“เจ้าเด็กนี่ มีนมแล้วเป็นมารดาเลยจริงๆ”
จักรพรรดิฮวงสือไม่ได้โกรธอะไร “ตอนนี้ข้าจะถ่ายทอดคัมภีร์จักรพรรดิโบราณให้เจ้า!”
เขาสะบัดแขนเสื้อเบาๆ พลันมีพลังมหาศาลหลั่งไหลออกมา เข้าไปในความคิดเสิ่นเทียนอย่างยิ่งใหญ่
เสิ่นเทียนตัวสั่นเล็กน้อย รู้สึกว่ามีวิชาลึกลับซับซ้อนเพิ่มมาในความคิด
นี่คือคัมภีร์จักรพรรดิดึกดำบรรพ์ ในนั้นยังแนบคำอธิบายของจักรพรรดิฮวงสือไว้!
กระทั่งบทต้องห้ามของคัมภีร์จักรพรรดิยังมีอยู่ในนั้น
เห็นได้ชัดว่าฮวงสือถ่ายทอดให้อย่างเต็มที่!
สมกับเป็นอาสือดีของข้า!
…..
เสิ่นเทียนแอบดีใจข้างใน
แม้เขาจะฝึกควบคัมภีร์จักรพรรดิหลายส่วน แต่ใครไม่ชอบมีของเยอะๆ บ้าง!
จักรพรรดิฮวงสือพูดเตือน “เทียนเอ๋อร์ โลภมากเคี้ยวไม่ละเอียด ให้ดีที่สุดคือฝึกวิชาหนึ่งให้ถึงขีดสุดก่อน!”
เขาได้ข้อมูลของเสิ่นเทียนมาจากเยี่ยฉิงชางไม่น้อย รู้ว่าเขาฝึกคัมภีร์จักรพรรดิหลายส่วน
คัมภีร์จักรพรรดิทุกส่วนล้วนเป็นวิถีของมหาจักรพรรดิ แฝงไว้ด้วยพลังอำนาจมหาศาล หากฝึกถึงระดับลึกซึ้งก็มากพอจะกวาดล้างห้าดินแดน
ถึงอย่างไรทุกการคงอยู่ที่สร้างคัมภีร์จักรพรรดิขึ้นล้วนเป็นมหาจักรพรรดิที่หนึ่งไม่เป็นสองรองใคร
แต่คัมภีร์จักรพรรดิซับซ้อนเข้าใจยากยิ่ง โลภมากจะเคี้ยวไม่ละเอียดและได้ผลตรงกันข้าม
แม้แต่สือเทียนจื่อยังได้จักรพรรดิฮวงสือชี้แนะให้ฝึกคัมภีร์จักรพรรดิดึกดำบรรพ์ให้ถึงที่สุดก่อน ค่อยไปฝึกคัมภีร์จักรพรรดิอื่น ใช้เป็นตัวช่วย
แบบนั้นถึงจะแสดงอานุภาพของคัมภีร์จักรพรรดิดึกดำบรรพ์ออกมาได้ถึงที่สุด
ในคัมภีร์จักรพรรดิแฝงไว้ด้วยการตระหนักรู้มหามรรคในชีวิตของฮวงสือ รวมวิชาไร้พ่ายมากมาย อย่างเช่นหนึ่งกระบี่ฟ้าทมิฬขององค์หญิงหลิงหลง กำปั้นแห่งหายนะของสือเทียนจื่อ ล้วนมาจากในนั้น
ส่วนจะตระหนักได้เท่าไรก็ต้องดูที่โชคชะตาและพรสวรรค์ของตนเอง
……
“อาสือ ข้าเข้าใจแล้ว”
เสิ่นเทียนรู้ว่าจักรพรรดิฮวงสือหวังดีกับเขา แต่เขาไม่อยากฟัง!
ถึงอย่างไรด้วยกายมรรคสวรรค์ประทาน เสิ่นเทียนฝึกวิชาง่ายมากเหมือนกับกินข้าวดื่มน้ำ
ไม่นานเสิ่นเทียนก็เข้าสู่ความเงียบ เริ่มฝึกคัมภีร์จักรพรรดิดึกดำบรรพ์
เขามีแสงเทพวนเวียนรอบกาย แสงสว่างจ้าเหมือนดวงตะวันส่องสะท้อนเส้นขอบฟ้า ทำให้ฟ้าดินเปล่งแสงสว่าง
พลังงานกฎเกณฑ์ตกลงมาจากท้องนภา ไหลไปรวมในกายเสิ่นเทียนทั้งหมดราวกับธารน้ำเงิน
ตอนนี้ ผิวกายเสิ่นเทียนเปล่งแสงสว่างขึ้นเรื่อยๆ
อักขระมหามรรคไม่มีสิ้นสุดร่างออกมาเป็นมหาสมุทรกฎเกณฑ์ ทำให้ใกล้ชิดกับกฎเกณฑ์ในเขตนี้อย่างยิ่ง
จักรพรรดิฮวงสือมองภาพนี้แล้วยังแอบตกใจ เจ้าหนูนี่ไม่ใช่แค่มีกำลังรบและพรสวรรค์น่ากลัว แม้แต่คุณสมบัติกายยังบ้าขนาดนี้
ไม่อยากเชื่อว่าจะเหนี่ยวนำหมื่นกฎเกณฑ์ให้ตกลงมาช่วยเขาฝึกบำเพ็ญได้
คุณสมบัติเช่นนี้ ไม่ว่าจะฝึกวิชาใดก็จะได้ผลดียิ่งกว่าเดิม!
ดูท่าเขาคงกังวลมากไปหน่อย
เป็นอย่างที่คิดไว้ ภายใต้การช่วยของกฎเกณฑ์ฟ้าดิน เสิ่นเทียนตระหนักคัมภีร์จักรพรรดิดึกดำบรรพ์ได้ลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ วิธีการควบคุมมากขึ้นเช่นกัน
เพียงครู่เดียว เสิ่นเทียนก็คุมพลังของคัมภีร์จักรพรรดิดึกดำบรรพ์ได้เก้าส่วน!
กระทั่งจำแลงกายสรรพสัตว์ในบทต้องห้ามยังเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว
……
เห็นเพียงห้วงอากาศข้างหลังเสิ่นเทียนไหลเวียนอย่างบ้าคลั่ง พลังวนเวียนหนาทึบ แสงสว่างเรืองรอง
มีร่างเงาทั้งหมดเก้าร่างเดินออกมาจากข้างหลังเสิ่นเทียน
หน้าตาพวกเขาคล้ายกับเสิ่นเทียน กลิ่นอายพลังน่ากลัว หมุนม้วนฟ้าดินพร้อมกับปรากฏการณ์มากมาย
เพียงแต่ว่าร่างเงาพวกนี้สำแดงวิชาต่างกัน บ้างสำแดงคัมภีร์จักรพรรดิเทพสวรรค์ บ้างสำแดงคัมภีร์จักรพรรดิมังกรแท้ บ้างสำแดงคัมภีร์จักรพรรดิเทพหงส์…
แต่ทุกร่างเงามีกำลังรบแข็งแกร่งถึงที่สุด
นี่ก็คือบทต้องห้ามคัมภีร์จักรพรรดิดึกดำบรรพ์…จำแลงกายสรรพสัตว์
วิชานี้ไร้เหตุผลที่สุด สามารถอัญเชิญร่างแยกที่มีศักยภาพคล้ายๆ ตนแต่ควบคุมพลังที่ต่างกันออกมาได้!
นี่คือวิชาเทพจู่โจมประสาน
โดยเฉพาะผู้ฝึกคัมภีร์จักรพรรดิมากมายอย่างเสิ่นเทียน จะมีประสิทธิภาพแกร่งที่สุด!
ทุกร่างแยกสำแดงหนึ่งวิชาจักรพรรดิ จากนั้นกระตุ้นกำลังรบของเสิ่นเทียนทั้งหมด ยกระดับขึ้นสูงสุด
จะว่าไป ร่างแยกยังแยกร่างต่อได้หรือรึ ไร้เหตุผล สร้างได้ไม่จำกัดเลย!
เสิ่นเทียนถอนหายใจ สมกับเป็นจักรพรรดิอันดับหนึ่งของห้าดินแดน สุดยอดจริงๆ
วิชาโกงเช่นนี้ยังสร้างออกมาได้
อีกทั้งคัมภีร์จักรพรรดิส่วนนี้ยังสร้างมาเพื่อเสิ่นเทียน!
แม้คัมภีร์เทพโลหิตจะรวมร่างแยกได้ แต่บุตรเทพโลหิตจะมีพลังส่วนหนึ่งของร่างจริง
แต่ร่างแยกที่รวมมาจากจำแลงกายสรรพสัตว์มีกำลังรบแข็งแกร่ง แต่ต้องใช้พลังกฎเกณฑ์มหาศาลผูกมัด ไม่อาจอยู่ได้นาน
ทว่าก็สร้างร่างแยกมาปิดล้อมคู่ต่อสู้ในพริบตา และที่สำคัญกว่านั้นคือร่างแยกก็ยังใช้ได้
กล่าวได้ว่าสองวิชานี้สูสีกัน ทั้งยังเกื้อหนุนกันได้
เมื่อประสานกันแล้วจะเรียกได้ว่าบ้าที่สุด!
