วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน
จางจู่ถิงกับลู่จือเหยาจะมาถึงจิงโจววันพรุ่งนี้ ซึ่งบังเอิญเป็นวันเสาร์พอดี จึงพาไปเลี้ยงต้อนรับที่ครัวส่วนตัวหมิงหยุนได้
เผยเชียนนั่งแท็กซี่ไปสถานีจิงโจวใต้เพื่อสำรวจบ้าน
เขาตัดตัวเลือกออกไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เลือกหลังที่ตกแต่งใหม่สวยงาม มีพื้นที่กว้างขวางขนาดหนึ่งร้อยสี่สิบตารางเมตร ซึ่งราคาก็ตรงกับที่เผยเชียนคาดการณ์ไว้
นอกจากนี้เพราะเผยเชียนจ่ายสดรวดเดียว เลยได้ส่วนลดเพิ่มห้าเปอร์เซ็นต์ จบที่ราคา 1.63 ล้านหยวน
เนื่องจากบ้านยังสร้างไม่เสร็จดี เขาต้องรอจนถึงมีนาคมปีหน้าถึงจะพร้อมส่งมอบ
ราคาอสังหาริมทรัพย์จะพุ่งตัวสูงขึ้นในอีกสองถึงสามปีข้างหน้า บ้านดีๆ ส่วนใหญ่ต้องจ่ายล่วงหน้า และจะสร้างเสร็จในช่วงนั้นพอดี ถ้าเผยเชียนอยากได้บ้านที่ซื้อแล้วเข้าอาศัยได้เลยก็น่าจะซื้อได้แค่บ้านมือสอง
เขามีทางเลือกไม่มาก
ดังนั้นหลังจากพิจารณาองค์ประกอบต่างๆ เขาก็คิดว่าบ้านหลังนี้แหละเหมาะที่สุด ถึงจะต้องจ่ายล่วงหน้า แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า
ยังไงเผยเชียนก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรอยู่แล้ว บ้านที่พ่อแม่อาศัยอยู่ตอนนี้ค่อนข้างเล็กก็จริง แต่ก็อยู่กันมาหลายปีแล้ว ให้อยู่ต่ออีกสักหน่อยก็ไม่เป็นไร
อีกอย่างถึงบ้านจะพร้อมส่งมอบทันที เขาก็ยังต้องตรวจสอบ ตกแต่ง และซื้อเฟอร์นิเจอร์มาลง ซึ่งก็ใช้เวลาอีกสองสามเดือนอยู่ดี ไม่สามารถเร่งได้
พอซื้อบ้านแล้วก็คลายภาระหนักอึ้งไปได้ เผยเชียนรู้สึกสบายใจขึ้น
เรื่องเดียวที่ทำให้ทุกข์ใจคือการได้เห็นเงินในความมั่งคั่งส่วนบุคคลเหลือแค่สองแสนหยวน เขารู้สึกเศร้าที่เห็นเงินซึ่งหามาอย่างยากลำบากหายวับไปง่ายๆ
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ขอแค่รอบบัญชีนี้ขาดทุนได้เยอะกว่าเดิมนิดหน่อย เขาก็หาเงินทั้งหมดที่ใช้ซื้อบ้านไปคืนมาได้แล้ว!
