คำถามชวนสงสัยนั้นทำเอากั่วลี่เฉิงถึงกับสะดุดไปครู่หนึ่ง เผยเชียนเอ่ยต่อ “ตอนนี้ฐานเงินเดือนพี่ชายอยู่ที่เท่าไหร่”
กั่วลี่เฉิงตอบตามความจริง “1,500 หยวนครับ”
เผยเชียนถามต่อ “แล้วพี่ชายได้ค่าคอมมิชชันเท่าไหร่”
กั่วลี่เฉิงตอบ “ขึ้นอยู่กับเทรนเนอร์แต่ละคนด้วยครับ โดยเฉลี่ยแล้วเราจะได้ค่าคอมมิชชันอยู่ที่ 30% และได้ค่าเทรนนิ่งส่วนตัวครั้งละสองร้อยหยวน”
ค่าเทรนนิ่งส่วนตัวราคาเท่ากับที่เผยเชียนจำได้ เป็นราคาเดียวกับที่เขาจ่ายให้พนักงานในบริษัทเป็นค่าเทรนเนอร์ส่วนตัว
แน่นอนว่าสิบปีให้หลัง ราคานี้จะถือว่าถูกมากๆ ไม่ต่างอะไรกับซื้อผักซื้อปลาเลยทีเดียว
เผยเชียนคำนวณเร็วๆ ในหัว “ถ้าพี่ชายสอนวันละสามครั้งโดยประมาณโดยที่ไม่หยุดพักเลยตลอดหนึ่งเดือน พี่ชายก็จะได้เงิน 5,400 หยวนเป็นค่าคอมมิชชัน บวกกับฐานเงินเดือนประจำแล้วก็จะเป็น 6,900 หยวน”
ในตอนนี้รายได้เท่านี้นับว่าไม่น้อยเลยสำหรับการใช้ชีวิตอยู่ในเมืองจิงโจว
กั่วลี่เฉิงลังเลใจ “จริงๆ แล้วผมทำเงินไม่ได้เยอะขนาดนั้นหรอกครับ ลูกค้าหลายคนที่ผมสอนอยู่มักถูกส่งต่อมาจากเทรนเนอร์คนอื่นอีกที แปลว่าผมต้องหารค่าคอมมิชชันกับเทรนเนอร์พวกนั้น เดือนนึงผมได้รวมๆ กันแล้วห้าพันไม่ถึงหกพันหยวนครับ”
เผยเชียนพยักหน้า ชายคนนี้นิสัยสมชื่อจริงๆ เขาพร้อมให้ความร่วมมือและตอบทุกคำถามอย่างตรงไปตรงมา
สำหรับเทรนเนอร์ส่วนตัวแล้ว การขายคอร์สเทรนนิ่งส่วนตัวเปรียบเสมือนการแข่งขัน ยิ่งขายได้มากก็ยิ่งได้ค่าคอมมิชชันมาก เทรนเนอร์ส่วนตัวตามเมืองใหญ่ๆ ทั้งหลายทำเงินได้ถึงเดือนละสามสี่หมื่นหยวนจากการขายคอร์สเพียงอย่างเดียว แต่แน่นอนว่าอัจฉริยะด้านการตลาดเหล่านั้นย่อมมีน้อยเป็นธรรมดา
โดยปกติแล้วเทรนเนอร์ส่วนตัวอย่างกั่วลี่เฉิงมักพูดไม่ค่อยเก่ง เงียบๆ ตรงไปตรงมา และให้ความร่วมมือเต็มที่ ซึ่งมักหลอกผู้เรียนเพื่อขายคอร์สเทรนนิ่งต่อไปเรื่อยๆ ได้ไม่เก่งนัก
ในขณะที่เทรนเนอร์ซึ่งขายเก่งๆ ก็อาจหลอกคนให้มาซื้อคอร์สได้มากเกินกว่าที่ตัวเองจะรับมือได้คนเดียว พวกเขาจึงมักส่งต่อลูกค้ามาให้เทรนเนอร์ที่มีเวลาว่างมากกว่าอย่างกั่วลี่เฉิงเป็นต้น
แต่พวกเขาย่อมไม่ส่งต่อลูกค้าให้กันเปล่าๆ อยู่แล้ว ยกเว้นว่าจะสนิทกันมากจริงๆ
เผยเชียนพยักหน้า “ผมจะให้เงินเดือนประจำพี่ชายที่แปดพันหยวนต่อเดือน ไม่มีค่าคอมมิชชัน แต่จะมีค่าอาหาร ค่าที่พัก และสวัสดิการอื่นๆ อย่างการตรวจสุขภาพประจำปีให้”
กั่วลี่เฉิงถึงกับตะลึงตาค้าง “เอ่อ บอสเผยครับ…เรื่องเงินเดือนไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมหรอกครับ ที่ผมอยากลาออกจากวงการนี้ก็เพราะว่า…”
“ผมให้หนึ่งหมื่นหยวนเลย เพิ่มสวัสดิการให้ด้วย แต่ยังไม่มีค่าคอมมิชชันเหมือนเดิม”
กั่วลี่เฉิง “…”
เขาตื้นตันใจมาก
เงินเดือนประจำหนึ่งหมื่นหยวน…ต่อให้เขาลาออกจากวงการเทรนเนอร์ไป ก็คงไม่มีปัญญาทำงานที่ได้เงินเดือนเยอะขนาดนี้แน่ๆ
เอาเข้าจริงแล้ว กั่วลี่เฉิงรักการเป็นเทรนเนอร์มากๆ ที่เขาอยากออกจากวงการนี้เพราะรู้สึกผิดหวังกับสถานการณ์ปัจจุบันของมัน
เงินเดือนหนึ่งหมื่นหยวนถือว่าสูงจนเหลือเชื่อ แต่คำว่า ‘ไม่มีค่าคอมมิชชัน’ กลับฟังดูน่าตกใจมากกว่า
ความจริงใจของบอสเผยทำให้เขาประทับใจจริงๆ
แต่กั่วลี่เฉิงเองก็รู้สึกเห็นใจบอสเผยขึ้นมาตงิดๆ
เขาไม่อยากให้ชายผู้จริงใจคนนี้ต้องพ่ายแพ้ให้กับอุตสาหกรรมนี้ แล้วสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างหลังจากเข้ามารับช่วงต่อ
กั่วลี่เฉิงลังเลเล็กน้อยก่อนถามขึ้น “บอสเผยครับ คุณยังไม่เข้าใจกิจการฟิตเนสดีนักใช่ไหมครับ”
เผยเชียนตอบตามตรง “ก็ใช่”
ดูเหมือนกั่วลี่เฉิงจะรู้คำตอบอยู่แล้ว “เอาตามตรงเลยนะครับ คุณมองทุกอย่าง
ง่ายเกินไปหน่อย
“ข้อเสนอของคุณเย้ายวนใจผมมาก ยิ่งไม่มีค่าคอมมิชชันให้ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ แต่เรื่องนี้น่ะขัดกับธรรมชาติของธุรกิจนี้อย่างสิ้นเชิง!
