ฉากที่กำลังจะถ่ายคือฉากชีวิตอันไร้จุดหมายของตัวเอกก่อนเจอนางเอก
ขนาดสำหรับพักอาศัยในแคปซูลนั้นแคบมาก หัวของลู่จือเหยาที่ค่อนข้างสูงจึงอยู่ห่างจากเพดานแค่ไม่กี่เซนติเมตร
การตกแต่งภายในแคปซูลดูเรียบง่ายแต่ล้ำสมัย ไม่ได้ใส่พร็อบอะไรมากมาย
ตรงจุดที่เป็นจอทีวีใช้เป็นฉากเขียวแทน โดยจะตัดต่อภาพรายการทีวีเข้ามาทีหลัง
นอกจากนี้ยังมีพร็อบต่างๆ สำหรับถ่ายทำ เช่น อาหารฟาสต์ฟู้ด อาหารยังชีพ มันฝรั่งทอด และเบียร์
แน่นอนว่าพร็อบเหล่านี้ทำขึ้นเองหมด เบียร์ใช้กระป๋องเบียร์ยาวทั่วไปแต่เอาสติกเกอร์ที่ทำขึ้นพิเศษมาติดทับ ส่วนหนึ่งก็เพราะต้องปิดทับเครื่องหมายการค้าเดิม อีกส่วนเพราะต้องการเน้นเซ็ตติ้งของโลกใบนี้
นอกจากเครื่องหมายการค้าสไตล์ล้ำสมัยที่แปะบนเบียร์แล้วก็ยังมีโฆษณาสีสันฉูดฉาดด้วย เซ็ตติ้งของโลกนี้วางไว้ว่าโฆษณาจะมีเยอะมากๆ ไม่เว้นแม้แต่โฆษณาเบียร์กระป๋อง
ลู่จือเหยาเข้าไปในแคปซูล จากนั้นก็เริ่มการถ่ายทำ
ช่วงแรกเป็นการถ่ายฉากเขาอยู่ในแคปซูลเฉยๆ ไม่ทำอะไร กับฉากดูโฆษณาบนทีวี
ฉากพวกนี้ถ่ายค่อนข้างง่าย ไม่ต้องใช้ทักษะการแสดงมาก จึงถ่ายเสร็จอย่างรวดเร็ว
ถัดไปเป็นฉากกินอาหารยังชีพ
ในแคปซูลมีโซนกินข้าวโดยเฉพาะอยู่ตรงข้ามเตียง เป็นโต๊ะเล็กๆ นั่งได้แค่คนเดียว ผนังข้างๆ โต๊ะมีจอขนาดเล็กและช่องรับส่งอาหาร
หน้าจอเล็กที่ว่าตอนนี้เป็นแค่ฉากเขียว เดี๋ยวตอนตัดต่อจะใส่ CG หน้าจอสำหรับสั่งอาหารเข้ามา ซึ่งตอนที่ไม่ได้สั่งอาหารจะขึ้นโฆษณาอาหารต่างๆ แทน
ฉากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมาก พอถึงเวลาอาหารประจำวัน ตัวเอกก็จะได้อาหารยังชีพ การนั่งกินอาหารยังชีพพลางดูโฆษณาอาหารเลิศหรูที่แสดงอยู่บนหน้าจอเล็กช่างเป็นฉากที่น่าหดหู่ใจ
ลู่จือเหยานั่งมองช่องรับส่งอาหารอยู่ที่โต๊ะกินข้าวอย่างเฉยชา
เรื่องนี้กลายเป็นกิจวัตรประจำวันที่มาตรงตามเวลาตลอดจึงไม่จำเป็นต้องคาดหวังอะไร ลู่จือเหยาเองก็แสดงความรู้สึกออกมาตามนั้น
เสียงช่องรับส่งอาหารเปิดออกดังขึ้น บรรจุภัณฑ์หน้าตาดูดีหล่นลงมาที่โต๊ะกินข้าวผ่านช่องรับส่งอาหาร
ลู่จือเหยาฉีกซองที่ดูคล้ายฟอยล์ด้วยแววตาไร้ความรู้สึก เผยให้เห็นแป้งสีดำขาวด้านใน
เผยเชียนถามเสียงเบา “ในนั้นคืออะไรเหรอ”
จูเสี่ยวเช่อกระซิบตอบ “แป้งนมกับแป้งช็อกโกแลตครับ”
เผยเชียนพยักหน้า “โอเค”
เหมือนว่าไอ้แป้งนั่นจะกินได้ เพราะงั้นจึงไม่ต้องจ่ายเงินลู่จือเหยาเพิ่ม
ลู่จือเหยาหยิบถาดขึ้นมาแล้วถือไปตรงช่องส่งน้ำเพื่อใส่น้ำร้อน จากนั้นก็คนให้เข้ากันด้วยช้อนเล็กๆ ที่ติดมากับถาด
แน่นอนว่าขั้นตอนทั้งหมดไม่มีอะไรน่าสนใจเลย
เขาหยิบช้อนตักอาหารขึ้นมาตักเข้าปากเรื่อยๆ
ลู่จือเหยาจ้องจอขนาดเล็กด้านข้าง ถึงตอนนี้จะเป็นแค่ฉากเขียว แต่หลังตัดต่อเสร็จจะปรากฏเป็นภาพโฆษณาอาหารหน้าตาน่ากิน
เขาจ้องฉากเขียวด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ดวงตาของเขาแสดงความอยากลิ้มรสอาหารเลิศหรู ขณะเดียวกันก็แสดงท่าทางต่างๆ ออกมาตามธรรมชาติ เช่น กลืนน้ำลายกับเลียริมฝีปาก
“คัต!