…
เขายุ่งตลอดทั้งวันศุกร์ หลังเซ็นสัญญาซื้อขายบ้านเสร็จ ถึงได้กลับบ้านไปพักผ่อน
วันเสาร์บ่าย เผยเชียนให้เสี่ยวซุน คนขับรถของบริษัท ไปส่งที่ครัวส่วนตัวหมิงหยุนเพื่อรอต้อนรับจางจู่ถิงกับลู่จือเหยา
ทั้งสองบินมาถึงช่วงบ่าย จางจู่ถิงมาถึงก่อนเลยไปพักที่โรงแรม ลู่จือเหยามาถึงต่อจากนั้นไม่นาน แต่เผยเชียนก็ให้คนรับไปส่งที่โรงแรม เพื่อที่จะได้จัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นค่อยรับมากินข้าวที่ครัวส่วนตัวหมิงหยุน
แน่นอนว่าผู้กำกับหนังอย่างจูเสี่ยวเช่อก็ได้มาร่วมมื้ออาหารด้วย เขามารออยู่ก่อนแล้ว
เผยเชียนกับจูเสี่ยวเช่อนั่งกินของว่างรออยู่ในห้องส่วนตัว
เผยเชียนเห็นว่ามีบทหนังสองชุดอยู่ในกระเป๋าเอกสารของจูเสี่ยวเช่อ อีกฝ่ายน่าจะเตรียมไว้ให้จางจู่ถิงกับลู่จือเหยา
แค่คิดถึงบท เผยเชียนก็ปวดหัวขึ้นมาตุบๆ
ตอนจางจู่ถิงขอดูบท เผยเชียนพยายามเลี่ยงได้สำเร็จ
แต่ตอนนี้ลู่จือเหยาก็มาด้วย เผยเชียนคิดว่าเขาก็น่าจะขอดูบทเหมือนกัน
เผยเชียนรู้ว่าทั้งสองคนจู้จี้จุกจิกเรื่องบทมาก ไม่ได้เป็นนักแสดงที่ยอมเล่นหนังทุกเรื่องที่มีคนจ้าง ดังนั้นเขาจึงคิดว่าคงไม่มีทางปิดบังเรื่องบทได้
คุณจางจัดการง่ายหน่อย เพราะเคยร่วมงานกันมาก่อน น่าจะยอมช่วย
แต่ลู่จือเหยาไม่เคยรู้จักกับเผยเชียนมาก่อน แถมยังค่อนข้างมีชื่อเสียง จะยอมมาเล่นหนังที่ใครกำกับก็ไม่รู้ได้ยังไง ถึงจะจ่ายค่าตัวให้สูง แต่พอได้เห็นบท อีกฝ่ายอาจจะไม่ยอมเล่นหนังให้ก็ได้
เผยเชียนกังวลเรื่องนี้
แต่สีหน้าของจูเสี่ยวเช่อกลับไร้ซึ่งความกังวล เขาดูเตรียมตัวมาดีและมั่นใจมากๆ
เผยเชียนไม่เข้าใจเลย บทหนังห่วยแตกขนาดนั้น แต่ทำไมจูเสี่ยวเช่อถึงทำหน้าเหมือนกำลังถือบทที่ได้รางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมอยู่
เขาลองหยั่งเชิงดู “ผู้กำกับจู ลู่จือเหยามาถึงน่าจะขอดูบท ถ้าเขาขอ…”
จูเสี่ยวเช่อไม่รอให้เผยเชียนพูดจบ เขาตบอก “ไม่ต้องห่วงครับบอสเผย ไม่มีอะไรต้องกังวลเลย!
“บทของบอสเขียนมาดีมาก ผมว่าถ้าลู่จือเหยาได้อ่าน เขาจะต้องชอบแน่ๆ อาจจะยอมลดค่าตัวขอเล่นหนังให้เราเองเลยด้วยซ้ำ!”
