เฉียวเหลียงมองไปรอบๆ แล้วอดทึ่งขึ้นมาไม่ได้ บอสเผยมีกลเม็ดเด็ดใหม่ๆ อยู่ตลอดเลย
พอเข้ามาข้างในโฮสเทลเขย่าขวัญ ประสบการณ์ที่ได้รับก็แตกต่างจากที่อื่นๆ
อาคารต่างๆ ปรับจากโรงงานในโซนอุตสาหกรรมเก่า จึงให้ความรู้สึกถึงยุคสมัยก่อน ขณะเดียวกัน สไตล์ที่ใช้ก็เป็นไปในแนวทางเดียวกันทั้งพื้นที่ ไม่มีอาคารไหนโดดเด่นกว่ากัน
ทั้งพื้นที่ให้ความรู้สึกเปิดโล่ง เหมือนสวนสาธารณะ
สวนสนุกหลายๆ ที่ต้องซื้อตั๋วเข้าเพื่อจำกัดจำนวนคนเข้า จึงค่อนข้างมีความปิดกว่า พอเข้าไปด้านใน ลูกค้าก็จะเริ่มกังวลเพราะมีเวลาจำกัด อยากรีบไปเครื่องเล่นดังๆ เพื่อต่อคิวเข้าเล่น ไม่มีเวลามามัวเดินเตร็ดเตร่
ที่นี่แตกต่างออกไปตรงที่สามารถเดินเข้าออกได้ตามใจชอบ ทำให้รู้สึกเหมือนมาเดินสวนสาธารณะใกล้ๆ จึงผ่อนคลายกว่า
ไม่นานทุกคนก็มาถึงลานกว้างตรงกลางและพบเขาวงกตรูปทรงประหลาดกับน้ำพุเยียวยาหน้าเขาวงกต
ถัดออกไปไกลจะเห็นโรงงานที่เป็นที่ตั้งของโปรเจ็กต์ทั้งสามซึ่งมีชื่อว่า หนีสยอง บ้านฝันสยอง และสุดขีดสยอง
ด้านหน้าร้านใกล้ๆ มีแผ่นพับให้หยิบได้ นอกจากจะมีแผนที่ของทั้งโฮสเทลเขย่าขวัญแล้ว ยังมีรายละเอียดของโปรเจ็กต์ต่างๆ ด้วย
คนหนึ่งในกลุ่มเดินไปหยิบแผ่นพับมาแจกทุกคน
“โห ทำไมราคาต่างกันขนาดนี้ หนีสยองค่าเข้าแค่สิบหยวน แต่สุดขีดสยองค่าเข้าตั้งร้อยหยวน”
“สุดขีดสยอง ฟังจากชื่อแล้วน่าจะใช้ทุนสร้างสูง”
“คำอธิบายก็ไม่มีด้วย เขียนไว้แค่ว่า ‘อย่าไป’ โฆษณาอย่างเชี่ย ยิ่งทำให้อยากไปเลยเนี่ย…”
“แต่กลยุทธ์การวางราคาน่าจะเป็นปัญหาใหญ่เลย อ่านรายละเอียดดูแล้ว หนีสยองน่าจะเล่นซ้ำได้บ่อยเหมือน BE QUIET ถ้าเล่นซ้ำได้หลายครั้งก็น่าจะตั้งราคาไว้สูงๆ สิ อย่างน้อยก็น่าจะซักสามสิบหยวน
“สุดขีดสยองค่อนข้างแพงเลย โปรเจ็กต์นี้ใช้โรงงานขนาดใหญ่สุด หลายคนน่าจะกลัวสุดขีดตั้งแต่ห้านาทีแรก คนส่วนใหญ่น่าจะไม่กล้าเข้าเพราะกลัวไม่คุ้มเงินรึเปล่า”
“ไม่รู้สิ ลองเข้าไปดูเองแล้วกัน”
ตอนนี้ยังเป็นปี 2011 จิงโจวเป็นเมืองอันดับสอง ตั๋วบ้านผีสิงราคาร้อยหยวนถือว่าค่อนข้างแพง แน่นอนว่าหนีสยองที่ราคาสิบหยวนนั้นถือว่าถูกมาก
เนื่องจากสวนสนุกเพิ่งเปิดและตอนนี้เป็นเช้าวันศุกร์ จำนวนคนจึงไม่เยอะถึงขีดสุด หนีสยองต้องต่อคิวเล่น แต่แถวก็ไม่ได้ยาวมาก
พวกเขารีบไปต่อท้ายแถว
