ซย่าเจียง “คุณออกจากเถิงต๋าเพราะได้รับทุนตามฝันใช่ไหมคะ”
หวงซื่อปั๋วพยักหน้า “ใช่ครับ
“ตอนที่ได้รับทุนก้อนนี้ผมสับสนมาก เพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีโอกาสได้จับเงินก้อนโตขนาดนี้
“ผมคิดอยู่นานว่าจะเอาทุนก้อนนี้ไปทำอะไรดี
“หลังจากคิดทบทวนอยู่นาน ผมก็ตระหนักว่าความฝันของผมไม่ได้อยู่ที่อุตสาหกรรมเกม
“ตอนเกมฐานทัพกลางทะเลดังขึ้นมา ผมคิดว่าจะอุทิศชีวิตให้กับวงการเกม แต่พอได้ทุนก้อนนี้มา ผมก็ค้นพบว่า จริงๆ แล้วผมอยากเดินบนเส้นทางวงการภาพยนตร์มากกว่า
“เพราะงั้นผมเลยใช้ทุนก้อนนี้เปิดเฟยหวงสตูดิโอขึ้นมา ผมพบเพื่อนที่ใฝ่ฝันสิ่งเดียวกัน ซึ่งก็คือจูเสี่ยวเช่อ จากนั้นผมก็ได้เปิดฉากการเดินทางครั้งใหม่ของชีวิต”
ซย่าเจียง “แสดงว่าทุนก้อนนี้ช่วยเปลี่ยนชีวิตคุณ”
หวงซื่อปั๋วพยักหน้าอีกรอบ “ใช่เลยครับ ทุนก้อนนี้ช่วยให้ผมตระหนักถึงตัวตนที่แท้จริง สิ่งที่ใฝ่ฝัน และทิศทางในชีวิตจริงๆ
“ถึงตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกซาบซึ้งใจมากๆ ที่ได้รับเลือกเป็นพนักงานดีเด่นและได้รางวัลเป็นทุนตามฝัน
“รางวัลนี้ไม่ใช่แค่เงินทุนที่เปิดโอกาสให้ผมได้เปิดกิจการ แต่ยังช่วยให้ผมตระหนักถึงตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ถ้าไม่ได้รับเลือกเป็นพนักงานดีเด่นก็คงไม่มีผมในวันนี้ ซึ่งก็จะไม่มีเฟยหวงสตูดิโอ ไม่มีชีวิตประจำวันของบอสเผย ไม่มีจากดักแด้สู่ผีเสื้อ และผลงานคุณภาพเยี่ยมอื่นๆ”
…
ยิ่งดูเผยเชียนก็ยิ่งรู้สึกว่าบทสัมภาษณ์มีอะไรแปลกๆ
ตลอดทั้งคลิปไม่มีการพูดถึงชื่อเขาเลย ถ้าไม่นับชื่อซีรีส์ชีวิตประจำวันของบอสเผย
แต่คำพูดของหวงซื่อปั๋วนั้นสื่อชัดเจนมากว่ามี ‘ผู้อยู่เบื้องหลัง’
ใครเป็นคนเลือกหวงซื่อปั๋วผู้ไร้ประสบการณ์แทนที่จะเลือกหัวหน้าหลิวที่มีประสบการณ์มากกว่า
ใครเป็นคนเสนอขึ้นเงินเดือนให้หวงซื่อปั๋ว
ใครเป็นคนสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานอันยอดเยี่ยมของเถิงต๋า
ใครเป็นคนเสนอแนวทางสามอย่างของเกมฐานทัพกลางทะเลที่หวงซื่อปั๋วไม่เข้าใจในตอนแรก
ใครเป็นคนคิดเรื่องทุนตามฝันที่เปิดโอกาสให้หวงซื่อปั๋วออกจากเถิงต๋าไปเปิดเฟยหวงสตูดิโอ
ชัดเจนมากว่าคำตอบของคำถามเหล่านี้ชี้ไปที่คนคนเดียว
บอสของเถิงต๋า!
หรือก็คือเผยเชียนนั่นแหละ!
ถึงตั้งแต่ต้นจนจบจะไม่มีการพูดถึงเผยเชียนเลย แต่เทคนิค ‘ช่องว่าง’ ก็ทำให้ผู้อ่านสัมผัสได้ถึงตัวตนของใครคนหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อหวงซื่อปั๋ว เป็นบุคคลสำคัญที่ช่วยให้หวงซื่อปั๋วเติบโตขึ้นมาได้ขนาดนี้
เขาเป็นคนที่ทำให้หวงซื่อปั๋วเลือกเดินในทางที่ถูกต้อง
คนที่ได้ดูคลิปสัมภาษณ์จะต้องรู้สึกแบบนี้กันทั้งนั้น
หวงซื่อปั๋วเป็นคนเก่ง ถึงจะอายุยังน้อย แต่ก็คุมโปรเจ็กต์ที่ประสบความสำเร็จมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเกมหรือหนัง หวงซื่อปั๋วก็ทำได้ยอดเยี่ยมทั้งคู่
แต่ความสามารถนี้ถูกเก็บซ่อนไว้
ถ้า “ผู้อยู่เบื้องหลัง” ไม่ได้เล็งเห็นถึงความสามารถของหวงซื่อปั๋ว แล้วรับเขาเข้ามาทำงาน และแสดงให้เห็นทางเดินที่ถูกต้อง ความสามารถของหวงซื่อปั๋วก็อาจถูกฝังลืม อย่างน้อยๆ ก็คงไม่สามารถประสบความสำเร็จได้มากมายภายในเวลาไม่ถึงปี
ก็เหมือนคำพูดที่ว่า ‘ม้าพันธุ์ดีในมือคนใช้งานทาส ถ้าไม่ทำงานหนักเจียนตายก็ได้อยู่แค่ในคอก ไม่มีใครรู้หรอกว่ามีดีอะไร’
ผู้คนมักจะพูดเสมอว่ามีม้าพันธุ์ดีอยู่มากมาย แต่น้อยคนนักที่จะเป็นเหมือนโป๋เล่อ[1]
การที่หวงซื่อปั๋วประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานขนาดนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นม้าพันธุ์ดี แต่การสัมภาษณ์กลับเน้นที่ความสำคัญของคนอย่างโป๋เล่อ!
เผยเชียนรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ผุดเต็มหน้าผาก
ดูท่าไม่ดีเลย!
ทั้งสองคนเข้าขากันดีมาก เคมีตรงกันสุดๆ!
เผยเชียนคิดว่าหวงซื่อปั๋วจะใช้โอกาสที่ได้โชว์ตัวในคลิปสัมภาษณ์อวดอ้างความสำเร็จของตัวเองโดยไม่พูดอะไรถึงเขาเลย
แต่เผยเชียนก็คิดถูกแค่ครึ่งเดียว
หวงซื่อปั๋วไม่ได้พูดถึงเขา แต่ความสำเร็จที่อวดอ้างดันเป็นของเผยเชียนทั้งหมด!
แถมยังได้ผลลัพธ์ดีกว่าการชมเผยเชียนตรงๆ อีก
เขารีบเลื่อนอ่านต่อ
…
พนักงานที่ได้สัมภาษณ์เป็นคนที่สองคือเปาซวี่
ในบทสัมภาษณ์มีเขียนเล่าประวัติของเปาซวี่เช่นกัน ทั้งเรื่องที่เป็นเด็กติดเกม เรื่องออกแบบคอนเซปต์เกมฐานทัพกลางทะเล และเรื่องปรับปรุงประสบการณ์การเล่นเกมให้หลายๆ เกม จนกลายเป็นพนักงานคนสำคัญของเถิงต๋า
ถึงการสัมภาษณ์ของเขาจะแตกต่างจากของหวงซื่อปั๋ว แต่เผยเชียนกลับรู้สึกไม่ต่างกันเลย!
“คุณเคยอยู่ในสภาพที่คนส่วนใหญ่เรียกว่า ‘เด็กติดเกม’ มาก่อน คุณแทบจะกินอยู่ในร้านอินเทอร์เน็ต อันนี้ถือว่าเว่อร์เกินไปไหมคะ หรือว่า…” ซย่าเจียงถาม
เปาซวี่หัวเราะด้วยความขวยเขินเล็กน้อย “เป็นเรื่องจริงครับ ไม่ได้เว่อร์เกินไปเลย
“ผมเคยสิงอยู่ในร้านอินเทอร์เน็ตตั้งแต่ปลายฤดูหนาวจนถึงช่วงฤดูร้อน รวมๆ แล้วผมไม่ยอมกลับหอพักสี่ถึงห้าเดือน
“ทุกคนในร้านเปลี่ยนไปใส่เสื้อแขนสั้นแล้ว แต่ผมยังใส่เสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวอยู่เลย”
ซย่าจางเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึง “แล้วคุณอาบน้ำยังไงคะ”
เปาซวี่ส่ายหน้า “ไม่ได้อาบครับ”
“แปรงฟันล่ะคะ”
“ไม่ได้แปรงครับ อย่างมากก็มีไปล้างหน้ากับบ้วนปากที่ห้องน้ำในร้าน”
“แล้วตอนง่วงทำยังไงคะ”
“ตอนกลางคืนก็เอนตัวนอนบนเก้าอี้ที่ร้านนั่นแหละครับ แต่ถ้าง่วงตอนกลางวันก็เอนตัวงีบบนเก้าอี้เหมือนกัน”
“ทำไมคุณถึงมีเงินจ่ายค่าชั่วโมงอินเทอร์เน็ตกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ คะ”
“ผมขายของในเกมกับรับจ้างเก็บเลเวลครับ นอกจากค่าชั่วโมงอินเทอร์เน็ตแล้ว ผมก็ไม่ได้ใช้จ่ายเรื่องอื่นมาก ถ้าหิวก็กินบะหมี่ถ้วย แต่ถ้าหิวมากๆ ก็สั่งข้าวมากิน พอมีเงินใช้ไปวันๆ อยู่ครับ”
ซย่าเจียงดูตกใจเกินจะบรรยายได้ “ถ้าอย่างนั้นเรื่องสุขภาพกับสุขอนามัยก็…”
เปาซวี่หัวเราะ “เลวร้ายมากเลยครับ แต่ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย
“ช่วงนี้ผมเห็นข่าวเรื่องคนตายในร้านอินเทอร์เน็ตเยอะมาก พอมองย้อนกลับไปก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากๆ ที่ยังมีชีวิตรอด”
ซย่าเจียงถามต่อ “ทำไมตอนนั้นถึงเลือกใช้ชีวิตแบบนั้นเหรอคะ
“เป็นชีวิตที่คนเรียกกันว่า ‘เด็กติดเกม’ ใช่ไหมคะ”
เปาซวี่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกไป “ผมว่าผมคงสับสน ไม่มีเป้าหมายในชีวิต
“ตอนนั้นนอกจากเกมแล้วก็ไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นได้ ผมไม่สนใจเรื่องอื่นเลย ถึงจะออกจากร้านอินเทอร์เน็ตไปก็ไม่รู้จะไปไหน พอเวลาผ่านไป ตัวผมก็ตกอยู่ในวงจรอุบาทว์
“ตอนนี้พอมองย้อนกลับไป ถ้าผมยังใช้ชีวิตอยู่แบบนั้น ตัวผมคงจะไม่มีคุณค่าอะไร”
ซย่าเจียงยิงคำถามต่อ “แล้วอะไรทำให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนไปคะ”
เปาซวี่นึกถึงเรื่องตอนนั้น “มีคนมาหาผมที่ร้าน แล้วจ้างผมไปช่วยออกแบบเกมครับ
“ตอนแรกผมคิดว่าน่าจะอำกันเล่น แต่เขาดูจริงใจมาก ถึงกับจ่ายค่าจ้างให้ล่วงหน้าห้าร้อยหยวน แล้วบอกผมว่าที่บริษัทมีคอมพิวเตอร์สเป็กแรงพ่วงด้วยจอคู่ ให้ผมใช้เล่นเกมได้ตามใจชอบเลย
“ห้าร้อยหยวนไม่ได้มากมายอะไร แต่…นั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมรู้สึกว่ามีคนให้ความสำคัญและยอมรับในตัวผม ทำให้ผมรู้ว่าผมไม่ใช่คนไร้ค่าที่สมองมีแต่เรื่องเล่นเกม
“เพราะงั้นผมเลยเดินออกจากร้านอินเทอร์เน็ต
“ตอนนั้นผมไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่าชีวิตของตัวเองจะเปลี่ยนไปตลอดกาล”
ซย่าเจียงถาม “คุณเป็นพนักงานที่ค่อนข้างโดดเด่นในเถิงต๋า เห็นว่าได้ที่สองในการคัดเลือกพนักงานดีเด่นถึงสองครั้งและได้รับรางวัลเป็นการหยุดพักร้อนแบบได้เงินเดือนเต็มทั้งสองครั้ง คุณรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้คะ”
เปาซวี่ยิ้มอย่างขมขื่น “ผมเสียใจครับ”
ซย่าเจียงผงะไป “เสียใจเหรอคะ”
เปาซวี่พยักหน้า “ใช่ครับ ผมเสียใจที่ได้รับเลือก”
ซย่าเจียงอดยิ้มออกมาไม่ได้ “เข้าใจได้ยากทีเดียวนะคะ คนส่วนใหญ่คงจะดีใจมากๆ ที่ได้ไปเที่ยวฟรีๆ”
เปาซวี่ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “ผมไม่อยากไปเลยครับ ผมอยากอยู่ทำงานที่บริษัทมากกว่าออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก”
ซย่าเจียง “แต่สุดท้ายคุณก็ไปอยู่ดี”
เปาซวี่พยักหน้า “ใช่ครับ ผมอยากยกรางวัลให้ที่สามไปเที่ยวแทน แต่…กฎก็ต้องเป็นกฎ ผมเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้”
ซย่าเจียงสนใจประเด็นนี้ขึ้นมา “เป็นครั้งแรกเลยนะคะที่ได้ยินอะไรแบบนี้
“บริษัทจัดทริปหนึ่งเดือนเต็มให้หนึ่งในพนักงานดีเด่นฟรีๆ นอกจากจะได้เงินเดือนแล้ว ค่าใช้จ่ายต่างๆ บริษัทก็ออกให้หมด
“พนักงานไม่อยากได้รางวัลนี้ และตั้งใจจะยกให้คนอื่น
“แต่ทางบริษัทก็ไม่ยอม!
“ถ้าไม่ได้ยินกับหู ดิฉันคงคิดว่าเป็นเรื่องโกหกนะคะเนี่ย”
เปาซวี่ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้
จะให้เขาพูดอะไรออกไปได้ ทั้งหมดที่พูดไปเป็นความจริง
“ดิฉันว่าไม่เห็นจำเป็นต้องบังคับเลยนะคะ คุณอยากยกรางวัลให้คนอื่น ทำไมถึงทำไม่ได้” ซย่าเจียงถาม
เปาซวี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง “ผมคิดว่าทางบริษัทน่าจะเป็นห่วงผม
“ตอนแรกผมต่อต้านเรื่องนี้มาก แต่หลังจากได้ไปมาสองทริป ทุกคนก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าผมดูดีขึ้นมาก สุขภาพก็แข็งแรงขึ้นเหมือนกัน
“ผมคิดว่าที่บริษัทไม่อนุญาตให้ยกรางวัลให้คนอื่นเป็นเพราะอยากให้ผมออกไปข้างนอกบ้าง
“คงจะเป็นวิธีดูแลพนักงานของที่นี่ ถึงจะต่อต้าน แต่ลึกๆ ในใจผมก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง”
…
ถัดจากนั้นเป็นบทสัมภาษณ์ของหลินหวาน ตามด้วยลู่หมิงเหลียง
ทั้งคู่มีประวัติการทำงานที่ยอดเยี่ยมและโดดเด่น
หลินหวานเป็นผู้อำนวยการสร้างที่ได้ร่วมค้นคว้าและพัฒนาเกมเพลงรบโลหิตเวอร์ชันอัปเกรด เธอเป็นคนตัดสินใจทำเกมเวอร์ชันมือถือ
ลู่หมิงเหลียงเป็นหัวหน้าโปรเจ็กต์เกมนักออกแบบเกมและเจ้าของเสียงน่ารำคาญหูในเกม ตอนนี้ย้ายไปคุมนี่เฟิงโลจิสติกส์แล้ว
บทสัมภาษณ์ของทั้งสองคล้ายกับของหวงซื่อปั๋ว ระหว่างการสัมภาษณ์ พวกเขาเหมือนจะกำลังสื่อว่ามี ‘ผู้อยู่เบื้องหลัง’ คอยให้คำแนะนำระหว่างการพัฒนาเกม
หลังจบบทสัมภาษณ์ของทั้งคู่ ซย่าเจียงก็สรุปความ
“พนักงานผู้โดดเด่นทั้งสี่ของเถิงต๋าคือตัวแทนพนักงานอีกหลายร้อยคนในบริษัท
“พวกเขามีบุคลิกและประสบการณ์ไม่เหมือนกัน มีตำแหน่งและภาระงานแตกต่างกัน
“แต่ทุกคนล้วนเป็นคนที่มีความสามารถอย่างไม่ต้องสงสัย!”
—
[1] เทพบนสวรรค์ที่ดูแลเรื่องม้า มีความสามารถในการดูลักษณะม้าว่าเป็นพันธุ์ดีหรือพันธุ์เลว