…..
จักรพรรดิฮวงสือมุมปากกระตุก เขาไม่นึกเลยว่าเสิ่นเทียนจะตระหนักคัมภีร์จักรพรรดิดึกดำบรรพ์เร็วขนาดนี้ กระทั่งจำแลงกายสรรพสัตว์ยังเรียนได้แล้ว ไม่มีเหตุผลเลย
จักรพรรดิฮวงสือสร้างจำแลงกายสรรพสัตว์ขึ้น เดิมทีเพราะเคยเรียนและชำนาญคัมภีร์จักรพรดิหลายวิชา คิดว่ายากจะหลอมรวมกันได้
และวิชาลับจำแลงกายสรรพสัตว์จะกระตุ้นวิชาพวกนี้ออกมา กำลังรบเพิ่มขึ้นอย่างมาก!
จากในบางระดับ ถือว่าเป็นร้อยแม่น้ำรวมเป็นมหาสมุทร
ทว่าเจ้าหนูเสิ่นเทียนบ้ายิ่งกว่า ไม่อยากเชื่อว่าจะฝึกคัมภีร์จักรพรรดิมากมายขนาดนี้ถึงระดับสุดยอด
ดังนั้น ร่างแยกที่เสิ่นเทียนสร้างด้วยจำแลงกายสรรพสัตว์จึงมีกำลังรบน่าสะพรึงอย่างยิ่ง!
ถึงอย่างไรก็หนึ่งคัมภีร์จักรพรรดิหนึ่งร่างแยก เก้าร่างแยกก็เท่ากับตัวเองฉบับอ่อนแอเก้าคน
ตอนวิวาทกับคนอื่น จู่ๆ ก็เรียกน้องเก้าคนออกมารุมกระทืบ ต่อให้แข็งแกร่งอย่างจักรพรรดิฮวงสือก็ยังขนหัวลุกนิดๆ
เจ้าหนูนี่บ้ามาก!
หากเป็นคนอื่น แม้จะให้คัมภีร์จักรพรรดิกับพวกเขาหลายสิบวิชา ก็ไม่มีทางกินได้หมด
ถึงอย่างไรถึงคัมภีร์จักรพรรดิก็มากพอจะทำให้โอรสสวรรค์สุดยอดในห้าดินแดนต้องศึกษาเป็นร้อยเป็นพันปี การจะฝึกควบคัมภีร์จักรพรรดิทั้งเก้าจนถึงขั้นแปลงเป็นร่างแยกได้นั้น
สารภาพตามตรง ต่อให้เป็นจักรพรรดิฮวงสือเองก็อาจจะทำไม่ได้
และที่สำคัญกว่านั้นคือจนถึงตอนนี้จักรพรรดิฮวงสือยังไม่แน่ใจเลยว่านี่คือขีดจำกัดของเสิ่นเทียนแล้วหรือไม่!
แต่ก็น่าจะไม่มีทางมากกว่านี้แล้ว…กระมัง!
……
“อาสือ ข้าฝึกสำเร็จแล้ว!”
เสิ่นเทียนลุกขึ้น มองจักรพรรดิฮวงสือด้วยความดีใจ
“มะ…ไม่เลว! พรสวรรค์เจ้าแกร่งมาก พอๆ กับข้าตอนยังหนุ่มเลย”
จักรพรรดิฮวงสือดูเหมือนสงบนิ่ง แต่ในใจไม่อาจสงบลงได้แล้ว
เสิ่นเทียนสร้างความตกตะลึงกับเขามากเกินไปจริงๆ
เสิ่นเทียนพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนพูดพึมพำ “ดูท่าแซ่เสิ่นยังไม่แกร่งพอ!”
จักรพรรดิฮวงสือเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด ตอนหนุ่มย่อมใช้พลังไร้พ่ายกวาดล้างห้าดินแดน
แม้เสิ่นเทียนจะสุขุม แต่ก็หวังว่าจะได้เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในห้าดินแดนคนหนึ่ง
เส้นทางเซียนยาวไกล ข้ายังต้องพยายามอีก!
จักรพรรดิฮวงสือพูดไม่ออก
เขาย่อมได้ยินคำพูดเสิ่นเทียน มุมปากกระตุกขึ้นมานิดๆ
ข้าแค่พูดเล่นเท่านั้นเอง เจ้าหนูนี่ยังไม่แกร่งพออีกรึ อยากขึ้นฟ้าไปเลยรึ
จักรพรรดิฮวงสือมอบท้อเซียนอมตะให้เสิ่นเทียน ก่อนจะกำชับสบายๆ แล้วไล่เขาออกไป ขืนให้เขาอยู่ต่อไป หัวใจข้าคงต้านไว้ไม่ไหวแน่!
เจ้าหนูนี่เป็นปีศาจเกินไป!
……
“กลับมาแล้วหรือ”
“กลับมาแล้ว”
“ได้ของมาไม่น้อยเลยนะ”
“เป็นเพราะร่างหลักเจ้าควบคุมได้ดี”
“ที่ไหนกันๆ เป็นเพราะหน้าตาดีต่างหาก”
หลังถอยออกจากแดนมายารกร้างกลับมายอดเขาวิญญาณที่สอง เสิ่นเทียนมีความสุขมาก
ครั้งนี้ได้กลับมาเต็มๆ เลย!
ไม่ใช่แค่ทะลวงพลังบำเพ็ญ แต่ยังได้คัมภีร์จักรพรรดิเล่มหนึ่ง อาวุธมหาอริยะชิ้นหนึ่งกับสมุนไพรจักรพรรดิอมตะอีกต้น
ครั้งนี้ไม่เสียเที่ยวเลย!
ตอนนี้เองเสิ่นเทียนได้รับสารจากจางอวิ๋นซี
บอกว่าองค์ชายราชันใต้กับเหนือ หรือก็คือสือหลิงกับสือขุยมาขอพบ
ก่อนหน้านี้ในแท่นวิหคทองแดง สองคนสู้กับพวกเสิ่นเทียน ต่อมาขจัดความขัดแย้งกันก็ถือว่าเป็นสหายกัน
สององค์ชายเข้ามา หวังว่าจะเป็นผู้นำทาง แนะนำสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยกับทุกคน
เสิ่นเทียนย่อมไม่ปฏิเสธ เขาก็แปลกใจกับสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยของราชวงศ์เซียนดินแดนกลางเช่นกัน
เพียงแต่เพิ่งเข้าตำหนักศึกษามาก็ถูกส่งไปโลกเล็กแดนเทวา ไม่มีโอกาสเลย
เมื่อคิดได้ดังนั้นเสิ่นเทียนก็กลอกตา ร่างแยกหลอมรวมเข้าไปในร่างหลัก
ดูท่าพี่น้องกุยช่ายพวกนั้นก็น่าจะดีกันแล้ว
ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะผูกมิตรกับบุตรแห่งมหาโชคทุกคน
พอคิดถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนก็เดินไปยังรอบนอกยอดเขาวิญญาณลูกที่สอง ไม่นานก็เห็นโอรสสวรรค์ดินแดนบูรพากับสององค์ชายสือหลิงสือขุยที่เป็นมิตรกันแล้วโน!วลกูดoทคอม
“สหายเสิ่น ไม่ได้เจอหลายวัน ยังคงสง่างามเหมือนเดิมเลย!”
สือหลิงสือขุยเห็นเสิ่นเทียนปรากฏตัวก็ตาเป็นประกาย รีบเดินเข้ามา
เสิ่นเทียนยิ้ม “สององค์ชาย ครั้งนี้ขอบคุณที่ให้การต้อนรับมาก!”
สือหลิงสือขุยพลันยิ้มแย้ม “ที่ไหนกันๆ! สหายเสิ่นสมกับเป็นยอดอัจฉริยะจากสวรรค์ ไม่อยากเชื่อว่าจะเอายอดเขาวิญญาณลูกที่สองมาได้”
เมื่อเห็นเสิ่นเทียนลงมาจากยอดเขาลูกที่สอง พวกเขาก็ทำหน้าตกใจระคนชื่นชม
สององค์ชายแอบคิดโชคดีในใจ ดีที่ก่อนหน้านี้แพ้ก่อนไม่ได้สู้กับสหายเสิ่น ไม่เช่นนั้นพวกเขาสองคนร่วมมือกันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ คงจะถูกกระทืบแน่นอน!
สหายเสิ่นมีพรสวรรค์สูงสุด เกรงว่าคงมีเพียงน้องเทียนจื่อที่สู้กับเขาได้กระมัง!
ไม่รู้ว่าสองคนสู้กันแล้วใครจะแกร่งกว่ากัน
อืม ดูจากผลงาน…
น่าจะเป็นน้องเทียนจื่อแกร่งกว่ากระมัง!
…..
แต่ไม่ว่าสหายเสิ่นหรือน้องเทียนจื่อใครจะแกร่งกว่ากัน ก็ไม่ใช่คนที่พวกเขาสองคนจะล่วงเกินได้
สือหลิงพูดเสนอ “สหายเสิ่น ตอนนี้พวกเราไปเที่ยวชมสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยกันดีกว่า”
เสิ่นเทียนพยักหน้า “ก็ดี!”
ทุกคนออกจากโลกเล็กแดนเทวา มุ่งหน้าไปยังสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ย
สำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยหลักอยู่ในโลกอิสระที่ใหญ่กว่าและมั่นคงยิ่งกว่า
ที่นี่รวมโอรสสวรรค์ห้าดินแดน นอกจากศิษย์ใหม่รุ่นนี้แล้วยังมีศิษย์ทุกรุ่นที่มีกลิ่นอายพลังแข็งแกร่งมากมาย กระทั่งในนั้นยังมีโอรสสวรรค์เผ่าอสูรไม่น้อย รวมเป็นพลังอสูรต่างๆ ตัดสลับกันไปมา
“ไม่อยากเชื่อว่าที่นี่จะมีโอรสสวรรค์เผ่าอสูรด้วย!”
“อีกทั้งดูแล้ว คนกับเผ่าอสูรดูจะอยู่ด้วยกันดีไม่ใช่หรือ”
“อืม คนกับอสูรพบปะกัน ไม่ได้เจอหน้ากันก็เอาแต่เข่นฆ่ากัน นี่ถือว่าดีมากเลย”
……
ศิษย์ใหม่จากดินแดนบูรพาแปลกใจนิดๆ
ต้องรู้ว่าเผ่าอสูรกับเผ่าปีศาจไม่เป็นมิตรกันมาตลอด
ถึงอย่างไรความต่างของเผ่าพันธุ์ก็ไม่ได้ลบล้างกันง่ายขนาดนั้น
สองฝ่ายในห้าดินแดนต่างครองเขตแดนต่างกัน ไม่ได้จะละเมิดกันง่ายๆ มีเพียงสถานการณ์ส่วนน้อยยิ่งที่คนกับอสูรจะร่วมมือกัน หรือสร้างความสัมพันธ์มิตรภาพกัน
นี่คือกฎที่ผู้แข็งแกร่งสุดยอดของสองฝ่ายกำหนดขึ้น ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดมหาสงครามระหว่างเผ่ามนุษย์และเผ่าอสูรได้ง่ายๆ!
สือหลิงอธิบายด้วยรอยยิ้ม “สำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยไม่มีแบ่งแยกเผ่าพันธุ์ ศักยภาพตรงตามเงื่อนไขก็จะเข้าได้ แต่ปรมาจารย์สำนักศึกษาก็นึกถึงปัญหาข้อนี้เช่นกัน จึงแบ่งสำนักศึกษาออกเป็นสองเขตใหญ่
หนึ่งคือสำนักมนุษย์ที่มีแต่โอรสสวรรค์เผ่ามนุษย์ อีกที่คือสำนักอสูรที่มีแต่โอรสสวรรค์เผ่าอสูร! สองสำนักใหญ่จะมีผู้สูงศักดิ์สวรรค์และผู้อริยะจากทุกเผ่าชี้แนะ จะข้ามสำนักมาชี้แนะน้อยมาก
ศิษย์เผ่าอสูรที่พวกเราเห็นเป็นศิษย์ของสำนักอสูรทั้งนั้น! แบบนี้ถึงจะแก้ไขความขัดแย้งของสองเผ่าได้ในขีดจำกัดสูงสุด และยังสอนศิษย์ตามความสามารถของศิษย์ได้!”
