เยว่จือโจวมองสิ่งที่ตัวเองจดลงสมุด
รู้สึกเหมือน…ทุกอย่างจะตรงข้ามกับทิศทางที่เขาทำมาเลย
อย่างกับว่าบอสเผยตั้งใจแนะนำตรงกันข้ามกับที่เสนอไป
“หรือนี่จะเป็นความลับที่ทำให้บอสเผยทำเกมออกมาประสบความสำเร็จตลอด
“บอสสรุปองค์ประกอบของเกมทั่วไปในตลาด แล้วตั้งใจพัฒนาเกมในทิศทางตรงข้ามเพื่อให้เกมเมอร์ได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ อย่างนั้นเหรอ
“ฮึ่ม…”
เยว่จือโจวคิดว่าแนวคิดนี้ออกจะบ้าบอไปหน่อย นอกจากจะเป็นการดูถูกบอสเผยแล้ว ยังเป็นการดูถูกตัวเองอีก
ถ้ามันง่ายขนาดนั้น ทำไมเขาต้องเค้นหัวคิดทุกวันว่าจะทำเกมแบบไหนขึ้นมาดี
แต่พอตั้งใจดูให้ละเอียด เยว่จือโจวก็พบอีกปัญหา
บางจุดที่บอสเผยเปลี่ยนให้เป็นตรงกันข้ามดูจะสุดโต่งเกินไป
เช่น บอกให้พวกเขาทำเกมสยองขวัญในรูปแบบเกมมัลติเพลเยอร์
จะทำได้ยังไงล่ะเนี่ย!
มันจะกลายเป็นเกมสยองขวัญที่มีคนเล่นพร้อมกันสองคนขึ้นไป แบบนั้นจะยังน่ากลัวอยู่อีกเหรอ
ไม่เคยมีเกมแบบนี้ในตลาดเลย
แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งก็มองได้ว่าเกมที่ออกมาจะมีความสดใหม่ น่าจะกลายเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง
เยว่จือโจวตกอยู่ในวังวนความคิดโดยไม่รู้ตัว ความคิดมากมายแล่นผ่านไปมาจนเขารู้สึกเวียนหัว
หวังเสี่ยวปินเองก็เวียนหัวไม่ต่างกัน
เขาไม่คิดว่าเกมแบบที่บอสบอกมาจะสร้างได้จริง
เพราะตอนนี้ไม่มีเกมแบบนี้ในตลาดเลย จะให้พวกเขาเริ่มปั้นขึ้นมาจากศูนย์ได้ยังไง
“ขอคำแนะนำเพิ่มได้มั้ยครับบอสเผย”
เผยเชียนแอบยิ้มย่องอยู่ในใจ
ขอคำแนะนำเพิ่มเหรอ
ไม่มีแล้วโว้ย ไปคิดกันเอาเอง ขอแค่พวกแกทำเกมเจ๊งออกมาได้ก็พอ
เผยเชียนกำลังจะตอบปฏิเสธ แต่หลินหวานก็ชิงพูดขึ้นก่อน
“แค่นั้นก็พอแล้วค่ะ บอสเผยให้แนวทางพวกเรามาแล้ว คำแนะนำของบอสแฝงไปด้วยความหมายเบื้องลึกของเกม
“เราต้องงัดประสบการณ์การเล่นเกมที่สั่งสมมาตลอดสองสัปดาห์ออกมาใช้ พวกเราต้องมีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่ควรทำตัวเป็นเด็กร้องกระจองอแงขออาหารและนอนรอบอสเผยตักป้อนให้”
เผยเชียน “…”
เยี่ยมมาก ผู้อำนวยการหลิน!
พูดได้ตรงใจฉันมาก
หวังเสี่ยวปินก้มหัวด้วยความละอายใจ
จริงด้วย บอสเผยให้แนวทางมาแล้ว เราไม่มีความสามารถถึงขนาดคิดรายละเอียดต่างๆ ต่อได้เลยเหรอ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่คู่ควรกับการเป็นนักออกแบบเกมเลย!
