“ฮัดชิ่ว!”
เผยเชียนจามระหว่างทางกลับจากเฟยหวงสตูดิโอ
“ทำไมสังหรณ์ใจไม่ดีเลย…
“เกิดอะไรขึ้นกับกิจการสักที่รึเปล่า ไปตรวจดูดีมั้ย
“…ช่างเถอะ”
แวบหนึ่งเผยเชียนรู้สึกอยากจะตรวจดูกิจการต่างๆ ว่ามีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นหรือเปล่า แต่ไม่นานเขาก็ผลักความคิดนั้นออกจากหัว
ยังไงก็ตรวจไม่เจอหรอก!
ตอนนี้เผยเชียนมีกิจการมากมายต้องดูแล ให้เช็กดูทั้งหมดคงเป็นงานช้าง
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เผยเชียนก็สรุปว่าตัวเองน่าจะคิดมากเกินไป เขาตัดสินใจให้ความสำคัญกับงานในมือตอนนี้ก่อน
คิดได้อย่างนั้น เขาก็ต่อสายหาจางจู่ถิง
จางจู่ถิงรับโทรศัพท์แทบจะทันที ทั้งสองทักทายและหยอกล้อกันเล็กน้อยอย่างสนิทสนม
ถึงโฆษณาเกมเพลงรบโลหิตจะทำให้จางจู่ถิงต้องหนักใจอยู่บ้าง แต่มันก็ช่วยให้เขาดังขึ้น
ความสำเร็จของเกมเพลงรบโลหิตเวอร์ชันมือถือทำให้ทุกคนที่เคยมองว่าเกมนี้ ‘ต้องเปย์หนัก’ ‘หลอกกินเงิน’ และ ‘ทำขึ้นให้พวกรวยแต่โง่เล่น’ เปลี่ยนความคิด ขณะเดียวกันหลายคนที่เคยเกลียดจางจู่ถิงก็กลายมาเป็นแฟนคลับของเขาแทน
ดาราตกยุคอย่างจางจู่ถิงกลับมามีชื่อเสียงยิ่งกว่าเดิม!
ด้วยเหตุนี้จางจู่ถิงจึงรู้สึกขอบคุณบอสเผยมากๆ
“คุณจางว่างมาถ่ายหนังสักเดือนสองเดือนมั้ยครับ ผมมีหนังที่กำลังจะถ่ายทำ ตั้งใจว่าจะเชิญคุณมาร่วมแสดง
“พวกเราเคยร่วมงานกันมาก่อน ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าตัวนะครับ ผมไม่กดค่าตัวคุณแน่นอน”
จางจู่ถิงอึ้งไป
ถ่ายหนังเหรอ
บริษัทบอสเผยเป็นบริษัทเกมไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาถ่ายหนังได้ล่ะ
หรือว่ากำลังขยายกิจการไปอุตสาหกรรมอื่น
จางจู่ถิงไม่ได้ถามอะไรมาก เพราะก็มีบริษัทใหญ่หลายแห่งที่กำลังหาทางขยายกิจการไปอุตสาหกรรมภาพยนตร์กันอยู่ แม้แต่เจ้าของเหมืองถ่านหินกับทายาทตระกูลร่ำรวยยังลองสร้างหนังกันเลย จางจู่ถิงจึงไม่ได้ติดใจอะไรนัก
อีกอย่างบอสเผยเองก็มีกิจการภัตตาคารหรู ถ้าอีกฝ่ายคิดจะสร้างหนังก็ไม่น่าจะใช่เรื่องแปลกอะไร
จางจู่ถิงตอบ “ได้ครับบอสเผย เดือนสองเดือนหน้าผมว่างพอดี เราเองก็คุ้นเคยวิธีการทำงานของกันและกันดี เรื่องค่าตัวเดี๋ยวก็ต่อรองกันได้ เดี๋ยวผมคิดให้ราคากันเอง แต่ขออ่านบทก่อนได้มั้ยครับ”
เผยเชียนเงียบไปครู่หนึ่ง “ผมไม่ขอส่วนลดค่าตัว แต่ขอเป็นไม่ถามถึงเรื่องบทแทนได้มั้ยครับ”
จางจู่ถิงอึ้งไปอีกรอบ เขาหัวเราะร่า “บอสเผยเป็นคนมีอารมณ์ขันตลอดเลย บทยังไม่เสร็จดีเหรอครับ งั้นเอาไว้ค่อยคุยกันก็ได้ ถือว่าผมทำเพื่อคุณ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องต่างๆ แล้วจะรีบบินไปจิงโจว”