เผยเชียน “…”
มองโลกในแง่ดีเกินไปรึเปล่า
ได้ยินอย่างนั้นเผยเชียนก็ไม่คิดถามอะไรเพิ่มอีก ได้แต่รอดูว่าพอทุกคนได้เจอกันเรื่องราวจะเป็นยังไง
ไม่นานรถเจ็ดที่นั่งของบริษัทก็มาจอดหน้าร้าน จางจู่ถิงกับลู่จือเหยาลงจากรถแล้วเดินตามพนักงานเข้าไปในครัวส่วนตัวหมิงหยุน แต่ละคนมีผู้ช่วยติดสอยห้อยตามมาหนึ่งคน
เป็นเรื่องปกติที่ดาราจะพาผู้ช่วยมาด้วย เพราะหลายคนตารางงานยุ่งมาก ต้องมีคนคอยช่วยอยู่ข้างๆ ไม่งั้นงานจะล้นมือเกินไป
การที่ทั้งสองพาผู้ช่วยมาแค่คนเดียวแสดงให้เห็นว่าทั้งคู่ทำตัวเป็นกันเองขนาดไหน ดาราดังคนอื่นๆ มักจะพาผู้ช่วยมาด้วยแปดถึงสิบคนเมื่อต้องไปทำงานต่างถิ่น จนดูเหมือนเป็นพระจันทร์ที่รายล้อมด้วยหมู่ดาวโนเวลกูดอทคอม
นี่คือครั้งแรกที่เผยเชียนได้เจอลู่จือเหยาตัวเป็นๆ ก่อนหน้านี้เคยเห็นแค่ในรูปกับคลิปหนังในอินเทอร์เน็ต
ความประทับใจแรกหลังจากได้พบลู่จือเหยาคือ อีกฝ่ายโคตรหล่อ!
ดารามีทั้งแบบถ่ายรูปขึ้นและถ่ายรูปไม่ขึ้น ดาราบางคนในกล้องดูดีมาก แต่ตัวจริงเจิดจ้ายิ่งกว่า เหนือขั้นหนุ่มหล่อสาวสวยธรรมดาขึ้นไปอีก บางคนตัวจริงไม่ได้โดดเด่นขนาดนั้น แต่พอแต่งหน้าก็ดูดีขึ้นกล้อง
ลู่จือเหยาพิเศษกว่านั้น ตัวจริงเขาหล่อฟ้าประทาน แต่ภาพในหนังกลับไม่หล่อเลยสักนิด…
ต้องยอมรับว่าดารานั้นขึ้นอยู่กับฐานแฟนคลับ ถึงจะดูดีแค่ไหน แต่ถ้าคนดูไม่ชอบก็จบ
“บอสเผย! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”
จางจู่ถิงรีบเดินมาจับมือเผยเชียน
“ยินดีที่ได้เจอกันครับบอสเผย”
ลู่จือเหยาเดินตามไปติดๆ
หลังจากคุยกันเล็กน้อย เผยเชียนก็พาทุกคนเข้าห้องส่วนตัวแล้วเชิญให้นั่งประจำที่
ห้องส่วนตัวที่พวกเขาใช้เป็นห้องเดิม คือห้องที่ใหญ่ที่สุดบนชั้นสามของวิลล่า จางจู่ถิงเห็นแสงอาทิตย์ตกดินสะท้อนกับสระไร้ขอบผ่านหน้าต่าง ทิวทัศน์ที่เห็นทำให้นึกถึงครั้งแรกที่ได้มาที่นี่
บรรยากาศรอบกายและทิวทัศน์เบื้องหน้า…ทำให้รู้สึกน้ำลายสอขึ้นมา
แค่คิดถึงอาหารที่เคยได้ลิ้มรสตอนมาที่นี่ครั้งแรก จางจู่ถิงก็อดใจรอสัมผัสประสบการณ์นั้นอีกครั้งแทบไม่ไหว เขาอยากกินอาหารใจจะขาด
แต่เผยเชียนกลับไม่ได้สนใจทั้งจางจู่ถิงและลู่จือเหยา เขากำลังจ้องเขม็งไปทางผู้ช่วยของจางจู่ถิง
แกคือไอ้คนที่จดที่อยู่ครัวส่วนตัวหมิงหยุนไป แล้วเรียกพวกไฮโซทั่วจิงโจวมากินร้านฉันสินะ!
