ลู่จือเหยามองบทสลับกับจางจู่ถิง
เขาสลับกลับไปมองบทแล้วหันมองบอสเผย
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังสับสนอยู่
ผู้กำกับเป็นใครก็ไม่รู้ ทีมงานก็ไม่เคยมีผลงานมาก่อน บทก็แปลกไม่เหมือนที่ไหน แถมบทที่ได้รับก็เป็นตัวเอกผู้คลั่งรักจนโงหัวไม่ขึ้น
ไม่ว่าจะมองมุมไหน การรับบทนี้ก็เป็นอะไรที่เสี่ยงมากๆ
แต่พอได้ฟังคำแนะนำของจางจู่ถิง ลู่จือเหยาก็รู้สึกใจสั่นสะท้าน
หนังเรื่องนี้อาจจะช่วยให้ฉันหลุดจากกรอบที่บทเดิมๆ เคยตีไว้ ฉายา ‘พิษร้ายแห่งวงการหนัง’ อาจจะกลายเป็นแค่อดีต
ถ้าหนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ จะได้ค่าตัวเท่าไหร่ก็ไม่สำคัญ ขอแค่หลุดจากฉายา ‘พิษร้ายแห่งวงการหนัง’ และได้รับการยอมรับจากคนดู ความพยายามทั้งหมดก็จะถือว่าคุ้มค่า!
แถมฉันยังจะได้เรียนอะไรเพิ่มเติมจากการทำงานกับจางจู่ถิงด้วย ทักษะการแสดงอาจจะดีขึ้นไปอีก
หลังจากคิดอย่างถี่ถ้วน ลู่จือเหยาก็ตัดสินใจได้ เขาพยักหน้า “โอเคครับ ผมขอวัดดวงกับบทดีๆ นี้และคุณจาง! แล้วก็ขอลดค่าตัวเหมือนคุณจางด้วยครับ!”
เผยเชียนรีบยกมือห้าม “ไม่ได้ครับ!
“พวกคุณต้องได้ค่าตัวที่สมน้ำสมเนื้อ ผมจะไม่เอาเปรียบคุณ จริงๆ ผมอยากจ่ายเพิ่มให้อีก!
“ไม่ต้องเกรงใจนะครับ พวกคุณตอบแทนผมตอนถ่ายทำด้วยการโชว์ฝีมือการแสดงอย่างเต็มที่ก็ได้!”
จางจู่ถิงกับลู่จือเหยายิ้มด้วยความปลาบปลื้ม
ได้ทำงานกับคนแบบบอสเผยนี่ดีจริงๆ!
เผยเชียนเองก็ปลื้มใจไม่แพ้กัน ได้ ‘พิษร้ายแห่งวงการหนัง’ มาแล้ว งานลุล่วงสักที!
“ถ้างั้นก็รีบเตรียมตัวเปิดกล้องให้เร็วที่สุดกันเลย!”
เผยเชียนอดใจรอผลาญเงินสามสิบล้านหยวนแทบไม่ไหว
…
ตอนนี้การเตรียมการต่างๆ สำหรับการถ่ายทำเสร็จหมดเรียบร้อยแล้ว
บทสรุปเรียบร้อยแล้ว การเตรียมการขั้นต้นก็เสร็จเกือบครบถ้วน นักแสดงหลักสองคนก็ได้ตัวแล้ว ทั้งมีชื่อเสียงและฝีมือการแสดงดี ดูเผินๆ หนังน่าจะรุ่ง ไม่มีแววว่าจะเจ๊งไม่เป็นท่าในวันเปิดตัว
ฉันหลอกตาทุกคนและซ่อนความตั้งใจที่แท้จริงได้สำเร็จ!
