[ติ๊ง! ทีมของคุณเจอกับวิญญาณของตู๋กูฉิวไป้ มือกระบี่อันดับหนึ่งในใต้หล้า คุณจะเลือก?]
1. ปราบปีศาจกำจัดมาร สังหารวิญญาณของตู๋กูฉิวไป้ (ถ้าคุณเลือกข้อนี้ ระบบจะนับถือความกล้าหาญของคุณ)
2. ทำความปรารถนาตลอดชีวิตของตู๋กูฉิวไป้ให้สำเร็จ มอบความพ่ายแพ้ให้แก่เขาสักครั้ง! (หมายเหตุ: หากเลือกข้อนี้จะได้เผชิญกับบททดสอบที่มีโอกาสตายเก้าส่วน มีโอกาสรอดหนึ่งส่วน ข้อดีก็คือมีโอกาสรอดเพิ่มมาหนึ่งส่วนเมื่อเทียบกับตัวเลือกแรก)
กรุณาตัดสินใจเลือก
……
ในเมื่อตู๋กูฉิวไป้เรียกทุกคนเข้ามาแล้ว เช่นนั้นภารกิจนี้ก็ไม่ใช่ภารกิจเดียวแน่นอน ไม่จำเป็นต้องให้เยี่ยเว่ยหมิงจับภาพส่งไปในช่องทีม เพราะตอนนี้เพื่อนทุกคนเห็นตัวเลือกทั้งสองรายการแล้ว
เหมือนทุกคนล้วนมีอิสระในการเลือก ไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจของคนอื่น
ดังนั้น ภารกิจที่ค่อนข้างพิเศษนี้ ต่อให้ทำเป็นทีมแต่ก็สำเร็จคนเดียวได้อย่างนั้นหรือ
แต่พวกเพื่อนในทีมไม่ได้รีบตัดสินใจเลือก พวกเขาสบตากันแวบหนึ่ง แล้วสุดท้ายสายตาทุกคนก็ไปหยุดอยู่บนตัวเยี่ยเว่ยหมิง
ท่ามกลางทุกสายตาที่จ้องมา เยี่ยเว่ยหมิงเอามือนวดจมูก แต่สำหรับการตัดสินใจเลือก เขากลับไม่มีอะไรให้ลังเล ถึงอย่างไรทุกคนก็ถูกขังอยู่ที่นี่หมด ไม่ว่าใครก็หนีไปไม่ได้ทั้งนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการขอความช่วยเหลือจากข้างนอกเลย
ถ้าต้องให้เลือกระหว่างโอกาสตายเก้ารอดหนึ่งกับตายสิบรอดศูนย์ ก็เหมือนไม่ต่างอะไรกับการไม่มีทางเลือก
พอใช้ความคิด เยี่ยเว่ยหมิงก็เลือกโอกาสตายเก้ารอดหนึ่ง หรือพูดได้อีกอย่างว่าเลือกทำภารกิจนั่นเอง หลังจากกดยืนยันแล้ว หูก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบอีกครั้ง
[ติ๊ง! คุณได้รับภารกิจลับ ‘อสูรกระบี่ร้องขอความพ่ายแพ้’]
[ร้องขอความพ่ายแพ้]
สู้ให้ชนะอสูรกระบี่ฉิวไป้!
ระดับภารกิจ: 8 ดาว
รางวัลภารกิจ: ฉายา ‘ทุกศึกไร้พ่าย’ และจะได้รับรางวัลภารกิจเป็นพิเศษโดยอิงตามระดับความสำเร็จของการทำภารกิจ
หมายเหตุ: ผู้เล่นเลือกได้ว่าจะท้าสู้ซึ่งหน้าตู๋กูฉิวไป้หรือเลือกวิธีการท้าสู้เอง
ท้าสู้ซึ่งหน้า: เลเวลและค่าสเตตัสของตู๋กูฉิวไป้จะถูกปรับให้เหมือนกับผู้เล่นที่ท้าสู้เพื่อรับคำท้า ขอเพียงผู้เล่นโจมตีถึงตัวตู๋กูฉิวไป้ได้ ต่อให้สัมผัสถูกแค่ชายเสื้อ ก็ถือว่าการท้าสู้สำเร็จแล้ว!