“เทรนเนอร์ทุกคนต่างแย่งกันขายบัตรสมาชิกและคอร์สเทรนนิ่งส่วนตัวเพราะหวังจะได้ค่าคอมมิชชัน ส่วนฟิตเนสก็ได้รายได้และกำไรจากส่วนนี้ ถ้าคุณไม่มีค่าคอมมิชชันให้เทรนเนอร์ พวกเขาก็จะไม่กระตือรือร้นที่จะทำการขาย แล้วทีนี้ใครจะจ่ายเงินให้ฟิตเนสล่ะครับ”
เผยเชียนยิ้ม “ก็ไม่ต้องมีสิ ฟิตเนสของเราจะตัดการมีเทรนนิ่งส่วนตัวออกไป”
กั่วลี่เฉิงถึงกับงง “ฮะ”
พอเผยเชียนเห็นสีหน้างุนงงของกั่วลี่เฉิงก็ชักสนใจ จึงอธิบายแผนการฟิตเนสฝากประจำของตนเองให้อีกฝ่ายฟังคร่าวๆ
สีหน้าของกั่วลี่เฉิงเปลี่ยนจากงุนงงเป็นตกตะลึง กังขา ฉงน จนไปถึงเวทนา
เมื่อเผยเชียนสาธยายจบ กั่วลี่เฉิงก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ “บอสเผยครับ ตอนนี้ผมเชื่อแล้วว่าคุณไม่เข้าใจธุรกิจฟิตเนสเลยจริงๆ! พูดก็พูดเถอะ ฟิตเนสที่มีจรรยาบรรณเต็มเปี่ยมมักอยู่ในวงการนี้ไม่ค่อยยืดหรอก“ถ้าคุณอยากเปิดฟิตเนสแบบนี้ขึ้นมาจริงๆ คุณไม่มีทางทำสำเร็จซักเป้าหมายแน่ๆ
“นอกจากจะไม่ช่วยให้คุณมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา กำไรก็ยังจะไม่ได้ด้วยนะครับ”
ว้าว
เผยเชียนถึงกับภูมิใจ ดูเหมือนแผนการที่เขาคิดไว้จะได้รับการยืนยันจากวงในผู้มีประสบการณ์โชกโชนในแวดวงนี้เข้าแล้ว!
นับเป็นสัญญาณที่ดีทีเดียว
แต่เขาก็จำเป็นต้องเก็บความลิงโลดเอาไว้ลึกๆ ในใจตอนที่เอ่ยถามต่อ “หมายความว่ายังไงเหรอ”
กั่วลี่เฉิงกระแอมกระไอก่อนเหลือบมองไปทางเลขาซินและผู้จัดการเว่ยที่กำลังเจรจาสัญญากันอยู่ เขาค่อยๆ กระซิบ “ผมจะบอกความจริงให้นะครับบอสเผย ตอนนี้ธุรกิจฟิตเนสก็ไม่ต่างอะไรจากธุรกิจขายตรง
“ลูกค้าที่สมัครสมาชิกเข้าใช้งานก็เดิมพันว่าตัวเองจะมาฟิตเนสทุกวันจนคุ้ม ส่วนฟิตเนสก็เดิมพันว่าลูกค้าจะเข้ามาใช้งานให้น้อยที่สุด
“แล้วส่วนใหญ่ฟิตเนสก็เป็นฝ่ายชนะ
“ถึงอย่างนั้นฟิตเนสท้องถิ่นก็ยังเจ๊ง พากันปิดตัวลงเป็นแถบๆ บางคนสมัครสมาชิกแล้วแต่ไม่เข้ามาใช้บริการเลยหลายเดือนก็มี พอพวกเขาตัดสินใจจะไปเล่น ก็เพิ่งรู้ว่าฟิตเนสที่ตัวเองสมัครไว้ปิดกิจการไปแล้ว เรื่องแบบนี้ถือว่าธรรมดาสุดๆ
“ผมถึงบอกคุณไงครับว่าวงการนี้เงินสกปรกจะขับไล่แต่สิ่งดีๆ ออกไป มัน…ก็อีหรอบเดียวกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่กระหายให้คนเข้ามาสมัครสมาชิกเพื่ออะไรบางอย่างก่อนจะเชิดเงินหนีไปนั่นแหละ
“คุณจะทำกำไรได้ก็ต่อเมื่อใจดำพอ น้อยคนมากที่จะประกอบธุรกิจนี้ด้วยจรรยาบรรณหรือวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล แล้วยังรอดได้อยู่”
กั่วลี่เฉิงยิ่งพูดยิ่งหงุดหงิด ขณะที่เผยเชียนฝันหวานไปถึงไหนต่อไหน
ถ้าสิ่งที่พี่ชายคนนี้พูดเป็นความจริง สถานการณ์ของเขาต้องดีกว่าที่คิดไว้แน่นอน!
เผยเชียนแอบฉลองอยู่ในใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“ช่วยเล่ารายละเอียดให้ฟังอีกหน่อยสิครับ” เผยเชียนพูด สีหน้ายังนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง
ดูเหมือนว่ากั่วลี่เฉิงเองก็อยากแฉวงการนี้จนแทบทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “บอสเผยครับ พูดตรงๆ ราคาค่าใช้งานฟิตเนสห้าสิบหยวนต่อวันไม่ได้ทำให้ฝ่ายไหนได้ประโยชน์เลยนะครับ
“ลูกค้าส่วนใหญ่เข้ามาใช้งานฟิตเนสแค่สี่ครั้งต่อสัปดาห์ แปลว่าพวกเขาต้องจ่ายค่าบริการสูงถึงปีละหนึ่งหมื่นหยวน ซึ่งแพงกว่าค่าสมัครสมาชิกฟิตเนสทั่วไปถึงห้าเท่าเลยนะครับ! ทุกคนต้องคิดว่าฟิตเนสของคุณราคาแพงเกินควรแน่ๆ пᴏᴠᴇʟɢu.ᴄoᴍ
“เอาเข้าจริงฟิตเนสทุกที่ตั้งราคาค่าสมาชิกไว้ที่สองพันหยวนก็จริง แต่พวกเขาก็หวังให้ลูกค้าเสียค่าสมัครสมาชิกไปเปล่าๆ และซื้อคอร์สเทรนนิ่งส่วนตัวเพื่อหากำไรเพิ่ม
“พูดง่ายๆ คือ ถ้าตั้งราคาไว้ชัดเจนจะทำให้ลูกค้าคิดว่าฟิตเนสที่นี่แพงกว่าที่อื่น แล้วคุณก็อาจไม่ได้กำไร สำหรับผมแล้ว คุณมีความปรารถนาดี โดยเฉพาะกับพวกมือสมัครเล่นที่ไม่มีแรงจูงใจให้ออกกำลังกาย แต่มือสมัครเล่นพวกนั้นอาจไม่ได้มองว่าคุณมีพระคุณอะไรเลยด้วยซ้ำ
“เพราะพวกเขาหวังจะสมัครสมาชิกแล้วเข้าใช้งานฟิตเนสทุกวัน ดังนั้นพวกเขาย่อมรู้สึกว่าราคาค่าสมาชิกของคุณไม่คุ้มที่จะจ่ายซักนิด
“นั่นแหละผมถึงได้บอกไงครับว่าเงินสกปรกจะขับไล่แต่สิ่งดีๆ ออกไปจากวงการนี้ เพราะวงการนี้มีลูกค้ามือสมัครเล่นเยอะเกินไป จึงไม่ง่ายเลยที่จะทำกำไรจากพวกเขาอย่างจริงใจ ดีไม่ดียิ่งใช้เล่ห์กลมากเท่าไหร่กลับยิ่งทำกำไรมากขึ้นเด้วยซ้ำ
“อย่างค่าสมัครสมาชิกฟิตเนสที่ปกติคิดรายปีปีละสองพันหยวน แต่ถ้าสมัครไปเลยสองปีจะอยู่ที่สามพันหยวน เห็นชัดๆ เลยว่าสมัครรายสองปีคุ้มกว่ามาก เพราะฟิตเนสเดิมพันว่ายังไงซะลูกค้าก็ไม่เข้ามาใช้งานบ่อยขนาดนั้นอยู่แล้ว เลยตั้งราคาให้ยิ่งสมัครแพ็กเกจที่กินเวลามากเท่าไหร่ราคาก็ยิ่งถูกลงเท่านั้น ฟิตเนสไหนๆ ก็เห็นแก่สถานการณ์ตรงหน้าเป็นหลักทั้งนั้น! เรื่องของอนาคตก็ให้เป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้ทำยังไงก็ได้ให้ได้เงินสามพันหยวนมาไว้ในมือก่อน
“ถ้ามีเจ้าไหนเริ่มกลยุทธ์นี้ขึ้นมา เจ้าอื่นก็ต้องทำตามด้วย ไม่อย่างนั้นเจ้าที่ทำก่อนก็จะกินเรียบลูกค้าทั้งตลาด
“ฟิตเนสพวกนี้จะเน้นขายบัตรสมาชิกให้ได้มากที่สุดก่อน ซึ่งก็มีตั้งแต่แพ็กเกจหนึ่งปีถึงสามปี พอได้รับเงินล่วงหน้ามาแล้ว พวกเขาก็จะเริ่มแจกใบปลิวเชิญชวนให้ลูกค้าสนใจ จากนั้นก็ขายคอร์สเทรนนิ่งส่วนตัวให้ได้เยอะที่สุดเท่าที่จะเยอะได้ โดยไม่สนด้วยซ้ำว่าฟิตเนสของตัวเองรองรับลูกค้าไหวรึเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นฟิตเนสพวกนี้ก็ยังมีชื่อเสียงกว่าเจ้าอื่นอยู่วันยังค่ำ
“พวกนี้จะดึงดูดลูกค้าในละแวกทั้งหมดมาไว้ที่ตัวเอง ทำให้ฟิตเนสเจ้าอื่นไม่มีช่องทางทำเงินได้อีก
“ถ้าคุณจะเปิดกิจการฟิตเนสอย่างมีจรรยาบรรณ แล้วปฏิเสธเงินด่วนเงินเร็วพวกนี้ ไม่ช้าคุณก็จะถูกฟิตเนสแห่งอื่นที่มีแผนการขายดุเดือดกว่าผลักกระเด็นออกจากตลาด แล้วทีนี้จะวางแผนอะไรสำหรับอนาคตได้อีกล่ะครับ
“ฟิตเนสที่พร้อมอ้าแขนรับเงินด่วนเงินเร็วพวกนี้กำลังทำให้ตลาดเสียสมดุล และกอบโกยผลประโยชน์จากโอกาสในการเติบโตของตลาดในอนาคต พอพวกเขาเห็นว่าสถานการณ์เริ่มแย่ลงก็พากันเก็บข้าวของหนีไป แล้วทิ้งความวุ่นวายเอาไว้ให้คนอื่นข้างหลัง
“อีกปัจจัยที่สำคัญมากก็คือ การเทรนนิ่งเป็นยาขมของผู้เริ่มต้นใหม่เสมอ ลูกค้าในบ้านเรามีมุมมองต่อการออกกำลังกายและการเทรนนิ่งไม่ถูกต้องนัก กำแพงระหว่างพวกเรากับพวกเขาสูงเกินไป ประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับก็เลวร้ายมากๆ แถมยังมีลูกค้าที่เป็นมือสมัครเล่นเยอะเกินไปด้วย ฟิตเนสทั้งหลายก็เลยใช้โมเดลธุรกิจอย่างที่ใช้กันทุกวันนี้ไงล่ะครับ
“ถ้าคุณอยากทำเงินด้วยวิธีที่บริสุทธิ์ใจ ก็ขอให้คุณเตรียมตัวขาดทุนในสองสามปีแรกเอาไว้เลย แถมคุณยังจะต้องลงทุนกับทรัพยากรและกำลังคนเยอะกว่าที่คิดไว้ด้วยซ้ำ ไม่ใช่แค่คุณมีฟิตเนสที่ดีก็พอ แต่คุณต้องรักษาสมดุลของตลาด และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คนในสังคมให้ได้ด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากเกินไปมาก!
“สรุปคือถ้าคุณแค่อยากทำธุรกิจนี้เพื่อกอบโกยเงินด่วนแล้วชิ่งหนีไป ก็ถือซะว่าผมไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้คุณฟังก็แล้วกัน
“แต่ผมพอรู้มาว่าเถิงต๋าเป็นบริษัทที่ทำงานด้วยจรรยาบรรณ ผมเลยอยากให้คุณคิดให้ดีกว่านี้อีกสักนิด อย่าเพิ่งรีบกระโจนเข้ามาในวงการนี้เร็วเกินไป”
พอได้ยินที่กั่วลี่เฉิงพูด เผยเชียนก็ตกอยู่ในห้วงความคิดอย่างหนัก
!
ดูสิ ดูสิ! แผนการของฉันได้รับการรับรองจากมืออาชีพแล้ว!
ไม่ใช่แค่รับรองธรรมดานะ แต่รับรองอย่างสูงด้วย!
ถ้าฉันทำทุกอย่างตามที่เขาบอก ฉันก็จะขาดทุนได้ง่ายขึ้นด้วยถูกไหม
พอเห็นบอสเผยครุ่นคิดอย่างหนัก กั่วลี่เฉิงก็รีบเอ่ยขึ้นทันที “บอสเผย ผมว่าพวกเขายังทำสัญญากันไม่เรียบร้อย ถ้าจะถอนตัวตอนนี้ก็ยังไม่สายไปนะครับ”
เผยเชียนกลั้วหัวเราะ “ถอนตัวเหรอ ไม่ๆๆ ผมคิดเรื่องนี้มานานมากและคิดมาอย่างดีแล้ว
“พี่ชายบอกว่าเงินสกปรกจะขับไล่สิ่งดีๆ ออกไปจากวงการนี้ แล้วถ้าผมอยากทำธุรกิจนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ก็ให้ผมเตรียมตัวขาดทุนในช่วงสองสามปีแรกไว้ได้เลยใช่ไหม…ถ้าอย่างนั้นผมจะเปลี่ยนแปลงวงการนี้เอง!
“ต่อจากนี้พี่ชายจะต้องเป็นผู้จัดการฟิตเนสฝากประจำสาขามหาวิทยาลัยฮั่นตงแห่งนี้ พี่ชายมีภารกิจสามอย่างที่ต้องทำตลอดสองสามวันนี้
“อย่างแรก พี่ชายต้องไปจัดทีมเทรนเนอร์มา ค่าตัวพวกเขาจะอยู่ที่เจ็ดพันหยวนต่อเดือน พวกเขาจะได้สวัสดิการมากมาย แต่จะไม่มีค่าคอมมิชชันให้ เทรนเนอร์ทุกคนต้องปฏิบัติตามแนวทางของพี่ชาย มองหาคนที่เข้าสังคมไม่ค่อยได้ แล้วก็ปฏิเสธพวกที่พูดเก่งๆ ไปซะ
“เทรนเนอร์จะผลัดกันมีเวลาพักสองวันต่อสัปดาห์ แบ่งกันเป็นกะเช้ากับกะกลางคืนก็ได้ หาเทรนเนอร์มาให้พอที่จะรับรองลูกค้าที่เป็นนักศึกษาในวันธรรมดาด้วย
“พี่ชายคิดเองได้เลยว่าควรใช้เทรนเนอร์กี่คน จ้างให้เกินดีกว่าขาดทีหลัง ผมว่าซักยี่สิบนิดๆ น่าจะกำลังดี เผื่อมีใครล้มป่วยหรือขอลา เราจะได้หาคนมาแทนได้ทันท่วงที อย่าให้พวกเขาทำงานล่วงเวลาโดยไม่มีเหตุผลไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
“อย่างที่สอง พี่ชายต้องไปจ้างคนมารีโนเวตที่นี่ใหม่ แก้ประตูทางเข้า หาคนมาทาสีทับให้ไม่ดึงดูดสายตาเกินไป
“อย่างที่สาม พี่ชายต้องช่วยจัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ออกกำลังกายใหม่ทั้งหมด ขอให้ซื้อมาแต่ของที่มีคุณภาพดีที่สุด อย่ากลัวถ้าจะต้องจ่ายเงินเยอะเข้าใจไหมครับ”
กั่วลี่เฉิงถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก ที่เขาพูดไปทั้งหมดนั่นไม่มีประโยชน์เลยรึไงกัน
“แต่บอสเผยครับ…”
เผยเชียนตบบ่าเขาอย่างหนักแน่น “ไม่มีคำว่าแต่ ไปเตรียมตัวให้พร้อม”
อีกฝั่งหนึ่งของฟิตเนส เลขาซินเจรจากับผู้จัดการเว่ยเป็นที่เรียบร้อย
“บอสเผยคะ เราจัดการเซ็นสัญญาเรียบร้อย ฟิตเนสแห่งนี้มีขนาด 1,800 ตารางเมตร และเจ้าของคนก่อนก็ลงทุนไปสูงถึง 1.7 ล้านหยวน แจกแจงเป็นค่าใช้จ่ายหลักๆ ออกมาได้ดังนี้ค่ะ ห้าแสนหยวนสำหรับค่าเครื่องมือออกกำลังกายคุณภาพระดับกลางค่อนไปทางต่ำ บางเครื่องก็เป็นของมือสอง อีกห้าหมื่นถึงแปดหมื่นเป็นค่าอุปกรณ์อย่างอื่นนอกเหนือจากนั้น เช่น อุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้สำหรับคอร์สเทรนนิ่งส่วนตัว รวมถึงค่าคอมพิวเตอร์และโต๊ะทำงาน อีกเก้าแสนหยวนเป็นค่าตกแต่งภายใน แล้วก็มีค่าตัวเทรนเนอร์ ค่าโฆษณา และค่าอื่นๆ อีกนิดหน่อย
“ถ้าเราเลือกเก็บทุกอย่างไว้ เราต้องจ่ายค่าเซ็นสัญญาที่ห้าถึงหกแสนหยวน แต่ถ้าเราต้องการแค่พื้นที่ ไม่ต้องการเครื่องไม้เครื่องมืออะไร เราก็จ่ายแค่สามแสนหยวน
“ผู้จัดการเว่ยจะเป็นคนมาขนอุปกรณ์ทั้งหลายออกไปเอง แล้วเราค่อยซื้อเครื่องออกกำลังกายต่างๆ เข้ามาใหม่ จ้างเทรนเนอร์ทีมใหม่ แล้วก็จ่ายค่าเช่าที่เอง…
“เราตั้งใจจะซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกายที่คุณภาพดีที่สุด แล้วก็จ้างเทรนเนอร์ด้วยเงินเดือนที่สูงกว่าท้องตลาด หมายความว่าเราต้องมีเงินลงทุนตั้งต้น 1.5 ล้านหยวน ซึ่งรวมค่าอุปกรณ์ออกกำลังกาย ค่าเซ็นสัญญา และค่าใช้จ่ายจิปาถะทั้งหลายแล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายรายปี อย่างค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภค และค่าแรงคน รวมๆ กันจะอยู่ที่สามล้านหยวน…ตกเดือนละสองแสนห้าหมื่นหยวนโดยประมาณค่ะ”
เผยเชียนพยักหน้ารับเมื่อรู้ว่าไม่ได้ลงทุนเยอะเท่าที่คิดไว้ตอนแรก
เขาแค่ต้องลงทุนก้อนแรกที่ 1.5 ล้านหยวน และจ่ายค่าดำเนินการเดือนละสองแสนห้าหมื่นหยวน ต่อให้ฟิตเนสจะไม่มีลูกค้าเลย เขาก็ยังทำให้ตัวเลขติดลบมากไปกว่านั้นไม่ได้
แต่พอคิดดูอีกที นี่มันเพิ่งสาขาแรก
ถ้าเขาเปิดแบบนี้อีกซักสิบสาขา เขาก็จะเสียเงินปีละสิบล้านหยวนได้สบายๆ จริงไหม
ขอลองหยั่งเชิงที่สาขานี้ดูก่อนแล้วกัน ถ้าไม่มีลูกค้าสนใจฟิตเนสแบบนี้จริงๆ เขาค่อยเปิดสาขาอื่นเพิ่ม
ยังไงซะถ้าเขาขยายสาขาก็จะขาดทุนได้เยอะขึ้นแน่นอน!