สือหลิงเป็นองค์ชายราชันใต้ ทั้งยังเป็นศิษย์รุ่นก่อนจึงเข้าใจในตรงนี้มาก
ทุกคนพยักหน้า แอบอุทานว่าสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยมีศักยภาพแฝงลึกล้ำยิ่ง แม้แต่เรื่องเช่นนี้ยังแบ่งแยกจัดการได้ดี
ถึงอย่างไรความขัดแย้งระหว่างเผ่าอสูรกับเผ่ามนุษย์ก็มีมานาน แต่ก็ยังแก้ไขไม่ได้เลย
สำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยทำให้สองฝ่ายไม่รุกรานกันได้ นับว่าหาได้ยากมาก
“แม้สองเผ่ามนุษย์กับอสูรจะแยกกัน แต่โอรสสวรรค์ของสองสำนักก็ประลองฝีมือกันตลอด แอบปะทะกันลับๆ”
สือหลิงส่ายหน้า โอรสสวรรค์เผ่าอสูรไม่ได้หยุดง่ายขนาดนั้น
ทุกคนเดินหน้าต่อไป หลังชมทิวทัศน์ส่วนใหญ่แล้วก็มาถึงสำนักมนุษย์
สือขุยเดินเข้าไป “ที่นี่คือที่รวมตัวของโอรสสวรรค์เผ่ามนุษย์ ภายภาคหน้าพวกเจ้าก็จะมาฝึกบำเพ็ญที่นี่”
นั่นเป็นเขตแดนที่ใหญ่โตยิ่ง เต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างต่างๆ และยังมีโอรสสวรรค์แข็งแกร่งมากมายกำลังฝึกบำเพ็ญ
ที่นี่มีมากมายหลากหลาย สถานฝึกบำเพ็ญมีไม่ขาด ทำให้เสิ่นเทียนตาลายนิดๆ
สือหลิงอธิบาย “สำนักมนุษย์นั้น นอกจากศาสตร์บำเพ็ญที่แน่นอนแล้ว ยังแบ่งเป็นเขตมากมาย! อย่างเช่นสำนักศึกษาหลอมโอสถ สำนักศึกษาหลอมอาวุธ สำนักศึกษาค่ายกลเป็นต้น เสนอทางเลือกให้กับศิษย์ที่อยากเรียนวิชาเสริม
และในสำนักมนุษย์ยังมีแดนผาสุกบำเพ็ญบางส่วน เช่นหอสัพยุทธ์ ปราการหยกใจสวรรค์ เวทีประลองสุญญะเป็นต้น! พวกนี้คือแดนผาสุกที่แข็งแกร่ง เพิ่มศักยภาพได้เร็วที่สุด”
สำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยมีระบบที่สมบูรณ์แบบมาก ถือว่าพัฒนาได้ทุกด้าน
ที่โอรสสวรรค์ห้าดินแดนเฝ้าใฝ่หาที่นี่ก็เพราะสถานบำเพ็ญที่นี่เหนือกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่!
พอได้ฟังสือหลิงกับสือขุยแนะนำ โอรสสวรรค์ดินแดนบูรพาก็ใจสั่นขึ้นมา เตรียมเลือกหาสถานบำเพ็ญที่ตนสนใจ
แต่ตอนที่พวกเขาเข้าไปถึงพบว่าทุกสถานบำเพ็ญจะต้องจ่ายแต้มศึกษาถึงเข้าไปได้!
ศิษย์ส่วนใหญ่เป็นศิษย์ใหม่ ยังไม่เคยทำภารกิจสำนักศึกษา ย่อมไม่มีแต้มศึกษา จะมีเพียงโอรสสวรรค์ใหม่ที่เปิดยอดเขาวิญญาณสามสิบหกลูกได้ถึงจะมีแต้มศึกษา
เวลานี้ คนมากมายต่างร้องโอดโอยด้วยความคับแค้นใจ
“เรื่องแต้มศึกษา นอกจากภารกิจที่สำนักศึกษาแจกจ่ายแล้ว ยังใช้การหลอมโอสถ หลอมอาวุธหรือล่าสัตว์อสูรมาขายให้สำนักศึกษา แลกเป็นแต้มศึกษาได้”
สือขุยอธิบายด้วยรอยยิ้ม สิ่งเหล่านี้สำนักศึกษามีไว้เพื่อขัดเกลาศิษย์ ยกระดับศักยภาพ!
ไม่เช่นนั้นทุกคนเอาแต่ก้มหน้าฝึกหนัก แต่ไม่มีประสบการณ์ ก็จะได้ไม่คุ้มเสีย!
อีกทั้งแต้มศึกษายังปลุกเร้าให้ศิษย์หมั่นหาแต้มศึกษา วนเวียนไปเป็นวัฏจักร ก็ยังสร้างผู้แข็งแกร่งได้ง่ายขึ้น!
ทุกคนพลันเข้าใจแล้ว จึงเกิดไฟลุกขึ้นมาในใจทันที
สำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยสมกับเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์บำเพ็ญจริงๆ ทำให้ทุกคนฮึดสู้ขึ้น อยากได้แต้มศึกษา!
……
ทุกคนเดินหน้าต่อไปในที่สุดก็มาอยู่หน้าศิลาโบราณแห่งหนึ่ง
นั่นเป็นศิลาใหญ่เก้าจั้ง สร้างขึ้นด้วยทองวิญญาณฟ้าดิน มีแสงเทพวนเวียนหนาทึบ
บนศิลาโบราณเป็นตัวอักษะฉวัดเฉวียนเหมือนมังกรเล็ก บันทึกนามกับเรื่องราวเกียรติยศของบางคน
มีคนถามด้วยความแปลกใจ “นี่คือ”
สือขุยตอบ “นี่คือรายนามโอรสสวรรค์ของสำนักศึกษา บันทึกรายนามศักยภาพกับเรื่องราวเกียรติยศของศิษย์ผู้โดดเด่น!”
รายนามโอรสสวรรค์คือการจัดอันดับผู้แข็งแกร่งในโอรสสวรรค์สำนักมนุษย์
ศักยภาพแข็งแกร่งหรือเคยสร้างคุณูปการให้สำนักศึกษาก็จะได้รับเกียรติบันทึกลงในรายนามโอรสสวรรค์!
ทุกคนพลันแปลกใจ พากันมองเข้าไป
พวกเขาก็อยากรู้ว่าโอรสสวรรค์สำนักมนุษย์มีใครสุดยอดบ้าง!
อันดับหนึ่งในรายนามโอรสสวรรค์คือสือเทียนจื่อ!
สือเทียนจื่อ
พลังบำเพ็ญ ‘ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตอนกลาง’
เกียรติยศ ‘กำปั้นเดียวสังหารอริยะแท้สี่ด่านเคราะห์แห่งลัทธิวิญญาณร้าย’
อันดับสองรายนามโอรสสวรรค์ ‘ท่านเซียนชิงเยว่!’
พลังบำเพ็ญ ‘ผู้อริยะเคราะห์แรก!’
เกียรติยศ ‘กำราบอริยะแท้สี่ด่านเคราะห์แห่งลัทธิวิญญาณร้าย!’
……
เมื่อเห็นข้อมูลในรายนามโอรสสวรรค์ โอรสสวรรค์ทุกคนใจสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
สือเทียนจื่อแข็งแกร่งจริงๆ เพิ่งเข้าสำนักศึกษาก็เป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งในสำนักมนุษย์แล้ว
สือเทียนจื่อมีชื่อเสียงเลื่องลือ ก่อนเข้าสำนักก็ติดตามฝึกฝนกับจักรพรรดิฮวงสือ สำเร็จเป็นผู้สูงส่งสูงสุดหนุ่ม
ดังนั้นเมื่อเขาเข้ามาย่อมได้รับเกียรติยศสูงสุด!
สือหลิงพูดปลง “น้องเทียนจื่อมีกำลังรบเป็นหนึ่ง เล่าลือว่าเขาสังหารอริยะแท้ลัทธิวิญญาณร้ายได้สบายมาก สังหารได้ในพริบตา! ไม่มีใครจินตนาการได้ว่าศักยภาพสูงสุดของเขาแกร่งเพียงใด!”
สือเทียนจื่อเป็นหน้าเป็นตาของราชวงศ์เซียนต้าฮวง สององค์ชายต่างภูมิใจในตัวเขา
โอรสสวรรค์ทุกคนตกตะลึงในใจรุนแรงขึ้นไปอีก
แต่พวกเขาก็เบนสายตามามองเสิ่นเทียนตามจิตใต้สำนึก
ไม่รู้ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับสือเทียนจื่อใครจะแกร่งกว่ากัน
ทุกคนแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนเสิ่นเทียนแค่ยิ้มเบาๆ ไม่ได้สนใจอะไรมาก
ถึงอย่างไรเขาก็รู้ถึงกำลังรบของสือเทียนจื่อชัดเจนที่สุด ก่อนหน้านี้ไม่นานสองคนเพิ่งประมือกัน สู้กันมันมาก~
อืม สือเทียนจื่อสู้กับร่างแยกเขาได้มันมาก~
…..
จากนั้นทุกคนก็มองไปที่ท่านเซียนชิงเยว่ในอันดับสอง
สือขุยอธิบายต่อ “ท่านเซียนชิงเยว่เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่เจ็ดของแดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยก! นางมีกายศักดิ์สิทธิ์จันทรา แม้จะไม่ชื่นชอบการต่อสู้ แต่ก็มีศักยภาพแข็งแกร่งอย่างยิ่ง!
ในสำนักมนุษย์ ผลการรบของนางเป็นรองเพียงสือเทียนจื่อ เป็นผู้แข็งแกร่งอันดับสอง!”
เมื่อเอ่ยถึงท่านเซียนชิงเยว่ ในแววตาสือขุยมีความรักและเคารพขึ้นมา เหมือนยอมสยบแล้ว
ทุกคนจิตใจไม่นิ่งเช่นกัน แดนศักดิ์สิทธิ์ธารหยกถือว่าเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นยอดของดินแดนบูรพา ไม่นึกเลยว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์รุ่นเจ็ดจะแกร่งขนาดนี้ ติดอันดับสองสำนักมนุษย์!
แต่สตรีศักดิ์สิทธิ์ธารหยกรุ่นนี้เหมือนจะมีธุระ จึงไม่ได้ตามทุกคนมา
มีคนถามด้วยความแปลกใจ “สำนักมนุษย์มีรายนามโอรสสวรรค์ เช่นนั้นสำนักอสูรก็ต้องมีใช่หรือไม่”
เผ่าอสูรมีศักยภาพแฝงแข็งแกร่ง ต้องมีคนที่มีสุดยอดพรสวรรค์ปรากฏมาแน่นอน!
สือหลิงพยักหน้า “ผู้แข็งแกร่งที่สุดของสำนักอสูรคือนายน้อยของเผ่าวานรอัคคีเนตรทอง…ฉีจ้าน เขามีสายเลือดวานรอริยะสัประยุทธ์ที่เหนือกว่าบรรพบุรุษ กำลังรบเป็นหนึ่ง กำลังจะฝ่าด่านเคราะห์เป็นผู้อริยะ!
เคยฉีกอริยะแท้ห้าด่านเคราะห์มาแล้ว กระทั่งจักรพรรดิฮวงสือยังรับเป็นศิษย์ในนาม ชื่อเสียงเป็นรองเพียงสือเทียนจื่อ แต่ยังเหนือกว่าท่านเซียนชิงเยว่!”
เมื่อเอ่ยถึงโอรสสวรรค์เผ่าอสูร สือหลิงก็มีสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่าเมื่อก่อนคงเสียเปรียบให้กับโอรสสวรรค์สำนักอสูรไม่น้อย
ทุกคนถึงกับร้องอุทาน ไม่นึกเลยว่าเผ่าอสูรจะมีโอรสสวรรค์แกร่งเช่นนี้!
ใช้พลังบำเพ็ญจุดสูงสุดผู้สูงศักดิ์สวรรค์ฉีกอริยะแท้ห้าด่านเคราะห์ น่ากลัวจริงๆ!
ดีที่ในศิษย์รุ่นนี้มีสือเทียนจื่อกับบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กำราบไว้ ไม่เช่นนั้นคงกดไม่อยู่จริงๆ!
…..
“ไม่ใช่แค่นั้น ได้ยินว่าสำนักอสูรรุ่นนี้ก็มีหน่ออ่อนเข้ามามากมายเช่นกัน! องค์หญิงน้อยเผ่าหงส์เฟิ่งอู่ องค์ชายน้อยเผ่ามังกรเอ๋าอู ข่งเมิ่งแห่งเผ่านกยูง อู่เต๋อแห่งเผ่าเทพเต่าดำและยังมีจินอวี่แห่งเผ่าพญาเผิงปีกทองเป็นต้น พวกนี้ถือว่าเป็นสุดยอดในโอรสสวรรค์เผ่าอสูรทุกรุ่นที่ผ่านมา”
สือหลิงแนะนำต่อ เขาลงนามสัญญากับเผ่าพญาเผิงปีกทอง จึงเข้าใจในข้อมูลเผ่าอสูรมาก
ทุกคนตกตะลึงในใจ โอรสสวรรค์พวกนี้คือบุคคลระดับสุดยอดในเผ่าอสูร ย่อมมีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา
โอรสสวรรค์มากมายขนาดนี้เข้าสำนักอสูร จะต้องเพิ่มศักยภาพให้สำนักอสูรแน่นอน!
สือขุยยิ้ม “แต่เทียบกับโอรสสวรรค์รุ่นนี้ของสำนักมนุษย์เราแล้ว ยังห่างกันมาก! รุ่นนี้ของเราไม่ใช่แค่มีสี่อัจฉริยะเทพสวรรค์ แต่ยังมีสุดยอดโอรสสวรรค์อย่างสหายฉีและสหายหวัง!
น้องเทียนจื่อกับสหายเสิ่นเข้ามา ยิ่งดึงสำนักมนุษย์เราให้ถึงฝ้าเพดาน! กับอีแค่สำนักอสูรเล็กๆ ต่อให้มีศิษย์ใหม่เข้ามามากกว่านี้ก็เป็นเพียงเมฆลอย ไม่ต้องกลัวเลย!”
….
เมื่อก่อน ฉีจ้านแกร่งกว่าท่านเซียนชิงเยว่ไปไกล
สำนักมนุษย์กับสำนักอสูรแห่งสำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยประชันกัน ส่วนใหญ่สำนักมนุษย์จะเสียเปรียบ
แต่ตอนนี้มีสือเทียนจื่อกับเสิ่นเทียนเข้ามา ศักยภาพของสำนักมนุษย์จึงสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ในมุมมองของสือหลิงกับสือขุย สำนักมนุษย์เราควรจะผงาดขึ้นมาได้แล้ว!
สำนักศึกษาหลวงจี้เซี่ยผู้ยิ่งใหญ่ จะไปยอมให้พวกปีศาจโอหังเช่นนี้ได้อย่างไร