วันอังคารที่ 27 กันยายน
วันนี้เผยเชียนนึกครึ้มอยากเข้าออฟฟิศ เขากำลังเช็กผลการสอบวัดความเข้ากันได้กับจิตวิญญาณเถิงต๋าครั้งล่าสุดในคอมพิวเตอร์
ตั้งแต่เปลี่ยนวิธีการรับคนเข้ากิจการต่างๆ ของเถิงต๋ามาเป็นการสอบรวม จนถึงตอนนี้เถิงต๋าจัดรับสมัครครั้งใหญ่มาแล้วสองครั้งในเดือนพฤศจิกายนและพฤษภาคมตามลำดับ
พนักงานที่รับเข้ามาล่าสุดได้เลื่อนขั้นเป็นพนักงานเถิงต๋าเต็มตัวแล้ว
แน่นอนว่าฝ่ายธุรการและฝ่าย HR มีหน้าที่รับผิดชอบการจัดแจงและเตรียมการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นขยายพื้นที่สำนักงาน จัดพื้นที่ทำงาน ซื้ออุปกรณ์สำนักงาน แจกจ่ายเงินเดือนกับสวัสดิการ และอื่นๆ นอกจากขอให้ทั้งสองฝ่ายใช้จ่ายเงินเพิ่มแล้ว เผยเชียนก็เลี่ยงไม่ถามอะไรเรื่องกระบวนการทำงานต่างๆ
เหตุก็เพราะเขาไม่มีแรงพอจะสนใจเรื่องพวกนั้นและไม่จำเป็นต้องทำ
แต่จู่ๆ วันนี้เผยเชียนก็นึกอะไรขึ้นได้
ทำไมการสอบวัดความเข้ากันได้กับจิตวิญญาณเถิงต๋าถึงคัดใครออกไม่ได้สักคนล่ะ
การสอบนี้ดูไม่มีประโยชน์
เผยเชียนเปิดดูประวัติการสอบแล้วพบว่ามีแค่พนักงานกลุ่มแรกสุดที่พบปัญหาระหว่างการสอบ ช่วงแรกมีคนผ่านน้อยมาก แต่สุดท้ายก็ผ่านกันแบบคาบเส้น ไม่มีใครโดนคัดออก
ส่วนพนักงานกลุ่มล่าสุดที่รับเข้ามาเดือนพฤษภาคม ทุกคนสอบผ่านกันหมดตั้งแต่ครั้งแรก!
นี่มันบ้าไปแล้ว!
เผยเชียนเค้นหัวคิดข้อสอบและวางกับดักไว้มากมาย
พนักงานที่มีความรู้น้อยนิดเกี่ยวกับการทำงานทั่วๆ ไปควรผ่านการสอบได้ยาก
อีกอย่างคำถามในคลังข้อสอบก็หมุนเวียนสับเปลี่ยนไปมา และมีแค่เผยเชียนเท่านั้นที่รู้คำตอบที่ถูกต้อง ทุกครั้งที่ผู้เข้าสอบทำข้อสอบเสร็จ ถึงจะสอบผ่าน พวกเขาก็ไม่มีทางรู้ว่าตอบข้อไหนถูก ข้อไหนผิด
เด็กใหม่พวกนี้สอบผ่านตั้งแต่ครั้งแรกได้ยังไง
ในกรณีที่ไม่มีข้อสอบหลุด ก็มีคำอธิบายที่เป็นไปได้สองอย่าง
หนึ่ง เด็กใหม่ที่รับมาทั้งหมดบังเอิญเป็นพวกชอบอู้
ซึ่งก็ดูจะโลกสวยเกินไป โอกาสเป็นจริงแทบเป็นศูนย์ เขาคงหลอกตัวเองแบบนั้นไม่ได้
สอง เด็กใหม่ที่รับมาไม่ใช่พวกชอบอู้ แต่พวกรุ่นพี่ชุบเลี้ยงดูแลจนกลายเป็นพวกชอบอู้
โอกาสเป็นจริงสูงกว่าข้อแรกนิดหน่อย
แต่ก็ติดปัญหาอยู่อย่าง ถ้าตอนนี้กิจการต่างๆ เต็มไปด้วยพวกชอบอู้จนเด็กใหม่ก็กลายเป็นพวกชอบอู้ตามไปด้วย ทำไมเถิงต๋าถึงยังไต่เต้าสูงขึ้นไปเรื่อยๆ และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่แบบนี้ล่ะ
หรือเถิงต๋าจะกลายเป็นบริษัทมหัศจรรย์ที่ถึงแม้ทุกคนจะอู้และทำงานแบบปล่อยใจ บริษัทก็ยังอยู่รอดมาได้ แถมยังเติบโตขึ้นด้วย
ฟังดูบ้าไปหน่อย แต่ก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง
เขาต้องไตร่ตรองให้ละเอียด
เผยเชียนใช้เวลาสองชั่วโมงอัปเดตคลังข้อสอบโดยเพิ่มคำถามเข้าไป บางคำถาม ถ้าเปลี่ยนคำสักสองสามคำ คำตอบก็จะแตกต่างไปจากเดิม
พอจัดการเสร็จ เขาก็ยืนยันอัปโหลดคลังคำถาม
ดูเหมือนว่าจะเหลือความหวังเพียงริบหรี่ที่จะกีดกันผู้คนไม่ให้เข้ามาทำงานที่เถิงต๋าด้วยการสอบวัดความเข้ากันได้กับจิตวิญญาณเถิงต๋า แต่เขาจะยอมแพ้ไปง่ายๆ แบบนั้นไม่ได้
‘ก๊อกๆ’
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เลขาซินเปิดประตูเข้ามาด้านใน
“บอสเผยคะ รายการสำรวจโลกเศรษฐกิจของสถานี CCTV อยากทำสกู๊ปเกี่ยวกับบริษัทเราค่ะ
“ทางรายการอยากใช้สโลแกนของเถิงต๋าเป็นชื่อสกู๊ปเลยติดต่อมาขออนุญาต แต่ดูเหมือนว่าเราจะไม่มีสโลแกนนะคะ
“บอสช่วยคิดสโลแกนได้ไหมคะ”
เผยเชียนที่เพิ่งอัปโหลดข้อสอบวัดความเข้ากันได้กับจิตวิญญาณเถิงต๋าเสร็จหันไปมองเลขาซิน ก่อนที่เครื่องหมายคำถามจะค่อยๆ ลอยขึ้นเหนือหัว
?
รายการสำรวจโลกเศรษฐกิจ?
รายการทีวีอีกแล้วเหรอ!
แค่ไปโผล่ในรายการของสถานีจิงโจวทีวีก็แย่มากแล้ว นี่ล่อ CCTV เลยเรอะ
แบบนั้นก็ตายโหงกันพอดีสิ
เผยเชียนหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที “ปฏิเสธไป!”
“เอ่อ…” เลขาซินอึกอัก “บอสเผยคะ บอสอาจจะเข้าใจที่ดิฉันแจ้งผิดไป รายการสำรวจโลกธุรกิจเป็นรายวิเคราะห์เรื่องเศรษฐกิจ ไม่ใช่รายการสัมภาษณ์ค่ะ ทั้งบอสและพนักงานของเราไม่จำเป็นต้องปรากฏตัวในรายการ ถึงเราจะไม่อนุญาตให้ใช้สโลแกนเป็นชื่อสกู๊ป พวกเขาก็คิดชื่อใหม่เองได้ค่ะ”
เผยเชียนอึ้งไป
ทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ
ทำสกู๊ปเสร็จสรรพโดยไม่ต้องขออนุญาตได้ด้วย?
แสดงว่าต่อให้เราให้หรือไม่ให้ความร่วมมือ สกู๊ปก็ออกฉายอยู่ดีงี้เหรอ
เผยเชียนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามขึ้น “เอ่อ… เราไปคุยโน้มน้าวไม่ให้เขาทำสกู๊ปเกี่ยวกับเราได้มั้ย”
เลขาซินยิ้ม “เกรงว่าจะไม่ได้ค่ะ”
เผยเชียนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ในใจรู้สึกเศร้าหมอง
เหมือนไม่ได้ติดต่อมาเจรจา แต่ติดต่อมาแจ้งเพื่อทราบเฉยๆ
โอเค้ อยากได้สโลแกนใช่มั้ย เดี๋ยวจัดให้
ฉันจะคิดสโลแกนแปลกๆ ให้เถิงต๋า ถ้าพวกแกกล้าใช้ ฉันก็ขอคารวะ
เผยเชียนคิดอยู่สักพัก ก่อนจะพูดขึ้น “สโลแกนของเถิงต๋าคือ ‘เชื่อเสมอว่าสิ่งแปลกเกินเข้าใจกำลังจะเกิดขึ้น’”
แม้แต่เลขาซินผู้รอบรู้ก็ยังตะลึงงันไป
สโลแกนสามารถแปลงเป็นแบบไว้พูดและไว้เขียนได้ แต่การแปลงแบบนั้นจะไม่สามารถเก็บความหมายของคำไว้ได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
การสื่อสารปรัชญาของบริษัท เน้นย้ำคุณลักษณะที่โดดเด่นของทั้งสินค้าและบริษัท สร้างภาพลักษณ์แบรนด์ และดึงดูดลูกค้าด้วยข้อความสั้นๆ เป็นเรื่องยากมาก
ถ้าเอาไปเทียบกับแอกเค้านต์โซเชียลมีเดีย โลโก้ก็เป็นเหมือนรูปโปรไฟล์ ชื่อแบรนด์ก็เหมือนชื่อเล่น ส่วนสโลแกนคือคำอธิบายตัวเอง
สโลแกนดีๆ จะเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับลักษณะเฉพาะของบริษัทหรือสินค้า ขณะเดียวกันก็ต้องเรียบง่าย อ่านง่าย เข้าใจง่าย จำง่าย และทำให้ลูกค้านึกถึงคุณค่าหลักของแบรนด์ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น nᴏᴠᴇʟɢu.cᴏm
สโลแกนไม่ได้ใช้สำหรับการส่งเสริมการขายอย่างเดียว แต่เป็นจิตวิญญาณหลักของบริษัทด้วย!
ตัวอย่างเช่น ‘Just Do It’ ก็เป็นสโลแกนที่ยอดเยี่ยม
จนถึงตอนนี้ เถิงต๋ามีกิจการมากมายที่มีลักษณะเฉพาะโดดเด่น แต่ก็ยังไม่มีสโลแกนที่ชัดเจน
แต่สโลแกนของบอสเผยดันเป็น…
‘เชื่อเสมอว่าสิ่งแปลกเกินเข้าใจกำลังจะเกิดขึ้น’?
ข้อความนี้ทำให้เลขาซินรู้สึกแปลกๆ กับสิ่งที่ตั้งใจจะสื่อ
“บอสเผยแน่ใจใช่ไหมคะ”
สโลแกนนี้ดูล้ำเกินไปหน่อย เลขาซินจึงถามย้ำอีกครั้งแม้ว่าปกติจะแทบไม่เคยถามย้ำเลย
เผยเชียนพยักหน้า “ใช่ ผมแน่ใจ!”
เลขาซินไม่ถามอะไรต่อ เธอพยักหน้าแล้วกลับออกจากห้องไป
เธอคิดว่ารายการสำรวจโลกเศรษฐกิจก็น่าจะตกใจไม่ต่างกับเธอตอนได้ฟังสโลแกน
…
เว็บจงเตี่ยนจงเหวิน
หม่าอี้ฉวินต้อนรับอู๋ปิน ชุยเกิ่ง กับลู่หมิงเหลียงเข้ามาในห้องทำงาน ก่อนจะรีบปิดประตู
จากนั้นเขาก็หยิบหนังสือคู่มือสองสามเล่มออกมาจากลิ้นชักที่ล็อกไว้แล้วแจกให้ทุกคน
บนหน้าปกเขียนไว้ว่า ‘การศึกษาเบื้องต้นของจิตวิญญาณเถิงต๋า’!
การศึกษาเบื้องต้นเป็นการระบุว่านี่คือการสำรวจแค่เบื้องต้นเท่านั้น ปกติคำนี้มักใช้เป็นชื่อวิทยานิพนธ์เพื่อแสดงถึงความถ่อมตัว
แต่พวกเขาเอาคำว่า ‘การศึกษาเบื้องต้น’ มาใช้เพื่อเน้นย้ำว่าจิตวิญญาณของเถิงต๋านั้นกว้างขวางและลึกซึ้งมาก คู่มือเล่มนี้รวบรวมการสำรวจเบื้องต้นของจิตวิญญาณเถิงต๋าเท่านั้น ยังมีอะไรอีกมากมายให้ขุดค้น
ชื่อคู่มือเป็นเครื่องย้ำเตือนผู้อ่านให้ใช้มันเป็นแรงบันดาลใจไม่ใช่เชื่อแบบไม่ลืมหูลืมตา
อู๋ปินเอื้อมไปหยิบมาดูด้วยความตื่นเต้น “เสร็จแล้วเหรอครับ เร็วมาก!”
เขาลูบหน้าปกคู่มืออย่างมีความสุข บากบั่นอยู่ตั้งสองสามเดือน! ในที่สุดก็เห็นคู่มือที่จับต้องได้เสียที!
หม่าอี้ฉวินพยักหน้า “ใช่ครับ ประหยัดเวลาไปได้เยอะเพราะไม่ได้ตีพิมพ์จำนวนมาก ตามที่เราตกลงกันไว้ ผมพิมพ์ออกมาแค่สองร้อยเล่มเพื่อแจกจ่ายให้พนักงานหลักในบริษัทและเพื่อนสนิทมิตรสหายของบอสเผย อย่างบอสหลี่
“ถ้าแจกไปแล้วยังเหลือ ผมจะล็อกเก็บไว้กันไม่ให้คนนอกได้ไป”
คู่มือไม่ได้มีเนื้อหามากมายและไม่ได้มีเนื้อหาผิดกฎหมาย แต่ตามกฎทั่วไปแล้ว การจะตีพิมพ์อะไรออกมาเป็นจำนวนมากต้องได้รับใบอนุญาตก่อน ไม่อย่างนั้นจะละเมิดระเบียบการจัดการ
หลายคนแอบพิมพ์หนังสือโดยไม่ได้รับการอนุมัติ ถึงจะเก็บไว้อ่านเอง แต่ว่ากันตามตรงแล้วก็ถือว่าผิดกฎหมาย
ดังนั้นหลังจากคุยกับอู๋ปิน หม่าอี้ฉวินก็คิดว่าจะดีกว่าถ้าตีพิมพ์คู่มือโดยผ่านช่องทางทางการและออกค่าใช้จ่ายเองถ้าอยากได้ใบอนุญาตเป็นเรื่องเป็นราว
การตีพิมพ์หนังสือโดยออกค่าใช้จ่ายเองมีอยู่สามขั้นตอน เขียน ตีพิมพ์ และจัดจำหน่าย ในขั้นจัดจำหน่ายจะต้องเข้าสู่ตลาดโดยมีช่องทางทางการสำหรับการจัดจำหน่าย ต้องติดต่อลูกค้าโดยตรง และต้องดูแลเรื่องการโปรโมตและจัดจำหน่ายด้วย
แต่พวกเขาไม่ได้มุ่งหวังผลกำไรจากการตีพิมพ์คู่มือการศึกษาเบื้องต้นของจิตวิญญาณเถิงต๋า จริงๆ แล้วไม่ได้อยากเผยแพร่ในวงกว้างด้วยซ้ำ พวกเขาแค่อยากส่งให้พนักงานหลักของบริษัทให้เอาไปศึกษา ดังนั้นจึงหยุดที่ขั้นตอนการตีพิมพ์เท่านั้น ไม่ได้จัดจำหน่าย
ในคู่มือมีสามประเด็นหลักที่ควรพูดถึง
บนหน้าปกระบุไว้ชัดเจนว่าเป็นเนื้อหาการศึกษาเบื้องต้นของจิตวิญญาณเถิงต๋า สามารถเอาไปใช้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจเท่านั้น ไม่ควรปักใจเชื่อทุกอย่าง แต่ควรขุดคุ้ยให้เข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างทำงาน
ภาพอันโด่งดังสามภาพของบอสเผย ซึ่งได้แก่ ‘แผ่นหลังของบอสเผยท่ามกลางฝูงชน’ ‘มื้อเที่ยงของบอสเผย’ และ ‘บอสเผยในภวังค์ความคิด’ มีแทรกอยู่ในคู่มือเป็นภาพประกอบ
หน้าสุดท้ายของคู่มือเป็นบรรทัดยาวพรืดไล่เรียงฉายาของบอสเผยด้วยตัวหนังสือเล็กจิ๋ว ซึ่งถ้าไม่สังเกตดูดีๆ ก็จะมองข้ามไปได้ง่ายๆ
หม่าอี้ฉวินพูดขึ้น “คู่มือที่ตีพิมพ์เสร็จแล้วทั้งหมดอยู่ที่คลังของลู่หมิงเหลียง จะแจกจ่ายเท่าไหร่ก็ตามสบายเลย แต่ต้องจดไว้ด้วยว่าให้ใครไปบ้าง”
อู๋ปินเสริม “ผมอยากเน้นอีกเรื่อง
“ที่เราตีพิมพ์ออกมาจำกัดไม่ใช่เพราะกลัวข้อมูลรั่วไหล แต่เพราะอยากส่งเสริมให้ทุกคนคิดเรื่องจิตวิญญาณเถิงต๋าอย่างเป็นเอกเทศ
“องค์ประกอบหนึ่งของจิตวิญญาณเถิงต๋าคือการคิดอย่างเป็นเอกเทศ โดยไม่ทำตามอย่างไม่ลืมหูลืมตา ถ้าทุกคนเลิกคิดวิเคราะห์เรื่องจิตวิญญาณเถิงต๋าให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นหลังจากได้คู่มือนี้ไป ก็จะเกิดเป็นพฤติกรรมทำตามแบบไม่ลืมหูลืมตา เราต้องป้องกันไม่ให้เป็นแบบนั้น
“ส่วนที่สำคัญกว่าในคู่มือเล่มนี้ คือการกระทำและตัวอย่างที่เฉพาะเจาะจงของบอสเผย
“สำหรับเนื้อหาเรื่ององค์ประกอบต่างๆ ของเถิงต๋า เราไม่จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับ”
ความหมายที่อู๋ปินจะสื่อนั้นเรียบง่ายมาก ถ้าเปรียบจิตวิญญาณเถิงต๋าเป็นคู่มือลับ ประโยคสองสามประโยคหลังสรุปหลักการโดยรวมจะถือว่าเป็นชื่อกระบวนท่า
การรู้ชื่อกระบวนท่า แต่ไม่เข้าใจเคล็ดวิชานั้นไร้ประโยชน์
กลับกัน ถ้าส่งต่อเนื้อหาทั่วๆ ไปกันเองจะทำประโยชน์มากกว่า และจะเป็นส่วนสำคัญในการกระจายวัฒนธรรมองค์กรของเถิงต๋าด้วย
ทุกคนพยักหน้า “เข้าใจแล้วครับ!”