เห็นชัดว่าบอสเผยไม่อยากให้ทุกคนพูดคุยกันเรื่องรางวัลนี้จนเอิกเกริก อย่างน้อยก็ในที่ประชุมตอนนี้ ไม่อย่างนั้นบอสเผยคงไม่ตัดบทห้วนๆ แบบนี้แน่ แถมเขายังกำชับด้วยว่าให้ทุกคนแยกย้ายกลับบ้านให้เร็วที่สุด
อีกอย่างรางวัลนี้ก็ดูน่าสงสัยไม่น้อย
ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ ถึงมีรางวัลนี้ขึ้นมา!
ทุกคนได้แต่ขมวดคิ้ว พลางคิดว่าลึกๆ บอสเผยมีเจตนาอะไรกันแน่ ทั้งห้องประชุมพลันตกอยู่ในความเงียบกริบ
ทันใดนั้นหวงซื่อปั๋วก็เงยหน้าขึ้น
ตามมาด้วยหลินหวาน ลู่หมิงเหลียง จางหยวน และฉางโหย่ว…
พวกเขาต่างส่งสายตาให้กันอย่างมีนัย เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
แต่ก็ดูจะเสียมารยาทไปสักหน่อยถ้าจะหารือกันออกมาดังๆต่อหน้าบอสเผยตรงนี้
ชัดเจนว่าบอสเผยอยากให้พวกเขาคิดออกได้ด้วยตัวเอง ไม่ได้อยากให้หารือกันออกมาโต้งๆ
ว่าแล้วลู่หมิงเหลียงก็ยืนขึ้น คว้าถ้วยรางวัลแล้วเดินออกจากที่ประชุมทันที แต่ก่อนจะจากไป เขาก็ไม่วายหยิบมือถือขึ้นมาโบกให้ทุกคนที่เหลือในห้องประชุม
หวงซื่อปั๋วกับหลินหวานตามเขาออกไปติดๆ ทั้งคู่ต่างหยิบมือถือขึ้นมาโบกให้ทุกคนก่อนออกไปเช่นกัน
…
หัวหน้ากิจการทุกคนต่างแยกย้ายกลับออฟฟิศของตัวเอง
ระหว่างทาง ลู่หมิงเหลียงลากหัวหน้ากิจการคนอื่นๆ ของเถิงต๋ากรุ๊ปเข้ากรุ๊ปแชตที่มีชื่อว่า ‘วงในผู้บริหารระดับสูงเถิงต๋า’
แน่นอนว่าเขาไม่ได้ลากบอสเผยเข้ามาในกรุ๊ปนี้ด้วย
เพราะเอาเข้าจริง บอสเผยเป็น CEO ของเถิงต๋ากรุ๊ป แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่ ‘ผู้บริหารระดับสูง’
แต่เหตุผลหลักก็เพราะทุกครั้งที่บอสเผยมอบปริศนาไว้ให้ทุกคนไข ดูเหมือนเขาจะไม่อยากให้ใครแพร่งพรายคำตอบที่ถูกต้องเท่าไหร่ เขาอยากให้ทุกคนไขปริศนานั้น และค่อยๆ ทำความเข้าใจมันด้วยตัวเองตามลำพังมากกว่า
ทุกครั้งที่บอสเผยรู้ว่า ‘คำตอบที่ถูกต้อง’ เริ่มขยายเป็นวงกว้าง เขามีอันต้องหัวเสียเสมอ
แต่ก็นะ จะให้พวกเขาทนปิดปากเงียบกันยังไงไหว
ปริศนาของบอสเผยยากเกินไป ถ้าต่างคนต่างแยกย้ายกันหาคำตอบพวกเขาจะคิดออกไหม
กรุ๊ปนี้สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นพื้นที่หารือและสร้างแรงบันดาลใจ ไม่ได้ถือว่าโกงอะไร
ยังไงหัวหน้ากิจการทุกคนก็สนิทกันอยู่แล้ว พวกเขาเลยไม่พูดพร่ำทำเพลงตรงเข้าประเด็นทันที
ลู่หมิงเหลียง: “พวกคุณคิดว่าบอสเผยตั้งใจจะบอกอะไรเราด้วยรางวัลนี้กันแน่
“ผมหมายถึงข้อความสองบรรทัดแรกน่ะ”
[รูปภาพ]
แม้ว่าทุกคนจะเข้าใจจิตวิญญาณเถิงต๋าแตกต่างกันไปในแบบของตัวเอง แต่ทุกกิจการในเถิงต๋ากรุ๊ปก็เผชิญหน้าสถานการณ์ที่ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ซึ่งหมายความว่าแต่ละกิจการมีข้อมูลที่กิจการอื่นอาจเข้าไม่ถึงเหมือนกัน
คนที่เห็นภาพรวมทั้งหมดและเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างก็มีแต่บอสเผยคนเดียว
การที่ทุกคนรวมหัวกันเพื่อตีเจตนาที่แท้จริงเบื้องหลังการกระทำของบอสเผยจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ละกิจการต้องเอาข้อมูลที่ตัวเองมีมาประกอบกัน เพื่อให้ได้คำตอบที่ทำให้ทุกอย่างกระจ่าง
หวงซื่อปั๋ว: “พี่เป็นคนที่ได้รางวัลนี่ พี่พูดก่อนเลย”
จางหยวน: “ใช่ๆ พี่เริ่มก่อนเลย”
ลู่หมิงเหลียง: “ก็ได้ ทุกคนก็รู้ดีว่าตั้งแต่ก่อตั้งมานี่เฟิงโลจิสติกส์มีแต่ขาดทุนตลอด แต่หลังจากที่ผมย้ายเข้ามาดูแลกิจการนี้ ผมก็พบว่านี่เฟิงโลจิสติกส์มีส่วนช่วยเถิงต๋ากรุ๊ปอย่างใหญ่หลวง
“ตั้งแต่บริการขนส่งพัสดุ ไปจนถึงการสนับสนุนกิจการอื่นๆ อย่างแบรนด์ ROFและ OTTO ดูก็รู้ว่านี่เฟิงโลจิสติกส์เปลี่ยนรูปแบบกิจการโลจิสติกส์และวิถีชีวิตของชาวจิงโจวไปมากขนาดไหน
“พวกเราไม่ได้แค่ส่งสินค้าถึงหน้าประตูบ้าน แต่ยังสานความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับผู้ใช้งานด้วย ตอนนี้ลูกค้าเก่าพากันผูกขาดใช้บริการขนส่งของบริษัทเราบริษัทเดียว ถึงตอนนี้เราจะขาดทุน แต่ก็รักษาฐานลูกค้าไว้ได้ดีเยี่ยม พวกเขาคือทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของเรา
“เหนือสิ่งอื่นใด การติดตามข้อมูลลูกค้ายังช่วยให้เราวิเคราะห์ตลาดได้แม่นยำขึ้น แปลว่าเราสามารถทำวิจัยให้กิจการอื่นได้อย่างลึกซึ้งและยั่งยืนขึ้นด้วย
“ที่บอสเผยให้ ‘รางวัลรากฐานสำคัญ’ กับนี่เฟิงโลจิสติกส์ อาจเพราะบอสเห็นว่านี่เฟิงโลจิสติกส์มีความสำคัญและเป็นรากฐานของเถิงต๋ากรุ๊ปก็ได้”
จางหยวน: “จริงด้วย ฟังสมเหตุสมผลอยู่ ถ้าไม่มีนี่เฟิงโลจิสติกส์ แบรนด์ ROFช่วงเปิดตัวคงไม่พัฒนาได้ราบรื่นขนาดนี้ ดีไม่ดีเราอาจมีปัญหาเรื่องบริการหลังการขายไม่จบไม่สิ้นก็ได้”
ฉางโหย่ว: “ผมเห็นด้วยนะ เหมือนบอสเผยมองว่านี่เฟิงโลจิสติกส์เป็นเส้นเลือดใหญ่ของเถิงต๋ากรุ๊ป ชื่อ ‘รางวัลรากฐานสำคัญ’ ก็บอกอยู่”
ลู่หมิงเหลียง: “มีใครจะเสริมอะไรอีกไหม”
หลินหวาน: “บอสเผยย้ำด้วยว่ามีแต่กิจการที่ขาดทุนเยอะๆ เท่านั้นถึงจะได้รางวัลนี้ บอสบอกด้วยว่าในอนาคตพวกเราก็มีสิทธิ์ได้รางวัลนี้เหมือนกัน แปลว่าการเป็น ‘เส้นเลือดใหญ่’ ก็ไม่ใช่เงื่อนไขเดียวของรางวัลนี้
“ความหมายเบื้องหลังการขาดทุนต่างหากที่สำคัญยิ่งกว่า
“อย่างฉางหยางเกมส์เองก็เคยขาดทุนมาก่อนที่จะทำกำไรได้ ที่พวกเขาพลิกกลับมาทำเงินได้ก็เพราะรู้จักเรียนรู้ความผิดพลาดในอดีตและสั่งสมประสบการณ์มาเรื่อยๆ
“ความล้มเหลวนำมาซึ่งความสำเร็จฉันใด ก็พูดได้ว่าการขาดทุนก็นำมาซึ่งกำไรฉันนั้น บอสเผยน่าจะกำลังบอกเราว่าถ้าอยากวิ่งให้เป็น ก็ต้องรู้จักล้มให้เป็นก่อน ถ้าอยากทำกำไรได้ ก็ต้องรู้จักขาดทุนให้เป็นเหมือนกัน”
จางหยวน: “ผมเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์เลย! ก็เหมือนธุรกิจร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูนั่นแหละ
“ถ้าบอสเผยไม่ยืนยันที่จะปล่อยให้ขาดทุนไปเรื่อยๆ มันก็ไม่มีวันสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้”
หม่าตู๋เปียว: “เว็บจงเตี่ยนจงเหวินก็เหมือนกัน
“ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเราลองวิเคราะห์สองประโยคนั่นดีๆ
เศษทองจากภูเขา ไม่เทียบเท่ากับความสูง
ทะเลเงินไร้บรรจบ กั้นทำนบยังคงลึก
“ลึกล้ำสุดๆ ไปเลย!
“โดยเฉพาะประโยคที่สอง หมายถึงทะเลแห่งความมั่งคั่งย่อมไร้ขอบเขต ต่อให้เราลองอุทิศทั้งชีวิตเพื่อมัน เราก็อาจไม่เจอขีดจำกัดอยู่ดี แต่ก็นั่นแหละ ตราบใดที่เรามีทุน เราก็สามารถต่อทุนไปได้เรื่อยๆ
“ยิ่งพื้นทะเลถูกกัดกร่อนเท่าไหร่ ตัวทะเลเองก็ยิ่งลึกขึ้นเท่านั้น
“การกัดกร่อนที่ว่าหมายถึงการขาดทุน พูดอีกอย่างก็คือ ดูเผินๆ เราอาจขาดทุนอยู่ แต่ก็เพื่อให้เราได้มั่งคั่งยิ่งขึ้นต่อไปไง
“ทุกอย่างบ่งบอกชัดเจนแล้วว่าบอสเผยกระตุ้นให้เราลงทุนเต็มที่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อขยายขีดจำกัดเหมือนอย่างที่นี่เฟิงโลจิสติกส์ทำ พวกเขาไม่ได้ลงทุนเพื่อให้ได้กำไรคืนมา แต่เพื่อขยายขนาดของตัวเองต่างหาก!”
จางหยวน: “1024 วันโปรแกรมเมอร์ ก็ไม่ต่างกัน”
เฮ่อเต๋อเซิ่ง: “เอ่อ ทุกท่านครับ ผมคิดออกอีกอย่างนึง แต่ไม่แน่ใจว่าเหมาะสมไหมที่จะพูดแบบนี้”
หลินหวาน: “เราก็เหมือนครอบครัวเดียวกัน ไม่เห็นต้องเกรงใจเลย มีอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ”
เฮ่อเต๋อเซิ่ง: “เอ่อ ก็ได้ครับ ผมคิดได้อีกอย่างเกี่ยวกับคำว่า ‘รากฐาน’ ผมไม่คิดว่านี่เฟิงโลจิสติกส์จะเป็นฐานรากของเถิงต๋ากรุ๊ปอย่างเดียว แต่ยังเป็นฐานรากของสังคมด้วย
“หรือจะบอกว่าหนึ่งในพันธกิจของเถิงต๋ากรุ๊ปคือการเป็นรากฐานสำคัญของสังคมก็ได้!
“ผมทำงานในบริษัทลงทุน ผมจึงรู้สึกถึงมันได้เป็นพิเศษ ตอนที่บอสเผยเข้ามาดูแลบริษัทลงทุนหยวนเมิ่งด้วยตัวเอง บอสลงทุนอยู่แค่สองโปรเจ็กต์ คือโปรเจ็กต์ตู้โทรศัพท์ให้เช่ากับแอปมาสิเด็กหัวกะทิ เขาไม่แม้แต่จะชายตามองโปรเจ็กต์อื่นๆ ที่ดูมีแนวโน้มจะทำกำไรได้มากกว่าด้วยซ้ำ
“แล้วทั้งสองโครงการที่เขาลงทุนไปก็ทำประโยชน์ให้สังคมได้มากทีเดียว
“โปรเจ็กต์ตู้โทรศัพท์ให้เช่าทำให้ลูกค้าทั่วไปมีพื้นที่ส่วนตัวไว้นั่งพักผ่อนขณะช็อปปิ้งในห้าง และยังเป็นแลนด์มาร์กที่ช่วยกระตุ้นให้คนอยากเข้าห้างมากขึ้นด้วย ส่วนแอปมาสิเด็กหัวกะทิก็รวบรวมผู้คนมากมายจากแวดวงวิชาการ และขับเคลื่อนพวกเขาสู่เป้าหมายยิ่งใหญ่เดียวกัน นั่นคือการ ‘ทลายขอบเขตแห่งการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน’
“แต่ถ้าเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบันและผลลัพธ์ของบริษัทลงทุนหยวนเมิ่งแล้ว เห็นได้ชัดว่ากิจการนี่เฟิงโลจิสติกส์จับต้องได้และสร้างผลกระทบได้ชัดเจนมาก
“ผมเลยคิดว่าการผลักดันเถิงต๋ากรุ๊ปให้เป็นรากฐานของสังคม ต้องเป็นหนึ่งในเป้าหมายของบอสเผยแน่นอน อีกหนึ่งเงื่อนไขสำคัญของการได้ ‘รางวัลรากฐาน’ ครั้งนี้น่าจะขึ้นอยู่กับว่า ธุรกิจนั้นได้ตอบแทนสังคมเพียงพอรึเปล่าด้วย” пᴏveʟɢᴜ.cᴏᴍ
หลินหวาน: “สมเหตุสมผลมากค่ะ!”
หูเสี่ยนปิน: “พวกพี่คุยกันเร็วไปแล้ว ผมเพิ่งเปิดแชต แต่มีข้อความค้างตั้ง 99+ ตกใจหมดเลย หัวหน้าห้องพอจะช่วยสรุปคำตอบการบ้านที่บอสเผยมอบหมายให้หน่อยได้ไหมครับ ผมจะได้ขอลอก”
หลินหวาน: “หนูสรุปให้
“รางวัลรากฐานสำคัญมีขึ้นเพื่อ 4 จุดประสงค์หลักๆ
“จุดประสงค์แรก เพื่อมอบรางวัลให้กับกิจการที่เป็นกำลังสำคัญของเรา จุดประสงค์ที่สอง เพื่อกระตุ้นให้เรากล้าขาดทุนเพื่อกำไรในภายภาคหน้า เราจะได้เรียนรู้จากข้อผิดพลาดด้วย จุดประสงค์ที่สาม เพื่อกระตุ้นให้เรามองการณ์ไกล เพราะการลงทุนด้วยเงินจำนวนมหาศาลจะช่วยขยายขีดจำกัดของเรา และเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้ด้วย จุดประสงค์ที่สี่ เพื่อผลักดันให้เรามีความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น”
หวงซื่อปั๋ว: “ใช่! ต้องใช่แน่ๆ!”
ลู่หมิงเหลียง: “ใช่เลย นี่แหละน่าจะเป็นเจตนาของบอสเผย”
จางหยวน: “งั้นนี่เฟิงโลจิสติกส์ก็เหมาะกับรางวัลนี้จริงๆ พวกเขาทำสำเร็จทั้งสี่ข้อเลย ผมพอจะคิดออกแล้วว่าจะทำยังไงให้ได้รางวัลครั้งต่อไป!”
เฮ่อเต๋อเซิ่ง: “งั้นเรามาแข่งกันดีกว่าว่าครั้งต่อไปกิจการไหนจะได้รางวัล”
จางหยวน: “เวรเหอะ ลืมสนิทเลยว่าผมไม่ได้เป็นผู้จัดการร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูกับแบรนด์ ROF แล้วนี่หน่า แล้วจะพูดช่วยคนอื่นทำไมตั้งเยอะแยะ @เซี่ยวเผิง ไปคุยกันหลังไมค์ดีกว่า”
ตอนนี้เซี่ยวเผิงเป็นผู้รับผิดชอบธุรกิจร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูของเมืองหลินเฉิง
ตั้งแต่ถูกบีบให้ ‘เกษียณ’ จางหยวนก็เอาแต่คิดว่าจะดันเซี่ยวเผิงขึ้นเป็นผู้จัดการแบรนด์ ROF กับธุรกิจร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูคนต่อไป เพราะเขาทำผลงานที่เมืองหลินเฉิงได้โดดเด่นทีเดียว
หลินหวาน: “ได้คำตอบแล้วก็แยกย้ายได้ค่ะ!”
หลี่หย่าต๋า: “แป๊บนะ!”
หม่าตู๋เปียว: “?”
หูเสี่ยนปิน: “พี่หลี่ พี่อยู่ต่างประเทศไม่ใช่เหรอครับ”
หลินหวาน: “หืม หย๋าต๋า ที่นู่นกี่โมงแล้วน่ะ”
หลี่หย่าต๋า: “เรื่องนั้นไม่สำคัญ ฉันตื่นมากลางดึกเพราะหิวน้ำ แล้วดันได้มาอ่านที่ทุกคนคุยกันซะก่อน ฉันมีอีกอย่างจะเสริม!
“ฉันว่าคำว่า ‘รากฐาน’ ยังมีอีกความหมายนะ
“หม่าอี้ฉวินวิเคราะห์แค่ประโยคหลัง แต่ไม่ได้วิเคราะห์ประโยคแรก ‘เศษทองจากภูเขา ไม่เทียบเท่ากับความสูง’
“ทำไมบอสถึงบอกแบบนี้ ก็เพราะภูเขาทองคำย่อมหยั่งรากลึกไงล่ะ นั่นหมายความว่าต่อให้มีเศษทองหลุดออกมา ก็ไม่อาจทำให้มันทลายลงได้
“ยิ่งกว่านั้นรางวัลนี้ยังมีชื่อว่า ‘รางวัลรากฐานสำคัญ’ หมายความว่าเราต้องวางรากฐานของตัวเองให้แข็งแรงด้วย
“ประโยคที่พูดถึงภูเขาทองคำมาก่อนทะเลไร้บรรจบ ก็เพราะรากฐานต้องมาก่อน ถ้าเรามีรากฐานที่แข็งแกร่ง เราก็จะลงทุนและเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้สำเร็จ”
หม่าตู๋เปียว: “จริงด้วย! โธ่ ทำไมผมถึงคิดไม่ได้นะ น่าขายหน้าจริงๆ”
หลี่หย่าต๋า: “ไม่ๆๆ ที่ฉันคิดได้ก็เพราะคุณช่วยวิเคราะห์ประโยคหลังก่อนต่างหาก เอกภาษาอย่างคุณย่อมเข้าใจเรื่องพวกนี้ดีกว่าฉันอยู่แล้ว”
ห่าวหยุน: “ใช่ ที่ทุกคนพูดฟังดูเข้าท่าหมดเลย!
“ฉันว่าทั้งห้าข้อนั้นสรุปได้เป็น ‘จิตวิญญาณของรากฐาน’ ต่อจากนี้ไปมันจะกลายเป็นหนึ่งในจิตวิญญาณของเถิงต๋าด้วยเหมือนกัน
“มันช่วยให้แผนกบุคลากรอย่างเรามีแนวทางการทำงานในอนาคตที่ชัดเจนขึ้นด้วย!”
ไม่ช้ากรุ๊ปแชตก็เต็มไปด้วยข้อความปลุกใจ
ยิ่งบรรดาหัวหน้ากิจการอ่านบทสนทนาเหล่านี้ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าทุกอย่างสมเหตุสมผลขึ้น
บอสเผยคือนักปรัชญาตัวจริง แค่เพียงสองประโยคเขาก็แฝงบทเรียนไว้ตั้งมากมาย
ช่างปราดเปรื่องประหนึ่งกุนซือกลับชาติมาเกิดไม่มีผิด!