ส่วนเรื่องนางเอกกับบทอื่นๆ เขาจะให้จูเสี่ยวเช่อเป็นคนจัดการ
เพราะนางเอกโผล่มาแค่ไม่กี่ฉาก บทพูดไม่ได้เยอะ น่าจะไม่เด่นอะไรมาก
พอยืนยันนักแสดงบทตัวเอกกับกรรมการได้แล้ว เผยเชียนก็มั่นใจว่าไม่น่าจะมีนักแสดงคนไหนช่วยกอบกู้สถานการณ์ได้
…
…
วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน…
เผยเชียนเผลอกดปิดนาฬิกาปลุกตอนสิบโมงเช้า เลยนอนต่ออีกสามสิบนาที ก่อนจะตื่นขึ้นเองตามธรรมชาติ
พอลุกขึ้นนั่งก็นึกขึ้นได้ว่าถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้ว จึงกดสั่งโมหยูเดลิเวอรี่ตามความเคยชิน
ดูซีรีส์ไปได้สักพักอาหารก็มาส่ง
เผยเชียนกินอาหารพลางนึกถึงงานต่างๆ ที่ต้องจัดการต่อ
เขาแบ่งงานต่างๆ ในรอบบัญชีนี้ไปเกือบหมดแล้ว น่าจะไม่มีอะไรทำไปอย่างน้อยห้าถึงหกวัน
แต่เขาก็ยังไม่ได้คิดว่าจะเอาเงินห้าล้านหยวนไปทำการกุศลอะไรดี
การทำการกุศลมีมากมายหลายวิธี
บริษัทใหญ่ๆ ในต่างประเทศทำการกุศลเพื่อเลี่ยงภาษี บางคนทำการกุศลในรูปแบบธุรกิจ นอกจากจะไม่ขาดทุนแล้ว ยังช่วยทำกำไรได้เพิ่ม
แต่จุดประสงค์ของเผยเชียนในการทำการกุศลนั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เขาแค่อยากผลาญเงินล้วนๆ
วิธีที่ง่ายที่สุดคือบริจาคเงินห้าล้านหยวนไปให้หมด แต่ก็ต้องมาคิดดูอีกทีว่าจะบริจาคให้ใคร
ถ้าจะบริจาคให้เด็กยากไร้หรือพื้นที่ด้อยพัฒนาก็ต้องทำเรื่องผ่านองค์กรการกุศล เผยเชียนไม่มีทั้งแรงและเวลาที่จะศึกษาเกี่ยวกับองค์กรการกุศลต่างๆ เพื่อดูว่าองค์กรไหนน่าเชื่อถือหรือไม่น่าเชื่อถือ
มีองค์กรการกุศลและองค์กรไม่แสวงหากำไรหลายแห่งที่ฉากหน้าดูน่าเชื่อถือ แต่จริงๆ มีเอี่ยวในขบวนการฉ้อโกง
ถึงจะต้องผลาญเงินก้อนนี้ แต่ถ้าทำให้พวกปลิงโสโครกได้ประโยชน์ ก็คงรู้สึกไม่พอใจน่าดู
ดังนั้นเผยเชียนจึงตั้งใจจะหาจากอะไรใกล้ๆ ตัวก่อน เพื่อที่จะได้มั่นใจว่าเงินไปอยู่ในมือคนที่ต้องการจริงๆ แล้วค่อยๆ ขยายขอบเขตออกไป
การทำการกุศลด้วยยอดห้าล้านหยวนไม่ได้มากมายอะไรเลย เทียบกับพวกไฮโซต่างประเทศที่ทุ่มบริจาคเงินให้การกุศลเกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของสินทรัพย์ที่ตัวเองมีแล้ว ยอดเท่านี้ดูเล็กน้อยไปเลย
แต่ไฮโซต่างชาติหลายคนทุ่มทำการกุศลก็เพื่อเลี่ยงภาษี คงจะดีถ้าสินทรัพย์ส่วนหนึ่งได้แบ่งไปใช้เพื่อการกุศลอย่างแท้จริง
กลับกันเผยเชียนตั้งใจจะเอาเงินทั้งหมดห้าล้านหยวนไปใช้เพื่อการกุศลอย่างแท้จริงทุกหยวน ไม่มีหักแบ่ง
พอเงินทุนระบบตั้งต้นเพิ่มขึ้น เผยเชียนก็จะเอาเงินไปลงกับกุศลได้มากขึ้น ต่อไปในอนาคต ยอดอาจจะเพิ่มไปเป็นแปดล้านถึงสิบล้าน หรืออาจจะมากกว่านั้น
ต่อไปในระยะยาว เผยเชียนมั่นใจว่าน่าจะได้เปิดองค์กรการกุศล เพื่อจัดการกับงบส่วนนี้และเพื่อให้มั่นใจว่าเงินจะไปถึงมือคนที่ต้องการจริงๆ
แต่ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องตั้งองค์กรขึ้นมา
ดังนั้นเผยเชียนจึงตัดสินมองหาจากสิ่งรอบตัว อย่างน้อยก็น่าจะมั่นใจได้ว่าคนที่ได้เงินไปจะเป็นคนที่ขาดแคลนเท่านั้น
ส่วนเรื่องจะเอาเงินไปให้ใคร…เผยเชียนยังไม่ได้คิด
ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดอยู่ มือถือก็ดังขึ้น
เผยเชียนวางตะเกียบ เหลือบมองหน้าจอ แล้วพบว่าเป็นสายจากจางเหว่ย อาจารย์ของเขา
“หืม” เผยเชียนแปลกใจเล็กน้อย
รอบก่อนจางเหว่ยโทรมาขอให้เขาช่วยคุยกับบอสเฟยหวงสตูดิโอเพื่อหางานให้รุ่นพี่ของเผยเชียน
เผยเชียนคิดว่าตัวเองเจอขุมสมบัติเข้าให้แล้ว จึงรับทุกคนเข้ามาทำงานให้เว็บไซต์จงเตี่ยนจงเหวิน
หลังจากนั้น…
ก็ไม่มีอะไรอีก
ทำไมจางเหว่ยถึงโทรมาหาเขาล่ะ
ตอนนี้เผยเชียนอยู่ปีสอง ไม่ได้มีตำแหน่งอะไรในมหาวิทยาลัย เกรดก็ยังคงเส้นคงวาไม่ต่างจากปีก่อน ไม่มีทางที่จะเข้าเกณฑ์ได้รับทุนหรือรางวัลอะไร ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ไม่น่ามีอะไรเหมือนกัน
หรือจางเหว่ยจะโทรมาขอให้ช่วยหางานให้นักศึกษาอีกโuเวลกูดoทคอม
ไม่น่าใช่ นี่เพิ่งจะเดือนพฤศจิกายน พวกรุ่นพี่ยังเรียนไม่จบ
เผยเชียนกดรับสายด้วยความงุนงง “สวัสดีครับอาจารย์จาง”
จางเหว่ยเงียบไปประมาณสองวินาที ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงลังเล “เผยเชียน หรือผมควรเรียกคุณว่า ‘บอสเผย’ ดี”
เผยเชียน “???”
เขารู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล
ตัวตนของเขาถูกเปิดโปงแล้วงั้นเหรอ!
หลังเรียนจบจางเหว่ยก็รับตำแหน่งเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยต่อ เขาแก่กว่าเผยเชียนประมาณห้าหกปี ยังถือว่าเป็นรุ่นราวคราวเดียวกัน ถึงจะไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กันมากนัก พวกเขาก็ถือว่าสนิทกันเหมือนเพื่อน
จางเหว่ยมักจะควักเงินเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำก๊วนนักศึกษาชายอยู่บ่อยๆ เผยเชียนจึงค่อนข้างรู้สึกดีกับอีกฝ่าย
แต่การโทรมาครั้งนี้เหมือนจะเป็นการสร้างปัญหาให้เผยเชียน!
เผยเชียนเคยบอกจางหยวนว่าตัวเองทำงานพาร์ตไทม์ที่เฟยหวงสตูดิโอ ตอนนั้นจางเหว่ยไม่ได้นึกสงสัยอะไร
แต่ตอนนี้จางเหว่ยเรียกเขาว่า ‘บอสเผย’ ชัดเลยว่างานเข้าแล้ว!
เผยเชียนหัวเราะแห้งๆ “อย่าล้อกันเล่นสิครับอาจารย์จาง ผมกลายเป็นบอสเผยตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
จางเหว่ยทั้งโกรธและขำในเวลาเดียวกัน “เลิกแอ๊บได้แล้ว! ถ้าจูซิงอันไม่ได้แวะมาหาแล้วเล่าเรื่องคุณให้ฟัง ผมคงไม่ได้รู้ความจริง!
“ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณคือบอสของเถิงต๋า แสดงว่าเฟยหวงสตูดิโอกับบริษัทอื่นๆ ก็ของคุณหมดเลยสิ!
“คุณนี่โคตรเก่ง คุณแอบเปิดบริษัทใหญ่อย่างเถิงต๋าแล้วเก็บเป็นความลับมาได้เป็นปี มีแค่ไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้!
“ถ้าเป็นคนอื่น แค่ทำกำไรได้นิดหน่อยก็คงโม้ให้คนทั้งมหา’ลัยฟังแล้ว ส่วนคุณตั้งบริษัทใหญ่โตขึ้นมา แต่ดันแอบซุ่มทำลับๆ ล่อๆ อย่างกับโจร”
เผยเชียน “…”
ฉิบหายแล้ว! ตัวตนถูกเปิดเผย!
เผยเชียนพยายามโผล่ไปออฟฟิศเว็บไซต์จงเตี่ยนจงเหวินให้น้อยที่สุด แต่ยังไงก็ไม่สามารถปิดบังตัวตนไปได้ตลอด…
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง “อาจารย์จางคงรู้ว่าผมปิดเรื่องนี้มาตลอด ผมแค่อยากมีชีวิตธรรมดาที่มหา’ลัย ไม่อยากให้เพื่อนๆ พี่ๆ มารุมของานตอนเรียน เป็นแบบนั้นคงวุ่นวายน่าดู…”
จางเหว่ยอึ้งไป “ความคิดของนักธุรกิจอัจฉริยะเป็นแบบนี้เองเหรอเนี่ย แตกต่างจากคนอื่นสุดๆ… โอเค ถ้าคุณว่างั้น ในฐานะครูผมจะช่วยปิดเรื่องนี้ จะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะกระทบกับชีวิตที่มหา’ลัย
“แต่…
“คุณช่วยอาจารย์จางคนนี้ตอนช่วงนักศึกษาเรียนจบอีกได้มั้ย
“ผมได้ยินจากจูซิงอันว่าคุณรับทุกคนเข้าไปทำงานให้เว็บจงเตี่ยนจงเหวิน ตอนนี้เว็บกำลังไปได้สวย! เห็นมั้ยว่าได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย มหา’ลัยหาเด็กเก่งๆ ให้คุณ ส่วนคุณก็ได้ช่วยหางานให้รุ่นพี่ อัตราการจ้างงานสูงขึ้น ส่วนประสิทธิภาพการทำงานของบริษัทคุณก็เพิ่มขึ้น ดีไปเลยไม่ใช่เหรอ!”
เผยเชียน “…”
ก็ฟังดูดีแหละ แต่…
ช่างเถอะ อธิบายยาก
เผยเชียนไม่อยากรับรุ่นพี่เพิ่มอีก
เขาคงคิดฆ่าตัวตายแน่ๆ ถ้าธุรกิจใหม่ได้ผลลัพธ์เหมือนเว็บไซต์จงเตี่ยนจงเหวินอีก!
ตอนนี้เว็บไซต์จงเตี่ยนจงเหวินยังหาเงินได้ไม่มาก แต่ก็ยังถือว่าเป็นปัญหาอยู่ดี บอสเผยไม่อยากแกว่งเท้าหาเสี้ยนเพิ่มอีก
แต่จะให้ปฏิเสธอาจารย์จางไปก็ไม่ได้อีก เพราะอาจารย์ก็พูดถูก จะมองมุมไหนก็ถือว่าได้ประโยชน์กันทั้งมหาวิทยาลัย ตัวเขาเอง และบริษัท แบบนี้จะหาเหตุผลอะไรไปปฏิเสธ…
ตอนนั้นเอง เผยเชียนก็นึกถึงเรื่องการสอบรับคนเข้าทำงานที่วางเอาไว้ เขาผุดไอเดียขึ้นมา
“อาจารย์จางครับ ตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างนี้
“อาจารย์น่าจะรู้ว่าตอนนี้เถิงต๋ากลายเป็นจุดสนใจจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่คาดไม่ถึง ทางบริษัทเพิ่งจะวางระบบรับพนักงานขึ้นใหม่ ผู้สมัครต้องผ่านการสอบหลายขั้นตอน แล้วเราจะคัดเลือกจากผลคะแนนอีกที
“ผมคงยกเว้นให้ใครเป็นพิเศษไม่ได้เพราะเป็นคนวางระบบเอง”
จางเหว่ย “…งั้นหรอกเหรอ น่าเสียดาย
“โอเค ถ้าวางระบบใหม่แล้ว ผมก็คงไม่บังคับคุณ เดี๋ยวผมบอกนักศึกษาปีสี่ให้ไปเตรียมตัวสอบคัดเลือกเข้าบริษัทคุณไว้ล่วงหน้า”
เผยเชียนนึกอะไรขึ้นได้ “อาจารย์จาง ถึงผมจะช่วยรับนักศึกษาเราไม่ได้ แต่ผมช่วยมหา’ลัยผ่านทางอื่นได้
“อย่างแรก ถ้าได้นักศึกษาป.โทมาช่วยตรวจข้อสอบคัดเลือกพนักงานที่กำลังจะจัดขึ้นจะดีมากเลยครับ ผมมีค่าจ้างให้แน่นอน”
จางเหว่ย “สบายมาก มีนักศึกษาป.โทหลายคนไปช่วยตรวจข้อสอบเข้ามหา’ลัยกับข้อสอบคัดคนเข้ารับราชการอยู่แล้ว น่าจะแบ่งเวลาไปช่วยตรวจข้อสอบให้บริษัทคุณได้ เดี๋ยวผมคุยกับอธิการให้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
เผยเชียนพูดต่อ “ผมอยากบริจาคเงินจำนวนหนึ่งให้นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ด้วย”
จางเหว่ย “ได้สิ เยี่ยมเลย คุณวางแผนไว้รึยังว่าจะจัดการยังไง จะดูตามรายชื่อนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ของมหา’ลัยเลยมั้ย”
เผยเชียนส่ายหน้า “ผมจะดูจากระบบบัตรนักศึกษาของมหา’ลัย แล้วจะคัดคนที่ไปโรงอาหารบ่อยๆ แต่ใช้เงินแต่ละครั้งไม่มาก จากนั้นค่อยให้มหา’ลัยช่วยตรวจสอบฐานะทางการเงินของนักศึกษาที่ผมคัดมาให้
“ผมจะให้เงินนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์เดือนละห้าร้อยหยวน เป็นเวลาห้าเดือน เงินจำนวนนี้ให้เอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
“ผมจะให้ทุนสองพันคน”
จางเหว่ยเงียบไปครู่หนึ่ง “ได้เลย ผมขอขอบคุณคุณแทนพวกนักเรียนที่จะได้ทุนด้วยนะ”