“สีหน้าเมื่อกี้แสดงออกเยอะเกินไป ตามเนื้อเรื่อง คุณดูโฆษณาพวกนี้มาทุกวัน เพราะงั้นไม่ต้องเล่นใหญ่ขนาดนั้น เอาแค่รู้สึกอยากกินอาหารอร่อยตามสัญชาตญาณเฉยๆ
“แต่ก็ถือว่าดีแล้ว โอเค เอาใหม่อีกรอบ!”
ผู้กำกับจูเสี่ยวเช่อจะชี้จุดที่คิดว่าดูไม่เหมาะทันที ส่วนลู่จือเหยาก็พยายามทำตามคำแนะนำเต็มที่
ฉากนี้ถ่ายเสร็จหลังผ่านไปสองสามเทค
เผยเชียนถอนหายใจเบาๆ อยู่ด้านข้าง ลู่จือเหยาก็พอมีฝีมือการแสดงเหมือนกัน
เขารู้สึกเหมือนกำลังกลั้นหายใจอยู่ระหว่างดูการถ่ายหนังเรื่องวันพรุ่งนี้ที่สดใส
ฉายาของลู่จือเหยาคือ ‘พิษร้ายแห่งวงการหนัง’ ฝีมือการแสดงของเขานั้นค่อนข้างดี แต่ก็ไม่สามารถรอดจากการโดนคนดูวิจารณ์ได้
คำติเตียนที่ได้ยินบ่อยๆ คือเขาหล่อและดูสูงส่งเกินไป แถมยังชอบเล่นใหญ่เกินพอดี ทำให้คนดูไม่ค่อยอิน
แต่ลู่จือเหยากลับตั้งใจเล่นบทคนที่มีชีวิตสุดขมขื่นอย่างเต็มที่
เขาอาจจะเป็นคนหล่อ ไม่ได้มีชีวิตขมขื่น แต่กลับแสดงให้เห็นถึงชีวิตอันขมขื่นได้
กองถ่ายเริ่มวุ่นวายขึ้นมาระหว่างเตรียมการสำหรับฉากต่อไป
จูเสี่ยวเช่อหันไปพูดกับเผยเชียน “บอสเผยครับ ต่อไปเป็นฉากเด็ดเลย”
เผยเชียน “หืม”
จูเสี่ยวเช่อชี้ไปทางกระป๋องเบียร์ตรงมุมหนึ่ง “ต่อไปเป็นฉากดื่มเบียร์ครับ
“ตัวเอกได้เงินรางวัลมากกว่าเดิมนิดหน่อยจากการตอบคำถามรายการทีวี เลยฉลองด้วยการซื้อเบียร์ให้ตัวดื่มกระป๋องนึง
“ลู่จือเหยาไม่แตะเบียร์เลยตั้งแต่มาถึงที่จิงโจว เพื่อที่จะได้แสดงฉากนี้ออกมาได้ถึงอารมณ์โนiวลกูดอทคอม
“เขาเลิกดื่มน้ำแล้วหันไปดื่มพวกเครื่องดื่มรสชาติห่วยอย่าง รูตเบียร์ Hey-Song น้ำหญ้าลิ้นงู น้ำรากไม้…
“ทั้งหมดทำไปเพื่อที่จะได้แสดงอารมณ์ตอนดื่มเบียร์ได้ถึงพริกถึงขิง”
เผยเชียน “…ไม่เห็นต้องทุ่มเทขนาดนั้นเลย ไอ้เครื่องดื่มที่ไล่มาเนี่ยมนุษย์กินได้จริงๆ ใช่มั้ย เราแค่ถ่ายหนังกัน ไม่เห็นจะต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงขนาดนั้น…”
ผู้กำกับจูเสี่ยวเช่อยิ้ม “ถือเป็นการฝึกตนของนักแสดงที่มีคุณภาพครับ ขนาดคุณจางจู่ถิงยังชมเรื่องทัศนคติด้านการแสดงของลู่จือเหยาเลย”
เผยเชียน “…”
ไม่ต้องทุ่มเทขนาดนั้นก็ได้โว้ย!
เดี๋ยวกลายเป็นฉากในตำนานได้ขึ้นคำค้นหายอดนิยมจะซวยเอา!
แต่เผยเชียนก็ไม่รู้ว่าลู่จือเหยาจะแสดงออกมายังไง จึงทำได้แค่ตั้งใจจับตาดูอยู่เงียบๆ
ช่วงแรกของการถ่ายทำฉากนี้ ลู่จือเหยาต้องแสดงเหตุการณ์ตอนชนะรางวัลต่อหน้าฉากเขียว
เขาเฝ้ารอคอยผลรายการทีวีด้วยอย่างหวั่นใจ พอรู้ว่าตัวเองได้เงินรางวัลก้อนหนึ่งก็ดีใจยกใหญ่ รีบพุ่งไปกดซื้อเบียร์หนึ่งกระป๋องผ่านจอเล็กสำหรับสั่งอาหารด้วยความคาดหวัง
หลังจากถ่ายไปสองสามเทค พวกเขาก็เริ่มถ่ายฉากดื่มเบียร์
ลู่จือเหยาเดินไปทางหน้าจอสั่งอาหารแล้วทำท่าทางเหมือนกำลังกดสั่งอาหารบนฉากเขียว สีหน้าของเขาแฝงไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ทั้งรอยยิ้มตื่นเต้นดีใจที่ชนะรางวัลจากการตอบคำถาม สีหน้าคาดหวังเมื่อนึกถึงภาพตอนดื่มเบียร์ และการเลียริมฝีปากโดยไม่ได้ตั้งใจ…
เผยเชียนที่ยืนอยู่ข้างๆ จูเสี่ยวเช่อเห็นรายละเอียดการแสดงทุกอย่างของลู่จือเหยา จู่ๆ ภาพนักแสดงหนุ่มที่ไม่ยอมท่องบทและเอาแต่พูดหนึ่งถึงเจ็ดก็แวบเข้ามาในหัว
เสียงกระป๋องเบียร์ร่วงลงมาทางช่องส่งอาหารดังขึ้น
ลู่จือเหยาหยิบกระป๋องเบียร์เย็นๆ ที่มีหยดน้ำเกาะอยู่ขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น พอดึงหูกระป๋องออกก็ได้ยินเสียงเบียร์ซู่ จากนั้นเขาก็ยกขึ้นดื่มหลายอึก…
ลู่จือเหยาลดมือลงหลังจากซดไปครึ่งกระป๋อง เขาถอนหายใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความผาสุก สายตาหันมองกระป๋องเบียร์ในมืออย่างพึงพอใจ
เขาปาดฟองเบียร์ออกจากริมฝีปาก ก่อนจะยกเบียร์ขึ้นซดต่อจนหมด แต่ถึงจะซดจนหมดกระป๋องแล้ว เขาก็ยังยกค้างไว้อย่างนั้นเผื่อว่าจะยังมีสักสองสามหยดติดก้นกระป๋อง
ลู่จือเหยาจำใจทิ้งกระป๋องลงถังขยะ เขายกมือเช็ดปากแล้วเรอออกมาด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะกลับขึ้นเตียงไปนอน
การเรอดูเป็นธรรมชาติมาก ไม่เหมือนการฝืนทำ น่าจะเป็นเพราะลู่จือเหยาดื่มหนักเกินไปเลยเรอออกมาจริงๆ
“หยุด!”
ปกติแล้วต้องสั่งว่า ‘คัต’ แต่คนที่สั่ง ‘หยุด’ คือเผยเชียน ผู้กำกับจูเสี่ยวเช่อจึงรีบสั่ง ‘คัต’ ตาม ก่อนจะหันมองเผยเชียนด้วยแววตาจริงจัง
“การแสดงเมื่อกี้มีปัญหาตรงไหนเหรอครับบอสเผย”
จูเสี่ยวเช่อรู้ว่าบอสเผยไม่ได้เป็นแค่คนออกทุนให้หนัง แต่ยังเป็นคนเขียนบทต้นฉบับด้วย
ถ้าบอสเผยมีความเห็นเกี่ยวกับฉากต่างๆ ในหนังก็หมายความว่ามันผิดเพี้ยนไปจากความตั้งใจเดิมของบอส พวกเขาต้องเคารพความเห็นของคนเขียนบทต้นฉบับและปรับแก้ตาม
เผยเชียนรู้สึกท้อ
แกก็เล่นใหญ่รัชดาลัยเกิ๊น!
แค่ดื่มเบียร์ แต่รีแอกชันนี่ยิ่งกว่าในการ์ตูนยอดกุ๊กแดนมังกรอีก!
ขาดก็แค่เสียงประกอบ ‘กำแพงเมืองจีน’ กับเอฟเฟ็กต์แสงสีทองกับภาพพื้นหลังเป็นทะเลกับท้องฟ้าเองเนี่ย
เผยเชียนนึกภาพออกเลยว่าวันที่หนังฉาย ‘ลู่จือเหยาซดเบียร์’ จะต้องขึ้นคำค้นหายอดนิยมบนเว่ยป๋อ
เผยเชียนกระแอมกระไอ “ไม่ต้องเล่นขนาดนั้นก็ได้ เล่นธรรมดาๆ ก็พอ…
“ตัวเอกเป็นคนธรรมดา เพราะงั้นขอแบบปกติๆ”
ลู่จือเหยามองกลับมาด้วยแววตาสับสน “หา”
เขามั่นใจในฝีมือการแสดงของตัวเองมาก แอบคิดด้วยซ้ำว่าฉากนี้น่าจะกลายเป็นตำนานหนึ่งในวงการหนัง แต่คนเขียนบทต้นฉบับกลับไม่ถูกใจซะงั้น
เอ่อ…
เขาได้แต่หันไปมองผู้กำกับจูเสี่ยวเช่อ
ผู้กำกับจูเสี่ยวเช่อคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอบอสเผยทัก…ผมก็คิดว่าดูเล่นใหญ่ไปหน่อย คุณจางคิดว่ายังไงครับ”
จางจู่ถิงพยักหน้า “บอสเผยเป็นคนเขียนบทต้นฉบับจึงมีความเข้าใจเรื่องราวและตัวละครเป็นอย่างดี
“คำพูดของบอสเผยอาจจะฟังดูเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ แต่ผมก็พอจะเข้าใจสิ่งที่บอสต้องการจะสื่อ”
เผยเชียน “?”
เหมือนจะเกิดอะไรที่คาดไม่ถึงอีกแล้ว…
จางจู่ถิงหันมองลู่จือเหยาพร้อมกับตั้งใจอธิบาย “สมมติว่าเราเปลี่ยนเซ็ตติ้งของฉากนี้
“น้องกำลังเล่นเป็นพวกจับกังที่ทำงานวันละสิบแปดชั่วโมง ได้ดื่มเบียร์แค่เดือนละครั้ง ความบันเทิงอย่างอื่นไม่มีเลย เพราะงั้นเบียร์คือสิ่งที่บันเทิงเริงใจที่สุด…
“ถ้าใช้เซ็ตติ้งนี้ การแสดงเมื่อกี้ก็ถือว่าผ่าน น่าจะเป็นฉากที่น่าประทับใจของคนดูเลยแหละ
“แต่บทที่น้องเล่นอยู่ตอนนี้คือคนธรรมดาที่อยู่ในโลกอนาคต
“คิดว่าเขาได้ดื่มเบียร์แค่เดือนละครั้งมั้ย พี่ว่าไม่ใช่แน่นอน
“แล้วเบียร์คือสิ่งสุนทรีเดียวที่เขามีรึเปล่า ก็ไม่ใช่อีก
“จอเล็กข้างตัวน้องฉายโฆษณาอาหารและเครื่องดื่มดีๆ อยู่ตลอด เทียบกับโฆษณาพวกนั้นแล้ว การดื่มเบียร์แค่นี้ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลย
“ตัวเอกได้เงินจากรายการแข่งตอบคำถาม เลยซื้อเบียร์มาฉลอง แสดงว่าเขาเจียดเงินเก็บมาซื้อดื่มตอนไหนก็ได้
“เพราะงั้นเบียร์กระป๋องนี้ก็ไม่น่าจะสำคัญสำหรับเขาขนาดนั้น”