“โอเคเลยครับ เดี๋ยวผมให้ช่องทางการติดต่อผู้กำกับ คุณคุยกับเขาโดยตรงได้เลย อ้อ แล้วก็อีกเรื่อง ผมกำลังหานักแสดงหนุ่มมาเป็นตัวเอกของเรื่อง คุณมีใครแนะนำมั้ยครับ” เผยเชียนถาม
จางจู่ถิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เยอะเลยครับ อยากได้แบบไหนเป็นพิเศษมั้ยครับ”
เผยเชียนตอบโดยไม่คิด “ยิ่งค่าตัวแพงยิ่งดีครับ”
จางจู่ถิงกระตุกยิ้ม “ค่าตัวแพงเหรอครับ ผมไม่รู้จักนักแสดงค่าตัวแพงเลย ผมก็แค่นักแสดงตกยุค จะไปรู้จักดาราหน้าใหม่ดังๆ ได้ยังไง ในเมื่อเงื่อนไขคุณมีแค่อย่างเดียว แล้วนักแสดงหนุ่มค่าตัวแพงในจีนก็ไม่ได้เยอะนัก ทำไมคุณไม่ลองถามทีละคนดูล่ะครับ”
เผยเชียนพยักหน้า “ก็จริงครับ เดี๋ยวผมลองหาดู”
เขามาถึงเถิงต๋าตอนที่วางสายพอดี
เผยเชียนลงจากรถแล้วตรงไปที่ห้องทำงาน จากนั้นก็เริ่มหานักแสดงหนุ่มที่กำลังดังผ่านเว็บเชียนตู้
มีหลายอย่างที่แตกต่างออกไปในโลกนี้ ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนและวงการเกมมือถือพัฒนาไปเร็วกว่าที่เผยเชียนจำได้สามถึงสี่ปี
วงการภาพยนตร์เองก็แตกต่างจากความทรงจำของเขา
เผยเชียนจำได้ว่าหนังเรื่องแรกที่ไม่สนใจทักษะการแสดง แต่หวังพึ่งฐานแฟนคลับของนักแสดงออกฉายในปี 2011 จากนั้นก็เริ่มเป็นกระแสนิยมในปี 2013 และขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดในปี 2014 และ 2015 ก่อนจะเริ่มเสื่อมความนิยมลง
สถานการณ์ของโลกนี้แตกต่างออกไป กระแสนี้มาเร็วกว่านี้เผยเชียนจำได้
เผยเชียนคิดว่าน่าจะเป็นอิทธิพลมาจากการพัฒนาอย่างรวดเร็วของมือถือกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
สรุปแล้วตอนนี้หนังแบบที่ว่าเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในโลกนี้ ไอดอลหน้าใสกระแสดังหลายคนเรียกค่าตัวสูงลิ่วจนเว่อร์เกินไปมากๆ
แน่นอนว่านอกจากเหล่าไอดอลหน้าใสแล้ว ซุป’ตาร์ชายเองก็ค่าตัวสูงไม่ต่างกัน
เผยเชียนเลือกไม่ถูก
จะจ้างใครมาเป็นตัวเอกดี
ถ้าจ้างนักแสดงไม่ดังก็ผลาญเงินได้น้อย
แต่ถ้าจ้างดาราดังก็จะผลาญเงินเพิ่มได้ แต่ก็การันตีเรื่องฝีมือการแสดงได้ แถมยังน่าจะทำให้หลายคนอยากซื้อตั๋วมาดูฝีมือการแสดง
แล้วถ้าจ้างไอดอลหน้าใสที่กำลังมาแรงล่ะ
น่าจะดีกว่าในหลายๆ ด้าน แต่เผยเชียนไม่ค่อยชอบไอดอลเท่าไหร่ เขาเอาเงินไปใช้กับเรื่องอื่นจะดีกว่า ถ้าเอามาจ้างพวกไอดอลก็จะทำให้พวกเขาได้รับผลประโยชน์ที่ไม่ควรจะได้ แถมยังสร้างวัฒนธรรมที่ให้ค่าหน้าตามากกว่าทักษะ…
เผยเชียนไม่ค่อยพอใจกับเรื่องนี้
ระหว่างที่กำลังคิดไม่ตก เขาก็ค้นข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตไปเรื่อยๆ ด้วยความหวังว่าจะโชคดีเจอคนเหมาะๆ
ทันใดนั้นสายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้าที่ประโยคหนึ่ง
‘พิษร้ายของวงการหนัง!’