บอสเผยแค้นใจมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เก็บงำความขุ่นเคืองไว้ เพราะเห็นแก่หน้าจ๋าจูถี
เผยเชียนแนะนำผู้กำกับจูเสี่ยวเช่อให้จางจู่ถิงกับลู่จือเหยารู้จัก พวกเขาคุยเล่นกันสักพัก อาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟทีละจาน
ถึงลู่จือเหยาจะเคยกินอาหารดีมามากมาย แต่เขาก็ต้องตื่นตะลึงไปเมื่อได้เห็นอาหารตรงหน้า
ก่อนจะมาจิงโจว เขาได้ยินมาว่าที่นี่มีภัตตาคารไร้ชื่อที่อาหารอร่อยมาก แต่ก็ไม่ได้หวังอะไรมากนัก เพราะเคยไปตระเวนถ่ายหนังมาทั่วประเทศ ร้านที่ว่ามันจะดีสักแค่ไหนกันเชียว
แต่พอได้ลองชิมอาหาร เขาก็พบว่ารสชาติไม่ได้ด้อยไปกว่าร้านดังที่เคยไปมา แถมบรรยากาศกับการให้บริการยังเหนือชั้นกว่าสุดๆ!
ทันทีที่ได้ลิ้มรสอาหารชั้นเลิศ ปัญหาและความกังวลใจที่แบกไว้ก็เบาลงไปมาก
หลังจากหนังเรื่องใหม่เจ๊งไม่เป็นท่า ลู่จือเหยาก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในบ้าน เขาตัดสินใจว่าจะไม่เล่นหนังไปสักพัก
ทีมนักแสดงเรื่องก่อนมีแต่คนเก่งๆ แต่หนังก็ยังไปไม่รอด ถ้าหนังเรื่องถัดไปที่ไปเล่นเจ๊งขึ้นมาอีกจะทำยังไง
ใจของเขาคงจะทนรับไม่ไหว
ลู่จือเหยายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเล่นหนังเรื่องนี้หรือเปล่า เขาไม่ได้คิดเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ ที่ตัดสินใจมาจิงโจวก็เพื่อมาพักผ่อนจิตใจ ไม่ได้มาทำงาน
แต่ตอนนี้พอเห็นอาหารเลิศหรูตรงหน้าและพนักงานที่ดูแลเป็นอย่างดี ลู่จือเหยาก็รู้สึกว่าบอสเผยให้ความสำคัญกับตนมาก
ตอนแรกเขาตั้งใจจะมาเที่ยวรอบๆ เมือง แต่พอได้กินอาหารมื้อนี้ก็รู้สึกกระดากใจขึ้นมา
เหมือนคำพูดที่ว่า รับของคนอื่นมาก็ต้องเกรงใจ ถึงจะยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเล่นหนังให้ดีหรือเปล่า แต่เขาก็รู้สึกว่าควรจะถามคำถามให้เข้าใจอะไรๆ มากขึ้น
คิดได้แบบนั้น ลู่จือเหยาก็เปิดประเด็น “บอสเผย ผู้กำกับจู มาคุยเรื่องหนังกันดีกว่าครับ
“บอกตรงๆ เลยว่าตอนนี้สภาพจิตใจผมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ รู้สึกยังไม่พร้อม คุณจางน่าจะเข้าใจดีว่าสภาพจิตใจของนักแสดงมีผลต่อการแสดงมาก ที่ผมปฏิเสธข้อเสนอไปก่อนหน้านี้เพราะกลัวว่าจะแสดงได้ไม่ดีแล้วพาทุกคนล่ม
“แล้วผมก็ยังได้ฉายาว่าเป็น ‘พิษร้ายของวงการหนัง’ ผมไม่อยากเป็นภาระให้พวกคุณ”
ก่อนจะปฏิเสธข้อเสนอเด็ดขาด ลู่จือเหยาตำหนิตัวก่อน เพื่อที่จะได้ไม่ทำร้ายความรู้สึกอีกฝ่ายถ้าสุดท้ายยังตัดสินใจไม่รับบท
ส่วนจะตัดสินใจรับบทหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับบทและความจริงใจของบอสเผย
ถ้าบทแย่เขาก็จะปฏิเสธ แต่ถ้าบทดูดีก็อาจจะลองดู


 
		 
		 
		 
		