ดูจากจำนวนคนแล้ว นอกจากคนที่เดินช้อปปิ้งในวงกตทองคำ 70% ของนักท่องเที่ยวกำลังเตรียมตัวเข้าเล่นโปรเจ็กต์แรก อีก 30% กำลังเตรียมตัวเล่นโปรเจ็กต์สอง ไม่มีใครเข้าคิวเล่นโปรเจ็กต์สาม มีบางส่วนเข้าไปถามข้อมูล แต่ก็โดนบอกให้ไปเล่นโปรเจ็กต์สองให้ผ่านก่อน
ชัดเจนว่าต่อแถวโปรเจ็กต์หนึ่งตอนที่แถวยังไม่ยาวมากน่าจะดีที่สุด
ระหว่างต่อคิว เฉียวเหลียงสังเกตจำนวนคนที่เข้าไปเล่นในแต่ละรอบแล้วพบว่าพวกเขาปล่อยให้เข้าไปเล่นรอบละร้อยคน จากนั้นก็ต้องรอประมาณสิบห้านาทีก่อนจะปล่อยให้ชุดต่อไปเข้า
เฉียวเหลียงมองแผ่นพับในมือแล้วพบว่าด้านในโรงงานแบ่งออกเป็นสิบส่วนโดยตกแต่งด้วยสไตล์ที่แตกต่างกันห้าแบบ แต่ละส่วนกว้างประมาณสี่ร้อยตารางเมตร ซึ่งรับคนได้สิบคน
ดังนั้นแถวจึงขยับค่อนข้างเร็ว แต่ก็มีหลายคนเดินออกตรงทางออกแล้ววิ่งมาต่อคิวอีกครั้ง พวกเขาดูตื่นเต้นและอยากเล่นอีกรอบมาก
เฉียวเหลียงกับคนอื่นๆ ขยับมาจนถึงหัวแถวแล้ว รออีกสิบห้านาทีก็จะเป็นตาพวกเขาเข้าเล่น
ทุกคนเห็นกฎการเข้าเล่นโปรเจ็กต์นี้บนป้ายข้างแถวรอคิว เฉียวเหลียงรู้สึกว่าเหมือนโปรเจ็กต์นี้จะเป็น BE QUIET เวอร์ชันย่อ ฉากที่ใช้นั้นเหมือนกัน แถมยังน่าจะใช้สไตล์งานภาพแบบเดียวกับในเกม ทำให้เขาคาดหวังมากขึ้น
ก่อนเข้าเล่น พนักงานยื่นกำไลข้อมือพิเศษให้ทุกคน ซึ่งต้องคืนหลังเล่นจบ
กำไลข้อมือนี้เหมือนจะมีฟังก์ชันจับการเต้นของหัวใจและมีไฟส่องกะพริบเด่นสะดุดตา
ทุกคนสามารถเลือกฉากที่เข้าเล่นได้ตามใจชอบ โดยมีทั้งโรงพยาบาลจิตเวช หมู่บ้านคนบ้า โรงแรมแถบชานเมือง วังโบราณ และโรงเรียน ฉากพวกนี้ดูเป็นไปในทิศทางเดียวกับฉากในเกม BE QUIET แค่เป็นเวอร์ชันย่อส่วนลงมา
จะให้สร้างวังโบราณทั้งหลังในโรงงานก็คงเป็นไปไม่ได้ ได้แต่สร้างออกมาโดยใช้สไตล์ที่ใกล้เคียงที่สุด
แผนที่โดนย่อส่วนลงมาก รูปแบบการเล่นก็ทำให้เรียบง่ายขึ้น และเร่งจังหวะของเกมขึ้น ชัดเจนว่าเพื่อลดเวลาในการเรียนรู้ระบบเกมและคงความน่าสนใจไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ผู้เล่นเข้าใจระบบการเล่นได้โดยใช้เวลาไม่นานและสนุกไปกับมัน
ดูจากกฎการเล่นแล้ว หนีสยองเป็นเกม Escape Room แบบพิเศษ ผู้เล่นจะรับบทคนธรรมดาที่ถูกขังไว้ด้านใน เป้าหมายของทุกคนคือถอดปริศนาต่างๆ ในเกมเพื่อหาทางหลบหนีออกไป
ปริศนาต่างๆ จัดเตรียมไว้ล่วงหน้าและกระจายไปทั่วห้อง มีหลายสิบปริศนา แต่ละรอบจะมีปริศนาที่ถอดรหัสได้สุ่มออกมาแค่สิบกว่าแห่ง