“หืม”
เผยเชียนรู้สึกสนใจขึ้นมา ประโยคที่ว่ามาจากกระทู้ดังชื่อ ‘ลู่จือเหยาคือพิษร้ายของวงการหนัง!’ ในเว็บบอร์ดหนึ่ง
กระทู้นี้ค่อนข้างดังทีเดียว มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์เพียบ пᴏveʟɢᴜ.cᴏᴍ
“ใช่! นักแสดงระดับนั้นยังพาเจ๊งได้ โคตรจะไม่เข้าใจเลย!”
“ขนาดผู้กำกับฝีมือเยี่ยมอย่างผู้กำกับหลิวยังเข็นไม่ขึ้น ไม่มีใครเข็นเจ้านี่ได้หรอก!”
“นักแสดงนำหญิงสองคนช่วยส่งนักแสดงชายมาหลายคน แต่เจ้านี่ก็ยังพาหนังเจ๊งยับได้เหมือนเดิม…”
“อยากรู้ว่าทำหนังเจ๊งขนาดนี้แล้วทำไมถึงยังมีงานเข้าตั้งเยอะตั้งแยะ”
“เอาจริงๆ นะ ฝีมือการแสดงของเขาก็ไม่ได้แย่ เป็นคนทุ่มเท ทำงานด้วยง่าย ฉันยังไม่เคยได้ยินข่าวเสียๆ หายๆ เกี่ยวกับเขาเลยนะ หน้าตาก็ดูดี แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่มีใครอยากเห็นเขาบนจอ…”
“ใช่ๆ เห็นชื่อเขาในหนังเรื่องไหน ฉันนี่ไม่อยากจะดูเลย”
“ฉันว่าน่าจะมีหลายเหตุผล หนึ่ง ไม่ค่อยดึงดูดคนดู สอง หล่อเกินไป เล่นบทไหนก็ทำให้เชื่อไม่ได้ เอาจริงๆ ไม่น่าไปเล่นหนังจริงจังแบบนั้นเลย น่าจะไปเล่นหนังเรียกกระแสแฟนคลับมากกว่า”
“เสียดายที่เดบิวต์เร็วไปหน่อย ตอนนี้อายุเลยวัยที่จะเรียกว่าไอดอลหน้าใสได้แล้ว แถมยังทะเยอทะยานสูง ไม่ยอมรับงานถูกๆ เอาแต่จะเล่นหนังบทดีๆ เพื่อที่จะได้ฝึกฝีมือการแสดง”
“ขอเถอะ! เลิกทำลายบทหนังที่มันดีๆ สักที!”
