เขาอู่ตัง แนวเขาสูงต่ำสลับกัน โอ่อ่าสง่างาม
เมื่อทอดสายตามองไปไกลหลังจากฝนตก ก็เห็นเป็นแนวเขาทะลุอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก
กล่าวได้ว่าเหนือภูเขายังมีภูเขา เขาเขียวโอบกอดมรกต รวมความเคร่งขรึมและสง่างามไว้ด้วยกัน
ราวกับภูเขาเซียนบนเทือกเขาซาน งดงามเหมือนแยกตัวอยู่เหนือโลกมนุษย์
บนยอดเขาแห่งนั้นคือที่ตั้งของวิหารเจินอู่
ยังคงมีเพียง NPC จางซานเฟิงที่นั่งสง่าอยู่บนเบาะกลม ราวกับรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพลังฟ้าที่อยู่รอบๆ ได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็เหมือนตัวเขาเองเป็นหนึ่งในรูปปั้นกลางวิหารเช่นกัน เป็นผู้เฝ้าประตูและเคียงข้างสามบริสุทธิ์
ไม่เหมือนหวงโส่วจุนที่อยู่เงียบๆ อย่างสงบเสงี่ยม จางซานเฟิงผู้นี้ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าเขาอยู่เหนือโลกมนุษย์ ทุกครั้งที่ได้เจอก็อดรู้สึกนับถือขึ้นมาไม่ได้
หลังจากอินปู้คุยคำนับในฐานะศิษย์แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็กุมหมัดคารวะอีกฝ่าย “เยี่ยเว่ยหมิงจากสำนักมือปราบเทพ คำนับท่านนักพรตจางขอรับ”
จางซานเฟิงพยักหน้าแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น “จอมยุทธ์น้อยเยี่ยไม่ต้องมากพิธี จะว่าไปแล้ว เป็นข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณที่จอมยุทธ์น้อยเยี่ยช่วยเหลือเต็มกำลัง หากไม่มีขี้ผึ้งหยกดำต่อกระดูกของเจ้า บัดนี้อาการบาดเจ็บของไต้เหยียนคงไม่มีหวังใดๆ”
เยี่ยเว่ยหมิงไม่กล้าพูดอะไร
ใช่แล้ว เวลาแบบนี้ ยิ่งเจ้าทำตัวเกรงใจ กลับยิ่งทำให้คนมองเจ้าสูงขึ้นด้วยซ้ำ
แบบนี้เรียกว่าถ่อมตัว เป็นการโอ้อวดที่ดีที่สุด!
จางซานเฟิงเห็นแล้วพยักหน้าอย่างชื่นชม จากนั้นเปลี่ยนประเด็นสนทนา “แต่ต่อให้มีขี้ผึ้งหยกดำต่อกระดูกอยู่ในมือ หากไม่มีหมอดีที่รู้วิธีใช้งานมัน สุดท้ายของที่ได้มาก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี…
…ในเมื่อขี้ผึ้งหยกดำต่อกระดูกนี้เป็นเจ้ากับปู้คุยที่หามา เช่นนั้นธุระเรื่องเดียวก็ไม่ต้องลำบากบุคคลที่สองหรอก เรื่องเยี่ยมเยียนหมอชื่อดังก็ต้องรบกวนจอมยุทธ์น้อยเยี่ยแล้ว…
…ข้าให้เจ้ากับปู้คุยไปด้วยกัน ให้เขาเป็นผู้ช่วยเจ้า”
จางซานเฟิงกล่าวอย่างเกรงใจมาก เขากำลังมอบโอกาสให้โอกาสเยี่ยเว่ยหมิงได้รับวิทยายุทธ์ระดับสูงของอู่ตังแท้ๆ แต่เวลาพูดขึ้นมากลับเหมือนกำลังขอร้องให้เยี่ยเว่ยหมิงช่วยทำงานให้ทำให้คนฟังรู้สึกสบายหูมาก
ตอนที่จางซานเฟิงพูดจบ เสียงแจ้งเตือนระบบก็ดังขึ้นข้างหูเยี่ยเว่ยหมิงเช่นกัน
[ติ๊ง! จางซานเฟิง ปรมาจารย์ผู้บุกเบิกสำนักอู่ตังแจกภารกิจพิเศษให้คุณ ‘ตามหาหมอฝีมือดีและยาเทวดา’]
[ตามหาหมอฝีมือดีและยาเทวดา]
จอมยุทธ์สามอวี๋ไต้เหยียนหนึ่งในเจ็ดจอมยุทธ์อู่ตังถูกคนชั่ววางแผนทำร้าย ทำให้แขนขาพิการ จางซานเฟิงไหว้วานให้คุณช่วยตามหาหมอฝีมือดีและยาเทวดาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บให้อวี๋ไต้เหยียน
ระดับภารกิจ: 7 ดาว
ระยะเวลาภารกิจ: ไม่มี
บทลงโทษภารกิจล้มเหลว: จางซานเฟิงจะลงมือไล่สังหารคุณเป็นเวลาสามวันสามคืนด้วยตัวเอง (การไล่สังหารจะไม่หยุดเพียงเพราะผู้เล่นตาย)
รางวัลภารกิจ: เลือกหนึ่งในวิทยายุทธ์ระดับสูงของสำนักอู่ตัง!
รับภารกิจหรือไม่
ใช่/ปฏิเสธ
……
เมื่อเห็นข้อมูลภารกิจที่ดูประหลาดนิดหน่อย หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงงงงันไปครู่หนึ่ง ก็ปล่อยวางความสงสัยได้ทันที จากนั้นแตะเบาๆ ตรงรายการเลือกรับภารกิจ
แต่อินปู้คุยอยู่ข้างๆ กลับอดเอ่ยปากไม่ได้ว่า “อาจารย์ปู่ บทลงโทษภารกิจล้มเหลวของท่านโหดร้ายเกินไปหรือเปล่าขอรับ หลังจากพวกเรารับภารกิจแล้ว จะต้องพยายามสุดความสามารถเพื่อทำให้สำเร็จแน่นอน แต่ท่าน…”
“หนวกหู!” สำหรับอินปู้คุย จางซานเฟิงไม่ได้ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีขนาดนั้นแล้ว ถลึงตาจ้องตัดบทเขาเสียเลย แล้วบอกว่า “ขนาดจอมยุทธ์น้อยเยี่ยเป็นคนนอก ยังรับภารกิจของข้าโดยไม่ลังเล แล้วเจ้ายังจะลังเลอะไรอีก”
อินปู้คุยย่อไม่กล้าดื้อกับจางซานเฟิงแล้ว พอได้ยินดังนั้นก็เลือกรับภารกิจแต่โดยดีทันที จากนั้นก็ถอยออกมาพร้อมเยี่ยเว่ยหมิง ออกจากวิหารเจินอู่ด้วยกัน
พอออกจากประตูมาแล้ว อินปู้คุยกลับเป็นฝ่ายพูดขอโทษก่อน “สหายเยี่ย ขออภัยเจ้าจริงๆ ถ้าเองก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าภารกิจนี้จะมีบทลงโทษภารกิจล้มเหลว ทำเอาเจ้าต้องแบกรับความเสี่ยงไปกับข้าด้วย มันช่าง…”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วรู้สึกขำนิดหน่อย “ดูท่าทางเจ้าจะยังไม่เข้าใจนะ”
“อย่าบอกนะว่าในนั้นมีลับลมคมในอะไร” อินปู้คุยได้ยินแล้วงง
ทั้งสองเดินไปทางจุดพักม้าพลางคุยกัน ตอนเดินผ่านต้นสนขนาดใหญ่ที่มีร่มไม้ดูร่มรื่น เยี่ยเว่ยหมิงก็ลากหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งที่อยู่ใต้ร่มไม้มานั่งรอง “เรื่องนี้พวกเราต้องปรึกษากันให้ดีสักหน่อย นั่งลงคุยกันก่อนเถอะ”
พอนั่งลงบนหินก้อนใหญ่แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็กล่าวอย่างสบายๆ ว่า “เกมที่ใช้เวลาเล่นมานานขนาดนี้ เจ้าไม่สังเกตเห็นกฎแฝงเรื่องรักษาสมดุลระหว่างการจ่ายและผลตอบแทนบ้างหรือ ถ้าอยากได้ผลตอบแทนแบบไหน ก็ต้องจ่ายสิ่งที่สอดคล้องกันสิ จะจ่ายเป็นการปฏิบัติภารกิจที่ยากมาก หรือจะจ่ายเป็นเงินบางส่วนตามต้นทุนที่แท้จริงก็ได้ สิ่งที่ต้องจ่ายย่อมรวมถึงการแบกรับความเสี่ยงที่สอดคล้องกันอยู่แล้ว”
เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงกล่าวเช่นนี้ อินปู้คุยก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ แต่ก็ไม่แน่ใจอีก
กลับได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดต่อว่า “วิทยายุทธ์ระดับสูงในเกมล้ำค่าขนาดไหน ข้าว่าเจ้าเองก็รู้ดี ฆ่า BOSS ก็ดรอปยาก ต่อให้ทำภารกิจก็มีโอกาสได้ต่ำอยู่ดี…
…และการที่พวกเราแค่หาขี้ผึ้งหยกดำต่อกระดูก แล้วถือโอกาสตามหาหมอจัดกระดูกสักคน เห็นได้ชัดว่าการทุ่มเทแบบนี้ไม่สอดคล้องกับผลตอบแทนที่เป็นวิทยายุทธ์ระดับสูง ดังนั้น…ถ้าอยากได้ผลตอบแทนนี้ ก็ต้องจ่ายเพิ่มในด้านอื่นๆ ด้วย อย่างเช่นการแบกรับความเสี่ยงอะไรทำนองนั้น”
อินปู้คุยได้ยินแล้วฮึกเหิม “หรือพูดได้อีกอย่างว่า จุดประสงค์ที่อาจารย์ปู่ตั้งบทลงโทษภารกิจล้มเหลวไว้ ที่จริงก็เพื่อช่วยให้ยกระดับรางวัลภารกิจให้พวกเรา”
“เพิ่มบทลงโทษภารกิจล้มเหลวอย่างเดียวเกรงว่ายังไม่พอ” เยี่ยเว่ยหมิงเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ข้าคิดว่าขี้ผึ้งหยกดำต่อกระดูกนั่น ตอนนี้ยังอยู่ในมือเจ้า ยังไม่ได้ส่งให้ใครใช่ไหม”
อินปู้คุยพยักหน้า nᴏᴠᴇʟɢu.cᴏm
“แบบนี้ก็ถูกแล้ว!” เยี่ยเว่ยหมิงพูดต่อ “นักพรตจางต้องการรวมรางวัลภารกิจขี้ผึ้งหยกดำต่อกระดูกที่พวกเราหาได้กับการหาหมอฝีมือดีให้เป็นหนึ่งเดียวกัน นี่ต่างหากภารกิจ ‘ตามหาหมอฝีมือดีและยาเทวดา’ ที่แท้จริง แล้วพอเป็นแบบนี้ ภารกิจนี้ก็จะกลายเป็นภารกิจที่พวกเราปฏิบัติได้แล้ว…
…ยังไม่ต้องพูดถึงพวกเราที่มีขี้ผึ้งหยกดำต่อกระดูกอยู่ในมือแล้ว แค่ตามหาหมออย่างเดียว ก็เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่ภารกิจจะล้มเหลว ต่อให้ล้มเหลวจริงๆ ถึงตอนนั้นก็บอกได้เช่นกันว่าพวกเราเจอขี้ผึ้งหยกดำต่อกระดูกแล้ว แม้จะงานจะไม่เสร็จโดยสมบูรณ์ แต่ก็ถือว่าพยายามสุดความสามารถเช่นกัน แม้จะไม่ได้รางวัลเป็นทักษะยุทธ์ระดับสูง แต่ก็เลี่ยงบทลงโทษภารกิจล้มเหลวได้ ถึงขนาดว่าถือโอกาสขอรางวัลปลอบใจได้ด้วย นั่นก็ไม่แน่หรอกนะ”
อินปู้คุยได้ยินแล้วอดตะลึงไม่ได้ “พอได้ยินสหายเยี่ยพูดแบบนี้ ก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ”
“ก็ใช่น่ะสิ!” เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มแห้ง “ในภารกิจนี้อาจารย์ปู่ของเจ้าคำนึงถึงพวกเรา แต่เจ้ากลับบ่นที่เขาตั้งบทลงโทษภารกิจล้มเหลว ถูกด่าก็สมควรแล้ว…
…ตาถั่วขนาดนี้ ถ้าไม่ให้ด่าเจ้าแล้วจะให้ด่าใคร…
…เช่นนั้นเพื่อยื่นหมูยื่นแมว ตอนที่พวกเราไปตามหาหมอ ก็พยายามสุดความสามารถแล้วกัน หาหมอที่ดีที่สุดมาให้ได้”
ขณะเดียวกันนี้เอง ในวิหารเจินอู่ จางซานเฟิงพี่กำลังหลับตานั่งสมาธิก็ยกมุมปากยิ้มอย่างพึงพอใจ
ทว่าวินาทีถัดมา รอยยิ้มของเขาเหมือนถูกแช่แข็ง ลักษณะท่าทางของผู้ยึดถือคุณธรรมเต๋าหายไปในชั่วพริบตาเดียว สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดไร้ที่เปรียบ
ใต้ร่มไม้ที่อยู่ห่างจากวิหารเจินอู่สิบจั้ง จู่ๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงบอกอินปู้คุยว่า “ตอนที่ข้าได้ขี้ผึ้งหยกดำต่อกระดูกที่เมืองต้าตูก่อนหน้านี้ ยังเจอเหอจู๋เต้า สุนัขขี้ประจบของกัวเซียงที่เจ้าพูดถึงด้วย ตอนหลังข้าอยากจะถามเจ้ามาตลอดว่าสุนัขขี้ประจบอีกตัวของกัวเซียงคือใคร”
อินปู้คุยได้ยินแล้วตัวสั่นทันที “สหายเยี่ย ซ่อนวาจา!”
“ซ่อนวาจาคือคนไหน” เยี่ยเว่ยหมิงสงสัย “ฟังจากชื่อดูไม่เหมือน NPC ทั่วไป เป็นฉายานามของหลวงจีนหรือฉายานามของนักพรตเต๋า หรือเป็นชื่อเล่นของผู้เล่น”
“ซ่อนวาจาที่แปลว่าระวังคำพูด ข้าบอกให้เจ้าหุบปาก!”
…………..
[1] อู่武 พ้องเสียงกับเลข 5 五ในภาษาจีน