📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี – ตอนที่ 546

บทที่ 546 - เดาออกว่าบอสเผยจะทำอะไรต่อไป!
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

หลินชั่นหรงมีความคิดที่กว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ตอนแรกเขาคิดว่าครัวส่วนตัวหมิงหยุนกับโมหยูเดลิเวอรี่นั้นเดินคนละเส้นทาง ไม่จำเป็นต้องอิจฉากัน

เพราะยังไงครัวส่วนตัวหมิงหยุนกับโมหยูเดลิเวอรี่ก็ใช้ทรัพยากรห้องวิจัยอาหารเลิศรสร่วมกันได้

เขาเพิ่งจะเข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของบอสเผย ซึ่งก็คือให้กิจการอาหารและเครื่องดื่มทั้งสองกิจการร่วมมือกันโดยไม่แบ่งแยก!

หลินชั่นหรงได้แต่ถอนหายใจ ความคิดก่อนหน้านี้ของเขาตื้นเขินเกินไป!

ไม่แปลกเลยว่าทำไมบอสเผยถึงไม่พอใจทุกครั้งที่เขาพูดเรื่องเปิดสาขาใหม่

ชัดเจนมากว่าบอสเผยบอกใบ้พวกเขามาตั้งนานแล้วว่า โมหยูเดลิเวอรี่เป็นทางเลือกที่ถูกกว่าของครัวส่วนตัวหมิงหยุน ในเมื่อมีทรัพยากรในมืออยู่แล้ว ทำไมไม่ใช้ให้เกิดประโยชน์ล่ะ

“สร้าง…ภัตตาคารไร้ชื่อเวอร์ชันที่ถูกกว่า?”

รุ่ยยู่เฉินดูงุนงง ชัดเจนว่าเขาไม่เคยคิดในแง่มุมนี้มาก่อน

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง รุ่ยยู่เฉินก็ขมวดคิ้ว “พี่หลิน วิธีนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้

“จุดยืนของครัวส่วนตัวหมิงหยุนกับโมหยูเดลิเวอรี่แตกต่างกันเกินไป ถ้าต้องฝืนร่วมมือกันจะไปรอดจริงๆ เหรอ

“ไม่แน่ สุดท้ายโมหยูเดลิเวอรี่อาจจะเจ๊งแล้วฉุดชื่อเสียงของครัวส่วนตัวหมิงหยุนลง กลายเป็นขาดทุนกันทั้งคู่

“เพราะยังไงหลายคนก็ติดภาพว่าเดลิเวอรี่มักจะขายอาหารขยะ”

เรื่องที่รุ่ยยู่เฉินกังวลนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่สมเหตุสมผล

แบรนด์นั้นเป็นเรื่องของภาพลักษณ์ ส่วนใหญ่มักขึ้นอยู่กับว่าคนส่วนใหญ่จะมองแบรนด์ยังไง แบรนด์ไฮเอนด์อาจเจ๊งได้ในพริบตาถ้าทำอะไรผิดพลาด

ตัวอย่างเช่น ถ้าแบรนด์หรูระดับสากลชั้นแนวหน้าใช้ดาราไร้ชื่อมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ภาพลักษณ์ของแบรนด์ก็จะพังทันที

ชื่อเสียงของภัตตาคารไร้ชื่อไม่ได้สร้างขึ้นในวันเดียว

ถึงปัจจุบันธุรกิจเดลิเวอรี่จะพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่คนส่วนใหญ่ก็มักติดภาพว่าอาหารเดลิเวอรี่เป็นอาหาร ‘ถูก’ ‘ไม่พิถีพิถัน’ และ ‘ไม่ดีต่อสุขภาพ’

โมหยูเดลิเวอรี่มีจุดยืนที่สูงกว่าเดลิเวอรี่ แต่คนที่ไม่รู้จักก็จะคิดว่าโมหยูเดลิเวอรี่เป็นเหมือนธุรกิจเดลิเวอรี่อื่นๆ

ถ้าใช้ชื่อเสียงภัตตาคารไร้ชื่อหนุนโมหยูเดลิเวอรี่แต่ดันไม่รุ่ง ชื่อเสียงภัตตาคารไร้ชื่อก็จะเสียหายไปด้วย

หลินชั่นหรงพยักหน้า “พี่รู้ว่ามันเสี่ยง

“แต่เราจัดการได้

“วิธีการมีอยู่สามขั้น

“ขั้นแรก เราต้องบอกลูกค้าตามตรงว่าลูกค้าจะไม่ได้ลิ้มรสอาหารระดับเดียวกันกับภัตตาคารไร้ชื่อเมื่อสั่งอาหารจากโมหยูเดลิเวอรี่ เราแค่ยืนยันว่าเป็นอาหารเวอร์ชันถูกลงมาของภัตตาคารไร้ชื่อ แต่ก็ไม่ทำให้ลูกค้าตั้งความหวังมากเกินไป

“ขั้นที่สอง เราต้องจำกัดเมนูอาหาร

“ไม่ใช่ทุกเมนูของครัวส่วนตัวหมิงหยุนจะเหมาะกับโมหยูเดลิเวอรี่ บางเมนูอร่อยเพราะวัตถุดิบดี ซึ่งก็ไม่ได้แก้ได้ง่ายๆ ด้วยการเปลี่ยนวัตถุดิบ บางเมนูต้องผ่านกระบวนการสุดซับซ้อน ใช้เวลาเตรียมการหลายชั่วโมง ซึ่งเป็นเรื่องยากมากสำหรับเชฟทั่วไป

“เราต้องทดลองดูว่าเมนูไหนของครัวส่วนตัวหมิงหยุนสามารถปรับเป็นเดลิเวอรี่โดยที่ยังรักษารสชาติไว้ได้ แม้วัตถุดิบและความสามารถของเชฟจะจำกัด จุดนี้ต้องระวังมากๆ

“ขั้นสุดท้าย เราต้องเริ่มใหม่จากศูนย์เพื่อให้ผู้คนเริ่มทำความรู้จักแบรนด์นี้ตั้งแต่แรก เพื่อให้หลุดจากแนวทางดั้งเดิมของโมหยูเดลิเวอรี่

“หลายคนเข้าใจผิดว่าโมหยูเดลิเวอรี่ก็เหมือนแบรนด์เดลิเวอรี่ทั่วไป แค่แพงกว่าและเฮลตี้กว่าหน่อย แนวคิดนี้ปรับได้ยากมาก เราดื้อดึงจะเปลี่ยนให้ได้ไม่ได้

“เราจะสร้างแบรนด์ไฮเอนด์ขึ้นมาจากโมหยูเดลิเวอรี่ ตอนช่วงต้นของการโปรโมต เราจะวางภาพลักษณ์ให้แตกต่างจากภาพลักษณ์ดั้งเดิมของแบรนด์เดลิเวอรี่เพื่อสร้างความแตกต่างในทุกๆ ด้าน”

รุ่ยยู่เฉินพยักหน้าตามเป็นพักๆ

ดูเหมือนว่าหลินชั่นหรงจะคิดเรื่องความเสี่ยงในด้านนี้และเตรียมแผนจัดการไว้เรียบร้อยแล้ว

“สองขั้นแรกชัดเจนดีครับ ส่วนขั้นที่สาม… เราจะสร้างแบรนด์ไฮเอนด์ขึ้นมายังไงเหรอครับ” รุ่ยยู่เฉินถาม

หลินชั่นหรงจัดระเบียบความคิดของตัวเอง “หลักการง่ายๆ ก็เหมือนรถที่สร้างแบรนด์หรูขึ้นมาจากแบรนด์ที่เจาะตลาดขนาดใหญ่

“รถหรูทำเงินไม่ค่อยได้เท่าไหร่ มีไว้เพื่อเพิ่มยอดขายล้วนๆ

“โมหยูเดลิเวอรี่เป็นแบรนด์มีชื่อที่เข้าถึงคนส่วนใหญ่ได้มากกว่า แต่ไม่ไฮเอนด์พอ พี่คิดไว้ว่าจะใช้ชื่อ ‘สือเหอ’”

รุ่ยยู่เฉิน “สือเหอ? ชื่อกล่องข้าวที่ใช้ส่งกันในยุคอดีตน่ะเหรอครับ”

หลินชั่นหรงส่ายหน้า “ก็คำนั้นแหละ แต่ตัวเหอข้างหลังจะใช้ตัวที่แปลว่าปรองดอง

“เอาเข้าจริง วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างแบรนด์เดลิเวอรี่ไฮเอนด์ในจีนคือสร้างความเชื่อมโยงกับองค์ประกอบของประเพณีดั้งเดิม

“เอาเข้าจริงเดลิเวอรี่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว อย่างการเอาอาหารไปฝากเวลาไปเยี่ยมเพื่อน ไปร่วมกิจกรรมสโมสรกลอนหรือวรรณกรรม

“พูดอีกอย่างคือ สือเหอหรือกล่องข้าวมีประวัติมานานและมีนัยทางวัฒนธรรมและประเพณีมากมาย กล่องข้าวหลายๆ กล่องถูกยกให้เป็นงานศิลปะระดับสูง ซึ่งก็ตรงกับคอนเซปต์ไฮเอนด์

“ที่คิดชื่อสือเหอขึ้นมา ส่วนหนึ่งก็เพราะจะชวนให้ทุกคนนึกถึงกล่องข้าวดั้งเดิมของเรา อีกส่วนหนึ่งก็เพราะเมื่อแยกคำออกมาจะมีคุณค่าทางวัฒนธรรมเพิ่มขึ้น

“‘สือ’ หรืออาหารมาจากสำนวน ‘ประชาชนเปรียบอาหารเป็นสิ่งสำคัญเทียมฟ้า’ ส่วน ‘เหอ’ มาจากสำนวน ‘สุภาพชนปรองดองแต่ไม่คล้อยตาม’ ความหมายตามอักษรภาพของตัวเหอมาจากการกิน นอกจากนั้น กล่องข้าวสมัยก่อนยังทำจากไม้กับไม้ไผ่ เป็นสิ่งที่หยิบยืมมาจากธรรมชาติและส่งต่อกันมารุ่นต่อรุ่น สื่อให้เห็นแนวคิดเรื่องความปรองดองระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ

“ซึ่งก็บังเอิญตรงกับแนวคิดของโมหยูเดลิเวอรี่พอดี

“เอกลักษณ์ของโมหยูเดลิเวอรี่คือขายอาหารที่ดีต่อสุขภาพ บรรจุภัณฑ์ทุกอย่างนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งก็แฝงแนวคิดความปรองดองอยู่ ถ้าเราต่อยอดและยกระดับแนวคิดนี้ มันก็คือความหมายของชื่อสือเหอเลยไม่ใช่เหรอ”

รุ่ยยู่เฉินพยักหน้า “จริงด้วย งั้นเราก็ต้องใส่ใจเรื่องแพ็กเกจจิ้งเป็นพิเศษใช่มั้ยครับ อย่างน้อยอาหารก็ควรถูกจัดส่งในกล่องอาหารที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อให้แตกต่างจากแบรนด์เดลิเวอรี่อื่นๆ”

หลินชั่นหรงพยักหน้า “น้องจัดการเรื่องนี้ได้เลย พี่จะกลับไปคิดเรื่องเมนูสำหรับแบรนด์สือเหออย่างจริงจัง เรื่องนี้เราจะรีบร้อนไม่ได้ ต้องคุยกันไปยาวๆ”

ทั้งสองเจอกันแค่แป๊บเดียวก็สรุปรายละเอียดออกมาได้มากมาย

วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน

เสี่ยวเผิงถอนหายใจยาว

“เสร็จแล้ว! ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู 3.0 กับเคสใหม่ของแบรนด์ ROF ทุกอย่างออกมาตรงตามที่บอสเผยสั่งไว้หมดเลย!”

สาขาแรกของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู 3.0 ยังคงเปิดที่จิงโจวในห้างแห่งหนึ่งใกล้มหาวิทยาลัยฮั่นตง

เสี่ยวเผิงตัดสินใจเลือกทำเลตรงนี้หลังจากพิจารณาสิ่งที่บอสเผยต้องการ

บอสเผยบอกว่าร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู 3.0 ควรเปิดแค่ในจิงโจวและเมืองที่มีกำลังซื้อน้อยกว่าจิงโจว ขณะเดียวกันก็ต้องจัดให้มีโต๊ะน้อยลง พื้นที่กว้างขึ้น ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น และเปิดในทำเลที่ดีขึ้น

พูดง่ายๆ คือ เปิดในห้างใหญ่ๆ ในเมืองระดับสองหรือระดับสาม

เสี่ยวเผิงคิดดูสักพักก็ตัดสินใจเลือกห้างใกล้มหาวิทยาลัยฮั่นตง ถึงจะทับกับร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู 1.0 สาขามหาวิทยาลัยฮั่นตง แต่โมเดล 3.0 นั้นเหมาะกับวัยรุ่นและกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู 3.0 มีโต๊ะไม่มาก เพราะฉะนั้นทำเลนี้จึงไม่มีปัญหาอะไร

แถมยังใกล้สำนักงานใหญ่ของเถิงต๋า เสี่ยวเผิงมักจะมาจัดการอะไรต่างๆ ที่สองสาขานี้ ซึ่งมีโอกาสเจอบอสเผยสูงกว่า ถือเป็นจุดที่สำคัญมาก nᴏᴠᴇʟɢu.cᴏm

เสี่ยวเผิงพอใจกับร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู 3.0 ที่เสร็จสมบูรณ์แล้วมาก

“ต้องหาคนมาทดลองใช้จะได้ถามความคิดเห็น

“เอาใครดี…

“บอสเผยดีมั้ย

“ไม่ได้ เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ไม่ควรไปรบกวน แถมบอสก็ยุ่งมากไม่น่าจะมีเวลา ให้บอสจางช่วยแวะมาดูดีกว่า”

เสี่ยวเผิงคิดว่าจางหยวนเหมาะที่สุด เพราะจางหยวนเป็นผู้จัดการร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูคนก่อน ตอนนี้ก็ยังสนใจเรื่องร้านอินเทอร์เน็ตอยู่และค่อนข้างเชี่ยวชาญเรื่องนี้ น่าจะช่วยประเมินและให้คำแนะนำที่เอาไปปรับใช้ได้

ตอนนี้อีกฝ่ายรับผิดชอบดูแลสโมสรอีสปอร์ต DGE ซึ่งก็ไม่น่าจะยุ่งเท่าไหร่ น่าจะพอหาเวลาแวะมาได้

เสี่ยวเผิงโทรหาจางหยวน และก็เป็นไปตามที่คาดไว้ จางหยวนตอบตกลงทันที และจะออกจากหมิงหยุนวิลล่าเพื่อไปหาในไม่ช้า

เสี่ยวเผิงนั่งลงและตัดสินใจเล่น GOG รอสักตา

จางหยวนมาถึงที่ชั้นสี่ของห้างตามตำแหน่งที่เสี่ยวเผิงส่งให้ แล้วก็เห็นร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูที่เพิ่งรีโนเวตเสร็จ

ป้ายร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูเด่นสะดุดตามาแต่ไกล

ใต้คำว่า ‘ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู’ มีคำว่า ‘ร้านเพื่ออีสปอร์ตโดยเฉพาะ’!

รอบนี้นอกจากจะรีโนเวตด้านในใหม่แล้ว ด้านนอกก็ปรับเปลี่ยนใหม่ด้วย โดยทำเป็นสไตล์เกมมิ่งเท่ๆ แบบที่ชาวเกมเมอร์ชอบ สีดำเข้มและเส้นหลากสีขับเน้นความเป็นวัยรุ่น ผนังด้านนอกถูกเปลี่ยนให้เป็นจอภาพขนาดใหญ่

ด้านในตกแต่งในตีมอีสปอร์ต กระจกสี พื้นกระจก LED วัสดุแบบสเตนเลสมันวาว หลักการสะท้อนแสง การหักเหของแสง และการสะท้อนแสงแบบกระจายถูกนำมาใช้เพื่อให้ได้บรรยากาศโลกอนาคตและเทคโนโลยี

แต่ละโต๊ะเว้นห่างกันกว่าร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู 2.0 แต่มีการแบ่งที่ชัดเจนกว่า

สิ่งที่จะเห็นเป็นอันดับแรกหลังเดินเข้าร้านคือห้องเก็บเสียงแบ่งเป็นมุมแดงกับมุมน้ำเงิน โต๊ะในห้องนี้จะสูงกว่าหน่อย น่าจะเป็นโซนพิเศษไว้ใช้สำหรับจัดแข่ง ด้านบนมีจอโปรเจ็กเตอร์แบบพับเก็บได้

ด้านหน้าห้องเก็บเสียงทั้งสองห้องเป็นโซนประชันฝีมือที่ค่อนข้างกระจัดกระจาย แต่ละจุดมีโต๊ะคอมพิวเตอร์ทรงห้าเหลี่ยมที่นั่งได้ห้าคนพอดี