ผู้เล่นเก็บความคืบหน้าได้ด้วยการเอากำไลข้อมือไปไว้ใกล้ๆ ปริศนา จากนั้นก็จะถอดปริศนาได้แบบถาวร ทำให้เข้าใกล้ชัยชนะขึ้นไปอีกขั้น
รอบๆ ห้องมีพนักงานแสดงเป็นคนเสียสติเดินว่อนไปมา โดยมีลำโพงแบบพกพาเปิดเสียงคำรามสุดสยองและเพลงประกอบสุดระทึกเพื่อเตือนผู้เล่นว่าความสยองใกล้คืบคลานเข้ามาแล้ว
พนักงานทำท่าเหมือนจะจับกุมผู้เล่น แต่จริงๆ แล้วแค่ทำทีไล่ล่าเฉยๆ เพราะการเข้าไปจับจริงๆ อาจพลาดทำให้บาดเจ็บได้ ถือเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัย
เพราะงั้นวิธีการเล่นที่ถูกต้องคือระหว่างที่พนักงานเดินไล่อยู่รอบๆ ก็ค้นหาปริศนาเพื่อถอดรหัส ถ้าพนักงานเริ่มเข้ามาใกล้ก็ต้องไปหาที่ซ่อน
นอกจากนั้น กำไลข้อมือยังแสดงค่าสติของผู้เล่นเหมือนในเกม BE QUIET ด้วย
กำไลข้อมือนี้จะตรวจจับการเต้นของหัวใจ แล้วเปลี่ยนสีที่แสดงตามจังหวะการเต้นที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันหรือมีการเต้นที่ถี่รัวเป็นเวลานาน
สีเขียวคือปกติ เหลือคืออยู่ในเกณฑ์อันตราย และแดงคือเสียสติ
พนักงานมีรีโมตเล็กๆ ติดตัวด้วย ถ้านักท่องเที่ยวอยู่ในวิสัยทัศน์ พวกเขาสามารถเปลี่ยนการคำนวณอัตราการเต้นของหัวใจเพื่อให้กำไลกลายเป็นสีแดงได้เร็วขึ้น
พอกำไลข้อมือกลายเป็นสีแดง ผู้เล่นจะไม่สามารถถอดปริศนาด้วยกำไลข้อมือได้อีก กลับกันถ้าผู้เล่นที่มีกำไลข้อมือสีแดงไปอยู่ใกล้ผู้เล่นคนอื่นในระยะที่กำหนดไว้ ก็จะเกิดการ ‘แพร่เชื้อ’ ขึ้น ทำให้กำไลข้อมือของผู้เล่นคนอื่นเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นเหลืองและแดง
แต่ในเกมก็มี ‘ห้องหลบภัย’ อยู่ พื้นที่บางจุดสามารถเข้าได้แค่ผู้เล่นทั่วไปเท่านั้น ผู้เล่นที่มีกำไลข้อมือสีแดงและพนักงานไม่สามารถเข้าพื้นที่นี้ได้ กำไลที่อยู่ภายในพื้นที่ดังกล่าวจะไม่ได้รับผลกระทบจากด้านนอก
เพราะงั้นถ้าผู้เล่นที่มีกำไลสีแดงเดินไปจ้องผู้เล่นอื่นๆ เพื่อแพร่เชื้อก็จะดูโง่ไปหน่อย วิธีที่ดีที่สุดคือคอยหาจังหวะหลอกผู้เล่นคนอื่นๆ เพื่อแพร่เชื้อใส่
ถ้าผู้เล่นหลบหนีออกไปได้ในเวลาที่กำหนด ผู้เล่นฝ่าย ‘ปกติ’ จะเป็นฝ่ายชนะ ถ้าผู้เล่นไม่สามารถหลบหนีออกมาได้ในเวลาที่กำหนด ชัยชนะจะตกเป็นของผู้เล่นฝ่าย ‘เสียสติ’
…
สิบห้านาทีต่อมา พวกเฉียวเหลียงเดินออกตรงทางออกด้วยสีหน้าซึ่งเห็นได้ชัดว่าอยากเล่นต่อ ɴᴏᴠᴇʟɢᴜ.ᴄᴏᴍ
“สนุกดี เหมือนจะติดใจเลย อยากเล่นอีกรอบ!”