“ถ้าอย่างนั้นเราจะกลับไปคิดแผนใหม่ครับ” หวังเสี่ยวปินกับเยว่จือโจวกลับไปที่โต๊ะแล้วตั้งหน้าตั้งตาแก้งาน
เผยเชียนขอให้หลินหวานอยู่ต่อเพื่อคุยเรื่องบริษัท OTTO
เขาบอกหลินหวานเรื่องจ้างฉางโหย่วแล้ว แต่เป็นการบอกผ่านโทรศัพท์ เลยไม่ได้คุยรายละเอียดอะไรกันมากมาย
เผยเชียนกะว่าจะอธิบายรายละเอียดต่างๆ เพิ่ม
เพราะยังไงหลินหวานก็เป็นผู้อำนวยการบริษัท OTTO ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สูงกว่าฉางโหย่ว
ถ้าหลินหวานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท OTTO มาก ถึงบริษัทจะเจ๊ง หลินหวานก็คงไม่รู้สึกหมดหวัง ซึ่งก็จะลดโอกาสที่จะผลักไสไล่ส่งให้เธอกลับไปรับช่วงต่อกิจการที่บ้าน
เป้าหมายสูงสุดของเผยเชียนคือทำให้หลินหวานรู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญกับการดำเนินงานของบริษัท OTTO พอสินค้าที่ปล่อยออกมาขายไม่ออก หลินหวานก็จะรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับงานที่ทำ และถ้าเกมของฉางหยางเกมส์ไม่รุ่งอีก เธอต้องหมดกำลังใจแน่
“เรื่องฉางโหย่ว ผมรู้ว่าหลายๆ คนโดยเฉพาะคนในวงการมองเขาในแง่ลบ แต่…”
เผยเชียนรู้สึกกังวลเล็กน้อย ถ้าหลินหวานกับฉางโหย่วเข้ากันไม่ได้ หลินหวานอาจจะโบ้ยว่าเป็นความผิดของอีกฝ่ายได้ในกรณีที่กิจการไปไม่รอด ถ้าเป็นอย่างนั้น เธอก็น่าจะไม่ยอมกลับไปรับช่วงต่อกิจการที่บ้านอีก
หลินหวานส่ายหน้าเบาๆ “สบายใจได้ค่ะบอสเผย
“ถ้าบอสเป็นคนเลือก หนูก็เชื่อว่าเขาจะต้องเป็นคนที่เก่งมากๆ
“ตอนนี้เราอยู่ในยุคอินเทอร์เน็ต เป็นยุคที่มีข้อมูลรายล้อมรอบตัวเราเต็มไปหมด แต่เรากลับไม่ค่อยเห็นข้อมูลที่เป็นความจริงเลย
“ข่าวลือสามารถกระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ตภายในเวลาข้ามคืนได้ แต่กลับไม่มีใครสนใจเลยเวลามีคนออกมาบอกข้อมูลที่ถูกต้อง ทั้งๆ ที่ก็หาเจอได้ในอินเทอร์เน็ตเหมือนกัน
“ข้อมูลเรื่องอดีตที่ผิดพลาดของคนคนหนึ่งก็สามารถแพร่กระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ตในชั่วข้ามคืนได้เหมือนกัน หลายคนอาจจะคิดว่าตัวเองรู้จักคนคนนั้นทุกอย่างหลังจากอ่านข้อมูลเหล่านั้น
“แต่ข้อมูลที่นำมาใช้โจมตีกลับปิดบังตัวตนที่แท้จริงของคนคนหนึ่งไว้
“ถึงหนูจะมีหลายประเด็นที่เห็นไม่ตรงกันกับคุณพ่อ แต่หนูก็เห็นด้วยกับความคิดเห็นของคุณพ่อที่มีต่ออินเทอร์เน็ต คุณพ่อเน้นอยู่เสมอว่าอินเทอร์เน็ตนั้นไม่ได้มีข้อมูลทุกเรื่อง และข้อมูลที่คนนำมาใช้โจมตีกันและกันสามารถทำให้ใครคนหนึ่งตามืดบอดได้
“หนูเชื่อว่าบอสเผยตัดสินใจมาดีแล้วถึงให้คุณฉางเข้ามารับผิดชอบบริษัท OTTO
“ถ้าบอสไว้ใจคุณฉาง หนูก็ไว้ใจเขาเหมือนกันค่ะ”
เผยเชียนผงะไปชั่วครู่
เขายังไม่ทันได้อ้าปาก หลินหวานก็แย่งสิ่งที่เขาจะพูดไปจนหมด
“ใช่…ถูกต้องแล้ว
“แต่ในฐานะผู้อำนวยการ คุณเองก็เป็นบุคคลที่จำเป็นสำหรับบริษัท OTTO อย่าคิดว่าตัวเองไม่มีส่วนสำคัญกับบริษัทล่ะ”
เผยเชียนกำลังบอกใบ้หลินหวานว่าให้เข้าไปมีส่วนร่วมกับการดำเนินงาน จะได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนสำคัญของบริษัท
ทำแบบนี้ถ้ากิจการมือถือเจ๊ง หลินหวานก็จะรู้สึกว่าตัวเองมีส่วนรับผิดชอบกับเรื่องนี้ เธอก็จะรู้สึกอยากกลับบ้านไปรับช่วงต่อกิจการครอบครัวมากขึ้น
หลินหวานพยักหน้า “ไม่ต้องห่วงค่ะบอสเผย หนูจะคอยควบคุมดูแลบริษัท OTTO โดยจะพยายามไม่เข้าไปจู้จี้จุกจิกมากเกินไป แต่จะให้ทิศทางสำหรับการดำเนินงานในอนาคต หนูจะพยายามปลูกฝังจิตวิญญาณของเถิงต๋าและผลักดันให้ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่”
เผยเชียนพอใจมาก เขารู้สึกว่าพนักงานของตัวเองให้ความร่วมกับแผนงานเป็นอย่างดี และตอนนี้แผนการทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม
…
หลังจากเผยเชียนกลับออกไป เยว่จือโจวกับหวังเสี่ยวปินก็พากันเค้นสมองแก้งาน
ยากโคตร!
บอสเผยให้การบ้านมาเยอะมาก จะออกแบบเกมออกมายังไงดีโuเวลกูดoทคoม
เงื่อนไข ‘เกมมัลติเพลเยอร์’ เป็นเงื่อนไขที่ยากมาก นอกจากนั้นพวกเขายังถูกห้ามทำเนื้อเรื่อง ห้ามใช้ภูตผีปีศาจ และห้ามทำระบบอาวุธดีๆ
ทั้งสองตกใจมาก พวกเขาเคยได้การบ้านจากบอสเผยมาก่อน แต่ก็มักเป็นเรื่องง่ายๆ
ตัวอย่างเช่น บอสเผยเคยบอกให้พวกเขาตัดช่องทางเก็บเงินผู้เล่นในเกมเพลงรบโลหิตออกให้หมด เหลือไว้แค่อย่างเดียว หลังจากคิดอยู่นาน เยว่จือโจวก็ทำระบบ ‘ผู้ถูกเลือก’ ขึ้นมา
ที่ทำได้ก็เพราะเกมมีแนวทางที่แน่นอนอยู่แล้ว เยว่จือโจวแค่ปรับแก้อะไรเพิ่มเล็กน้อย
ก็เหมือนตอนทำเกมเพลงรบโลหิตเวอร์ชันมือถือ พวกเขาไม่ได้เปลี่ยนแนวทางอะไรเลย ทุกอย่างเป็นสิ่งที่พวกเขาคุ้นชิน ดังนั้นกระบวนการต่างๆ จึงเป็นไปอย่างง่ายดายและราบรื่น
แต่รอบนี้ไม่เหมือนกัน
เกมสยองขวัญกับเกมสแตนด์อโลนเป็นแนวทางที่บริษัทไม่เคยทำมาก่อน คำแนะนำที่บอสเผยให้มาก็ไม่ค่อยชัดเจน ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกำลังคลำทางอยู่ท่ามกลางความมืด
พอไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงดี ทั้งสองก็หันไปหาหลินหวาน
ทุกคนในฉางหยางเกมส์ไม่เคยมีประสบการณ์วิเคราะห์จุดประสงค์ที่แท้จริงของบอสเผย
“ผู้อำนวยการหลิน ช่วยพวกเราคิดหน่อยได้มั้ยครับว่าบอสเผยอยากสร้างเกมแบบไหน”
หลินหวานดึงเก้าอี้มานั่งลงข้างๆ เธอเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “จริงๆ แล้วหนูก็ยังเป็นมือใหม่เรื่องวิเคราะห์จุดประสงค์ของบอสเผย ความสามารถยังห่างไกลจากพวกรุ่นพี่มาก
“แต่หนูก็เรียนรู้จากเปาซวี่มาเยอะ
“เดี๋ยวหนูจะเล่าสิ่งที่รู้ให้ฟังแล้วกัน”
เยว่จือโจวกับหวังเสี่ยวปินรีบหยิบสมุดขึ้นมาเตรียมจดและรอฟังหลินหวานอย่างตั้งใจ
จะได้เรียนรู้เรื่องสำคัญแล้ว!
ความสามารถหลักที่เป็นที่แข่งขันกันในหมู่พนักงานเถิงต๋าคืออะไรน่ะเหรอ
ก็คือความสามารถในการวิเคราะห์จุดประสงค์ของบอสเผยยังไงล่ะ!