“ถ้าพาหนังเจ๊งอีกเรื่อง ฉันว่าก็คงไม่มีผู้กำกับคนไหนอยากจ้างอีกหรอก ค่าตัวแพงหูฉี่ แต่ตั๋วหนังดันขายไม่ได้เลย โคตรจะไม่คุ้มค่าตัว”
หลังจากอ่านคอมเมนต์ของทุกคน เผยเชียนก็ตาเป็นประกายขึ้นมา
เจ้าลู่จือเหยาเหมาะกับบทสุดๆ
เผยเชียนรีบหาข้อมูลผลงานที่ผ่านมาของอีกฝ่าย
เขาพบว่าตอนนี้ลู่จือเหยาเป็นหนึ่งในห้าดาราชายที่มีชื่อเสียงที่สุด เรียกได้ว่ากระแสดีทีเดียวและเคยเล่นหนังดีๆ มาหลายเรื่อง พอเข้าวงการมาก็เลือกเล่นแค่หนังที่เน้นคุณภาพ ถึงหนังจะทำเงินได้ไม่มาก แต่ฝีมือการแสดงก็โดดเด่นทีเดียว ทำให้คนดูตั้งความหวังกับเขาไว้มาก
แต่ยิ่งเล่นหนังมากขึ้น เรื่องราวก็กลับไปคนละทิศละทาง
ฝีมือการแสดงของลู่จือเหยาไม่ได้แย่ จริงๆ ก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แถมยังเป็นคนนิสัยดี ตั้งใจทำงาน แต่ยิ่งเวลาผ่านไป หนังที่เขาเล่นก็ห่วยลงเรื่อยๆ
ตอนแรกแฟนๆ คิดว่าคงเป็นเพราะบทหนังที่เป็นตัวฉุดความสำเร็จและรู้สึกไม่พอใจแทน ทำให้ค่าตัวของเขาพุ่งขึ้น แต่ทุกคนก็ค่อยๆ ตระหนักว่าลู่จือเหยาต่างหากที่เป็นตัวฉุดความสำเร็จของหนังลง
ดาราฝีมือดีคนอื่นๆ ช่วยให้หนังทำเงินได้ง่ายๆ แต่นอกจากลู่จือเหยาจะพาหนังทำเงินไม่ได้แล้ว ยังทำให้คนดูเบือนหน้าหนีอีก!
หนังเรื่องล่าสุดที่เขาเล่นได้ราชานักแสดงชื่อดังและดาราสาวสองคนที่เป็นที่นิยมสูง แต่หนังกลับเจ๊งยับเยิน!
ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงเริ่มคิดว่าลู่จือเหยาคือ ‘พิษร้ายของวงการหนัง’
เผยเชียนค้นข้อมูลเพิ่มแล้วพบว่าตอนเรียนลู่จือเหยาได้เกรดสูงทีเดียว จึงคิดว่าทักษะภาษาอังกฤษน่าจะไม่แย่
เผยเชียนตัดสินใจได้ทันทีว่าต้องเป็นคนนี้แหละ!
เขาคือตัวเลือกที่เหมาะที่สุด!
เผยเชียนส่งชื่อลู่จือเหยาไปให้จูเสี่ยวเช่อ “ติดต่อคนนี้ไป ผมคิดว่าเขาเหมาะรับบทตัวเอกที่สุด!”
…
…
วันรุ่งขึ้น
เผยเชียนเพิ่งจะตื่นได้ไม่นาน จูเสี่ยวเช่อก็โทรมาหา
“บอสเผยครับ ผมมีเรื่องจะรายงานสองเรื่อง
“ผมติดต่อจางจู่ถิงไปแล้ว อีกสองถึงสามวันเขาจะเดินทางมาที่จิงโจว ตอนนี้เรากำลังจัดหาที่พัก บอสไม่ต้องห่วงเรื่องนี้นะครับ
“ส่วนเรื่องลู่จือเหยาที่บอสส่งข้อความมาหาเมื่อวาน… ผมติดต่อผู้จัดการไปและได้คุยกับเจ้าตัวแล้ว แต่ช่วงนี้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เลยปฏิเสธข้อเสนอครับ อีกฝ่ายบอกว่าตอนนี้ยังไม่อยากเล่นหนัง”
เผยเชียนชะงักไป “เสนอค่าตัวให้เพิ่มรึยัง”
จูเสี่ยวเช่ออ้ำอึ้ง “เอ่อ… ผมเห็นว่าอีกฝ่ายสภาพจิตใจไม่ค่อยดี เลยไม่อยากรบเร้า แค่บอกเป็นนัยๆ ว่าจะขึ้นค่าตัวให้อีก แต่เหมือนอีกฝ่ายจะตามไม่ทัน ผมเลยไม่ได้รบเร้าต่อ”
เผยเชียนอดส่ายหัวขึ้นมาไม่ได้
เรื่องผลาญเงินนี่มันบอกมันสอนกันไม่ได้จริงๆ
คนแบบผู้กำกับจูเสี่ยวเช่อได้ศึกษาวิธีการผลาญเงินจากบอสเผยมาตั้งนาน แต่กลับไม่รู้วิธีการผลาญเงินเลย
การเอาเงินฟาดหัวนี่แหละคือไพ่ตายที่ใช้แก้ไขปัญหาทุกอย่าง ไพ่ตายนี้ใช้ไม่ยากเลย ก็แค่บอกไปตรงๆ!
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีข้ออ้างอะไร เอาเงินฟาดหัวเพิ่มก็จบแล้ว แค่บอกจำนวนไปตรงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อมหรือพูดเป็นนัย
แต่พูดเรื่องนี้ผ่านโทรศัพท์จะดูไม่ค่อยจริงใจเท่าไหร่ เจอกันตัวต่อตัวจะดีที่สุด
เผยเชียนคิดอยู่พักหนึ่ง “เอางี้ ชวนลู่จือเหยามาพักผ่อนที่จิงโจวในนามของเถิงต๋า เราจะเป็นสปอนเซอร์ให้ทั้งทริป พออีกฝ่ายมาค่อยเข้าไปคุยด้วยแล้วเสนอเพิ่มค่าตัวให้ต่อหน้า!”
จูเสี่ยวเช่อ “ได้ครับบอสเผย”
เผยเชียนยืนกรานจะจ้างลู่จือเหยาให้ได้ ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นพิษร้ายของวงการหนัง เขาก็ต้องจ้างให้มาเล่นหนังให้ได้!
แน่นอนว่าช่วงนี้เพื่อนรักคนนี้อาการไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ หนังเรื่องใหม่เจ๊งไม่เป็นท่า น่าจะหดหู่ใจไม่น้อย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหมาะกับบทบาทตัวเอกแค่ไหน!
เนื่องจากบทหนังของเขามีแต่ประเด็นชวนยี้ เผยเชียนจึงคิดว่าการเพิ่มค่าตัวให้อีกฝ่ายเป็นค่าทำขวัญที่ต้องเอาตัวมาปวดหัวก็ดูจะเหมาะสมดี
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ตอนที่โมหยูเดลิเวอรี่กำลังจะมาส่งอาหาร จูเสี่ยวเช่อก็ติดต่อกลับมาอีกรอบ
“เรียบร้อยแล้วครับบอสเผย ลู่จือเหยายอมมาจิงโจวแล้วครับ!”
เผยเชียนพยักหน้า “โอเค เดี๋ยวผมจัดคนไปดูแล พวกคุณจัดการเรื่องหนังกันต่อเลย เดี๋ยวผมจัดการเรื่องลู่จือเหยาเอง”
เผยเชียนคิดว่าลู่จือเหยาน่าจะยังหดหู่ที่หนังไม่ประสบความสำเร็จและไม่อยากจะทำอะไรสักอย่าง
เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่เล่นหนังให้กับบริษัทที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน
เผยเชียนเชิญอีกฝ่ายมาผ่อนคลายจิตใจที่จิงโจว ถ้าได้คุยกันต่อหน้า ก็จะโน้มน้าวได้ง่ายขึ้น!
เผยเชียนไม่คิดว่าลู่จือเหยาผู้เป็น ‘พิษร้ายของวงการหนัง’ จะยังปฏิเสธเขาได้อีก หลังจากได้ลิ้มรสอาหารที่ครัวส่วนตัวหมิงหยุนและได้รับข้อเสนอค่าตัวมหาศาล!