“ยังไม่จุใจเลย ให้ความรู้สึกถึงอีกเกมค่อนข้างชัดเจน เหมือนได้เล่น BE QUIET ในชีวิตจริงเลย!”
“พนักงานแสดงดีสุดๆ ฉันได้ยินเสียงเขาเดินมาเลยรีบซ่อนในตู้ พอเขารู้ว่าฉันอยู่ในตู้ก็จงใจเดินไปเดินมาแล้วส่องดูตามช่องของตู้ ฉันกลัวมาก ใจเต้นตุ้บๆ จนกำไลกลายเป็นสีเหลืองเลย!”
“คุณเฉียวแย่มาก! กำไลตัวเองเป็นสีแดงแล้วก็มาไล่ล่าคนอื่น ยังเป็นมนุษย์อยู่รึเปล่าเนี่ย”
“ใช่ๆ เราเกือบจะผ่านได้แล้ว แต่คุณก็โผล่มาป่วนเกม กำไลผมกลายเป็นสีเหลืองอยู่แล้ว พอโดนคุณหลอกก็กลายเป็นสีแดง เลยต้องจำใจร่วมทีมกับคุณ”
เฉียวเหลียงโต้กลับ “ก็กฎของเกมมันเป็นแบบนั้นนี่ แต่ยังไงผมก็ชนะ มีอะไรข้องใจรึเปล่า”
ทุกคนตอบกลับว่าไม่เคยเห็นใครหน้าหนาแบบนี้!
ถึงจะโดนทุกคนต่อว่า แต่เฉียวเหลียงก็สนุกสุดๆ
เขาเข้าใจแล้วว่าที่หลายคนรีบไปต่อคิวหลังจากเล่นจบหนึ่งรอบก็เพราะมันเล่นแล้วติดจริงๆ!
ในฐานะอัปโหลดมาสเตอร์ เฉียวเหลียงเห็นแนวคิดล้ำหน้ามากมายในการออกแบบโปรเจ็กต์นี้
รูปแบบการเล่นนั้นจริงๆ เป็นอะไรที่เรียบง่ายมาก ว่าง่ายๆ ก็เป็นเกมวิ่งไล่จับที่เอาความเป็นเกม BE QUIET เข้ามาครอบ
แต่พอเทียบกับ Escape Room และบ้านผีสิงที่อื่นๆ แล้ว จุดแข็งซึ่งเด่นชัดที่สุดของที่นี่แบ่งออกเป็นสองข้อคือ การเล่นซ้ำได้และความน่ากลัวแบบกลางๆ
Escape Room และบ้านผีสิงที่อื่นๆ ส่วนใหญ่มีการวางผังเหมือนกันด้วยข้อจำกัดด้านพื้นที่ พอได้เล่นไปแล้วครั้งหนึ่งก็ไม่อยากเล่นซ้ำอีก แต่หนีสยองเป็นเกมที่เล่นพร้อมกันหลายคน และแต่ละรอบก็แตกต่างกันแน่นอนจากการเปลี่ยนตำแหน่งปริศนา
พนักงานที่แสดงเป็นคนเสียสติจะมีส่วนร่วมในเกมตามการตอบโต้แบบต่างๆ การกระทำแต่ละอย่างเกิดขึ้นแบบสุ่มและไม่สามารถคาดเดาได้
การเปลี่ยนแปลงอัตราการเต้นของหัวใจผู้เล่นแต่ละคนก็แตกต่างกัน พวกเขาจะ ‘เสียสติ’ ในเวลาที่ไม่เหมือนกัน การกระทำหลังจากเป็นคนเสียสติก็แตกต่างกันไป ซึ่งจะส่งผลต่อการเล่นในภาพรวม ผู้เล่นต้องเปลี่ยนแบบแผนการเล่นทุกรอบที่เล่น
โปรเจ็กต์นี้มีความน่ากลัวระดับกลางๆ ไม่ได้น่ากลัวถึงขั้นทำให้คนไม่กล้าเล่น
เอาเข้าจริง เกมคอยส่งสัญญาณเตือนผู้เล่นให้ระวังตัวระหว่างถอดปริศนาผ่านสิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่น พนักงานที่แสดงเป็นคนเสียสติ เพลงประกอบระทึกอารมณ์ และอื่นๆ
ขณะเดียวกัน พนักงานก็เคลื่อนไหวค่อนข้างช้าและไม่เข้าไปจับผู้เล่นจริงๆ แถมการมองเห็นด้านในก็ไม่ได้โดนจำกัดมาก จึงไม่ทำให้รู้สึกกลัวมากนัก
เพราะงั้นถึงจะเป็นคนขี้กลัวแบบเฉียวเหลียงก็สามารถเล่นได้จนจบอย่างสนุกสนาน
เฉียวเหลียงเป็นแฟนเกม BE QUIET เขาคิดว่าโปรเจ็กต์นี้ย่อระบบการเล่นอันซับซ้อนของเกมออกมาได้เหมาะสำหรับการเล่นในชีวิตจริง
พูดสั้นๆ คือ โปรเจ็กต์สนุกๆ แบบนี้มีค่าเข้าเล่นแค่สิบหยวนต่อครั้ง เล่นสักสามสี่รอบก็ไม่รู้สึกเสียดายเงิน!
เฉียวเหลียงมองดูแถวต่อคิว ดูเหมือนว่ามีคนต่อคิวหลายร้อยคน เวลารอเล่นโดยประมาณน่าจะมากกว่าหนึ่งชั่วโมง
แฟนคลับคนหนึ่งผงะไป “คนมาต่อคิวเยอะขนาดนี้เลยเหรอ ต่อไปต้องรอสามชั่วโมงถึงจะได้เล่นเลยมั้งเนี่ย”
เฉียวเหลียงส่ายหน้า “ไม่หรอก ช่วงนี้คนอาจจะเยอะหน่อย เพราะมีการโปรโมตโฮสเทลเขย่าขวัญไปทั่ว ชาวเมืองจิงโจวหลายคนเลยอยากลองเล่น จุดสำคัญคือต้องรอดูว่าหลังลูกค้าระลอกแรกมากันจนหมดแล้วจะยังมีกระแสอยู่รึเปล่า ถ้าคงกระแสไว้ได้ก็ทำเงินได้”
ทุกคนคิดตามแล้วพบว่าฟังดูสมเหตุสมผล
บ้านผีสิงกับสวนสนุกหลายแห่งเป็นที่นิยมมากตอนช่วงเปิดใหม่ๆ แต่จะอยู่ไปได้นานไหมก็ขึ้นอยู่กับว่าจะรักษากระแสไว้ได้รึเปล่าหลังหมดช่วงเห่อ
“ต่อไปทำอะไรกันดี” คนหนึ่งถามขึ้น
ถ้าจะเล่นหนีสยองอีกครั้งก็ต้องรอคิวอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง ถึงจะไม่นานมากเมื่อเทียบกับสวนสนุกอื่นๆ แต่ก็ยังมีอีกสองโปรเจ็กต์ที่มีคนต่อคิวน้อย
“ลองบ้านฝันสยองมั้ย ยังไงก็ต้องเล่นบ้านฝันสยองให้ผ่านถึงจะเล่นสุดขีดสยองได้” แฟนคลับคนหนึ่งเสนอ
“เอาสิ ไหนๆ ก็มาแล้ว” อีกคนเห็นด้วย
เฉียวเหลียงรีบส่ายหน้า “ฉันไม่ไป! ที่คนน้อยต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างแน่! ฉันต้องกลัวน้ำตาแตกแน่นอน!”
แฟนคลับสบตากันก่อนจะล้อมเฉียวเหลียงไว้ “งั้นก็ยิ่งต้องไป! มาด้วยกันแล้วก็ต้องไปด้วยกัน ห้ามใครคิดหนีเด็ดขาด”