ในฐานะที่เป็นผู้นำของเถิงต๋ากรุ๊ป บอสเผยเป็นคนที่ทั้งทะเยอทะยานและมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ขณะเดียวกันก็เป็นคนที่เข้าใจเรื่องตลาดและความคิดของเกมเมอร์อย่างลึกล้ำ
บอสเผยมักจะบอกให้ทุกคนทำเกม โดยที่บอสมีไอเดียอยู่แล้วว่าอยากให้เกมออกมาแบบไหน และตลาดจะตอบสนองกับตัวเกมยังไง
ดังนั้นแต่ละโปรเจ็กต์จะสำเร็จได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าพนักงานสามารถวิเคราะห์จุดประสงค์ของบอสเผยได้หรือเปล่า
ตอนนี้ผู้อำนวยการหลินกำลังจะบอกวิธีวิเคราะห์จุดประสงค์ให้พวกเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือข้อมูลที่ล้ำค่าสุดๆ
หลินหวานนึกถึงตอนที่ทำงานที่เถิงต๋าและตอนที่เปาซวี่ตีความคำพูดของบอสเผย เธออยากสรุปบทเรียนเรื่องนี้มานานแล้ว และตอนนี้ก็เป็นโอกาสอันเหมาะเหม็ง
“อันดับแรก เรามั่นใจได้ว่าทิศทางที่บอสเผยให้มาเป็นทิศทางที่ถูกต้องเสมอ ห้ามเมินเฉยและไม่ทำตามเป็นอันขาด
“อาจจะดูเป็นเรื่องผิวเผิน แต่จุดนี้จะเป็นรากฐานในการตีความ
“ต้องคิดว่าคำแนะนำของบอสเผยมีความชัดแจ้งในตัวและเป็นสัจพจน์ ถ้ามีแนวคิดนี้เป็นพื้นฐาน ก็จะเริ่มตีความได้”
เยว่จือโจวกับหวังเสี่ยวปินเวียนหัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งคู่รู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปเรียนวิชาปรัชญาอีกครั้ง
แต่ก็ไม่แปลก ถ้าเรื่องนี้ทำความเข้าใจได้ง่ายๆ พวกเขาคงไม่มองว่าเป็นปัญหา
ทั้งสองตั้งใจฟัง
หลินหวานพูดต่อ “ตอนที่เปาซวี่ทำเกมฐานทัพกลางทะเล เขาเอาสัจพจน์ของบอสเผยเป็นที่ตั้งและปฏิเสธเนื้อหาทุกอย่างที่ไม่สอดคล้องกัน แถมยังพยายามเพิ่มเติมเนื้อหาที่มีความสอดคล้องกันเข้ามา สุดท้ายก็ทำเกมตัวต้นแบบออกมาได้สำเร็จ
“ทีนี้เราก็จะทำเหมือนกัน
“อันดับแรก มาดูจุดสำคัญที่สุดก่อน ซึ่งก็คือเกมสยองขวัญจะต้องพัฒนาในรูปแบบเกมมัลติเพลเยอร์
“เป็นเกมที่เปิดให้ผู้เล่นหลายคนเข้ามาร่วมมือและต่อสู้ไปด้วยกันได้
“ผู้เล่นสามารถสู้กับคอมพิวเตอร์หรือกับผู้เล่นด้วยกันได้ ถ้าเป็นรูปแบบแรก ผู้เล่นก็จะได้ร่วมมือกันแก้ไขปัญหา แต่ถ้าเป็นรูปแบบหลังก็จะคล้ายเกมแนวสงคราม
“บอสเผยเน้นย้ำว่าไม่ให้ทำเนื้อเรื่อง แสดงว่าเราให้ผู้เล่นร่วมมือกันแก้ปัญหาไม่ได้
“ก็หมายความว่าเราต้องออกแบบเกมให้ผู้เล่นร่วมมือหรือต่อสู้กันเอง
“เท่ากับว่าเกมเราจะมีรูปแบบคล้ายๆ บอร์ดเกม อาจจะมีกำหนดเวลาไว้ที่สิบนาทีถึงสองชั่วโมง ภารกิจจะยากขึ้นไปตามจำนวนผู้เล่น ซึ่งผู้เล่นก็เลือกได้ว่าจะร่วมมือหรือต่อสู้กัน”
เยว่จือโจวกับหวังเสี่ยวปินพยักหน้า
การวิเคราะห์นี้ทำให้หลายๆ อย่างกระจ่างขึ้น!
ที่สำคัญเลยคือ พวกเขาได้แนวทางแล้วว่าจะใช้บอร์ดเกมเป็นต้นแบบ ทำให้พอจะเห็นภาพคร่าวๆ ของเกมขึ้นมา
หลินหวานมองอีกสองคน “ที่เหลือลองคิดกันดูต่อนะคะ”
เยว่จือโจวกับหวังเสี่ยวปินหันมองหน้ากัน ในใจรู้สึกเหมือนเพิ่งจะถูกครูเรียกให้ลุกตอบคำถามซึ่งคำถามที่ว่าเพิ่งจะแก้มาครึ่งทาง นักเรียนต้องเป็นคนแก้ต่อให้จบ
เยว่จือโจวคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “เราใส่ภูตผีปีศาจเข้าไปในเกมไม่ได้ อย่างมากใส่ได้แค่คนสติไม่ดี ตรงนี้น่าจะเป็นคำใบ้สำคัญ
“ถ้าเป็นเกมก็มีตัวอย่างให้เห็นไม่มาก แต่ถ้าเป็นหนังล่ะ”