เนื้อหาตอน ‘แจ้งจบเรื่อง’ ของชุยเกิ่งนั้นไม่มีอะไรมาก
“สวัสดีครับ ผม ‘ปีศาจรยางค์ปั่นงานสู้ชีวิต’ เอง ผมอยากจะบอกเรื่องหนึ่งที่กลั่นกรองออกมาจากหัวใจกับพวกคุณ
“ผมรู้ว่าเพื่อนๆ นักอ่านหลายคนหวังว่านิยายเรื่องนี้จะมีต่ออีกสักสองล้าน สามล้าน หรือห้าล้านคำ บางคนอาจจะหวังให้นิยายเรื่องนี้ไม่มีวันจบ
“แต่ผมมีประสบการณ์ในการเขียนนิยายแนวแฟนตาซีไม่มากพอ โครงเรื่องที่วางไว้ตอนแรกไม่ได้ใหญ่ เนื้อหาช่วงที่สนุกที่สุดยาวประมาณเจ็ดถึงแปดแสนคำ ถ้ายืดเรื่องเพิ่มหน่อยก็จะยาวประมาณหนึ่งล้านคำ
“ทุกคนน่าจะสังเกตเห็นว่าช่วงนี้พล็อตคืบหน้าไปไวมาก นั่นก็เพราะผมเขียนใกล้จะครบเจ็ดแสนคำแล้วและกำลังจะถึงช่วงสุดท้ายของนิยาย
“ผมกลัวว่าถ้าผมจบเรื่องเร็วไป ทุกคนจะยอมรับไม่ได้ ผมเลยมาแจ้งไว้ล่วงหน้าว่านิยายเรื่องนี้จะจบในอีกหนึ่งหรือสองสัปดาห์ ขอให้ทุกคนเตรียมใจไว้ด้วยนะครับ
“ผมกำลังเตรียมเขียนเรื่องใหม่อยู่ ถ้าคิดเนื้อหาได้แล้วจะรีบมาแจ้งให้ทราบครับ”
เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ ช่องคอมเมนต์ล้นทะลักไปด้วยความคิดเห็นมากมายทันที
ชุยเกิ่งปิดแอปพลิเคชันเว็บจงเตี่ยนจงเหวินและหยุดการทำงานทันที เพื่อที่จะได้ไม่ต้องอ่านคอมเมนต์จากนักอ่าน
เพราะยังไงเขาก็เดาได้ว่าคอมเมนต์จะไปในทิศทางไหน
“โดนด่าแล้วยังไง ถ้าไม่อ่านก็ไม่รู้สึกอะไร
“ถึงจะโดนด่า ยังไงก็ต้องเขียนสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาให้ได้!
“ฉันรู้สึกได้รางๆ ว่านี่คือช่วงที่สดใสที่สุดในอาชีพงานเขียนของฉัน!”
ชุยเกิ่งกดเปิดคอมพิวเตอร์ เปิดโปรแกรมเวิร์ด แล้วรีบพิมพ์ไอเดียที่มีลงไป
“ถึงเต็มที่เรื่องแนวชีวิตในเมืองจะสู้แนวแฟนตาซีกับแนวกำลังภายในไม่ได้ แต่ก็ยังมีฐานผู้อ่านใหญ่ น่าจะดังได้แน่นอน
“แต่… ตอนนี้นิยายดังๆ แนวชีวิตในเมืองมักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับรักใสๆ ไร้แก่นสาร ตัวเอกเป็นทหารผู้แข็งแกร่ง ไม่ก็คนหน้าตาดีในโรงเรียน
“ซึ่งไม่ใช่สไตล์ฉันเลย
“ฉันเขียนเรื่องไร้แก่นสารไม่ได้ เขียนเรื่องสะท้อนแง่คิดเกินไปก็ไม่ได้ เพราะมันไม่ตรงกับเอกลักษณ์ของไอเดียนี้
“เพราะงั้นฉันจะเขียนออกมาเป็นแนวตลก
“มันจะไม่ใช่ความบันเทิงแบบเดิมๆ ที่ผู้อ่านเคยเจอ แต่ฉันจะทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนพระเจ้าที่ควบคุมทุกอย่าง…”
ระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้น เขาก็วางโครงเรื่องนิยายได้คร่าวๆ อย่างรวดเร็ว
นิยายเรื่องนี้จะชื่อว่า ‘เกมผีเสื้อ’
เขายังไม่ได้คิดชื่อให้ตัวเอก เพราะยังไงก็เป็นแค่เครื่องมือชิ้นหนึ่ง
วันหนึ่งระหว่างที่ตัวเอกนั่งเปื่อยอยู่ในบ้าน ระบบก็หล่นมาจากฟากฟ้า ก้อนแสงสีฟ้าตกกระแทกหัวแล้วรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับตัวเขา
ตัวเอกพบว่าเขาเรียกก้อนแสงออกมาได้ตามใจชอบ และสามารถสังเกตการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกคู่ขนานได้ผ่านก้อนแสงนี้
ก้อนแสงมากับเกมที่ชื่อว่า ‘เกมผีเสื้อ’ ซึ่งชื่อนี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก ‘ปรากฏการณ์ผีเสื้อขยับปีก’
ตัวเอกไม่ใช่ผู้สร้างโลกคู่ขนาน
ในเกมเขาจะมีพลังดังกล่าว แต่ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้แค่เรื่องเล็กๆ ในโลกคู่ขนาน เป็นเหมือนผีเสื้อที่ขยับปีกเบาๆ ในป่าแอมะซอน
เป้าหมายของเกมคือสร้างผลกระทบขนาดใหญ่ต่อผู้คนและสิ่งของในโลกคู่ขนาน ผ่านปฏิกิริยาลูกโซ่ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
สุดท้ายเกมจะประเมินผลกระทบที่ตัวเอกทำได้แล้วให้คะแนน จากนั้นก็จะได้รางวัลตามคะแนนที่ทำได้
เมื่อเล่นไปเรื่อยๆ ตัวเอกจะมีพลังเพิ่มขึ้น ขอบเขตการเปลี่ยนแปลงที่ทำได้ก็จะเพิ่มขึ้น
ดังนั้นจากปรากฏการณ์ผีเสื้อขยับปีกที่ตัวเอกสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความฝันของหลายคนในโลกคู่ขนานก็จะเป็นจริงขึ้นมา…
ชุยเกิ่งคิดได้แล้วว่าจะเขียนฉากตอนเปิดเรื่องยังไง
เขาจะเริ่มเรื่องด้วยนักออกแบบเกมอินดี้สุดอัตคัดที่เจอแต่ความล้มเหลว ถึงกระนั้นก็ไม่เคยล้มเลิกความฝัน
เนื่องจากนักออกแบบคนนี้จน เกมที่สร้างออกมาจึงเรียบง่าย แต่ก็อัดแน่นไปด้วยความจริงใจ
แต่พอไม่มีเงินโฆษณาเกม ก็ไม่มีใครให้ความสนใจ
ด้วยความท้อแท้นี้ นักออกแบบเกมตัดสินใจล้มเลิกความฝันและกลับบ้านเกิดไปทำงานในโรงงานที่ครอบครัวหาให้
ตัวเอกพบนักออกแบบเกมคนนี้ระหว่างสังเกตการณ์โลกคู่ขนาน เขาใช้พลังที่มีอยู่จำกัดทำให้อัปโหลดมาสเตอร์จากแชนแนลเกมคนหนึ่ง ‘บังเอิญ’ ดาวน์โหลดเกมของนักออกแบบเกมมาลองเล่น
อัปโหลดมาสเตอร์เอาเกมไปแนะนำในช่องทำให้เกมดังขึ้นมา หลังจากนั้นเรื่องก็เลยเถิดเกินควบคุม ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำให้ความฝันของนักออกแบบเกมเป็นจริง
แน่นอนว่าเรื่องจะยังดูเรียบๆ เพราะเพิ่งอยู่ในช่วงต้น
พอเรื่องดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ก็จะยิ่งซับซ้อนมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น ในนิยายจะมีตัวร้ายที่รวยมากๆ และเป็นเจ้าของกิจการหลายอย่าง ถ้าบริษัทเกมไหนในโลกมีชื่อเสียงดีๆ ก็จะเข้าไปซื้อกิจการต่อแล้วสูบเอากำไรทุกหยวนจากบริษัทเหล่านั้น
การจะบังคับบริษัทเกมให้ขายกิจการเขาต้องใช้วิธีสกปรก ส่งไส้ศึกเข้าไป หรือทำลายชื่อเสียงในอินเทอร์เน็ตเพื่อให้เกิดปัญหาเรื่องการเงิน พูดง่ายๆ ว่า เขายอมทำทุกอย่างเพื่อกดดันบริษัทที่อยากได้
ภารกิจของตัวเอกคือทำลายแผนสกปรกของตัวร้ายผ่านการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ในโลกคู่ขนานด้วยปรากฏการณ์ผีเสื้อขยับปีกที่ใช้จนคุ้นเคยดีแล้ว ซึ่งเขาก็จะสามารถช่วยบริษัทเกมดีๆ จากการเข้าซื้อสกปรกๆ ได้
สรุปแล้วตัวเอกต้องใช้พลังโกงและ ‘ปรากฏการณ์ผีเสื้อขยับปีก’ สร้างผลกระทบบางอย่างเพื่อช่วยให้ผู้คนในโลกคู่ขนานทำตามฝันได้สำเร็จ
ผู้คนที่เขาต้องช่วยมาจากหลายแวดวง อาจจะเป็นนักออกแบบเกม ผู้ประกอบการ เจ้าของคาเฟ่ นักร้อง นักแสดง ผู้กำกับ นักเขียน…
ตัวละครจะมีหลากหลายรูปแบบ пᴏᴠᴇʟɢu.ᴄoᴍ
พอเรื่องดำเนินไป ตัวละครที่ตัวเอกเคยช่วยไว้จะช่วยกันและกัน และส่งผลกระทบต่อกัน เรื่องราวก็จะคาดเดาได้ยากขึ้นเรื่อยๆ
ระหว่างที่ตัวละครรองเติบโตขึ้นและชีวิตเข้ามาเกี่ยวพันกันมากขี้น ปรากฏการณ์ผีเสื้อขยับปีกของตัวเอกก็ยิ่งทวีความแข็งแกร่งขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น เด็กที่เกือบจะต้องออกจากโรงเรียน พอเจอผลกระทบจากปรากฏการณ์ผีเสื้อขยับปีกของตัวเอก เด็กคนนั้นก็ได้รับการสนับสนุนเรื่องเงินจากผู้ใหญ่ใจดี
เขาเรียนจบชั้นมัธยมและมหาวิทยาลัยด้วยผลการเรียนดีเยี่ยม จากนั้นก็ต่อชั้นปริญญาโทและปริญญาเอก ก่อนจะได้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์วิจัยและค้นคว้าที่มีความสำคัญมากๆ
โปรเจ็กต์นั้นประสบความสำเร็จขึ้นมาและกลายเป็นโอกาสลงทุนใหม่
ขณะเดียวกัน บริษัทของตัวละครอีกคนตกอยู่ในความเสี่ยงเป็นหนี้จนล้มละลาย แต่เพราะลงทุนในโปรเจ็กต์นั้นไว้ก่อนหน้า พวกเขาจึงก้าวขึ้นไปเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการและเปลี่ยนแปลงทิศทางของโลกที่พวกเขาอาศัยอยู่
สรุปแล้วโลกคู่ขนานจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นโลกที่สมบูรณ์ด้วยผลกระทบจากปรากฏการณ์ผีเสื้อขยับปีกที่ตัวเอกใช้ครั้งแล้วครั้งเล่า
พอเขียนเค้าโครงเสร็จ ชุยเกิ่งก็อ่านทวนอีกสองสามรอบเพื่อประเมินดู
“ไม่ใช่เนื้อเรื่องแบบที่พบเห็นได้ทั่วไป เพราะงั้นก็มีความเสี่ยงสูง แต่ก็หมายความว่ามีโอกาสสูงเหมือนกัน ฉันว่ายังไม่เคยมีใครแต่งเรื่องแนวชีวิตในเมืองแบบนี้มาก่อน
“นักอ่านจะไม่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวเอก แต่จะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพระเจ้า พวกเขาจะได้เฝ้าดูโลกเปลี่ยนไปทีละนิดจากปรากฏการณ์ผีเสื้อขยับปีกแต่ละครั้ง พล็อตแบบนี้จะทำให้ผู้อ่านติดหนึบและรู้สึกตั้งความหวัง
“จะไม่มีตัวละครรองที่ทำตัวขี้โม้แล้วโดนตัวเอกจัดการจนย่อยยับ แต่ตัวละครรองแต่ละตัวจะทำตามฝันได้สำเร็จทีละคน โลกคู่ขนานก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ตามไปด้วย
“นิยายเรื่องนี้จะเขียนออกมาให้ตลก ผ่อนคลายสมอง ฉันว่าน่าจะถูกใจนักอ่านที่เบื่อเรื่องตัวเอกกากๆ ที่จู่ๆ มีพลังไม่จำกัด
“ฉันหาข้อมูลจากธุรกิจต่างๆ ได้ ในประเทศมีเรื่องราวเกี่ยวกับบริษัทที่ก่อตั้งอาณาจักรได้จากความบังเอิญล้วนๆ อยู่หลายเรื่อง
“แม้แต่เถิงต๋าก็เอามาใช้เป็นแรงบันดาลใจได้ โลกแห่งความจริงน่าสนใจกว่านิยายเยอะ…”
ยิ่งคิดชุยเกิ่งก็ยิ่งรู้สึกมีแรงบันดาลใจ!
พล็อตนี้ยังมีช่องโหว่อยู่ จึงบอกว่าเป็นพล็อตที่สมบูรณ์แบบยังไม่ได้
แต่พล็อตไหนบ้างล่ะที่สมบูรณ์แบบ
แค่ลองทำอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำก็ถือว่ามีความเสี่ยงแล้ว
คิดได้แบบนั้น ชุยเกิ่งก็ส่งไฟล์เข้าอีเมลตัวเองแล้วลบไฟล์ออกจากเครื่อง
สำหรับนักเขียนแล้ว ไอเดียถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้ามีคนมาเห็นไฟล์นี้ จากนั้นก็เอาข้อมูลไปปล่อย แล้วมีคนเอาไอเดียนี้ไปเขียนนิยายขึ้นมาต้องเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขาแน่
พอจัดการเรียบร้อย ชุยเกิ่งก็หันมองเวลา ตอนนี้จวนจะได้เวลาแล้ว
เขาลุกขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องไป
กลับไปแล้วต้องตั้งใจเขียนตอนจบของเรื่องปัจจุบัน
โครงเรื่องที่วางไว้ไม่ได้ใหญ่อยู่แล้ว ถ้าเขียนวันละแปดพันคำ น่าจะเขียนตามที่วางไว้จบได้ในสัปดาห์สองสัปดาห์
ตัดจบแล้วโดนด่าจะเป็นไรไป เดี๋ยวรีบเขียนเรื่องใหม่แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้
เพื่อไอเดียใหม่นี้โดนด่าแค่ไหนก็จะยอมทน!
ชุยเกิ่งเดินออกจากห้องนันทนาการแล้วเจอเผยเชียนที่เพิ่งกลับมาถึงออฟฟิศพอดี
พอเห็นชุยเกิ่งเดินออกมาจากห้องนันทนาการ เผยเชียนก็ยิ้มกว้าง “มาครับ เดี๋ยวผมพาไปเลี้ยงข้าว”
ชุยเกิ่งอึ้งไป “แต่บอสเผยครับ…”
“ไม่มีแต่ครับ ตามมาเลย”
บอสเผยไม่เปิดโอกาสให้ชุยเกิ่งปฏิเสธ เขาพาชุยเกิ่งไปขึ้นรถ ก่อนจะมุ่งหน้าไปภัตตาคารบ้านหมิงฝู่เพื่อกินอาหารเย็น
ชุยเกิ่งนั่งอยู่ในรถ ในใจของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
บอสเผยดูดีใจที่ได้เจอฉัน หรือบอสจะรู้ว่าการอบรมจิตวิญญาณของเถิงต๋าประสบความสำเร็จด้วยดี
บอสพาฉันไปเลี้ยงเพื่อให้กำลังใจเหรอ