📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน – ตอนที่ 494

บทที่ 494 - เจ้ามั่นใจนะว่าอยากโดนฟ้าผ่า
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

หลังยอดค่ายกลเคลื่อนย้ายเขตแดนเสถียรภาพแล้ว เสิ่นเทียนก็ยิ้ม “ไปเถอะ!”

เขาไม่อยากเสียเวลาแล้ว คิดว่าจะไปให้ถึงการประลองใหญ่โอรสสวรรค์ให้เร็วที่สุด

เสิ่นเทียนพุ่งขึ้น ดึงมือเสิ่นเสี่ยวเข้าไปในเส้นทางมิติ

เมื่อเห็นเด็กสาวที่จู่ๆ โผล่มา เอ๋าเลี่ยก็มีสีหน้างุนงงเล็กน้อย

เขาพึมพำเสียงเบา “เด็กหญิงคนนี้ ไม่อยากเชื่อว่าจะเหนือธรรมดาเช่นนี้ หมอกบนตัวนางคืออะไรกัน ถึงทำให้คนหวาดกลัวได้เช่นนี้”

เอ๋าเลี่ยตื่นตกใจ

เขารู้สึกว่าในตัวเสิ่นเสี่ยวเต็มไปด้วยความลับ บรรยายไม่ได้

นี่ทำให้เขาคาดเดาลับๆ ในใจ

สหายเสิ่นหยวน มาจากตระกูลขุนนางลับใดกันแน่

ไม่ใช่แค่มีศักยภาพแข็งแกร่ง แต่ยังพาเด็กหญิงน้อยน่ากลัวเช่นนี้มาด้วย

ดิดไม่ออก คิดไม่ออกเลย!

…..

ไม่ว่าเอ๋าเลี่ยจะคิดอย่างไรก็ยังไม่เข้าใจว่าขุมอำนาจใดจะปรากฏโอรสสวรรค์เช่นนี้ได้

และตอนนี้เอง เสิ่นเทียนไปไกลแล้ว

“หืม สหายเสิ่นหยวน รอข้าด้วย!”

เอ๋าเลี่ยตะโกนเสียงดัง ก่อนรีบตามไป

ยอดค่ายกลเคลื่อนย้ายพลันเปิดออก แผ่พลังยิ่งใหญ่ฟ้าดินออกมา

ห้วงอากาศบิดเบี้ยว พลังเทพโหมซัดสาด

จนเมื่อแสงสว่างขยับวูบวาบ สามคนพลันหายไป

…..

นอกยอดเขาประตูสวรรค์ดินแดนกลาง

ห้วงอากาศบิดรูป ฟ้าดินถูกพลังยิ่งใหญ่ฉีกออก ถ้ำแสงลอยขึ้นมา

จากนั้นสามร่างเงาก้าวออกมาจากถ้ำแสง

สามคนนี้ก็คือพวกเสิ่นเทียน

เอ๋าเลี่ยได้บอกตำแหน่งไว้ ทำให้เสิ่นเทียนเคลื่อนย้ายมาถึงที่นี่ได้ทันที

ดังนั้นแล้วจึงประหยัดเวลาไปได้มาก ตามการประลองใหญ่โอรสสวรรค์ทัน

เมื่อสามคนปรากฏตัว ก็พบว่าที่นี่ไม่ธรรมดา

ตรงหน้าพวกเขาเป็นยอดเขาสูงตระหง่านลูกหนึ่ง สูงเสียดเมฆ โอ่อ่ายิ่งใหญ่

ภูเขาเปล่งแสงสว่าง หมอกหนาทึบวนเวียน

มีกฎเกณฑ์มากมายตกมาจากฟ้า ปกคลุมที่นี่ไว้ทั้งหมด

ที่นี่เหมือนกับแดนเซียน เมฆหมอกวนเวียน ลอยล่องอย่างชัดเจน

ตรงตีนเขามีทางเข้าแห่งหนึ่ง ตรงนั้นเป็นแสงเทพสว่างจ้า แสงเรืองรองสว่างไปรอบๆ ลี้ลับยากจะคาดเดาเหมือนประตูสวรรค์

เมื่อเข้าไปที่นี่ก็เหมือนเชื่อมฟ้าไปสู่ผู้อริยะ ดูเพ้อฝันยิ่งนัก

ที่นี่ก็คือขุนเขาเทพ…ยอดเขาประตูสวรรค์

เสิ่นเสี่ยวมองยอดเขานี้ด้วยแววตาตื่นตกใจ

นางร้องตกใจดังขึ้น “อาจารย์ ที่นี่มหัศจรรย์มาก เหมือนมีกฎเกณฑ์ลี้ลับวนเวียนอยู่เลย!”

เสิ่นเสี่ยวพบว่าที่นี่ไม่ธรรมดา ต่างจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง

เอ๋าเลี่ยเผยแววตาตกใจ ไม่นึกเลยว่าเด็กตัวน้อยเท่านี้จะมองเห็นความลี้ลับได้ขนาดนี้

เขาอธิบายด้วยรอยยิ้ม “เล่าลือว่ายอดเขาประตูสวรรค์เป็นประตูแห่งโลกเซียน ต่อมาเนื่องจากเจอมหาเคราะห์ภัย จึงตกลงมาโลกมนุษย์พร้อมกับห้าดินแดน

ที่นี่เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์วิถีเซียน แม้แต่ผู้แข็งแกร่งสูงสุดเผ่าวิญญาณร้ายยังไม่กล้าเข้าใกล้ จึงจัดการประลองใหญ่โอรสสวรรค์ที่นี่เหมาะสมที่สุดแล้ว!”

ยอดเขาประตูสวรรค์มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เคยมียักษ์ใหญ่ปกครองอยู่

อาบกฎเกณฑ์วิถีเซียน ทำให้สิ่งชั่วร้ายเงามืดย่างกรายไม่ได้

เสิ่นเทียนพยักหน้าเล็กน้อย ห้าดินแดนกับโลกเซียนมีสัมพันธ์แน่นแฟ้น มีซากโบราณจากโลกเซียนเหลืออยู่บ้างก็เป็นเรื่องปกติมาก

ยอดเขาประตูสวรรค์นี่เต็มไปด้วยความไม่ธรรมดาจริงๆ

ไม่ใช่แค่ยอดเขาเดียว แต่เป็นฟ้าดินแห่งหนึ่ง

เอ๋าเลี่ยพูดด้วยความตื่นเต้น “สหายเสิ่นหยวน เราเข้าไปกันเถอะ!”

เขาอดใจรอไม่ไหวแล้ว อยากจะทำศึกกับทุกคน

…..

ทุกคนก้าวเข้าประตูสวรรค์ เหมือนเข้าไปอีกโลกหนึ่ง

ฟ้าดินผันเปลี่ยน ปรากฏการณ์เปลี่ยนไปอย่างมาก

สิ่งมงคลต่างๆ ทะยานขึ้น กฎเกณฑ์มากมายตกลงมา สว่างจ้าแสบตา

ทะเลเมฆหมุนม้วน หมอกกว้างใหญ่ไพศาล

เหมือนแดนเซียนในเมฆ ทำให้คนท่องไปในนั้นลืมกลับ

แม่น้ำภูเขารอบๆ งดงามพริ้มเพรา กระเรียนขาวโผบิน อัจฉริยะเลิศล้ำ

เมื่อเข้ามาที่นี่ ทุกคนรู้สึกตัวเบา เหมือนอยู่ในทะเลพลังวิญญาณ

ที่นี่ไม่ธรรมดาเลย เหนือกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ปกติ

หากฝึกบำเพ็ญที่นี่ จะได้ผลดีเป็นเท่าตัว

…..

สามคนเดินหน้าไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็มาถึงยอดเขา

ที่นี่มีผู้คนขวักไขว่เต็มไปหมด นับไม่หวาดไม่ไหว

ผู้บำเพ็ญมีให้เห็นทุกที่ คึกคักยิ่ง เผยความเจริญรุ่งเรืองอย่างชัดเจน

ทุกคนยังหนุ่มสาวมาก ไม่เกินร้อยปี กลิ่นอายพลังกลับแข็งแกร่งยิ่ง

ส่วนใหญ่ทะลวงผู้สูงศักดิ์สวรรค์ โอรสสวรรค์ระดับอริยะแท้ยังมีไม่น้อย

ที่นี่รวมโอรสสวรรค์ห้าดินแดนไว้ เรียกได้ว่ามีผู้แข็งแกร่งตั้งกันสลอน

โอรสสวรรค์ทุกเผ่าต่างมีรูปร่างต่างกัน

บางคนเปล่งแสงเงินทั้งตัว เหมือนเผ่ามนุษย์สัตว์ที่หลอมขึ้นจากเหล็กเงิน

และยังมีเผ่ามนุษย์ม้าที่ครึ่งบนเป็นมนุษย์ครึ่งล่างเป็นขาม้า

มีเผ่าทูตสวรรค์ที่มีวงรัศมีเหนือศีรษะ มีปีกนางฟ้าข้างหลัง

แต่เผ่าที่มากที่สุดคือเผ่ามนุษย์กับเผ่าอสูร

ทุกคนรวมกัน บรรยากาศคึกคักมาก

พวกเขากำลังรอการประลองใหญ่โอรสสวรรค์เริ่ม จึงกำลังสนทนามรรคกับการคงอยู่สุดยอดมากมาย

……

เอ๋าเลี่ยเพิ่งเข้ามาที่นี่ก็ตาเป็นประกาย

ที่นี่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดต่อเขาอย่างยิ่ง ทำให้เขาตื่นเต้นมาก

เอ๋าเลี่ยรีบวิ่งไปหน้าโอรสสวรรค์พวกนั้น “สหาย พวกเรามาประลองกันดีหรือไม่

สหาย ข้าว่าเจ้ามีศักยภาพแข็งแกร่ง เรามาประลองกันดีหรือไม่

มีใครจะประลองกับข้าหรือไม่ มาเลยๆ!”

เมื่อได้ฟังคำพูดของเอ๋าเลี่ย โอรสสวรรค์พวกนั้นหน้ากระตุกเล็กน้อย หัวเราะแห้งๆ กันไม่หยุด

พวกเขาต่างเคยได้ยินชื่อเสียงขององค์รัชทายาทเทพมังกรเอ๋าเลี่ยกันมาแล้ว

เจ้านี่เป็นองค์รัชทายาทตำหนักเทพมังกร มีสายเลือดมังกรดำระดับสิบสอง ด้วยพรสวรรค์และศักยภาพของเขา ต่อให้เป็นทั้งห้าดินแดนก็ยังถือว่าเป็นสุดยอดโอรสสวรรค์

ที่สำคัญคือเอ๋าเลี่ยชอบหาคนมาวิวาทด้วยตลอด และยังไม่ยั้งมือ

โอรสสวรรค์ทุกคนที่ประมือกับเอ๋าเลี่ยปกติจะหนังหลุดลอก

การถูกโอรสสวรรค์เช่นนี้จับจ้อง ทุกคนจึงรู้สึกขนหัวลุก

หลายคนเห็นเอ๋าเลี่ยแล้วก็พากันถอยไปเหมือนเจอเทพแห่งโรคห่า

เอ๋าเลี่ยตะโกนเสียงดังด้วยความสนุกสนาน อดบ่นพึมพำไม่ได้ “อะไรกัน เหตุใดถึงไม่มีใครอยากฝึกมือกับข้าเลย เฮ้อ ไร้พ่ายยังเงียบเหงาเหลือเกิน!”

…..

ตอนนี้เองห้วงอากาศไหลหลาก

มิติบิดเบี้ยว แผ่พลังแห่งมิติมหาศาลออกมา

บุรุษชุดคลุมม่วงคนหนึ่งก้าวออกมาจากมิติ ร่างลอยล่องไม่อาจคาดเดา เหมือนหลอมรวมกับมิติฟ้าดินเป็นหนึ่งเดียว

เขาผิวพรรณขาวผ่องดั่งหยก เอกลักษณ์สง่างามดั่งหยก เหนือธรรมดา สตรียังริษยา

คนนี้ยกกระจกโบราณ เหมือนยกฟ้าดินหนึ่งทิศ พลานุภาพมหาศาลไม่อาจปัดป้อง

เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนจิตใจสั่นสะท้าน ร้องตกใจดังไม่ขาดสาย

“มีสุดยอดโอรสสวรรค์มาแล้ว!”

“นั่นคือ…บุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภาเซิ่งหยางซวี!”

“กระจกในมือเขา หรือว่าจะเป็นกระจกโบราณสุญญะยอดอาวุธสูงสุดกัน”

บุตรศักดิ์สิทธิ์ท้องนภามีชื่อเสียงโด่งดังมาก เลื่องลือไปทั้งห้าดินแดน

เมื่อเขาปรากฏตัว โอรสสวรรค์มากมายต่างยำเกรง และยังมีธิดาสวรรค์ไม่น้อย ตอนนี้ทำหน้าเคลิบเคลิ้ม “เซิ่งหยางซวี!”

“เซิ่งหยางซวี!”

“เซิ่งหยางซวี”

พวกนางหลงใหลในใบหน้าสุดยอดของเซิ่งหยางซวี กลายเป็นสาวน้อยผู้คลั่งไคล้

…..

จากนั้นก็ปรากฏแสงเรืองรองขึ้นอีก

ห้วงอากาศไม่ไกลพลันแตกสลาย กระจายเป็นผุยผง

ร่างเงาอหังการยิ่งก้าวออกมา พลานุภาพสั่นสะเทือนฟ้าดิน

เขาเดินหน้ามา ทุกย่างก้าวจะเหยียบอากาศแตกกระจาย ทำให้ฟ้าดินยุบลง

ข้างหลังเขาเกิดปรากฏการณ์น่ากลัวลอยขึ้น บดบังฟ้าบังดวงตะวัน

ดวงตายักษ์สะท้อนฟ้าดิน เป็นลายพร้อยซับซ้อน ปกคลุมเต็มไปด้วยลายมรรค

แค่ดวงตานี้ก็ทำให้คนเงียบกริบแล้ว

ขณะเดียวกัน กลิ่นอายพลังเก่าแก่และดึกดำบรรพ์กระจายออกมา เหมือนฟ้าดินเข้าสู่หายนะ อานุภาพสูงสุด

คนนี้เหมือนผู้อริยะมาแต่กำเนิด ทำให้ฟ้าดินยอมศิโรราบ

“นี่มัน…ผู้มีดวงตาซ้อนทับ!”

“เซี่ยงฉงโหลวแห่งตระกูลขุนนางโบราณ เขาก็มาด้วย!”

ผู้มีดวงตาซ้อนทับมีชื่อเสียงเลื่องลือเช่นกัน ทำให้คนมากมายยำเกรง

พลังบำเพ็ญเขาเพียงแค่มหาอริยะสิบด่านเคราะห์ แต่กลับเคยสังหารเตรียมเซียนสิบสี่ด่านเคราะห์

กำลังรบเช่นนี้น่าสะพรึงอย่างยิ่ง!

เซี่ยงฉงโหลวปรากฏตัวแล้วก็พุ่งขึ้นแท่นผนึกเทพ

แท่นผนึกเทพเป็นเวทีประลองสูงสุดของยอดเขาประตูสวรรค์ เล่าลือว่าเวทีประลองนี้สร้างขึ้นโดยผู้แข็งแกร่งสูงสุด แม้แต่เซียนแท้เทพเจ้ายังเคยประลองกัน

สถานที่จัดงานหลักของการประลองใหญ่โอรสสวรรค์ครั้งนี้ก็คือแท่นผนึกเทพ

เซี่ยงฉงโหลวยืนบนแท่นผนึกเทพ มองเซิ่งหยางซวีในห้วงมิติไกลๆ “หยางซวี ขึ้นมาสู้กัน”

เซิ่งหยางซวีหน้าดำมืด ท่วงท่าสง่างามพลันหายไป

เขาตะโกนเสียงดัง “เจ้าคนแซ่เซี่ยง แซ่เซิ่งเกลียดคนที่เรียกข้าเช่นนี้ที่สุด เจ้าเติมแซ่เข้าไปหน่อยได้หรือไม่”

เซี่ยงฉงโหลวเอ่ยราบเรียบ “เช่นนั้นก็เรียกเจ้าว่าเซิ่งสวี!”

เซิ่งหยางซวีตัวสั่นอย่างรุนแรง “เจ้านี่เรียกนามเต็มข้าไม่ได้รึ”

เซี่ยงฉงโหลวส่ายหน้า “ไม่ได้!”

เซิ่งหยางซวีกระทืบเท้าด้วยความโมโห ด่าทอเสียงดัง “เจ้า ปากสุนัขอย่างเจ้านี่ ข้าจะฆ่าเจ้า!”

เขาง้างกระจกโบราณสุญญะและปาใส่เซี่ยงฉงโหลว

พริบตานั้น ฟ้าดินมืดครึ้มลง

กระจกโบราณสุญญะกดอัดท้องนภา เหนี่ยวนำพลังยิ่งใหญ่กดใส่เซี่ยงฉงโหลว

ห้วงอากาศพลันแตกกระจาย ถล่มเป็นซากปรักหักพัง

เซี่ยงฉงโหลวหน้าไม่เปลี่ยนสีไป นัยน์ตาเผยประกายลึกล้ำยิ่ง

ปรากฏการณ์ดวงตาซ้อนทับเปล่งแสงสว่างจ้าข้างหลังเขา แปลงเป็นเทพยดา แผ่อำนาจอริยะออกมาไม่มีสิ้นสุด

สองคนสู้กันอย่างดุเดือด อานุภาพสั่นสะเทือนฟ้าดิน สะท้านไปทั้งท้องนภาจักรวาล

เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนอดกลืนน้ำลายมิได้

สองคนนี้โหดกันไปแล้ว มาถึงก็เปิดศึกใหญ่กันเลย

หากไม่ใช่เพราะแท่นผนึกเทพมีการป้องกันแน่นหนา บางทีที่นี่อาจจะถูกพวกเขาทำลายลงได้

…..

จากนั้นเกิดปรากฏการณ์ขึ้นอีก

นิมิตท้องนภาตกลงมา ฝนทองสาดกระจายเต็มฟ้า

รถลากมหึมาทะยานเข้ามา โอ่อ่ายิ่งใหญ่ พุ่งขึ้นฟ้าเก้าชั้น

ตรงหน้ารถลากมีมังกรน้ำบรรพกาลสิบแปดตัวร้องคำราม อานุภาพสั่นสะท้านฟ้าดิน ชำเลืองตามองแปดทิศโuเวฺลกูดอทคoม

นี่คือมังกรน้ำที่มีสายเลือดเผ่ามังกร ศักยภาพแข็งแกร่งยิ่ง ทุกตัวบรรลุผู้อริยะ

ทว่าผู้แข็งแกร่งเช่นนี้กลับเป็นสัตว์ลากรถ

เป็นการกระทำอันยิ่งใหญ่จริงๆ!

ทุกคนเผยแววตาตื่นตกใจ “นี่มันรถลากของวังมายาหยก ใช้มังกรน้ำบรรพกาลสิบแปดตัวลากรถ”

“ไม่กลัวไปล่วงเกินพวกมังกรบ้าการต่อสู้อย่างตำหนักเทพมังกรรึ”

“แต่ได้ยินว่าระหว่างวังมายาหยกกับตำหนักเทพมังกรมีความขัดแย้งกันอยู่แล้ว ฝังรากลึกมานาน อีกทั้งด้วยกำลังของวังมายาหยกก็ไม่ต้องกลัวตำหนักเทพมังกรจริงๆ”

ทุกคนใจสั่นสะท้าน อุทานว่าวังมายาหยกช่างกล้าหาญเสียจริง

จากนั้นมีคนพูดด้วยความกังวลอีก “แต่ว่าองค์รัชทายาทเทพมังกรมาแล้วนะ ดูท่าคงจะได้เกิดอีกศึกใหญ่แน่!”

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ดวงตาเอ๋าเลี่ยพลันเย็นชาขึ้นมา

เขาพุ่งขึ้นไปบนฟ้า

กรรซ์!

เสียงคำรามมังกรดังสนั่นฟ้าดิน!

อำนาจคุกคามเผ่ามังกรแก่กล้าปกคลุมฟ้าดิน

ทันใดนั้น มังกรน้ำสิบแปดตัวพลันถูกสายเลือดกำราบ ตัวสั่นงันงก

นี่คือการกดดันจากจิตวิญญาณสายเลือด!

มังกรน้ำสิบแปดตัวหยุด รถลากก็หยุดเช่นกัน ลอยอยู่บนอากาศ

เอ๋าเลี่ยเผยแววตาเย็นยะเยือก ก่อนพูดอย่างเฉยชา “อวี้ซวีจื่อ เจ้าอยากจะสู้รึ”

อวี้ซวีจื่อทำเช่นนี้ เป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีเผ่ามังกร

เผ่ามนุษย์ทนได้ แต่เผ่ามังกรทนไม่ได้!

…..

ร่างเงาที่สุดแห่งยุคร่างหนึ่งก้าวออกมาจากรถลาก ชำเลืองตามองแปดทิศ

เขาสวมจีวรเต๋าโบราณ สีหน้าเฉยชา เหมือนไม่มีอะไรทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสีได้

เมื่อคนนี้ปรากฏตัว ท่วงทำนองมรรคแก่กล้าหมุนม้วนออกมา เหนี่ยวนำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน กฎเกณฑ์วนเวียน

เขาเหนี่ยวนำหมื่นกฎเกณฑ์ตกลงมา เหมือนคุมพลังฟ้าดินได้

คนนี้ก็คืออวี้ซวีจื่อที่มีกายมรรคสวรรค์ประทาน

อวี้ซวีจื่อเอ่ยนิ่งๆ “เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ข้า!”

เอ๋าเลี่ยไม่โกรธแต่กลับยิ้ม “โอหัง ไม่รู้ว่าตอนแรกใครกันที่หนีเตลิดข้าไป”

เห็นได้ชัดมากว่าระหว่างอวี้ซวีจื่อกับเอ๋าเลี่ยมีความขัดแย้งกันมานานแล้ว

ทว่าอวี้ซวีจื่อยังคงสงบนิ่งมาก “ตอนนั้นก็คือตอนนั้น ข้าตระหนักวิชาเก้าส่วนในโลกแล้ว ไร้พ่ายในโลกหล้า เจ้า ไม่มีค่าให้ต้องเกรงกลัว!”

อวี้ซวีจื่อโอหังมาก ดูถูกเอ๋าเลี่ยที่สุด

…..

ทุกคนเห็นภาพนี้แล้วก็มุมปากกระตุกอย่างบ้าคลั่ง

เอ๋าเลี่ยเป็นองค์รัชทายาทตำหนักเทพมังกร มีสายเลือดมังกรดำระดับสิบสอง เป็นโอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคเช่นกัน

ดูถูกโอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคเช่นนี้ ดีจริงๆ หรือ

เอ๋าเลี่ยไม่โกรธเช่นกัน แต่หัวเราะเยาะ “ไม่นึกเลยว่าไม่ได้ทุบตีเจ้ามาหลายปี จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจเสียแล้ว ขึ้นแท่นผนึกเทพ!”

เอ๋าเลี่ยพุ่งขึ้น บินไปทางแท่นผนึกเทพ

อวี้ซวีจื่อหน้าไม่เปลี่ยสีไป เขาลอยล่องขึ้นไป ร่างวูบไหวไม่แน่นอน

เขารวดเร็วยิ่ง เพียงพริบตาเดียวก็มาปรากฏตรงหน้าเอ๋าเลี่ย

พอเห็นสองคนจะสู้กัน ทุกคนก็ตื่นเต้นขึ้นมา

การต่อสู้ของสุดยอดโอรสสวรรค์จะทำให้ทุกคนได้ประโยชน์ไปอย่างมาก

…..

นอกจากพวกเขาแล้ว โอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคคนอื่นยังพากันปรากฏตัวและต่อสู้กัน และยังมีกายศักดิ์สิทธิ์และกายเทพสุดยอดมากมายพากันปรากฏตัว

พวกเขาเลือกคู่ต่อสู้ของตนไว้ก่อนแล้ว เมื่อปรากฏตัวก็สู้กัน ไม่อยากเสียเวลา

การต่อสู้ทุกนาทีมีค่าพันตำลึงทอง!

ทันใดนั้นบนแท่นผนึกเทพเต็มไปด้วยแสงเทพมากมาย อานุภาพพลังน่ากลัวหมุนตลบมาไม่ขาดสาย น่ากลัวที่สุด

คนพวกนี้ต่อสู้กันได้น่ากลัวอย่างยิ่ง ล้วนปลุกวิชาสูงสุด เหนี่ยวนำฟ้าดินดังสนั่นหวั่นไหว

กฎเกณฑ์โดยรอบเวียนวน ลำดับตัดสลับไปมา ระเบิดอานุภาพเทพมหาศาล

ผู้แข็งแกร่งระดับเจ้าอริยะไม่กล้าเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย

…..

เมื่อเห็นภาพนี้ เสิ่นเทียนตาเป็นประกายยิ่งกว่าเดิม

เขาพบว่าวิชาที่โอรสสวรรค์พวกนี้ฝึกฝนอยู่ในขอบเขตร้อยแปดขุนพลสวรรค์ อีกทั้งพลังบำเพ็ญยังสูงมาก แค่อายุไม่กี่ร้อยปีก็มีพลังบำเพ็ญอยู่ราวๆ มหาอริยะ

พลังเช่นนี้แกร่งกว่ายุคนั้นของเขามาก

ดูท่าชนรุ่นหลังเหมือนจะไม่ได้แย่อย่างที่คิด

……

บนแท่นผนึกเทพ โอรสสวรรค์เกือบร้อยคนกำลังประมือกัน

สถานการณ์ยิ่งใหญ่มาก ใครเห็นเป็นต้องตาพร่ามัว

เสิ่นเสี่ยวถามด้วยความแปลกใจ “อาจารย์ ท่านคิดว่าคนพวกนี้เก่งหรือไม่”

เสิ่นเทียนพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนเอ่ยอย่างเฉยชา “พวกเขาเก่งมาก ถือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งสุดยอดของยุคนี้”

เสิ่นเสี่ยวส่ายหน้า “ข้าว่าพวกเขาไม่เก่งเท่าอาจารย์เลย อาจารย์เป็นคนที่เก่งที่สุดที่เสี่ยวเสี่ยวเคยพบมาเลย!”

เสิ่นเสี่ยวพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ เต็มไปด้วยความมั่นใจและเคารพ

และคำพูดของนางได้ดึงดูดความสนใจของโอรสสวรรค์โดยรอบ ทุกคนพากันมองมา

ตอนที่พวกเขาเห็นใบหน้าของเสิ่นเทียนก็ตะลึงค้างอยู่กับที่

“โลกนี้มีบุรุษรูปงามเช่นนี้ด้วยรึ”

“หรือว่าเขาจะเป็นเซียนมายังโลก”

“ความสง่างามเช่นนี้เรียกว่าเป็นที่สุดของโลกเลย!”

คนมากมายมีแววตาตื่นตกใจ ตกอยู่ใต้ความสง่างามที่สุดแห่งยุคของเสิ่นเทียน

โดยเฉพาะธิดาสวรรค์ ตอนนี้ถึงกับร้องอุทาน “บุรุษรูปงามมาก หล่อกว่าเซิ่งหยางซวีอีก!”

“ชอบๆ รักเลยๆ!”

“ไม่รู้ว่าสหายท่านนี้มีคู่ครองแล้วหรือไม่”

นัยน์ตาธิดาสวรรค์พวกนี้เต็มไปด้วยความคึกคักและหลงใหล

กระทั่งมีคนใจกล้าหลายคนอยากจะโผเข้าใส่

เวลานี้รอบๆ อบอวลไปด้วยกลิ่นเปรี้ยวรุนแรง

โอรสสวรรค์บุรุษมากมายหน้าเขียวปัด เหมือนกินมะนาวหมื่นปี อิจฉากันอย่างยิ่ง

มีคนพูดริษยา “หน้าตาดีแล้วอย่างไร กินแทนข้าวได้รึ”

ธิดาสวรรค์รอบๆ แย้งกลับทันควัน “ขออภัย กินได้จริงๆ!”

ทุกคนเงียบ

มีคนหัวเราะเยาะ “แม่นางน้อยคนนั้นจะบอกว่าเขาแกร่งกว่าโอรสสวรรค์ที่นี่รึ”

“พูดตลกอะไรกัน โอรสสวรรค์พวกนี้ล้วนเป็นการคงอยู่สุดยอดของห้าดินแดน เจ้าหนุ่มหน้าขาวนี่ คู่ควรจะเทียบกับสุดยอดโอรสสวรรค์ห้าดินแดนอย่างนั้นรึ”

“ข้าว่านะ เจ้านี่คงกำลังสร้างภาพอยู่ ให้แม่นางน้อยสร้างภาพให้ มีหน้ามีตาจริงๆ”

พวกเขาไม่อยากให้เสิ่นเทียนเด่น จึงคิดหาทางกดเขาต่ำลง

และยังมีคนพูดเย้ยเยาะ “คำพูดพล่อยๆ ของเด็ก จะไปคิดจริงจังอะไร เด็กน้อยจะมีความคิดไม่ดีอะไรได้ นางแค่อยากให้อาจารย์นางเด่นเท่านั้น ทุกคนรู้แกวก็อย่าไปแฉสิ อย่าไปตบหน้าคนอื่นเขา!”

เวลานี้เสียงหัวเราะเยาะดังขึ้นระงม

……

เสิ่นเทียนไม่สนใจ แต่ธิดาสวรรค์รอบข้างกลับโมโหแล้ว

“พวกเจ้ายังมีหน้ามาว่าคนอื่นอีก ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นพวกปอดแหก! พูดไร้สาระมาตั้งเยอะ เก่งจริงพวกเจ้าก็ขึ้นแท่นผนึกเทพสิ!”

“…”

จะล่วงเกินสตรีไม่ได้ โดยเฉพาะสตรีที่กำลังคลั่งไคล้ดาวเด่น ยิ่งล่วงเกินไม่ได้

พวกนางร่ายยาว พูดจนโอรสสวรรค์พวกนั้นหน้าแดงไปหมด

เสิ่นเสี่ยวเองก็โมโหเช่นกัน “อาจารย์ ท่านเผยสองมือให้พวกเขาดูหน่อยเถอะ เสี่ยวเสี่ยวเชื่อว่าท่านสุดยอดที่สุดแล้ว!”

เสิ่นเทียนยิ้มราบเรียบ “เสี่ยวเสี่ยว ไฉนจะต้องสนใจความคิดคนอื่น ชื่อเสียงผลประโยชน์เป็นดั่งเมฆลอย ยึดมั่นในเจตนาเดิมต่างหากคือเส้นทางที่ถูกต้อง”

การเด่นไม่ใช่เรื่องดีอะไร จุดนี้เสิ่นเทียนเข้าใจดีมานานแล้ว

อีกทั้งแม้คนพวกนี้จะมีกำลังรบไม่ธรรมดา แต่กลับไม่ได้ยั่วยุเสิ่นเทียนเลยแม้แต่น้อย

ถึงอย่างไรด้วยกำลังรบเขาตอนนี้ ก็สังหารเซียนแท้ได้ซึ่งหน้า

สู้กับโอรสสวรรค์ระดับมหาอริยะก็เหมือนเด็กน้อยวิ่งผ่านบ้าน เสิ่นเทียนจึงขี้เกียจออกมือ

เสิ่นเสี่ยวได้ยินดังนั้นก็ยืนหยัดต่อไป

ตอนนี้เองมีเสียงลอยล่องดังในอากาศ “สหายท่านนี้ แซ่เจียงไม่ยอมรับความคิดนี้ของเจ้า”

ประกายสายฟ้าสว่างไปรอบๆ สายฟ้าน่ากลัวแผ่กระจายออกมา

ประกายสายฟ้าลุกลามไปพันลี้ พลานุภาพยิ่งใหญ่ไม่ขาดสาย

บุรุษชุดคลุมขาวอาบแสงเทพสายฟ้าทั้งตัว ประกายสายฟ้าวนเวียนก้าวออกมาจากมิติ

เขาเหมือนจักรพรรดิอัสนีมาเยือน กุมอัสนีเทพฟ้าดิน

สายตาทุกคนรอบกายมองคนผู้นี้ทั้งหมด “เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เจียงไท่อี่!”

“เขาก็มาด้วย!”

“ได้ยินว่าเจียงไท่อี่ฝึกคัมภีร์จักรพรรดิอัสนีถึงขั้นสูงแล้ว เคยใช้อัสนีเทพสูงสุดสังหารวิญญาณร้ายเตรียมเซียนสิบห้าด่านเคราะห์มาก่อน!”

เมื่อเห็นเจียงไท่อี่ปรากฏกาย ทุกคนต่างตกใจกันมาก

และในตอนนี้เอง เจียงไท่อี่เดินมาข้างกายเสิ่นเทียน

“สหาย ชื่อเสียงผลประโยชน์เบาเหมือนขนห่าน แต่ก็หนักกว่าภูเขาไท่ซาน บางคนมีชีวิตอยู่กลับไม่ฝากอะไรไว้ จะไปต่างอะไรกับคนตาย

บางคนแม้ตายไปแล้ว แต่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปหลายยุค ก็เหมือนกับมีชีวิตอยู่! ดังนั้น ชื่อเสียงสิ่งนี้ จึงต้องให้ความสำคัญ!”

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย

เขาไม่นึกเลยว่าตนจะโดนชนรุ่นหลังเทพสวรรค์สั่งสอน!

เขาเผยใบหน้าเย้าหยอก “ถ้าเช่นนั้น พวกเรามาประลองกันดีหรือไม่”

เสิ่นเทียนอยากรู้ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รุ่นนี้มีกำลังรบเป็นอย่างไร

เจียงไท่อี่ทำหน้าอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเยาะ “เจ้าจะท้าข้าสู้รึ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร

ข้า บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เจียงไท่อี่!

เจ้ามั่นใจนะว่าอยากโดนฟ้าผ่า”

…..

เดิมทีเจียงไท่อี่คิดจะมาดูเฉยๆ ไม่นึกเลยว่าเสิ่นเทียนจะท้าเขา

หรือไม่ได้โผล่หน้ามาหลายวัน ข้าแซ่เจียงจะชื่อเสียงลดลงไปแล้ว

ถ้าอย่างนั้น แซ่เจียงคงต้องเอาสายฟ้าผ่าคนหน่อยแล้ว!

ผ่ามารดามัน~

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน (จบ)

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน (จบ)

I Am Really Not The Son of Providence, I am Really not a Child of Luck(mtl), ข้าไม่ใช่บุตรแห่งโชคชะตาจริงๆนะ(ก่อนlc), 我真的不是气运之子
Score 9
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: , ต้นฉบับ: 510 Chapters (จบแล้ว)
หลังจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเสิ่นเทียน องค์ชายสิบสามแห่งราชวงศ์ผู้หล่อเหลาที่สุด แต่เขากลับอับโชคราวกับเป็นเทพหายนะ เสิ่นเทียน (คนใหม่) พบว่าเขามองเห็นวงรัศมีสีต่างๆ เหนือศีรษะของตนเองและผู้อื่น นั่นคือ ‘ตัวบอกระดับโชควาสนา’ และวงรัศมีเหนือศีรษะของเขาก็เป็นสีดำทะมึน สื่อถึงความซวยขั้นสุด! โชคยังดี เขาสามารถเห็นภาพ ‘โชคลิขิตและวาสนา’ ผ่านวงรัศมีพวกนั้นเช่นกัน.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset