ตอนบ่าย ที่ภัตตาคารไร้ชื่อ
ลู่จือเหยา จางจู่ถิง หลินรู่หยี จูเสี่ยวเช่อ หวงซื่อปั๋ว… พร้อมกับทีมโปรดักชัน ทีมตัดต่อ และพนักงานหลักของสตูดิโอเฟยหวงมารวมตัวกันเพื่อกินเลี้ยง ระหว่างลิ้มรสอาหารแสนอร่อยตรงหน้าก็พากันดื่มและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
“บอสเผยมีวิสัยทัศน์กว้างไกลจริงๆ ที่ให้พูดบทเป็นภาษาอังกฤษล้วน! ไม่งั้นหนังคงไม่ได้กระแสตอบรับดีทั้งในและนอกประเทศ ดูหนังบล็อกบัสเตอร์สองสามปีที่ผ่านมาสิ มีเรื่องไหนทำเงินได้หลักสิบล้านดอลลาร์บ้าง!”
“ใช่ บอสเผยให้จิตวิญญาณกับหนังเรื่องนี้จริงๆ!”
“คำชมอย่างน้อยห้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่หนังได้เป็นความดีความชอบจากบอสเผยเลย”
“แค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เองเหรอ”
“โทษที ประเมินต่ำไปหน่อย ขอลงโทษตัวเองด้วยการยกหมดแก้ว”
“ผู้กำกับจูเอาถ้วยรางวัลมาด้วยรึเปล่าคะ”
“เอามาสิ เอามา ส่งต่อกันดีๆ นะ อย่าให้แตก อย่าให้มีรอยขีดข่วน เดี๋ยวรอคว้าอีกสักถ้วยปีหน้า”
“ผู้กำกับจูคิดผิดแล้ว มั่นใจได้ไงว่าปีหน้าจะได้รางวัลเดิม ถ้าได้ Palme d’Or แทนล่ะ”
“จริงด้วย! ไม่แน่นี่อาจจะเป็นรางวัล Jury Award สุดท้ายที่เราได้จากคานส์ ต่อจากนี้อาจได้แค่ Palme d’Or เรื่อยๆ แทน ถือเป็นประสบการณ์สุดล้ำค่า ยิ่งต้องถือกันระวังๆ กว่าเดิมนะ!”
“ต้องขอบคุณบอสเผยจริงๆ! เสียดายที่บอสยุ่งจนมาไม่ได้”
“ทุกคน ชนให้บอสเผยกันเถอะ!”
“จริงด้วย ชนให้บอสเผย!”
ทุกคนชนแก้วกันหน้าแดงแจ๋ ชัดเจนว่าพวกเขาฉลองกันหนักจนเริ่มมึนๆ หัว
ไม่รู้ทำไม ภาพตอนนี้ดูเหมือนกับคนในหมู่บ้านเดียวกันมารวมตัวก๊งเหล้ามากกว่า
ลู่จือเหยายกไวน์ดื่มสองแก้วรวดอย่างทิ้งคราบเดิมไปจนหมดแล้วหันไปถามจูเสี่ยวเช่อ “ผู้กำกับจูเตรียมทำหนังเรื่องใหม่รึยังครับ”
จูเสี่ยวเช่อโบกมือ “อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลยครับ เราโดนบอสเผยสั่ง ‘ช็อกบำบัด’ อยู่ ทั้งสตูดิโอได้พักร้อนแบบรับเงินเดือน! แต่เราก็ใช้โอกาสช่วงนี้หาแรงบันดาลใจและเสริมรากฐานของตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น
“ว่ากันตามตรง ผมคิดว่าวันพรุ่งนี้ที่สดใสน่าจะออกมาดีกว่านี้ถ้าเรามีทักษะที่ดีกว่านี้ ผมคิดว่าทักษะของเราไม่ถึงขั้นที่จะทำไอเดียของบอสเผยออกมาได้ครบถ้วนสมบูรณ์ ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก เราต้องพยายามให้มากขึ้นเพื่อที่จะได้ไม่ฉุดบอสเผยลงในหนังเรื่องถัดไป!”
ลู่จือเหยาพยักหน้า “จะว่าไปผมก็รู้สึกว่าการแสดงของตัวเองยังไม่เก่งในหลายด้านๆ ผมก็ต้องพยายามให้หนักยิ่งขึ้น การร่วมงานกับบอสเผยทำให้ทุกคนคิดเรื่องพัฒนาตัวเองอย่างจริงจังจริงๆ”
จางจู่ถิงกัดเนื้อบาร์บีคิวแล้วถามหวงซื่อปั๋ว “บอสเผยยุ่งกับอะไรอยู่ บอสยุ่งถึงขั้นมาร่วมกินเลี้ยงกับพวกเราไม่ได้เลยเหรอ”
หวงซื่อปั๋วยิ้ม “คุณจางยังไม่รู้จักบอสเผยดีพออีกเหรอครับ
“บอสไม่ชอบการกินเลี้ยงฉลองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“จริงๆ แล้วบอสเผยก็เป็นแบบนี้มาตลอด ตอนที่ทำเกมด้วยกันก็เป็นแบบนี้ ทุกครั้งที่เกมดังขึ้นมาและทำกำไรได้ ทุกคนจะฉลองกันอย่างเบิกบานใจ แต่บอสเผยจะเริ่มวางแผนโปรเจ็กต์ถัดไป ไม่เคยหลงระเริงกับความสำเร็จ
“ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน
“แน่นอนว่า นอกจากนั้นบอสเผยก็เป็นคนที่ยุ่งมากๆ ดูโปรเจ็กต์ที่บอสจัดการทั้งหมดตอนนี้สิครับ ร้านอินเทอร์เน็ต เดลิเวอรี่ บ้านจอมเฉื่อย ฟิตเนส บริษัทเกมสองแห่ง…”
หวงซื่อปั๋วพยายามไล่ชื่อ แต่เพราะดื่มเยอะเกินไปเลยเริ่มคิดอะไรไม่ออก ผ่านไปพักใหญ่เขาก็ยังไล่ชื่อได้ไม่ครบ
“สรุปแล้ว บอสเป็นคนยุ่งมาก ถ้าเป็นคนอื่นคงจะปวดหัวหนักที่ต้องดูแลกิจการมากมายขนาดนี้พร้อมกัน ความเชื่อมโยงแต่ละกิจการน่าจะยุ่งเหยิงมาก
“ไม่มีทางตามทันได้หมด
“แต่บอสเผยไม่เป็นแบบนั้น บอสเห็นความสัมพันธ์ระหว่างกิจการอย่างชัดเจนและทำให้กิจการต่างๆ ร่วมมือกันทำแผนงานให้สำเร็จได้ ไม่มีมนุษย์ธรรมดาที่ไหนทำได้ขนาดนี้”
จางจู่ถิงพยักหน้า “ใช่เลย
“แต่… ถึงบอสเผยจะไม่มีเวลามากินเลี้ยงด้วย อย่างน้อยก็น่าจะเจียดเวลามาพบปะพูดคุยกับเราสิ
“ผมไม่เจอบอสมาพักใหญ่แล้ว
“เราแวะไปหาบอสเผยกันดีมั้ย ไปทักทายพูดคุยกันสักหน่อยแล้วก็กลับ ไม่น่าจะรบกวนเวลาบอสมาก คิดว่าไง”
ลู่จือเหยาพยักหน้า “โอเคเลยครับ! แต่ผมว่าเราไม่ควรไปกันเยอะเกิน แบบนั้นจะรบกวนงานของบอส”
จูเสี่ยวเช่อพูดบ้าง “ประเด็นคือ… มีใครรู้บ้างว่าตอนนี้บอสเผยอยู่ไหน จะโทรไปถามก็ดูไม่เหมาะใช่มั้ยล่ะ”
หวงซื่อปั๋วครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “โทรหาคงไม่เหมาะ ถ้าทำแบบนั้นบอสเผยจะจริงจังกับการที่เราโทรไปและพยายามหาเวลามาพบพวกเรา ยิ่งรบกวนงานบอสเข้าไปใหญ่ เอางี้เป็นไง เราลองแวะไปเสี่ยงดวงดูตามที่ที่บอสเผยมักจะแวะไป ถ้าบังเอิญเจอก็เข้าไปทักทาย ถ้าไม่เจอก็อดไป”
“โอเคเลย!” ลู่จือเหยาและคนอื่นๆ พยักหน้าเห็นด้วย
…
สี่โมงเย็น ฝ่ายเกมเถิงต๋า
หวงซื่อปั๋วดูท้อใจ “ถ้าบอสเผยไม่อยู่ที่นี่ เราก็น่าจะอดเจอบอสกันแล้วแหละ”
หลังจบงานเลี้ยง พวกเขาแวะไปร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขามหาวิทยาลัยฮั่นตง ฟิตเนสฝากประจำ และห้องทำงานบอสที่ชั้นสิบหกของตึกเฉินฮว่าแกรนด์วิว แต่ก็ไม่พบบอสเผย
สุดท้ายทั้งหมดตัดสินใจแวะไปที่ฝ่ายเกมเถิงต๋า ถ้าบอสไม่อยู่ที่นี่อีก ทุกคนก็จะเลิกล้มความตั้งใจนี้ไป
เถิงต๋ามีกิจการการเยอะเกินไป ให้แวะไปทุกที่ก็คงไม่ไหว
ทุกคนเดินเข้าไปในออฟฟิศฝ่ายเกมเถิงต๋าด้วยความหวังว่าจะเจอบอสเผยอยู่ที่นี่
หูเสี่ยนปินกำลังเกาหัวอยู่ที่โต๊ะทำงาน
หางตาของเขาเหลือบไปเห็นกลุ่มคนเดินผ่านประตูเข้ามา
พอเงยหน้ามองก็ต้องตกใจ!
จางจู่ถิง? ลู่จือเหยา? หวงซื่อปั๋ว? จูเสี่ยวเช่อ?
นั่นมันสองนักแสดงนำกับผู้กำกับของวันพรุ่งนี้ที่สดใสไม่ใช่เหรอ
หูเสี่ยนปินดีใจมาก เขารีบพุ่งไปจับมือหวงซื่อปั๋ว
“พี่หวง! พี่มีโทรจิตเหรอ พี่รู้ได้ไงว่ามีคนอยากติดต่อพี่”
หวงซื่อปั๋วผงะไป “ติดต่อฉันเหรอ เรื่องอะไร”
หูเสี่ยนปินตอบ “ผมอยากให้พี่ติดต่อผู้กำกับจูให้มาช่วยแนะนำเรื่องการแสดงให้นักแสดงผมครับ!”
ทั้งสี่ดูงุนงง “การแสดง? แสดงอะไร เถิงต๋าถ่ายหนังเรื่องใหม่เหรอ”
หูเสี่ยนปินรีบอธิบาย “แสดงเพื่อทำโมชันแคปเจอร์ครับ! ไว้สำหรับทำเกมใหม่ของบอสเผยที่ชื่อดิ้นรน!”
ระหว่างอธิบาย เขาก็หยิบบทเกมดิ้นรนที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมาแล้วส่งให้จางจู่ถิงกับลู่จือเหยาคนละชุด
จางจู่ถิงเปิดอ่านบท สีหน้าของเขาดูทึ่งมาก ɴᴏᴠᴇʟɢᴜ.ᴄᴏᴍ
หลังจากไล่สายตาดูโครงเรื่องยาวสองหน้า จางจู่ถิงก็ตบหน้าขาเสียงดัง “ทำไมบอสเผยไม่ทำบทดีๆ แบบนี้เป็นหนังล่ะ ข้อความที่จะสื่อลึกล้ำมาก ถึงไม่มั่นใจว่าจะทำรายได้จากการขายตั๋วได้ดีรึเปล่า แต่ต้องได้รางวัลสักอย่างแน่นอน!”
หวงซื่อปั๋วเห็นต่าง “คุณจาง เกมแบ่งออกเป็นสองเวอร์ชัน เวอร์ชันคนรวยกับเวอร์ชันคนจน จุดนี้ก็ดูจะมีความหมายบางอย่างแฝงอยู่ คงไม่ง่ายที่จะสื่อข้อความนี้ผ่านหนัง”
“ทำไมล่ะ เราแค่หาวิธีผสานทั้งสองเข้าด้วยกันก็พอ! เน้นไปที่ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน ถ้าเราทำออกมาดี หนังก็มีศักยภาพสูง!” จางจู่ถิงยังยืนยันว่าบทนี้ควรจะทำเป็นหนังมากกว่า
จูเสี่ยวเช่อที่อยู่ข้างๆ ดึงบทสนทนากลับสู่ประเด็นหลัก “ไม่เป็นไรครับคุณจาง เรายังมีเวลาคิดว่าจะแปลงเกมเป็นหนังดีมั้ยหลังจากเกมดังขึ้นมา ผมมั่นใจว่าบอสเผยน่าจะคิดไว้แล้ว”
เขาหันไปคุยกับหูเสี่ยนปิน “อยากให้ช่วยกำกับเกมเหรอ ยังไงล่ะ”
หูเสี่ยนปินตอบ “ตอนนี้ผมเป็นห่วงเรื่องนี้มากครับ ทุกฉากในเกมต้องใช้นักแสดงจริงมาทำโมชันแคปเจอร์ เราอยากให้ทุกช็อตจับทุกสีหน้าและรายละเอียดของนักแสดงได้
“แถมตามที่บอสเผยสั่งมา เกมจะใช้สไตล์ค่อนไปทางเว่อร์เกินจริง ต้องเน้นย้ำรายละเอียดทุกอย่างบนใบหน้าให้ได้มากที่สุด
“แต่ก็ต้องพึ่งนักแสดงสุดๆ การเน้นรายละเอียดบนใบหน้าต้องใช้การแสดงที่ค่อนข้างเว่อร์กว่าปกติ แต่นักแสดงโมชันแคปเจอร์ทุกคนเป็นนักแสดงประกอบที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์ในด้านนี้…”
จางจู่ถิงเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดทันที “ง่ายมาก งั้นผมไปช่วยกำกับนักแสดงให้มั้ย ผมมีประสบการณ์แสดงเป็นทั้งคนรวยและคนจนเยอะเลย แล้วก็รู้เรื่องโอเวอร์แอกติ้งค่อนข้างดี ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมได้เลย!”
หูเสี่ยนปินตกใจมาก “ได้เหรอครับ ขอบคุณมากครับ! แต่…จะกระทบกับตารางการเดินทางของคุณรึเปล่าครับ”
จางจู่ถิงโบกมือ “ไม่เลย บอสเผยช่วยผมไว้เยอะมาก ผมขอตอบแทนด้วยการช่วยกำกับการแสดง เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง”
หูเสี่ยนปินร้องดีใจ “ถ้างั้นก็ขอบคุณมากๆ เลยครับคุณจาง!”
จางจู่ถิงยิ้ม ถึงครั้งนี้จะไม่ได้เจอบอสเผย แอบช่วยอยู่เบื้องหลังก็เป็นไอเดียที่ดูไม่เลวเลย!
…
…
วันพุธที่ 22 มิถุนายน
โซนอุตสาหกรรมเก่าเมืองจิงโจว
เผยเชียนมองโฮสเทลเขย่าขวัญและสิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ ที่กำลังก่อสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว ในใจเริ่มรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
คืบหน้าเร็วเกินไปแล้ว!
เขาอยากให้การก่อสร้างช้าลงหน่อย แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครได้ยินความปรารถนาในใจของเขา
สองวันที่ผ่านมา เผยเชียนแวะมาโซนอุตสาหกรรมเก่าแล้วสองครั้ง เพื่อให้เห็นสถานการณ์ปัจจุบันของโฮสเทลเขย่าขวัญได้ชัดเจน จะได้ไม่มีอะไรเล่นงานเขาได้ในนาทีสุดท้าย
แต่หลังจากลงมาดูหน้างานเอง เขาก็พบว่าสถานการณ์ดูไม่ค่อยดีเลย!
โฮสเทลเขย่าขวัญควรจะเป็นบ้านผีสิงหลังเดียวในโซนอุตสาหกรรม ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ ควรจะออกมาดูไม่น่าเที่ยวสักนิด
แต่ตอนนี้บอสหลี่กับพรรคพวกสร้างร้านอาหารและโรงแรมเพิ่มรอบๆ แม้แต่ลานด้านนอกยังรีโนเวตใหม่ นอกจากน้ำพุตรงกลางแล้ว พื้นที่โดยรอบถือว่าดูดีทีเดียว!
ทุกคนแค่รีโนเวตโรงงานเก่าในโซนอุตสาหกรรม แต่หลังจากจัดการรอบๆ ให้เรียบร้อย วัชพืชและเศษสิ่งก่อสร้างที่กองทับถมอยู่ก็หายไปหมด พื้นที่รอบๆ ดูสะอาดกว่าเดิมขึ้นมาทันตา
ถึงวงกตทองคำจะยังอยู่ในช่วงเร่งก่อสร้าง แต่ก็ดูเปลี่ยนไปทุกวัน โครงสร้างสลับซับซ้อนสามารถเห็นได้ชัดเจน จนเผยเชียนเริ่มกระวนกระวายใจ
โชคดีที่ยังมีปัญหาแก้ไม่ตกอยู่ เช่น จะโปรโมตที่นี่ยังไงให้ทั้งประเทศรู้ว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่ ลูกค้าจะเดินทางจากเมืองมาโซนอุตสาหกรรมได้ยังไง
เผยเชียนเดินวนรอบโฮสเทลเขย่าขวัญอีกสองรอบแล้วตัดสินใจกลับ
แต่ตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงร้องแปลกใจ
“บอสเผย? กะแล้วเชียว คุณบอกว่าอยากขาดทุน แต่จริงๆ ที่นี่สำคัญสำหรับคุณมาก ถึงขนาดเจียดเวลาจากตารางงานแน่นเอี้ยดแวะมาดูงานเอง!”
มุมปากของเผยเชียนกระตุก ไม่ต้องหันไปมองก็รู้เลยว่าเป็นบอสหลี่
สองวันที่ผ่านมา เผยเชียนแอบมาที่นี่โดยไม่ให้ใครรู้อย่างกับเป็นโจรเพราะกลัวจะบังเอิญเจอบอสหลี่แล้วเกิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง
แต่สุดท้ายสถานการณ์ที่เขากลัวที่สุดก็เกิดขึ้น เขาบังเอิญเจอบอสหลี่จริงๆ!
เผยเชียนถอนใจอยู่ภายใน จากนั้นก็หันไปยิ้ม “สวัสดีครับบอสหลี่”
บอสหลี่กำลังยิ้มกริ่ม “บอสเผยแวะมาเพราะรู้ว่าผมเชิญนักลงทุนคนอื่นๆ มาคุยกันเรื่องแนวทางการโปรโมตโฮสเทลเขย่าขวัญรึเปล่าครับ ถ้าเป็นเรื่องการตลาด คุณน่าจะเชี่ยวชาญดีนะครับ”
เผยเชียน “?”
ไม่มีอะไรทั้งนั้น เข้าใจผิดแล้ว!
ชัดเจนว่าบอสหลี่และนักลงทุนคนอื่นๆ รู้ว่าโฮสเทลเขย่าขวัญไม่สามารถทำกำไรได้ในสภาพการณ์ปัจจุบัน อย่าว่าแต่หาเงินคืนทุนเลย แค่หาเงินมากลบค่าใช้จ่ายประจำวันก็ยากแล้ว
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะย่านนี้ไม่มีคนสัญจรผ่านไปมามากพอ
สวนสนุกสเกลใหญ่แบบนี้ไม่มีทางอยู่ได้ด้วยชาวเมืองเพียงอย่างเดียว ยังไงก็ต้องการนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศและนอกประเทศ
แต่ประเด็นอยู่ที่จะโปรโมตโฮสเทลเขย่าขวัญยังไง
โพสต์บนฉวนหมินรีวิวภายใต้ชื่อ ‘จิงโจวอันงดงาม’ ก็พอช่วยได้ แต่ก็น่าจะไม่พอ
เผยเชียนยิ้ม “ขอโทษครับบอสหลี่ ผมต้องขอตัวก่อนเพราะมีงานต้องจัดการ พวกคุณเชิญคุยกันเลยครับ”
พูดจบเผยเชียนก็ขึ้นรถและกลับออกไปด้วยความเร็วแสง
หลี่สือยืนอึ้งอยู่ที่เดิมเมื่อเห็นบอสเผยมาแล้วก็ไปอย่างกับผี
เขาได้แต่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็กลับไปคุยเรื่องแนวทางการโปรโมตโฮสเทลเขย่าขวัญกับนักลงทุนคนอื่นๆ