เลือกวิธีการท้าสู้: ผู้เล่นเสนอโหมดการประลองและกติกาการประลองที่ตัวเองต้องการได้ ขอเพียงตู๋กูฉิวไป้ตอบตกลง ก็จะถือว่าผ่านการทดสอบ
……
เมื่อเห็นสองตัวเลือกนี้ปรากฏอีกครั้ง เยี่ยเว่ยหมิงก็จมอยู่กับการครุ่นคิด
ขณะที่กำลังครุ่นคิด จู่ๆ ก็รู้สึกอึดอัดไปทั้งตัวอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้ถึงได้พบว่าเพื่อนร่วมทีมที่อยู่รอบๆ กำลังจ้องมาที่ตนตาปริบๆ
จากอึ้งไปครู่เดียว เยี่ยเว่ยหมิงก็เข้าใจแล้ว ภารกิจนี้ต้องให้แต่ละคนเลือกเอง
ขณะที่จับภาพภารกิจส่งไปในช่องทีม เขาก็บอกทุกคนว่าอย่าใจร้อน แล้วตัวเองก็เงยหน้ามองตู๋กูฉิวไป้ “ผู้อาวุโสตู๋กู ภารกิจนี้ในเมื่อพวกเราเจ็ดคนแยกกันท้าสู้ได้ เช่นนั้นก็หมายความว่า พวกเราเจ็ดคนต้องสู้ให้ชนะท่าน ถึงจะรับประกันความปลอดภัยของทุกคนได้อย่างนั้นหรือ”
“ทุกคนต้องสู้ชนะข้า? ฮ่าๆๆ…” หลังจากตู๋กูฉิวไป้ได้ยินคำถามของยี่ยเว่ยหมิง จู่ๆ ก็เริ่มหัวเราะลั่น
เสียงหัวเราะของเขาเปิดเผยมาก ไม่ใช่การหัวเราะเยาะแน่นอน แต่เป็นเสียงหัวเราะอันเริงร่าที่มาจากใจโuเวลกูดoทคoม
หลังจากหัวเราะเสร็จแล้ว ตู๋กูฉิวไป้ก็ส่ายหน้าตอบอย่างใจเย็น “ข้าตู๋กูฉิวไป้ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยแพ้ สังหารอริราช ฟาดฟันวีรบุรุษ ทั้งสิ่งที่ปรารถนาที่สุดในชีวิตก็คือขอพ่ายแพ้สักครั้ง…
…เด็กอย่างพวกเจ้าแม้จะมีฝีมือไม่เลว แต่ถ้าคิดจะเอาชนะข้า…ช่างเถอะ ข้าจะไม่พูดเรื่องเลวร้ายอะไรมาก อย่างไรเสียในบรรดาพวกเจ้าเจ็ดคน ก็ต้องมีสักคนที่เอาชนะข้าได้อยู่แล้ว ส่วนอีกหกคนที่เหลือก็จะได้รางวัลภารกิจที่รองลงมา”
หลังจากชะงักไปครู่เดียว ตู๋กูฉิวไป้ก็พูดต่อว่า “ข้าถึงขั้นรับประกันได้ พวกเจ้าไม่ว่าใครจะท้าสู้ข้าก่อน ต่อให้แพ้ก่อนข้าก็จะไม่ฆ่าทิ้งทั้งที ขอเพียงในบรรดาพวกเจ้าเจ็ดคนมีใครสักคนที่เอาชนะตาแก่คนนี้ได้ คนที่สู้แพ้ก่อนหน้านี้นอกจากจะไม่ต้องตายแล้ว ยังจะได้รางวัลดีๆ เหมือนที่ข้าบอกไว้ก่อนหน้านี้ด้วย”
ตู๋กูฉิวไป้เงียบไปอีกแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “แน่นอนว่าถ้าพวกเจ้าถนัดกลยุทธ์ร่วมต่อสู้ ก็รวมพลังกันท้าสู้ข้าได้ นอกจากนี้ ข้ายังจะควบคุมความสามารถของตัวเองให้อยู่ระดับเดียวกับผู้ท้าสู้ที่เก่งที่สุดด้วย แต่การตัดสินแพ้ชนะก็จะไม่ใช่แค่สัมผัสชายเสื้อของข้าอีกแล้ว แต่จะต้องสู้ให้ชนะข้าให้ได้อย่างแท้จริง…
…เป็นอย่างไร” ตู๋กูฉิวไป้ยิ้มบางๆ ขณะเอ่ยถามเยี่ยเว่ยหมิง “เจ้าพอใจกับคำตอบของข้าหรือไม่”
เงื่อนไขของตู๋กูฉิวไป้นอกจากจะไม่โหดแล้ว ยังเรียกได้ว่าสบายมาก ถึงขั้นกล่าวได้ว่าอยู่ในขอบเขตที่กติกาของเกมอนุญาต ถือว่าเปิดไฟเขียวดวงใหญ่ให้พวกเขาแล้ว
สำหรับเรื่องนี้ ต่อให้เป็นเยี่ยเว่ยหมิงก็หาข้อจับผิดใดๆ ไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะภารกิจนี้เป็นเหมือนกับดักเกินไป…
“หรือไม่อย่างนั้น ให้ข้าท้าสู้ก่อนแล้วกัน” ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังเริ่มไตร่ตรองว่าเมื่ออีกฝ่ายกดความสามารถของตัวเองไว้ เขาจะใช้คำพูดกระตุ้นให้ตู๋กูฉิวไป้อนุญาตให้เขาเพิ่มเวลาอีกสิบนาทีค่อยลงมือได้หรือไม่ น้องดาบกลับก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวพร้อมบอกว่า “ในเมื่อต่อให้สู้แพ้แล้วไม่มีการลงโทษแบบเดี่ยว เช่นนั้นก็ไม่สู้ให้ข้าขอคำชี้แนะจากผู้อาวุโสตู๋กูก่อน ถึงข้าจะสู้แพ้ แต่ก็ทำให้สหายร่วมทีมของข้าได้เห็นวิธีการของผู้อาวุโสตู๋กูล่วงหน้า จะได้มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากขึ้นหน่อย”
เยี่ยเว่ยหมิงเอามือนวดจมูกแล้วชี้ให้เห็นข้อบกพร่อง “ที่เจ้าพูดไปเมื่อครู่นี้ เจ้าควรจะคุยส่วนตัวกับพวกเราในช่องทีมสิ เจ้าบอกเขาว่าต้องการขอคำชี้แนะก็พอแล้ว”
“ข้าชอบลักษณะการทำงานของแม่นางน้อยคนนี้มากกว่า” หลังจากมองเยี่ยเว่ยหมิงด้วยสีหน้าเรียบเฉยแวบหนึ่ง ตู๋กูฉิวไป้ก็หันไปมองน้องดาบแล้วกล่าวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม “สาเหตุที่ข้าตอบรับเงื่อนไขที่เสนอก่อนหน้านี้ ก็เพื่อให้พวกเจ้าเลิกกังวล จะได้แสดงศักยภาพที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองออกมา คนหนุ่มสาวรักการต่อสู้มีอะไรไม่ดีตรงไหนล่ะ นี่ต่างหากที่เรียกว่าคนหนุ่มสาว”
ชวิ้ง! น้องดาบยิ้มบางๆ แล้วชักดาบจันทราหิมะเงินออกมา นางถือดาบในแนวขวางอยู่ข้างหน้าตัวเอง แล้วก็มองประเมินสภาพแวดล้อมรอบๆ จากนั้นถลันร่างไปยืนหันหลังให้พระอาทิตย์ แล้วบอกตู๋กูฉิวไป้ว่า “ดาบที่แข็งแกร่งที่สุดของผู้น้อย ต้องใช้เวลาสักพักถึงจะกลั่นพลังออกมาได้ ผู้อาวุโสตู๋กูรอสักครู่ได้หรือไม่”
เรื่องที่น้องดาบเลือกชัยภูมิที่เป็นประโยชน์ ตู๋กูฉิวไป้ไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ คนที่มีฝีมือถึงขั้นนี้อย่างเขา ต่อให้ยืนจ้องพระอาทิตย์ทั้งวันก็ไม่เป็นอะไรอยู่ดี นับประสาอะไรกับแค่หันหน้ารับแสงอาทิตย์ตอนต่อสู้
สำหรับคำขอของน้องดาบ ตู๋กูฉิวไป้กลับตอบกึ่งล้อเล่นว่า “ตาแก่ผู้นี้เป็นผู้อาวุโสในยุทธภพ อ่อนข้อให้คู่ต่อสู้อย่างเจ้าถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ตราบใดที่เจ้าไม่บอกให้ข้าลงมือหลังจากที่เจ้าฟันข้าแล้วหนึ่งดาบก็พอ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้น้อยก็ล่วงเกินแล้ว!” พอพูดจบ พลังปราณรอบตัวน้องดาบก็ปะทุขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งกำลังภายในออกมาจากร่างกายทีละน้อย พัดจนเศษฝุ่นและต้นหญ้าที่อยู่รอบๆ ปลิวว่อน!
จากนั้นก็เห็นนางทะยานตัวขึ้นไปบนฟ้า บังแสงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณไว้ข้างหลังตัวเองพอดี ประกอบกับกำลังภายในที่โหมซัดสาดออกมาจากตัวนางอย่างบ้าคลั่ง ก็ยิ่งข่มให้เพื่อนๆ พากันหรี่ตาโดยอัตโนมัติ ราวกับแสงอันรุ่งโรจน์ของดวงอาทิตย์ถูกร่างของนางดูดกลืนไว้หมดแล้ว
ครู่ต่อมา น้องดาบที่อยู่กลางอากาศก็พลันหมุนตัว แล้วพุ่งลงไปหาตู๋กูฉิวไป้ที่อยู่ข้างล่างในแนวเฉียง ทุกครั้งที่ร่างงามหมุน ก็จะมีแสงสะท้อนคมดาบฟันออกมาอย่างสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน
ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นการลงมือครั้งเดียวที่ฟันต่อเนื่องสามดาบ!
ดาบที่หนึ่ง ลมหนาวพัด!
ดาบที่สอง จันทร์เสี้ยวลอยขึ้น!
ดาบที่สาม ร่างงามจับกุมวิญญาณ!