เผยเชียนกระแอมกระไอ “แล้วผู้ช่วยอัจฉริยะนี้ทำงานยังไง มีไอเดียแล้วรึยัง”
ฉางโหย่วงง “เอ่อ ‘ไอเดีย’ ที่ว่า บอสเผยหมายความว่ายังไงเหรอครับ”
เผยเชียนอธิบาย “มือถือ Pineapple เองก็มีผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะ เฉินฮว่ากับบริษัทอื่นๆ ก็น่าจะคิดเรื่องพัฒนาผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะเป็นของตัวเองเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ
“ถึงเราจะเร็วกว่าบริษัทอื่นนิดหน่อย แต่เราไม่มีทางนำหน้าไปได้ไกล เพราะยังไงก็เป็นเทคโนโลยีของบริษัทซวิ่นเคอ ทุกคนสามารถเอาไปใช้ได้
“ดังนั้นเราจะมั่นใจได้ไงว่าผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะของเราโดดเด่นกว่าเจ้าอื่น”
ฉางโหย่วอึ้งไป “เอ่อ…
“บอสเผยครับ ผมเกรงว่าเรื่องนี้น่าจะยากที่จะจัดการได้ในช่วงเวลาสั้นๆ
“บริษัทส่วนใหญ่น่าจะใช้เทคโนโลยีของบริษัทซวิ่นเคอเลยตรงๆ ส่วนเราเองก็มีประสบการณ์ไม่มากพอในด้านนี้ ถึงจะปรับรายละเอียดบางส่วน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะโดดเด่นกว่าบริษัทอื่นในเวลาสั้นๆ
“อีกอย่างถึงตอนนี้ผู้ช่วยเสียงอาจถูกเรียกว่า ‘ปัญญาประดิษฐ์’ แต่การทำงานจริงๆ คือ ‘จดจำเสียง ประมวลความหมาย และดำเนินการ’ ซึ่งคือการประเมินจุดประสงค์ของผู้ใช้งานผ่านคีย์เวิร์ดบางอย่าง แต่ไม่สามารถเข้าใจความหมายได้ทั้งหมด
“ถ้าอยากให้ผู้ช่วยเสียงเก่งพอสำหรับการใช้งานก็จะกลายเป็นงานที่ต้องลงแรง แทนที่จะเป็นงานด้านเทคนิค
“เพราะงั้นถึงจะทุ่มพัฒนาเต็มที่ ในทางปฏิบัติก็ไม่มีทางทิ้งห่างจากบริษัทอื่น
“หรือ… บอสเผยมีไอเดียอะไรไหมครับ”
เผยเชียนยิ้ม “ถ้าไม่สนใจแง่มุมด้านเทคนิค ก็มีอีกหลายอย่างที่จะทำได้เพื่อสร้างเอกลักษณ์
“ตัวอย่างเช่น ลักษณะนิสัย”
ฉางโหย่วผงะไปครู่หนึ่ง “ลักษณะนิสัย? บอสเผยครับ อย่างที่ผมบอกไป ผู้ช่วยเสียงไม่ได้เข้าใจความหมายของสิ่งที่เราพูดจริงๆ”
เผยเชียนพยักหน้า “ผมรู้ ‘ลักษณะนิสัย’ ก็เป็นเหมือนแพกเกจจิ้งรูปแบบหนึ่ง
“ถ้าผมจำไม่ผิด ผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะที่บริษัทซวิ่นเคอพัฒนาขึ้นน่าจะสุภาพอ่อนหวานและพยายามเลียนแบบเสียงธรรมชาติมนุษย์ให้ได้มากที่สุดใช่มั้ย”
ฉางโหย่วพยักหน้า “ชะ…ใช่ครับ เราทำเป็นแบบอื่นได้ด้วยเหรอครับ”
เผยเชียน “ได้สิ
“ทำให้อ้ายอีซือเป็นเสียงอิเล็กทรอนิกส์ล้วนและไร้ซึ่งอารมณ์ แล้วก็ต้องตอบคำถามทั้งหมดให้กระชับ ห้ามพูดอะไรเพิ่มเติม”
ฉางโหย่วอึ้งไป “แต่ถ้าทำแบบนั้น ผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะของเราจะดูไม่ค่อยฉลาดนะครับบอสเผย
“ถ้าอ้ายอีซือตอบคำถามผู้ใช้งานด้วยคำตอบที่กระชับ ผู้ใช้งานอาจจะตอบสนองไม่ทันหรืออาจจะไม่ทันได้ยิน ทำให้ต้องถามซ้ำอีกครั้ง ถ้าต้องตอบคำถามเดิมซ้ำสองครั้งก็จะดูไม่ฉลาดเลยนะครับ
“ยิ่งเป็นเสียงอิเล็กทรอนิกส์ล้วนๆ ยิ่งดูไม่ฉลาดเข้าไปใหญ่
“ผู้ช่วยเสียงตัวอื่นจะใช้ประโยคแบบแผนที่เตรียมไว้ เพื่อที่จะทำให้ผู้ใช้งานมีเวลาตอบสนองและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ดูฉลาดมากขึ้น
“ตัวอย่างเช่น ถ้าผู้ใช้งานถามว่า ‘พรุ่งนี้อุณหภูมิเท่าไหร่’ วิธีการในปัจจุบันคือการตรวจจับคีย์เวิร์ดแล้วตอบว่า ‘สวัสดี ฉันได้ตรวจสอบสภาพอากาศวันพรุ่งนี้ให้คุณแล้ว วันพรุ่งนี้มีแดดออก อุณหภูมิ XX ถึง XX องศา ความเร็วลมอยู่ที่เท่านั้นเท่านี้’
“พอให้ข้อมูลมากขึ้น ผู้ช่วยก็จะดูฉลาดขึ้น
“แต่ถ้าทำตามที่บอสเผยบอกมา ผู้ช่วยจะตอบไปตรงๆ แค่ XX ถึง XX องศา
“ถ้าผู้ใช้งานได้ยินไม่ชัดเจนก็ต้องถามซ้ำอีก อ้ายอีซือก็จะตอบไปตรงๆ ว่า XX ถึง XX องศา ซึ่งดูแข็งทื่อและไม่ฉลาดเอาซะเลย”
เผยเชียนครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ “อืม… ก็ดูจะเป็นปัญหา
“งั้นเอาแบบนี้ ถ้าผู้ใช้งานถามคำถามเดิมซ้ำ ก็ให้ตอบแบบอื่น
“ตัวอย่างเช่น ถ้าผู้ใช้งานถามว่าพรุ่งนี้อุณหภูมิเท่าไหร่ รอบแรกก็ตอบไปว่า XX ถึง XX องศา แล้วรอบสองก็ให้ตอบว่า XX ถึง XX องศา คุณเพิ่งถามคำถามนี้ไป ให้ฉันนำทางไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดไหม จะได้ตรวจดูว่าคุณมีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยินหรือการจดจำหรือเปล่า”
ฉางโหย่วตะลึงงัน “บะ…บอสเผยครับ เราประชดผู้ใช้งานไม่ได้นะครับ…”
เผยเชียนยิ้มบาง “ประชดตรงไหน เห็นได้ชัดว่าเป็นการแสดงความห่วงใยต่อผู้ใช้งาน
“อ้ายอีซือเป็นตัวช่วยอัจฉริยะที่สง่างามและง่ายๆ สบายๆ พูดคำหยาบคายไม่เป็น ทำได้แค่ตอบคำถามผู้ใช้งานอย่างตรงไปตรงมาและจะแสดง ‘ความห่วงใย’ ผู้ใช้งานเป็นระยะๆ
“จุดเด่นของลักษณะนิสัยของอ้ายอีซือ คือเป็นผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะที่ฉลาดมากๆ ด้วยความที่ฉลาดเกินไปเลยตอบคำถามผู้ใช้งานตรงๆ และเรียบง่าย
“และด้วยความที่ฉลาดเกินไป ถ้าถามคำถามเดิมซ้ำอีกครั้ง มันจะคิดว่าผู้ใช้งานโง่และเสนอ ‘การดูแลเอาใจใส่’
“ทำแบบนี้ ระบบเราก็จะแตกต่างจากของคนอื่น”
ฉางโหย่วอ้าปากเหวอเล็กน้อย สีหน้าของเขาดูสับสน ร่างกายไม่ตอบสนองเป็นพักๆ
เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องสุดๆ แบบนี้มันแปลกมากๆๆๆ!
“ถ้างั้น… อ้ายอีซือควรใช้เป็นเสียงผู้ชายหรือเสียงผู้หญิงดีครับ จะให้หานักพากย์ดีๆ มาพากย์เลยไหมครับ”
เผยเชียนอยากจะตอบว่า ‘เสียงผู้ชายน่ากลัวๆ’ แต่พอคิดดูอีกทีก็มองว่าคงไม่ดี
เขาได้บทเรียนจากเกมนักออกแบบเกมแล้ว!
ตอนนั้นลู่หมิงเหลียงเป็นคนพากย์ แต่ก็เกิดเรื่องขึ้น จนถึงตอนนี้ผู้เล่นหลายคนก็ยังมองว่าเสียงผู้ชายคุณภาพต่ำนั่นเป็นผลงานคลาสสิก
งั้นก็เสียงผู้หญิง?
ไม่ได้ มารวมกับลักษณะนิสัยแบบสง่างามและง่ายๆ สบายๆ เข้าอาจจะตกแฟนคลับได้มากมายและกลายเป็นเวอร์ชวลไอดอลขึ้นมา
เผยเชียนคิดอยู่ครู่ใหญ่ “เสียงอิเล็กทรอนิกส์ไร้อารมณ์ที่แยกไม่ออกว่าเป็นเสียงผู้หญิงหรือผู้ชาย”
ถ้าไม่มีเพศก็หมดปัญหาใช่มั้ยล่ะ
ฉางโหย่วสับสนไปหมด เขารีบจดทุกอย่างลงสมุดเล่มเล็ก แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด
แต่ในเมื่อบอสเผยเป็นคนบอกก็ต้องทำอยู่ดี
ถ้าผลลัพธ์ออกมาไม่ดีก็ค่อยเปลี่ยน
“เผยเชียนพูดต่อ “แล้วก็ คุณบอกว่าจะทำลำโพงอัจฉริยะด้วยนี่
“แปลว่านอกจากมือถือ OTTO แล้ว ก็จะลงผู้ช่วยเสียงให้กับลำโพงอัจฉริยะด้วยใช่มั้ย”
ฉางโหย่วพยักหน้า “ใช่ครับบอสเผย
“เท่าที่ผมรู้มา มีบริษัทส่วนหนึ่งกำลังทำโปรเจ็กต์คล้ายกันอยู่
“ถ้าทำผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะก็ต้องมีลำโพงด้วย
“ถ้าจะทำลำโพง ก็ต้องเป็นลำโพงบลูทูธถึงจะเหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด ถือเป็นแนวคิดมาตรฐานทางธุรกิจเลยครับ”
เผยเชียนส่ายหน้า “ไอเดียดาษดื่นเกินไป!
“เจ้าอื่นทำลำโพง เราก็ทำด้วย แบบนั้นก็ต้องไปแข่งกันที่สเป็กกับรูปลักษณ์ลำโพงแทน ซึ่งไม่มีความหมายเลย
“ผมว่าเราควรใส่จิตวิญญาณให้มันกลายเป็นงานศิลป์”
ฉางโหย่วอึ้ง “จิตวิญญาณ? งานศิลป์? ช่วยอธิบายเพิ่มเติมได้ไหมครับบอสเผย”
เผยเชียนกระแอมกระไอ “เอาลำโพงอัจฉริยะไปรวมกับเครื่องทะเลาะอัตโนมัติให้กลายเป็นเครื่องทะเลาะอัตโนมัติปัญญาประดิษฐ์ AEEIS!”
ฉางโหย่ว “หา?”
เขาคิดว่าตัวเองหูฝาด
เครื่องทะเลาะอัตโนมัติ… ผลงานที่บอสเผยทำก่อนหน้านี้น่ะเหรอโนเวลกูดอทคอม
ไอ้กล่องดำสี่เหลี่ยมที่จะดันสวิตช์กลับเวลามีคนดันสวิตช์น่ะนะ
เอามารวมร่างกับลำโพงอัจฉริยะ?
ไม่มีทางไปด้วยกันได้แน่นอน!
รอบนี้ฉางโหย่วอึ้งมาก แนวทางที่ให้มาสุดโต่งเกินไปจนแนวทางก่อนหน้านี้ฟังดูสมเหตุสมผลขึ้นมาทันที!
ฉางโหย่วรีบพูดขึ้น “บอสเผย ช่วยพิจารณาใหม่ด้วยครับ!
“ผมเองก็ซื้อเครื่องทะเลาะอัตโนมัติมาเหมือนกัน เป็นเครื่องที่ช่วยกระตุ้นให้คิดและมีความหมายเชิงปรัชญาที่ลุ่มลึก แต่พื้นที่ด้านในมันเต็มแล้วครับ
“เป็นไปไม่ได้เลยที่จะยัดลำโพงอัจฉริยะลงไป!
“ถ้าบอสอยากเอาสองอย่างนี้มารวมกัน ก็หมายความว่าต้องเปลี่ยนรูปแบบและผลิตเครื่องทะเลาะอัตโนมัติใหม่
“แต่เครื่องทะเลาะอัตโนมัติรุ่นแรกขายไปได้เยอะแล้ว ทุกคนที่อยากได้ก็ซื้อกันไปหมดแล้ว เวอร์ชันใหม่ขายไม่ได้ง่ายๆ แน่นอนครับ!
“เครื่องทะเลาะอัตโนมัติราคาอยู่ที่ 488 หยวน ลำโพงอัจฉริยะต้องขายที่อย่างน้อยสามร้อยหยวน รวมแล้วก็เกือบแปดร้อยหยวน ซึ่งจัดว่าแพงมากครับ
“ใครจะยอมซื้อเครื่องทะเลาะอัตโนมัติไปอีกครั้ง
“ที่สำคัญที่สุดคือสองอย่างนี้ไม่มีอะไรเชื่อมโยงกันเลย”
เผยเชียนเงียบไปครู่ใหญ่ “มีจุดเชื่อมโยงกันอยู่…
“แก่นของเครื่องทะเลาะอัตโนมัติคือพวกเกรียนในโลกออนไลน์ แต่พวกเกรียนที่พูดไม่ได้นั้นถือว่ายังไม่สมบูรณ์
“ก็เหมือนคำพูดที่ว่า พวกเกรียนปากเก่งไม่กลัวที่จะครองโลก
“กลับมาดูลำโพงอัจฉริยะ ไม่มีทั้งเอกลักษณ์ บุคลิกนิสัย หรือความเป็นศิลป์อยู่เลย
“ถ้าเอาไปรวมกับผลงานศิลป์อย่างเครื่องทะเลาะอัตโนมัติ ลำโพงอัจฉริยะของเราก็จะมีเอกลักษณ์และมีความหมายเชิงศิลปะ
“และจะพัฒนากลายเป็นเครื่องทะเลาะปัญญาประดิษฐ์ AEEIS!
“ทีนี้อ้ายอีซือก็จะสามารถสื่อสารกับผู้ใช้งานระหว่างเล่นเครื่องทะเลาะอัตโนมัติได้ อย่างเช่น ‘มนุษย์มักจะเสียเวลาไปกับเรื่องไร้ประโยชน์เสมอ’
“เข้ากันสุดๆ เลยไม่ใช่เหรอ
“แล้วก็ตัวลำโพงต้องเป็นของระดับไฮเอนด์ ของราคาสองร้อยหยวนจะดึงคุณภาพลง
“บริษัทส่วนใหญ่น่าจะทำออกมาได้ในราคาสองร้อยหยวน การแข่งขันในช่วงราคานี้ดุเดือดเกินไป เราต้องใช้กลยุทธ์ตีตลาดอื่น
“ถ้าเราวางราคาไว้ประมาณสองพันหยวนหรือมากกว่านั้นก็จะไม่มีคู่แข่ง
“ใช้เงินสักประมาณสองพันหยวน รวมค่าเครื่องทะเลาะอัตโนมัติ แล้วขายที่ 2,588 หยวน!
“สินค้าชิ้นนี้จะไม่ซ้ำใคร รับรองไม่มีสินค้าเหมือนเราออกมาภายในหนึ่งหรือสองปีนี้แน่!”
ฉางโหย่วอึ้งไป
เขากะพริบตาปริบๆ ในใจคิดว่าทุกอย่างดูผิดเพี้ยน แต่ก็ไม่รู้จะแย้งตรงไหน
ไม่มีสินค้าเหมือนเราออกมาภายในหนึ่งหรือสองปีนี้แน่? บอสเผยคิดตื้นเกินไปแล้ว ชั่วชีวิตนี้ไม่มีทางมีสินค้าเหมือนกันนี้ออกมาแน่นอน!
รวมเครื่องทะเลาะอัตโนมัติกับลำโพงอัจฉริยะเข้าไว้ด้วยกันให้กลายเป็นเครื่องทะเลาะอัตโนมัติปัญญาประดิษฐ์เหรอ
คิดออกมาได้ยังไง!
ฉางโหย่วมีเรื่องจะพูดเต็มไปหมด แต่ก็ได้แต่กลืนลงคอ แล้วนึกถึงกลยุทธ์และการคำนวณอันชาญฉลาดที่ผ่านมาของบอสเผย
เขาจดทุกอย่างที่บอสเผยพูดลงสมุดเล่มเล็ก
“โอเคครับบอสเผย ผมจะทำตามที่บอสบอก
“เครื่องทะเลาะปัญญาประดิษฐ์ AEEIS จะเป็นก้าวแรกของเราในแวดวงการตกแต่งบ้านด้วยปัญญาประดิษฐ์”
เผยเชียนยิ้มพลางพยักหน้า “อืม ผมเชื่อว่าจะเป็นก้าวที่ดี!”