โต๊ะถูกจัดวางกระจายๆ ไม่ได้ติดกันหรือห่างกันเกินไป

เมื่อเทียบกับการวางโต๊ะเรียงเป็นแถวแล้ว การจัดโต๊ะแบบนี้ดูคล้ายโต๊ะจีนในงานเลี้ยงต่างๆ

ขอบโต๊ะเป็นมุมชนกันเพื่อให้ทุกคนหันไปมองจอใหญ่ได้ตามต้องการ การจัดวางแบบนี้จะทำให้มั่นใจว่ามีพื้นที่เพียงพอสำหรับขยับเมาส์ด้านขวา พื้นที่ด้านหลังจอสามารถใช้วางขนมและเครื่องดื่มได้

ลึกเข้าไปในร้านเป็นคอกแยกแถวละห้าที่นั่งซึ่งยกระดับไม่เท่ากัน ทำให้ดูเหมือนเป็นขั้นบันได

แถวห้าที่นั่งบนสุดดูหรูหราและจัดเรียงเป็นรูปตัว V กลับหัว ที่นั่งตรงยอดตัว V ให้ควรรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนบัลลังก์มองลงมายังผู้คน

จางหยวนอึ้งไป

เขารู้ว่าเสี่ยวเผิงกำลังเตรียมเปิดร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู 3.0 แต่ก็ไม่เคยเห็นผังการออกแบบและขั้นตอนการรีโนเวต

วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้มาที่นี่และรู้สึกเพียงอย่างเดียวว่า ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู 3.0 นั้นดีกว่าร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู 2.0 มาก!

เสี่ยวเผิงรีบลุกออกมาจากคอกที่กำลังนั่งเล่นเกมอยู่เมื่อเห็นจางหยวนเดินเข้ามา

“บอสจางคิดว่ายังไงครับ” เสี่ยวเผิงถาม เขาดูค่อนข้างภูมิใจ

จางหยวนถามอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง “บอสเผยเป็นคนวางแผนให้เหรอ”

เสี่ยวเผิงส่ายหน้า “เปล่าครับ บอสเผยไม่ได้สั่งอะไรเท่าไหร่ ให้แค่แนวทางคร่าวๆ แผนทั้งหมดนี้ผมคิดเอง

“แต่ที่คิดแผนนี้ออกมาได้ก็เพราะลองเดาสิ่งที่บอสเผยคิดว่าจะทำต่อไปน่ะครับ!”

จางหยวนผงะไป “เดาสิ่งที่บอสเผยจะทำต่อไปเหรอ คืออะไรล่ะ”

เสี่ยวเผิง “ผมลองเชื่อมโยงความสัมพันธ์เชิงแข่งขันระหว่างสโมสรอีสปอร์ต DGE เกม GOG และเกม IOI ด้วยทิศทางที่บอสเผยวางให้กับร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู 3.0 เลยเดาได้ว่าเป้าหมายต่อไปของบอสคืออีสปอร์ตแน่นอน!

“เพราะงั้นผมเลยตัดสินใจทำร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู 3.0 ออกมาเป็นร้านเพื่ออีสปอร์ตโดยเฉพาะ!”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

Losing Money to Be a Tycoon, 亏成首富从游戏开始, Kui Cheng Shoufu Cong Youxi Kaishi(donghua), Losing Money to Become the Richest Person Starts From the Game, システムで出世してしまった
Score 9.4
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , ต้นฉบับ: 1673 Chapters (จบแล้ว)
เผยเชียนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน โดยมีระบบสั่งให้เขาตั้งบริษัทอะไรก็ได้เพื่อหาเงินทำกำไรโดยจะมีการประเมินกำไรขาดทุนเป็นรอบๆ แต่เผยเชียนเป็นคนหัวหมอ เขาดูแล้วว่าถ้าเขาทำธุรกิจได้กำไร เขาจะได้ส่วนแบ่งเข้ากระเป๋าตัวเองแค่ 1:100 แต่ถ้าเขาขาดทุน เขาจะได้ส่วนแบ่ง 1:1 เขาจึงคิดจะตั้งบริษัทเกม และหาทางทำให้บริษัทขาดทุน.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset