📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 157

บทที่ 157 - อู่ตัง เจ้าเยอะกว่าสี่ตังอยู่หนึ่งตัง
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

เขาอู่ตัง หรือมีชื่อเรียกอีกหลายชื่อว่าไท่เหอซาน เขาเซี่ยหลัว เขาชานซ่าง เขาสมบัติเซียน โบราณเรียกว่า เขาไท่เย่ว์ เขาเสวียนเย่ว์ ต้าเย่ว์ เขาเสี่ยวเย่ว์เย่ว์…ราวกับมีของแปลกอะไรเข้ามาปนอยู่ด้วย

โอ้สวรรค์!

แม้จะเป็นหนึ่งในภูเขาเซียนที่ไม่ค่อยขึ้นชื่อ แต่ทิวทัศน์ของเขาอู่ตังกล่าวได้ว่ามีปรากฏการณ์หลากหลาย ครั้งแรกเยี่ยเว่ยหมิงมาถึงตอนกลางคืน นับว่าได้พบเห็นทิวทัศน์ยามราตรีของเขาอู่ตังแล้ว ครั้งนี้มาตอนกลางวัน ทิวทัศน์ที่เห็นจึงต่างจากตอนกลางคืนมาก

ตอนกลางคืน ท้องฟ้าของเขาอู่ตังเป็นสีดำ มีดวงดาวระยิบระยับ

ส่วนตอนกลางวัน ท้องฟ้าของเขาอู่ตังเป็นสีฟ้าสดใส มีดวงอาทิตย์

“อา…อู่ตัง[1] เจ้าเยอะกว่าสี่ตังอยู่หนึ่งตัง” พอกระโดดลงจากรถม้า เยี่ยเว่ยหมิงก็พาหลินผิงจือเดินไปทางวิหารเจินอู่ ขณะเดียวกันปากก็ร้องเพลงที่ทำให้คนรู้สึกขนลุกขนพองอย่างไม่หวั่นเกรงสิ่งใด ดึงดูดให้บรรดาศิษย์ของสำนักอู่ตังที่เดินผ่านพากันเหลียวมอง

เพียงแต่พวกเขาเหลียวมองก็ส่วนเหลียวมอง กลับไม่มีใครเป็นฝ่ายก้าวเข้ามาตะโกนห้าม หรือหาเรื่องอะไร

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากเห็นว่าข้างหลังเขามีหลินผิงจือที่แต่งกายเหมือนสตรีจนทำให้รู้สึกขนลุกยิ่งกว่าเดิม ก็ยิ่งไม่มีใครอยากมาหาเรื่องเจ้าจิตไม่ปกติสองคนนี้

การรักและปกป้องเด็กปัญญาอ่อน เป็นหน้าที่ของทุกคน

เมื่ออยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ไร้ความขัดแย้งด้านผลประโยชน์ ก็ไม่มีใครอยู่ดีไม่ว่าดีพุ่งเข้ามาหาเรื่อง

ทุกคนล้วนมีงานต้องทำ!

“ฮ่าๆ สหายเยี่ยมาแล้ว!”

เสียงอันคุ้นเคยขัดจังหวะเสียงเพลงของเยี่ยเว่ยหมิง อินปู้คุยใช้ท่าร่างกึ่งย่ำเท้ากึ่งลอย ถลันตัวไม่กี่ครั้งก็มาปรากฏตัวตรงหน้าเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว “ข้าได้รับรางวัลภารกิจหมดแล้ว เหลือแต่รางวัลที่ฟังอาจารย์ปู่แสดงธรรมที่ยังไม่ได้ อาจารย์ปู่บอกว่ารอให้เจ้ามารายงานผลภารกิจแล้วค่อยแสดงธรรมพร้อมกันเลย”

การปรากฏตัวของอินปู้คุย กับคำพูดคำจาที่ไร้ความกังวลของเขา ย่อมดึงดูดสายตาของคนรอบข้างอยู่แล้ว

เมื่อเขาสังเกตเห็นจุดนี้ กลับตะโกนบอกคนที่รอบๆ ทันที “ควรทำอะไรก็ไปทำ อย่ามาล้อมดูตรงนี้ ไม่เข้าท่าเลย”

หลังจากบรรดาศิษย์อู่ตังที่เข้ามายุ่งเรื่องชาวบ้านได้ยินคำพูดของเขา ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะทยอยกันแยกย้ายไปแล้วจริงๆ ไม่สนใจพวกเขาอีก

เมื่อเยี่ยเว่ยหมิงเห็นสถานการณ์ดังนั้น ก็โอบบ่าอินปู้คุยพร้อมหยอกล้อ “มองไม่ออกเลยนะว่าเจ้ามีบารมีความน่าเชื่อถือที่เขาอู่ตังมากขนาดนี้”

“อาศัยสิ่งที่สั่งสมมาทั้งนั้น ข้าก็แค่มนุษยสัมพันธ์ดี”

ตอนนี้ จู่ๆ หลินผิงจือที่อยู่ข้างกันกลับเอ่ยว่า “ท่าร่างพลิ้วไหวปราดเปรียว ราวกับเมฆาเหินน้ำไหล สมกับเป็นศิษย์สำนักอู่ตังจริงๆ”

แม้การฝึก ‘เคล็ดกระบี่พิชิตมาร’ จะทำให้เสียงของเขาเปลี่ยนเป็นแหลมเล็ก แต่ยามปกติหากสังเกตดูสักหน่อย ก็ยังปรับน้ำเสียงให้กลับมาเหมือนตอนก่อนควงดาบได้ ทำให้คนอื่นฟังไม่ออกถึงการเปลี่ยนแปลง

ส่วนหลินผิงจือก็เห็นได้ชัดว่าไม่ได้รู้สึกเป็นเกียรติที่ตัดความเป็นชายออก ดังนั้นในสถานการณ์ส่วนใหญ่ เขาก็จะกลบเกลื่อนเสียงของตัวเองได้ดีมาก ก็เหมือนอย่างที่เป็นตอนนี้

เมื่อได้ยินว่ามีคนชื่นชมท่าร่างของตัวเอง อินปู้คุยถึงได้สังเกตเห็นว่าข้างหลังเยี่ยเว่ยหมิงยังมีคนตามมาด้วยอีกคน และเมื่อเห็นอีกฝ่ายแต่งกายจนแยกชายหญิงไม่ออก ในหัวก็เกิดความคิดน่ากลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาทันที เขาสูดหายใจอย่างตระหนกเฮือกหนึ่งแล้วถามว่า “ท่านนี้คือ?”

ไม่รอให้หลินผิงจือตอบ เยี่ยเว่ยหมิงก็พูดแทนเขาแล้ว “นี่คือหลินผิงจือ มีเรื่องจะขอความเห็นจากนักพรตจาง ข้าจะมารายงานผลภารกิจต่อนักพรตจางพอดี จึงถือโอกาสพาเขามาด้วย”

“ที่แท้ก็เป็นคุณชายหลิน ขออภัยที่เสียมารยาท”

ขณะที่ภายนอกทักทายอย่างสุภาพ อินปู้คุยก็รีบส่งคำขอตั้งทีมให้เยี่ยเว่ยหมิง หลังจากอีกฝ่ายยอมรับแล้ว ก็ส่งข้อความในช่องทีมทันที [สุดยอด ที่เจ้าถามโครงเรื่องข้าก่อนหน้านี้ อย่าบอกนะว่าเพื่อสร้างความเสียหาย ดูจากท่าทางหลินผิงจือตอนนี้ สิ่งนั้นที่อยู่ท่อนล่างคงไม่มีแล้วใช่ไหม]

เยี่ยเว่ยหมิงตอบกลับทันที [ก่อนอื่นเลยก็คือข้าไม่ได้เป็นคนทำเรื่องนี้ ข้าไม่เป็นแพะรับบาปเรื่องนี้หรอก แล้วอีกอย่าง เจ้าคิดจริงหรือว่าเรื่องราวจะตายตัวไม่เปลี่ยนแปลง]

อินปู้คุยครุ่นคิดครู่เดียวแล้วตอบว่า [ก็ได้ ที่จริงประโยชน์ของเนื้อเรื่องเดิมก็คือช่วยให้พวกเราเข้าใจภูมิหลังกับบทบาทเท่านั้น ข้าตื่นตูมเกินไปเอง]

ขณะที่ผู้เล่นทั้งสองใช้เวลาคุยกันเรื่อยเปื่อยในช่องทีม ทั้งสามก็เดินมาถึงวิหารเจินอู่แล้ว

สถานที่ที่เจ้าสำนักอาศัยอยู่ อย่างเช่นโถงประชุมของสำนักมือปราบ วิหารเจินอู่ของอู่ตัง ไม่เหมือนสถานที่อื่นที่ผู้เล่นในเกมออนไลน์ทั่วไปคิดจะไปก็ไปได้ โดยปกติแล้วหากผู้เล่นไม่ถูกเรียก ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป

ดังนั้นตอนที่ทั้งสามมาถึงที่นี่ นอกจากจานซานเฟิงแล้ว ในวิหารก็มีเพียงศิษย์ใหญ่ห้าคนอยู่ด้วยเท่านั้น

อาจเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ดูไร้สาระเกินไปหากต้องแนะนำทีละคน หลังจากจางซานเฟิงกับเยี่ยเว่ยหมิงทักทายกันแล้ว ก็ไล่ห้าจอมยุทธ์ชื่อดังของอู่ตังออกไปหมดทันที ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงที่สงสัยในตัวพวกเขาห้าคน สุดท้ายก็แยกไม่ออกว่าคนไหนคืออินลวี่ถิง

หลังจากผู้ไม่เกี่ยวข้องออกไปแล้ว สายตาของจางซานเฟิงกลับไปหยุดอยู่บนหลินผิงจือ

นักพรตเฒ่าเห็นความเปลี่ยนแปลงในโลกนี้มาจนชิน แม้จะมองปราดเดียวแล้วรู้ถึงสถานะพิเศษของหลินผิงจือ แต่ในสายตากลับไม่มีความเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย เพียงพยักหน้าเบาๆ ให้เขาเท่านั้น แล้วก็ย้ายสายตากลับมาบนตัวเยี่ยเว่ยหมิงอีกในทันทีโนlวลกูดอทคoม

“สหายน้อยมาครั้งนี้ เกรงว่านอกจากมารับรางวัลภารกิจแล้ว คงยังมีธุระอย่างอื่นอีกสินะ”

เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วยิ้ม จากนั้นเตะหลินผิงจือหนึ่งที หลินผิงจือได้รับสัญญาณลับก็ทิ้งตัวคุกเข่าทันที แล้วกล่าวทั้งน้ำตาว่า “ผู้น้อยหลินผิงจือ ลูกกำพร้าของสำนักคุ้มภัยฝูเวย คำนับนักพรตจางแห่งอู่ตัง นักพรตจางได้โปรดทวงความยุติธรรมให้ข้าด้วย!”

จางซานเฟิงเห็นดังนั้น ก็โบกมือขวากลางอากาศเบาๆ อาศัยคลื่นพลังประคองหลินผิงจือให้ลุกขึ้นมา ต่อให้เขาจะพยายามอย่างไร ก็คุกเข่าลงไปไม่ได้อีกแล้ว

หลังจากหยุดยั้งการทำความเคารพของหลินผิงจือแล้ว จางซานเฟิงถึงได้กล่าวอย่างใจเย็นว่า “คุณชายหลินอย่าได้เกรงใจเกินไป มีอะไรก็กล่าวมาตามตรงเถิด”

“เรื่องราวเป็นอย่างนี้…” หลินผิงจือไม่มีทางคุกเข่าต่อไปได้ ทำได้เพียงใช้เสียงสะอื้นกับน้ำตาแห่งความเศร้าโศกมาสร้างบรรยากาศ “เดิมทีผู้น้อยอาศัยอยู่ข้างเมืองฝูโจว บ้านข้ามีทั้งห้องมีทั้งทุ่งนา ใช้ชีวิตมีความสุขอย่างไร้ที่สิ้นสุด ใครจะคิดว่าอวี๋ชางไห่นั่นจะไร้ความปรานี สังหารทั้งตระกูลของข้า…”

หลังจากฟังหลินผิงจือเล่าเรื่องราวอันน่าเวทนาของเขาจบ จางซานเฟิงก็ถอนหายใจยาว จากนั้นส่ายหน้า “ข้าเห็นใจกับสิ่งที่คุณชายหลินประสบพบเจออย่างลึกซึ้ง แต่ถึงอย่างไรสำนักชิงเฉิงก็เป็นหนึ่งในสำนักฝ่ายธรรมะของยุทธภพ อู่ตังของข้าในฐานะที่เป็นคนนอก ไม่สะดวกจะสอดมือเข้าไปแทรกแซงเรื่องนี้จริงๆ”

สำหรับผลลัพธ์เช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยเว่ยหมิงหรือหลินผิงจือก็ล้วนเตรียมใจไว้ตั้งแต่แรกแล้ว หลินผิงจือส่งสายตาถามเยี่ยเว่ยหมิง ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็พยักหน้าให้กำลังใจ ข้าเอาใจช่วยเจ้านะ!

จากนั้น หลินผิงจือก็หยิบจีวรตัวหนึ่งออกมาจากหน้าอก แล้วบอกจางซานเฟิงว่า “ผู้น้อยย่อมมิบังอาจขอให้อู่ตังสู้กับสำนักชิงเฉิงเพราะเรื่องของข้า สำหรับเรื่องการล้างแค้น ผู้น้อยก็เตรียมการเอาไว้แล้วเช่นกัน ตัดสินใจจะนำ ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ ที่ถ่ายทอดมาจากตระกูลมาเป็นรางวัล เชิญให้ผู้ที่มีใจรักความเป็นธรรมในยุทธภพช่วยล้างความอัปยศให้ตระกูลหลินแทนข้า…

…เพียงแต่ตัวคนเดียวกำลังน้อย หากบุ่มบ่ามประกาศให้รางวัล เกรงว่ายังไม่ทันได้ล้างแค้นก็คงถูกคนชั่วทำร้ายก่อน…

…ดังนั้น ผู้น้อยจึงขอให้นักพรตจางออกหน้าเป็นผู้รับรองให้ เก็บรักษา ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ ไว้ที่สำนักอู่ตังชั่วคราว หากมีใครล้างแค้นเลือดแทนผู้น้อย ก็มารับเคล็ดกระบี่จากนักพรตจางที่เขาอู่ตังได้”

เมื่อได้ยินคำขอของหลินผิงจือ สายตาของจางซานเฟิงก็เริ่มเปลี่ยนเป็นหยอกเย้าทันที หลังจากกวาดมองบนตัวทั้งสาม ก็กล่าวเสียงเรียบว่า “เรื่องนี้สำคัญมาก ข้าต้องพิจารณาสักหน่อย พวกเจ้าออกไปรอฟังข่าวจากข้า เยี่ยเว่ยหมิงอยู่ก่อน”

หลังจากทั้งสองออกไปแล้ว สายตาของจางซานเฟิงก็หยุดอยู่บนตัวเยี่ยเว่ยหมิงราวกับมองทะลุใจคน “เจ้าเด็กเหม็น วิธีการนี้เจ้าเป็นคนช่วยหลินผิงจือคิดใช่หรือไม่ ข้าจำไม่ได้ว่าเคยไปล่วงเกินเจ้าตอนไหน เจ้าถึงได้วางกับดักข้าเช่นนี้”

“จะเรียกว่าวางกับดักได้อย่างไร” เยี่ยเว่ยหมิงอธิบายด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “แผนนี้ได้รับความยินยอมจากหวงโส่วจุนแล้ว อีกทั้งหากทำสำเร็จ ก็มีแต่ประโยชน์สำหรับอู่ตัง”

“ลองว่ามา…”

“เป็นเช่นนั้น เป็นเช่นนี้…”

……

นอกวิหารเจินอู่ อินปู้คุยกับหลินผิงจือรออยู่ครึ่งชั่วโมงกว่า สุดท้ายถึงได้เห็นร่างของเยี่ยเว่ยหมิงปรากฏตรงประตูวิหาร

“สหายหลิน เรื่องนี้จัดการเรียบร้อยแล้ว เจ้าส่งตำรากระบี่ให้ข้าก่อน ข้าจะส่งต่อให้นักพรตจาง ศึกใหญ่กำลังจะมาถึงแล้ว สหายหลินล่วงหน้ากลับไปเก็บแรงที่สำนักมือปราบก่อนเถอะ”

“ปู้คุย เจ้าตามข้ามา นักพรตจางกำลังจะเริ่มแสดงธรรมแล้ว”

เมื่อพูดจบ ก็มีพิราบขาวสองตัวบินออกจากบ่าเยี่ยเว่ยหมิงพร้อมกัน บินเรียงแถวเป็นตัวอักษร ‘ขอบัตรรายเดือน[2]’ จากนั้นก็เลี้ยวบินไปทางสำนักมือปราบ

ขณะเดียวกันนี้เอง ก็ถึงคราวที่ซานเย่ว์กับเฟยอวี๋เคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน

แม้จะบอกว่าเรื่องนี้ไม่รีบร้อน แต่เยี่ยเว่ยหมิงคนเดียวก็ทำงานไม่ทัน ในเมื่อเป็นหัวหน้าทีมแล้ว ก็จะเหมาความดีความชอบทั้งหมดมาไว้ที่ตัวเองคนเดียวไม่ได้

ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ผลงานการวิ่งเต้นที่ผลตอบแทนไม่สูงเหล่านั้น เขาขี้คร้านจะรับไว้!

…………….

[1] อู่ตัง 武当 อู่พ้องเสียงกับอู่ 五 ที่แปลว่า ห้า

[2] ขอบัตรรายเดือน 求月票 นักเขียนบางคนมักจะแทรกมุขนี้ไว้ท้ายเรื่องเพื่อขอบัตรรายเดือนจากนักอ่าน เป็นการสนับสนุนนักเขียน แสดงให้เห็นถึงความนิยมของนิยายเรื่องนั้นๆ

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

I Can Extract Proficiency, Dominating the Pugilistic World With My Detective Skills, 我能提取熟练度, 我能提取熟練度
Score 8.9
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ต้นฉบับ: 2025 Chapters (จบแล้ว)
เยี่ยเว่ยหมิง หนึ่งในเด็กหนุ่มที่ลงทะเบียนสมัครใจอพยพไปต่างโลก เพื่อป้องกันสมองตายระหว่างหลับจำศีลตอนเดินทางในอวกาศ เขาจึงต้องร่วมเล่นเกมออนไลน์ที่มีฉากหลังเป็นยุทธภพ ก่อนจะโดน NPC ลึกลับหลอกเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึก.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset