหมือนกัน แค่เอามาปรับนิดหน่อยก็ใช้ได้อีกครั้ง
แต่เมื่อเทียบกับวันพรุ่งนี้ที่สดใส การถ่ายทำครั้งนี้ใช้ฉากและพร็อบที่สมจริงกว่า จึงต้องใช้เวลาเตรียมการนานกว่า
“ผู้กำกับจู แน่ใจนะครับว่าเราเริ่มถ่ายตอนนี้ได้เลย” ลู่จือเหยามองทีมงานทั่วสตูดิโอที่กำลังขะมักเขม้นกับงานตัวเองด้วยแววตาสับสน
จูเสี่ยวเช่อพยักหน้า “ใช่ครับ เราเริ่มถ่ายวันนี้ได้เลย เดี๋ยวมาถ่ายลองกล้องกันก่อน”
ลู่จือเหยายังคงสับสน “แต่… ฉากกับพร็อบยังไม่พร้อมเลยนะครับ
“แล้วนักแสดงคนอื่นล่ะครับ จนถึงตอนนี้ ผมยังไม่เจอใครเลยสักคน
“คงไม่ได้จะให้ผมฉายเดี่ยวใช่มั้ยครับ”
จูเสี่ยวเช่อยิ้มบาง “ไม่ต้องห่วงครับ คุณต้องเข้าฉากเยอะหน่อย ผมจัดแจงเตรียมสิ่งที่จำเป็นไว้หมดแล้ว เราสองคนเตรียมถ่ายฉากคุณก่อนได้เลย หลังจากนั้นระหว่างถ่ายทำ ฉากกับพร้อมก็จะเร่งทำให้เสร็จ”
ลู่จือเหยาเงียบไป
ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกเหมือนตัวเองโดนหลอก
พวกเขาเดินลึกเข้าไปในสตูดิโอ จูเสี่ยวเช่อพาลู่จือเหยาไปยังห้องที่เต็มไปด้วยฉากเขียว “การถ่ายทำส่วนใหญ่จะอยู่ที่นี่
“ส่วนฉากเหตุการณ์จริงๆ เป็นยังไง… ดูจากผังนี้ได้ครับ ทุกอย่างระบุไว้ชัดเจนมาก”
จูเสี่ยวเช่อเปิดแผนผังในมือถือแล้วยื่นให้ลู่จือเหยา
แผนผังหน้าตาเหมือนด้านในยานอวกาศในสภาพแวดล้อมไซไฟ การจัดวางเรียบง่ายมาก มีเคบินสำหรับนอนหนึ่งห้องกับส่วนควบคุมขนาดใหญ่
บนส่วนควบคุมมีจอขนาดใหญ่หนึ่งจอและจอขนาดเล็กอีกหลายจอ มีที่นั่งหนึ่งที่ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นที่นั่งสำหรับคนขับยาน ด้านหน้าที่นั่งมีจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ แผงควบคุมทรงครึ่งวงกลม และปุ่มมากมายหลายสี
ลู่จือเหยามองไปรอบๆ สถานที่ถ่ายทำแล้วพบว่ามีส่วนควบคุมที่ทำเสร็จแล้ว ที่นั่งหนึ่งที่ และเคบินสำหรับนอน ทุกอย่างน่าจะเป็นพร็อบที่เร่งทำภายในไม่กี่วันที่ผ่านมา ส่วนฉากอื่นๆ จะใช้ฉากเขียวแล้วตัดต่อเข้ามาทีหลัง
“ผู้กำกับจู นี่คือ…”
ลู่จือเหยาดูสับสนสุดๆ
อย่างน้อยตอนถ่ายวันพรุ่งนี้ที่สดใส ห้องนี้ก็จัดเซ็ตติ้งโดยใช้พร็อบจริงหมด
ตอนนี้เซ็ตติ้งของสิ่งที่กำลังจะถ่ายทำกลับเต็มไปด้วยฉากเขียว
ปัญหาทุกอย่างแก้ได้ด้วยเอฟเฟ็กต์พิเศษ ยิ่งทุนหนาเอฟเฟ็กต์ก็จะยิ่งออกมาดูดี แต่ยังไงพร็อบกับฉากหลังจริงก็ทำให้ดูสมจริงกว่า
เป็นไปได้รึเปล่าว่า… ผู้กำกับจูใช้ฉากเขียวเยอะแยะขนาดนี้เพื่อโกงเอาเงินบอสเผย
แน่นอนว่าลู่จือเหยาถามออกไปตรงๆ แบบนั้นไม่ได้ เขากระแอมกระไอ “ผู้กำกับจู เราใช้พร็อบจากวันพรุ่งนี้ที่สดใสก็ได้นี่ครับ ยังไงก็เป็นแนวไซไฟเหมือนกัน ผมว่าเราเอาพร็อบพวกนั้นมาปรับนิดหน่อยก็น่าจะใช้ได้แล้ว”
จูเสี่ยวเช่อยิ้ม “ใช่ครับ ดูเคบินกับส่วนควบคุมสิ ทุกอย่างทำมาจากพร็อบที่เหลือจากวันพรุ่งนี้ที่สดใส ไม่งั้นคงทำเสร็จไม่เร็วขนาดนี้หรอก
“ส่วนทำไมที่เหลือถึงใช้ฉากเขียวหมด ก็เพราะว่าเราต้องใช้เอฟเฟ็กต์พิเศษเยอะมากเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่พิเศษ
“ส่วนเอฟเฟ็กต์ที่เราจะใช้… ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวคุณก็ได้รู้เอง
“ลองอ่านบทส่วนแรกก่อนครับ”
ระหว่างที่พูด เขาก็หยิบกระดาษสองสามแผ่นออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ลู่จือเหยา
ลู่จือเหยารับมาแล้วไล่สายตาดูตั้งแต่ต้นจนจบอย่างรวดเร็ว
“แค่นี้เหรอครับ” ลู่จือเหยามองบทด้วยสายตางุนงง ฉากที่ต้องเล่นดูเหมือนไม่มีฉากเปิดและฉากจบเป็นเรื่องเป็นราว อ่านแล้วชวนสับสนมาก
จูเสี่ยวเช่อผุดยิ้มอีกครั้ง “ผมบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ เราจะถ่ายทีละฉาก ผมจะไม่ให้บททั้งหมดกับคุณ เพื่อที่คุณจะได้สัมผัสความรู้สึกของตัวเอกในเรื่องได้ดีขึ้น
“โอเคครับ เดี๋ยวคุณไปหาที่นั่งแต่งหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้า ช่วยจำบทให้ได้ระหว่างผมไปจัดการงานอื่นด้วยนะครับ”
ลู่จือเหยาพยักหน้า “ได้ครับ ผู้กำกับจู ผมต้องใส่ชุดบินอวกาศหรือชุดเอ็กโซสเกเลตันเหรอครับ”
เนื่องจากได้ยินมาว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามนอกโลก เขาจึงคิดว่าน่าจะได้ใส่ยูนิฟอร์มรบเท่ๆ
ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกคาดหวังกับเรื่องชุดอยู่หน่อยๆ
ถึงชุดเอ็กโซสเกเลตันจะหนักและใส่ไปสักพักจะรู้สึกเมื่อย แต่มันก็เท่มาก!
“อ๋อ เปล่าครับ คุณจะสวมชุดนี้” จูเสี่ยวเช่อกวักมือเรียกทีมคอสตูมและช่างแต่งหน้า จากนั้นทีมคอสตูมก็ถือชุดเสื้อยืดกางเกงรัดรูปสีเทาเข้มธรรมดาๆ มา
ลู่จือเหยาอึ้งไป
“ผู้กำกับจูแน่ใจนะว่าจะให้ผมใส่ชุดนี้ มีอะไรผิดพลาดรึเปล่าครับเนี่ย”
จูเสี่ยวเช่อยิ้ม “ไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ ชุดนี้แหละ ถ้าไม่แน่ใจก็ลองอ่านบทดูอีกรอบนะครับ”
ลู่จือเหยาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอ่านบทอีกรอบเงียบๆ
…
ในเคบินสำหรับนอน ฉากแรกเปิดด้วยภาพซูมระยะใกล้
เปลือกตาของฉินอี้ปิดสนิท แต่ลูกตากำลังกลอกไปมาอย่างรวดเร็ว คิ้วขมวดเป็นปม เม็ดเหงื่อผุดเต็มทั่วหน้าผาก ปฏิกิริยาเหมือนคนกำลังฝันร้ายสุดๆ
ตอนนั้นเองดวงตาของเขาก็เบิกโพลง!
ลูกตาของเขาแดงก่ำ แววตาฉายชัดถึงความหวาดผวา
กล้องค่อยๆ แพนขึ้นด้านบนขณะที่เคบินเปิดออกเอง ฉินอี้ลุกขึ้นนั่งยกมือก่ายหน้าผาก หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ก่อนที่เขาจะรวบรวมสติกลับมาได้
ความทรงจำอันเลวร้ายนับไม่ถ้วนถาโถมเข้าสู่สมอง ฉินอี้หันมองท้องแขนตามสัญชาตญาณ บริเวณนั้นมีบาดแผลทะลุจนแขนแทบจะฉีกขาดออกเป็นสองท่อน แต่ตอนนี้แผลเริ่มตกสะเก็ดแล้ว
เขาจำได้รางๆ ว่าได้แผลนี้มายังไง เขาบุกลึกเข้าไปในรังของเซิร์กหมายทำลายเครื่องปฏิกรณ์ขนาดจิ๋วผ่านรอยแตกตรงเกราะอกด้วยปืน แต่ก็พลาดและจบที่โดนกรงเล็บแหลมของเซิร์กแทง
“ฉันรอดมาได้เหรอ”
ฉินอี้สับสนไปหมด ตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองตายอยู่ในรังของเซิร์ก
แต่ไม่นานภาพเหตุการณ์ตอนก่อนตายก็แล่นเข้าหัว
สวีไข่เล่อ เมิ่งอวี่ เจ้าหย่งซิ่ว อูเซ่าจวิน… สมาชิกทีม AS-371-45 ทุกคนยกเว้ยฉินอี้ตายในรังของเซิร์ก
ฉินอี้ยังจำเสียงและรอยยิ้มของทุกคนได้ แต่ในชั่วพริบตาก็โดนความตายพรากให้จากกัน
แต่เขาก็รีบกำจัดความรู้สึกเจ็บปวดและเรียกสติตัวเองกลับคืน ก่อนจะลุกออกจากเคบิน
เขาเห็นจอขนาดใหญ่ ที่นั่ง และส่วนควบคุมห่างจากจุดที่ยืนไปไม่ไกล เขาไม่ได้เดินไปตรงนั้น แต่ก้าวเท้าไปที่มุมหนึ่งแล้วพยายามหาทางออก
ยานอวกาศนี้ไม่มีทางออกกำหนดไว้ตายตัว ผนังรอบๆ ทุกส่วนสามารถกลายเป็นประตูได้หมดถ้าได้รับอนุญาตโนเวลกูดอทคoม
ฉินอี้พยายามผลักผนังให้เปิดแต่ก็ไม่เป็นผล แสดงว่าเขายังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากยานนี้
“ขออภัยค่ะกัปตันฉิน คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากที่นี่ค่ะ” เสียงผู้หญิงนุ่มละมุนดังขึ้น
ฉินอี้หันมองไปรอบห้องและพบกับภาพฉายโฮโลแกรมของนักบินอวกาศหญิงยืนอยู่กลางห้อง ใบหน้าของเธอสะสวยตามแบบพิมพ์นิยมของผู้หญิงสัญชาติตะวันออก แม้บนหน้าจะมีรอยยิ้มละมุน แต่เธอก็ดูหาญกล้าตามแบบทหาร
เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “สงครามยังไม่จบสินะ”
ภาพโฮโลแกรมของทหารหญิงพยักหน้า “ใช่ค่ะ”
ฉินอี้นั่งลงในเคบิน ยกสองมือกุมหน้า ก่อนจะถอนหายใจยาว
ภาพโฮโลแกรมของทหารหญิงเดินตรงมาหาฉินอี้ แต่สีหน้าของฉินอี้กลับแสดงออกถึงความเย็นชาทันที ก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ “AEEIS กลับสู่ภาพตั้งต้น”
ทหารสาวชะงัก ก่อนจะค่อยๆ โปร่งใสขึ้นเรื่อยๆ แล้วหายไปในที่สุด
หลังจากนั้นกระแสข้อมูลสีฟ้าอ่อนก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศและรวมตัวกันเป็นภาพคลื่นเสียงที่ผันแปรไปมา
เสียงของ AEEIS เปลี่ยนเป็นเสียงที่เย็นชาและไร้ความรู้สึก “กัปตันฉินอี้ ตอนนี้คุณอาจจะรู้สึกไม่พอใจ แต่มนุษยชาติต้องการให้คุณปฏิบัติภารกิจนี้ให้เสร็จในฐานะทหาร”
เสียงของฉินอี้ทุ้มต่ำเพราะเก็บงำความโกรธอยู่ “ราชินีเซิร์กตายแล้ว แต่สงครามยังไม่จบ ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ฉันอยากรู้ความจริง”
AEEIS “เพราะกองกำลังเสริมและจิตใต้สำนึกของเซิร์ก
“ราชินีเซิร์กเป็นรูปแบบสิ่งมีชีวิตระดับสูงที่มีปัญญาก้าวหน้า สามารถวางมาตรการป้องกันเพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์จากการโดนฆ่าล้างบางหลังตัวเองตายได้ ราชินีเซิร์กคลอดราชินีรองและซ่อนแต่ละตัวไว้ในรังต่างๆ เมื่อมันตาย ราชินีรองจะกลายเป็นราชินีตัวใหม่
“ราชินีเซิร์กควบคุมเซิร์กทุกตัวได้เพราะถูกวางโปรแกรมไว้ในจิตใต้สำนึก พูดง่ายๆ คือพวกมันมีโทรจิตและสามารถอัปโหลดข้อมูลผ่านจิตใต้สำนึกได้ การที่ราชินีเซิร์กคุมทั้งเผ่าพันธุ์ได้ เป็นเพราะการมีอยู่ของจิตใต้สำนึกในพวกเซิร์ก
“ทันทีที่ราชินีเซิร์กตาย มันก็อัปโหลดข้อมูลทั้งหมดในจิตใต้สำนึกไว้บนเครือข่ายจิตใต้สำนึกเซิร์ก หลังจากนั้นราชินีรองที่ซ่อนตัวอยู่จะรับข้อมูลทั้งหมดมาและเลื่อนตำแหน่งเป็นศูนย์สั่งการใหม่”
สีหน้าของฉินอี้เคร่งเครียดขึ้น “ข้อมูลนี้ได้มาก่อนหรือหลังปฏิบัติการล่าตัดหัว
“ฉันอยากได้ความจริง”
AEEIS เงียบไปสองวินาทีก่อนจะตอบกลับ “ก่อน”
ฉินอี้สูดหายใจลึก “เราเห็นชิ้นส่วนยูนิฟอร์มรบสกายลาร์ก 2 ระหว่างที่บุกลึกลงไปในรังเซิร์ก
“แกโกหกทุกคน แกรู้ว่ารอบนี้เราไม่น่าจะทำภารกิจสำเร็จ และถึงแม้เราจะทำได้ ก็คงไม่มีความหมายอะไร แต่แกกลับปล่อยให้คนเกือบร้อยทีมเข้าไปตายเนี่ยนะ
“นี่คือการตัดสินใจของแก หรือการตัดสินใจของคณะกรรมการบริหารสูงสุด หรือของผู้บัญชาการ”
AEEIS ไม่ได้ตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา “แน่นอนว่าภารกิจนี้มีความหมาย
“จิตใต้สำนึกของพวกเซิร์กมีขอบเขตกว้างไกล แต่ก็ไม่ได้ไร้ขีดจำกัด ราชินีรองต้องใช้เวลาในการดาวน์โหลดข้อมูลเพื่อขึ้นเป็นราชินีตนใหม่ ระหว่างนี้เราสามารถตักตวงความได้เปรียบในสนามรบได้
“การเสียสละของทุกคนจะนำพาเราไปสู่ชัยชนะสูงสุด”
ฉินอี้ตอบกลับเสียงเย็นเยียบ “ในฐานะทหาร ฉันพร้อมสละชีพ แต่ฉันยอมรับไม่ได้ที่โดนหลอก!”
เขากำมือขวาแน่นด้วยความโกรธ แต่ไม่นานก็คลายออก ภาพเพื่อนร่วมทีมปรากฏขึ้นในหัวอีกครั้ง แต่ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้เลย
“ฉันขอลางานสามเดือนเพื่อกลับบลูสตาร์ อีกสามเดือนฉันจะกลับมาเข้ากองประจำการ
“แล้วฉันจะสละชีพตามที่แกต้องการ”
AEEIS “ขออภัย กัปตันฉิน ฉันไม่สามารถอนุมัติคำขอของคุณได้
“คณะกรรมการบริหารสูงสุดแห่งกองกำลังสมาพันธ์บลูสตาร์ได้แต่งตั้งให้คุณเป็นผู้บัญชาการคนใหม่เพื่อนำทัพรบกับเซิร์ก
“คุณต้องช่วยบลูสตาร์”